
ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 11 : เสียงที่คุ้นเคย
โดย : เอมอักษร
ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง นวนิยายรางวัลรองชนะเลิศกับนิยายดราม่าคอเมดี้จากโครงการอ่านเอาก้าวแรก ปี 5 โดย เอมอักษร เรื่องราววุ่นๆ ของหญิงสาวที่คิดว่าตัวเองโชคร้ายทุกด้านจนขอฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่ไหงแค่นอนหลับไปวิญญาณก็ออกจากร่าง เธอจึงต้องลุกขึ้นมาหาวิธีกลับเข้าร่าง หาฆาตกรให้ทันเวลาที่เหลือน้อยลงทุกที
เสียงเปิดประตูดังแกร็ก บิดาเดินนำคณะตำรวจออกมาจากบ้าน มีกิ่งแก้วเดินตามมาติดๆ สีหน้าภาคภูมิยิ่งหมองคล้ำซีดสลดกว่าเดิม
“เป็นอันว่า” พันตำรวจตรีสุรชาติเอ่ยกับเจ้าของบ้านด้วยเสียงขรึม “กล้องวงจรปิดในบ้านใช้งานไม่ได้ทุกตัว คัตเอาต์ในตู้ควบคุมไฟโดนยกลงหมด ถ้าดูจากเมมโมรี่สุดท้ายในกล้องคือเกือบสองเดือนมาแล้วนะครับ”
“ผมไม่ได้ตรวจเช็กเองครับ” ภาคภูมิเอ่ยเสียงแห้ง “ทั้งผมกับภรรยามีแอปไว้เปิดดูกล้อง แต่ก็…ผมคิดว่าภรรยาคงดูอยู่ประจำ ไม่มีอะไรผิดปกติ ผมเลยไม่ได้เปิดเช็กมานานแล้ว แต่ยืนยันได้ว่าผมไม่ได้เป็นคนไปยกคัตเอาต์ลงแน่ๆ”
“เรื่องกล้องนับว่าผิดปกติครับ คงต้องตั้งสมมติฐานน่าสงสัยไว้ก่อน ระหว่างรอผลพิสูจน์หลักฐานจากสถานที่เกิดเหตุและข้าวของของคุณเจิดจันทร์ในห้อง รวมถึงผลตรวจร่างกายและผลเลือดของเธอด้วย” ตำรวจหนุ่มใหญ่ถอนหายใจ “ทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้งอะไรเพิ่มไหมครับ”
ภาคภูมิส่ายหน้า
“ผมจะนัดสอบปากคำทุกคนในบ้านอีกครั้งนะครับ” พันตำรวจตรีสุรชาติกล่าวอย่างเป็นงานเป็นการ ก่อนอำลาเจ้าบ้าน และพยักหน้าให้ลูกน้องทุกคนเดินออกไป
เจิดจันทร์ตามติดไปทันที พอเดินตัดสนามหน้าบ้านไปได้ครึ่งทาง ก็ได้ยินตำรวจลูกทีมกระซิบกันแผ่วเบา
“ไม่รู้ดูแลบ้านกันยังไง กล้องถูกตัดไฟสองเดือนไม่มีใครรู้เรื่อง”
“เฮียเขาก็ซัดเมียอย่างเดียว อะไรๆ ก็คิดว่าภรรยาผมเป็นคนดูยันเต ถามเรื่องลูกสาว ก็ตอบไม่ค่อยจะได้”
“เฮ้ย พอๆ” ลูกพี่ใหญ่หันมาปราม “ยังไงตระกูลเขาก็เคยอุปภัมภ์สอนอเรามาเยอะโว้ย ตั้งแต่รุ่นพ่อเขาโน่น คุณไกรน่ะ สปอร์ตมาก บริจาคแอร์ทั้งตึก ทุนการศึกษาลูกหลานตำรวจไม่อั้น ข้าเองก็เคยรับทุนจากเขา”
ผู้หมวดหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ “พี่เลยรีบมาดูที่เกิดเหตุให้ใช่ไหมฮะ ทั้งที่ลูกสาวเขาก็ยังไม่แจ้งตาย แต่ แหม…คงรอดยากนะพี่ ที่ยังอยู่เพราะใช้เครื่องพยุงไว้แหละมั้ง”
“ใครจะรู้พี่” สิบตำรวจโทหนุ่มน้อยออกความเห็นบ้าง “ผมฟังเดอะโกสต์บ่อยๆ ตอนเข้าเวร มีเพียบเลยนะฮะที่คนตายแล้วฟื้น เล่าว่ายมบาลมารับผิดคนมั่ง บางคนวิญญาณออกจากร่างชั่วคราว ถ้ามาเข้าร่างทันก็ฟื้น บางคนมาชักกระตุกลืมตาอีตอนจะส่งเข้าเมรุแล้วก็มี”
“เฮ้ยๆ เวอร์ไปละ ถ้าตายขนาดนั้นยังฟื้น ไม่น่าใช่คนแล้ว” ลูกพี่หันมาปรามอีกรอบ ก่อนเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น “อย่ามัวแต่พูดเล่น เดี๋ยวไปแวะโรงพยาบาลกันก่อนกลับสอนอ น่าจะได้เบาะแสอะไรบ้าง พี่ว่างานนี้กลิ่นทะแม่งๆ”
เจิดจันทร์หูผึ่ง ตำรวจกลุ่มนี้กำลังจะไปโรงพยาบาลที่ร่างของเธออยู่ ตอนนี้เธอกระหายจะได้เห็นร่างของตนเองเต็มทีแล้วว่ามีสภาพเป็นอย่างไรบ้าง และถ้าเธอยังไม่ตาย ก็อาจจะหาทางเข้าร่างได้ทันเวลาอย่างที่ตำรวจหนุ่มน้อยคนนั้นพูด เจิดจันทร์เองก็เป็นแฟนทั้งเดอะโกสต์ เดอะช็อค คนอวดผี สารพัดรายการ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าคนตายแล้วฟื้นมีได้ถมไป ถ้าร่างไม่ถูกทำลายไปซะก่อน
หญิงสาวเกิดกำลังใจจนกระปรี้กระเปร่า เดินละล่องตามติดกลุ่มนายตำรวจที่ผลักประตูรั้วออกไปยังรถเก๋งที่จอดหน้าบ้าน
“เปรี๊ยะ…” คล้ายเสียงไฟชอร์ตกะทันหัน เจิดจันทร์สะดุ้งสุดตัว แล้วพบว่าตัวเองกระเด็นกลับไปนอนอยู่หลังบานประตู แสบแปลบไปทั้งร่าง
เป็นความแสบร้อนที่ราวกับโดนไฟดูดและไฟเผาคละเคล้ากัน เจิดจันทร์อ้าปากค้างอย่างงุนงง มองเห็นตำรวจสามนายขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว กำลังจะเคลื่อนรถออกจากหน้าบ้าน
เจิดจันทร์ผวาลุกขึ้นตาม แต่ชะงักเมื่อเดินมาถึงประตูรั้ว ความแสบบาดลึกยังไม่จาง จนต้องค่อยๆ เอื้อมมือลองแตะไปที่ประตูรั้วอัลลอยเงาวับ
จริงดังที่สังหรณ์ ทันทีที่เอื้อมมือไปถึงคันโยกลูกบิด แรงกระตุกดังไฟดูดรุนแรงก็แผ่ซ่านเข้าร่างกาย หญิงสาวทดลองแตะไปที่รั้วด้านอื่นของบ้าน ก็เกิดอาการเดียวกัน
ท้ายรถเก๋งกำลังจะเคลื่อนลับออกไปจากซอย
“ไม่นะ” เจิดจันทร์ตะโกนลั่น กระโดดเร่าๆ อยู่หลังรั้ว “รอหนูด้วย คุณตำรวจ วู้ รอด๊วยยย ให้หนูไปด้วย หนูจะไปดูร่างตัวเอง หนูจะกลับเข้าร่าง…”
หญิงสาวทั้งวิ่งพล่าน ทั้งตะโกนสุดเสียง แต่เหมือนไม่มีความหมายใดๆ ไม่มีมนุษย์คนใดมองเห็นหรือได้ยินร่างโปร่งแสงที่ทั้งวิ่งทั้งตะโกนเหมือนคนบ้า
เสียงภาคภูมิร้องลั่นมาจากในบ้าน เจิดจันทร์ชะงัก หันไปเห็นบิดาวิ่งหน้าตาตื่นออกมาจากบ้าน
“คุณภูมิ เดี๋ยวก่อนค่ะ เดี๋ยวก่อน คุณเจิดเป็นอะไรคะ” กิ่งแก้ววิ่งตามพลางถามละล่ำละลัก
“ยัยเจิดไม่หายใจแล้ว” ภาคภูมิพูดทั้งน้ำตา กดรีโมตเปิดรั้วไฟฟ้ามือไม้สั่น ก่อนกระชากรถพรืดออกจากที่จอด
เจิดจันทร์อ้าปากค้าง ตัดสินใจวิ่งสุดฝีเท้ากระโจนตามหลังรถบิดา คราวนี้ไม่มีรั้วหรือประตูกั้นอยู่ตรงหน้า แต่…เพียงแค่เท้าแตะรางรั้ว หญิงสาวก็แสบแปลบยิ่งกว่าเดิม และกระเด็นกลับเข้ามาในเขตบ้านเหมือนเคย
เจิดจันทร์ตะกายลุกขึ้น ก่อนวิ่งตะลุยไปที่รั้วอีกครั้งอย่างบ้าบิ่น คำว่า “ยัยเจิดไม่หายใจ” ทำให้หญิงสาวสติแตก รู้เพียงอย่างเดียวว่าเธอต้องออกไปหาร่างตัวเอง และหาทางเข้าร่างให้ทันเวลาให้ได้
แต่แม้จะใช้วิธีกระโดดข้ามรางรั้ว เจิดจันทร์ก็ยังถูกมือที่มองไม่เห็นเหวี่ยงกลับลงพื้น พร้อมความแสบร้อนบาดลึกกระจายไปทั่วทั้งตัว
พยายามอยู่อีกสี่ห้าครั้ง จนเจิดจันทร์ปวดแสบปวดร้อน เรี่ยวแรงเหมือนโดนสูบหายไปเกือบหมด จากที่เดินต้องเปลี่ยนเป็นคลานไปที่รั้ว พยายามเอื้อมมือสั่นเทาไปแตะบานประตู คราวนี้ยังไม่ทันสัมผัส กระแสร้อนแรงก็ฟาดขวับเข้าที่มือจนน้ำตาไหลพราก
“ใครก็ได้ ช่วยหนูด้วย” เจิดจันทร์ปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น “ช่วยหนูที พ่อ แม่ ช่วยเจิดด้วย เจิดยังไม่อยากตาย ปู่ ย่า ตา ยาย ผีบ้านผีเรือน เจ้าที่เจ้าทาง ใครก็ได้ ช่วยหนูด้วย”
หลังจากพร่ำซ้ำๆ อยู่เป็นนานโดยปราศจากผล เจิดจันทร์ก็พยายามกระเสือกกระสนไปใกล้ประตูอีกครั้ง ทั้งร่างสั่นระริกอย่างบังคับไม่ได้ เพราะความปวดแสบปวดร้อนยังไม่จาง
ทันใดนั้นเอง ที่เสียงแหบพร่าดังมากระทบโสต
“พอเถอะยัยเจิด หนูยังออกไปไม่ได้หรอก”
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 11 : เสียงที่คุ้นเคย
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 10 : สืบอลหม่าน
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 9 : และแล้ววิญญาณ...ก็อลเวง
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 8 : วันวิกฤต
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 7 : คำอำลา
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 6 : เราสองสามคน
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 5 : เซอร์ไพรส์
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 4 : ฟางเส้นสุดท้าย
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 3 : ความกดดัน
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 2 : คนแรกของหัวใจ
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 1 : เจิดจันทร์