ภาพภพ บทที่ 4 : เมลิน
โดย : ฟารุต
ภาพภพ โดย ฟารุต เรื่องราวของช่างศิลปะชาวอิตาลีที่เข้ามาในช่วงปลายสมัย ร.5 และต้องมาเกี่ยวพันกับเด็กหนุ่มและหญิงชาวไทยจนเกิดเรื่องราวความรักที่ไม่สมหวังนำมาซึ่งความพยาบาทข้ามภพ ตัวละครหลายตัวได้กลับมาเกิดใหม่ แต่ตัวละครหลักที่ผูกจิตไว้กับความแค้นยังตามราวีจนถึงภพปัจจุบัน นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์
เจ้าของเสียงคือสาวสูงเพรียวในชุดเดรสสั้นเข้ารูปสีดำ อวดท่อนขาเนียนกลมกลึง คอเสื้อคว้านกว้างเห็นเนินเนื้อขาวผ่อง
“เมย์..” บุรฉัตรหันไปมองด้วยแววตาประหลาดใจ เจ้าของร่างเพรียวไม่รอคำเชื้อเชิญ วางกระเป๋าถือลงบนโต๊ะ ทรุดตัวลงนั่งชิดชายหนุ่ม มือตระหวัดเกี่ยวแขนเขาอย่างสนิทสนม
“แอบมาทานข้าว ไม่เห็นชวนเมย์เลย” ปลายเสียงกระเง้ากระงอด อเดลลาเห็นหล่อนปรายตามองมา “เดี๋ยวนี้ มีความลับกับเมย์แล้วเหรอบรู๊ค”
“เมย์ครับ” บุรฉัตรแกะแขนออกอย่างนุ่มนวล ขยับขึ้นนั่งตัวตรง อเดลลาเห็นแววเก้อเขินบนใบหน้าเขา
“ไม่รู้ละ ยังไง คืนนี้บรู๊คต้องแก้ตัว พาเมย์ไปนั่งรถเล่น” หญิงสาวสอดมือเกาะแขนอีก นิ้วเรียวระบายเล็บสีม่วงแต้มลายดอกไม้เล็กๆเกาแขนเสื้อชายหนุ่มเหมือนเด็กเล็กอ้อนอยากได้ของเล่น
“อเดลลาครับ นี่เมลิน เพื่อนของผม” ชายหนุ่มแนะนำก่อนจะหันไปทางหญิงสาวข้างตัว “นี่อเดลลา นักศึกษาทุนจากอิตาลี”
ดวงตาคมด้วยอายแชโดว์สีเข้ม ติดแผงขนตาหนาโฉบมองปราดเดียว อเดลลาสังเกตเห็นความเฉยชา แต่เธอก็เปิดรอยยิ้มทักทายก่อน
“สวัสดีค่ะ ยินดีมากที่ได้พบคุณเมลิน” คาดว่าเมลินน่าจะสูงวัยกว่าจึงยกมือไหว้ อีกฝ่ายยกมือรับไหว้แบบแกนๆ ตวัดหางตาแล้วเบนความสนใจไปยังชายหนุ่มข้างตัวต่อ
“ไปนะคะบรู๊ค ไปนั่งรถเล่นกันนะคะ นะคะ” หญิงสาวรบเร้า หน้าเง้างอน
“ผมยังไปไหนไม่ได้ครับเมย์” บุรฉัตรปฏิเสธ “อเดลลานัดผมมาเลี้ยงขอบคุณ แล้วเราก็เพิ่งเริ่มทานข้าว”
“ก็รีบๆทานสิคะ เมย์รอได้” เมลินตีหน้าเบื่อหน่าย ทิ้งแขนลงข้างตัว
“ไม่ได้ครับ ผมไม่รีบด้วยเหตุผลแบบนั้น” ชายหนุ่มเสียงเรียบ แต่อีกฝ่ายหน้าคว่ำ พานค้อนมาถึงอเดลลาด้วย
“แล้วเมย์มากับใครละ” เมลินสะดุ้งเล็กน้อย กลอกตาไปมาเหมือนพยายามนึกหาคำตอบ “มาคนเดียวเหรอครับ”
เมลินเงียบ บุรฉัตรจึงหันมาสนใจจานตรงหน้าต่อ อเดลลาลอบชำเลือง เครื่องสำอางซึ่งตกแต่งไว้อย่างประณีตไม่อาจกลบเกลื่อนริ้วรอยบึ้งตึงบนใบหน้าได้เลย
“ทานต่อเถอะครับ เดี๋ยวเย็นจะไม่อร่อย” เธอหันมายิ้มตอบบุรฉัตร
“มากับเอกค่ะ นั่งโต๊ะข้างหน้าโน่น” เจ้าของใบหน้าสะสวยเปิดปากพูดเมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกละเลย แต่น้ำเสียงยังห้วน อเดลลาเห็นแววตาชายหนุ่มวูบขึ้นเมื่อได้ยินชื่อที่เมลินเอ่ยถึง
“คุณจะทิ้งเอกไว้ที่นี่ แล้วไปกับผมน่ะเหรอ” น้ำเสียงของบุรฉัตรทำให้นึกถึงผู้ใหญ่กำลังตำหนิเด็กน้อย
“เอกเขาก็กลับเองได้นี่” เมลินเอ่ยด้วยเสียงคงเดิม หน้าง้ำลงไปอีก
“เอกมากับคุณ ผมเองก็มีแขกของผม จะให้เราทั้งคู่ทิ้งแขกของตัวเองไปแบบนี้ ผมว่ามันไม่เหมาะนะ” บุรฉัตรเสียงเข้ม เมลินเชิดหน้า ตาคมวับตวัดมาทิ้งรอยกร้าวให้ฝั่งตรงข้ามแวบหนึ่ง อเดลลายกแก้วน้ำขึ้นจิบ แสร้งไม่ใส่ใจ
“ไฮ คุณบรู๊ค” เสียงห้าวทุ้มเอ่ยทัก อเดลลาเพิ่งสังเกตเห็นว่าใครคนหนึ่งก้าวมาหยุดยืนข้างโต๊ะ เงยหน้าขึ้นมองเห็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง วัยไล่เลี่ยกับบุรฉัตร ใบหน้าเกลื่อนยิ้มนั้นคมเข้มแบบหนุ่มไทย ตาคมกริบแฝงแววแพรวพราวมองเลยมาจับนิ่งที่เอดลลา เธอสบตาครู่เดียวแล้วจึงเบนมามองบนโต๊ะ ไม่ได้กลัวเกรงหรือเขินอาย แต่รู้สึกไม่ชอบสายตาแบบนี้ แว่วเสียงบุรฉัตรตอบกลับไป
“สวัสดีเอกกมล”
แวบหนึ่งที่อเดลลาเห็นแววขวางในตาเมลินขณะเหลือบขึ้นมองผู้มาใหม่ แต่เพียงครู่เดียว หล่อนก็เปิดยิ้มได้ทันทีเหมือนมีสวิตช์ ทำทีเอ่ยทักเหมือนมองไม่เห็นตั้งแต่แรก
“อ้าว เอกมาตามเมย์เหรอ บอกแล้วไง ว่าเดี๋ยวกลับ”
“โน ผมแค่จะแวะมาทักทายคุณบรู๊ค” เอกกมลตอบ ท้ายประโยคทิ้งสายตามาที่เดิม อเดลลาเหลือบขึ้นมอง ก็เห็นรอยยิ้มกริ่มรออยู่แล้ว เธอลอบถอนใจเมื่อเสียงเมลินช่วยปัดปัญหาไปได้
“เอก เมย์จะไปกับบรู๊คนะ เอกกลับคนเดียวละกัน”
“ผมว่าคุณไปกับเอกเถอะ ผมมีแขก” บุรฉัตรเอ่ย แต่เมลินแย้งเสียงดัง
“บรู๊คทานใกล้เสร็จแล้วไม่ใช่เหรอคะ แขกของบรู๊คก็อิ่มแล้วนี่” เมลินมองอีกฝ่ายซึ่งกำลังรวบช้อนและส้อมวางไว้ข้างจาน อเดลลาอดไม่ได้ที่จะช้อนสายตาขึ้นสบแววคมกล้าท้าทาย
“อิ่มแล้วเหรอครับ เพิ่งทานไปนิดเดียวเอง” บุรฉัตรถาม ถือช้อนกับส้อมค้างไว้
“ค่ะ ปรกติดิฉันไม่ทานมื้อเย็น” อเดลลาตอบสั้นๆ หยิบกระเป๋ามาวางไว้บนตัก “ต้องขอตัวก่อนนะคะ จะกลับไปร่างภาพที่อาจารย์สั่งไว้” เธอเปลี่ยนสรรพนามเรียกบุรฉัตร ก้มศีรษะกระพุ่มมือไหว้ เบี่ยงตัวออกจากโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน
“อ้าว จะกลับเสียแล้ว ยังไม่ได้รู้จักกันเลยครับ” น้ำเสียงเอกกมลทำให้อเดลลาขนลุก เธอไม่ตอบ ก้าวถอยออกห่างเมื่อเขาขยับเข้าใกล้ “คงมีโอกาสได้พบกันอีกนะครับ Nice to see you tonight”
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมก้มศีรษะ ไม่อยากต่อคำเพราะสายตาซอกซอนทำให้รู้สึกอึดอัด
“อเดลลา รอผมก่อน” อเดลลาชะงักเท้า
“จะไปไหนคะบรู๊ค” เมลินเสียงดัง คว้าแขนบุรฉัตรไว้
“ผมจะไปส่งอเดลลา” ชายหนุ่มแกะมืออีกฝ่ายออก
“งั้นเมย์ไปด้วย” เมลินขยับตัว
“ไม่ต้อง ผมไปคนเดียว” บุรฉัตรเสียงเข้ม เมลินหน้าบึ้ง จำต้องลุกจากเก้าอี้เพื่อหลีกทาง เอกกมลหลบไปยืนข้างโต๊ะอย่างรวดเร็ว เขาผายมือสองข้าง ยักไหล่ให้เมลิน
“ไปก่อนนะคะคุณเมลิน หวังว่าคงได้พบกันอีก” อเดลลาหันไปเอ่ยลา แต่เมลินกลับค้อนด้วยหางตาแล้วมองเมินไปมองอีกทาง เธอก้าวเดินออกไปทันที เลิกใส่ใจว่าหล่อนจะรู้สึกเช่นไร บุรฉัตรก้าวตามไปจนถึงหน้าร้าน อเดลลาจึงหันกลับมา
“ส่งดิฉันแค่นี้ก็พอค่ะ คุณกลับไปเถอะ”
“ผมต้องขอโทษด้วยอเดลลา” สีหน้าบุรฉัตรดูเคร่งเครียด เธอจึงยิ้มกว้าง เอ่ยเสียงสดใส หวังช่วยให้ชายหนุ่มคลายกังวล
“สบายใจเถอะค่ะ แค่นี้ดิฉันก็ดีใจมากแล้ว ขอบคุณมากค่ะสำหรับคืนนี้”
“ขอบคุณเช่นกัน คงมีโอกาสได้มาทานข้าวกันอีกนะครับ” บุรฉัตรเปิดยิ้มอ่อนออกมาได้
“Buonanotteค่ะ” อเดลลายิ้ม
“Buonanotteเช่นกันครับ แล้วพบกันที่มหาวิทยาลัยนะครับ” บุรฉัตรพูดเลียนเสียงขณะโบกมือให้หญิงสาวซึ่งกำลังเดินห่างออกไป
รอยยิ้มยังเปื้อนใบหน้า แต่ในใจอเดลลากลับตรงข้าม บอกไม่ถูกว่าเสียใจ ผิดหวังหรือขุ่นเคือง แต่อย่างน้อยความอิ่มใจในการตอบรับจากบุรฉัตรก็ช่วยเจือจางความรู้สึกเหล่านั้นให้เบาบางลง เธอเดินคิดเรื่อยเปื่อยจนมาถึงท่าเรือขณะเรือข้ามฟากลำสุดท้ายเร่งเครื่องยนต์ดังกระหึ่มเตรียมจะออกจากฝั่ง มีผู้โดยสารบางตาเนื่องจากเป็นเวลาใกล้สามทุ่ม หญิงสาวเดินตรงไปเลือกที่นั่งประจำ เรือยนต์เร่งเครื่องเบนหัวออกจากฝั่ง ลมเย็นยามค่ำพัดมาต้องใบหน้าและผิวกาย มองแสงไฟจากบ้านเรือนริมฝั่งสะท้อนบนริ้วคลื่นเป็นสีสันวูบไหวดูแปลกตา ทำให้นึกถึงงานจิตรกรรมของศิลปินหลายคนที่จับเอาเงาแสงเหล่านี้ไปสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างงดงาม ใจประหวัดถึงเหตุการณ์เพิ่งผ่านมา ให้รู้สึกเคืองผู้หญิงที่ชื่อเมลินยิ่งนัก ไม่น่าจะเข้ามาขัดจังหวะ ทำให้เธอพลาดโอกาสตามที่ตั้งใจไว้ อเดลลายอมรับว่าเมลินเป็นผู้หญิงสวยสะดุดตา ใบหน้าคมเข้มเย้ายวนและทรวดทรงอวบอิ่ม แต่กิริยาแข็งกระด้างกับแววตาไร้มิตรภาพ บั่นทอนเสน่ห์ในตัวลงไปไม่น้อยเลย ความสนิทชิดเชื้อที่หล่อนมีต่อบุรฉัตรอย่างเปิดเผย บอกถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี ความรู้สึกบางอย่างแล่นวูบขึ้นในใจ
อีกไม่นาน สองคนนั่นคงไปนั่งรถชมวิวยามราตรีด้วยกัน ชายหนุ่มคงกำลังออดอ้อนงอนง้อ แล้วก็คงลงเอยด้วยการพากันไปปลอบใจที่ไหนสักแห่ง บุรฉัตรท่าทางสุขุม อาจเป็นเพียงภาพที่แสดงต่อหน้าเธอในฐานะนักศึกษา ตัวตนแท้จริงอาจจะเจ้าชู้ ปากหวานหว่านเสน่ห์เป็นไฟ ผ่านผู้หญิงมามากมายแล้วก็เป็นได้ ไม่เช่นนั้น เมลินจะออกอาการหึงหวง แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของชัดเจนขนาดนี้เชียวหรือ บุรฉัตรอาจจะไม่พอใจที่เมลินมากับเอกกมลโดยไม่บอกให้รู้ คงไม่ต่างจากเมลินที่เห็นชายหนุ่มของหล่อนอยู่กับหญิงอื่น
อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่เห็นด้วยตานะอเดลลา จนกว่าจะแน่ใจ อย่าให้คนเพียงคนเดียวมาทำลายความเชื่อมั่นในตัวเธอสิหญิงสาวเตือนสติตัวเอง ถอนใจยืดยาว แต่เพียงครู่เดียว อีกความคิดกลับแย้งขึ้นมาในใจ
บุรฉัตรมีชื่อเสียงระดับประเทศ เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป มีหน้าที่การงานที่มีเกียรติ เขาจะกล้าทำในสิ่งซึ่งจะทำลายภาพลักษณ์ดีงามของตัวเองเลยหรือ เมลินอาจเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมาหลงใหลและพยายามตอแย โดยที่บุรฉัตรไม่ได้สนใจใยดีเขาอาจจะเป็นคนดีจริงๆก็ได้นะอเดลลา ความรู้สึกโล่งใจผุดขึ้นมา เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
อเดลลา กำลังคิดอะไรอยู่ เธอกำลังอ่อนไหวอีกแล้วนะ จะปล่อยให้ความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้
อเดลลาถอนใจ พยายามสลัดความคิดทั้งหมดออกไป บอกกับตัวเองว่าแค่เพียงต้องการตอบแทนชายหนุ่มและเหตุผลสำคัญก็คือ อยากรู้ความจริงเกี่ยวกับภาพวาด ก็เท่านั้นเอง ถึงอย่างไร ก็ยังมีโอกาสได้พบบุรฉัตรที่มหาวิทยาลัยอีกตั้งหลายครั้ง
อเดลลากลับถึงห้องพักเมื่อใกล้สี่ทุ่ม รีบจัดการธุระส่วนตัวอย่างรวดเร็ว ความเหนื่อยล้าบวกกับเวลาค่อนข้างดึกทำให้หลับทันทีเมื่อล้มตัวลงนอน
ประตูความฝันเปิดรับในวินาทีแรกเมื่อเข้าสู่ภวังค์
อเดลลารับรู้ได้ว่าทุกสิ่งจะคงเดิม เริ่มต้นและจบลงด้วยเหตุการณ์เหมือนเก่า แต่ครั้งนี้ กลับผิดแปลกไป บรรยากาศสว่างพร่างพราวราวคืนเพ็ญ แสงนวลตากระจายอาบทั่วบริเวณ กลิ่นหอมรวยรินมาตามสายลม
เด็กหนุ่มยังคงยืนรอเธออย่างสงบหน้าเรือนไม้สีเขียว สีหน้าซึ่งเรียบเฉยเป็นนิจ บัดนี้ระบายด้วยรอยยิ้ม ดวงตาแห้งแล้งไร้ความหวังกลับเปล่งประกาย
“กระผมดีใจที่ได้พบท่านอีกครั้งขอรับ”
แม้จะประหลาดใจ แต่ทำได้เพียงเดินตามเขาสู่หน้าชานเรือนเช่นทุกครั้ง ก่อนเด็กหนุ่มจะเอื้อมมือผลักบานประตู ความมืดก็โรยตัวลงคลุมอย่างรวดเร็ว ซ้ำยังพาความเย็นยะเยือกแผ่กระจายไปทั่ว สายลมพัดเอื่อยเริ่มโหมแรงขึ้น เพียงอึดใจก็ก่อตัวเป็นพายุกรีดเสียงแหลมหวีดหวิว ม้วนตัวหอบใบไม้ปลิวว่อนในอากาศ ต้นไม้ส่ายใบดังสวบสาบ ลั่นทมลากกิ่งแกรกกรากบนหลังคาเหมือนกรงเล็บครูด สะบัดดอกสีขาวร่วงกระจายอย่างไม่ใยดี อเดลล่าหันขวับไปเมื่อเสียงกราวซู่แทรกด้วยเสียงกิ่งไม้หักดังเปรี๊ยะมาจากด้านหลัง รู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งอยู่ที่นั่นความเย็นวาบไล่ฉาบตั้งแต่ศีรษะลงไป ขนลุกเกรียวทั่วร่างเมื่อมองไปยังพุ่มไม้ทึบฝั่งตรงข้ามตัวเรือน
กลุ่มควันสีดำมืดม้วนเกาะกันเป็นก้อน ก่อตัวเป็นรูปร่างคล้ายคนสูงเกือบเท่าต้นไทร กายดำทะมึนนั้นส่ายไปมา กลิ่นเหม็นสาบคล้ายเนื้อเน่าตากแห้งโชยตรลบอบอวลชวนสะอิดสะเอียน เสียงกรีดร้องโหยหวนดุจคนได้รับความเจ็บปวดดังเสียดแก้วหู เมื่อร่างดำมืดแหวกออกจากพุ่มไม้ พุ่งตรงมาหาเธออย่างรวดเร็ว
“กรี๊ด!” อเดลลาหวีดร้องเมื่อกลุ่มควันสยองกระแทกเข้าอย่างจังจนหงายหลังล้มลง เธอยังมีสติเหลียวมองหาเด็กหนุ่ม เห็นเขาถอยกรูดไปชิดผนังเรือน แล้วจู่ๆ ร่างนั้นก็สลายเป็นผงฝุ่นลอยหายไปในอากาศ ทิ้งเธอให้เผชิญความหวาดหวั่นเพียงลำพัง
อเดลลาหันมาประจันหน้า ถดตัวหนีด้วยความกลัวสุดขีดก้อนดำมืดลอยตัวนิ่งอยู่หน้าชานเรือน ส่วนบนซึ่งคล้ายศีรษะคนกำลังจ้องมาอย่างประสงค์ร้าย แล้วอย่างไม่ทันตั้งตัว มันพุ่งเข้ามาหาอีกครั้ง
“กรี๊ดด!” อเดลลาเบี่ยงตัวหลบ ยันกายลุกขึ้นอย่างว่องไวแล้วกระโดดลงจากชาน ทันทีเมื่อเท้าแตะพื้นหญ้า เธอออกวิ่งไม่คิดชีวิตตรงไปข้างหน้า
พลัน! ภาพแนวป่าทึบกลับอันตรธานไปในพริบตา แทนที่ด้วยตึกใหญ่ตั้งตระหง่านขวางกั้นทางหนี หญิงสาวหยุดกึก หันรีหันขวางด้วยใจเต้นตึกตัก ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะไปทางไหนดี กลิ่นเหม็นสาบรุนแรงข้างหลังผลักให้วิ่งอ้อมตัวตึกไปทางขวามือเข้าสู่ทางแคบสลัวทึม ขนาบข้างด้วยผนังตึกและแนวพุ่มไม้ทึบ มองไปข้างหน้าเห็นแต่โพรงมืดน่าพรั่นพรึง แต่คงน้อยกว่าสิ่งที่กำลังไล่ตามหลังมาเป็นแน่
อย่ากลัวอเดลลา มันเป็นแค่ความฝัน ตื่นสิ ตื่นเดี่ยวนี้เลย
พยายามปลุกตัวเองให้ตื่น แต่ร่างกายกลับไม่ตอบสนอง ความกลัวครอบทุกอณูความรู้สึกไว้สิ้น บังคับให้วิ่งหอบหายใจขนานไปกับผนังตึกที่ดูไม่สิ้นสุดเสียที แสงวับแวมผุดเป็นจุดเล็กท่ามกลางสีดำสนิทเบื้องหน้า
แสงไฟ ต้องมีคนอยู่ที่นั่น
อเดลลากลั้นใจเร่งฝีเท้าพุ่งไปยังแสงสว่างข้างหน้าด้วยความหวัง แต่แล้วเมื่อไปถึง กลับต้องหยุดชะงัก ร่างนิ่งแข็ง เบิกตากว้างด้วยความตระหนกสุดขีดกับภาพตรงหน้า