แผนร้ายเกี่ยวรัก บทที่ 4 : ลูกเรือพร้อมหน้า
โดย : กิ่งฉัตร
แผนร้ายเกี่ยวรัก เรื่องราวของพริมา..หญิงสาวที่รักการทำอาหารและรักงานเชฟในเรือยอร์ชขนาดเล็กที่รับรองแต่แขกวีไอพี แต่การลงเรือคราวนี้กลับป่วนหนัก แถมยังมีการตายของแขกคนสำคัญในเรือ งานนี้อย่าว่าแต่เชฟเลย แมวยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยได้เหมือนกัน! “แผนร้ายเกี่ยวรัก” โดย กิ่งฉัตร นิยายออนไลน์ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์ ได้ลงจนจบบริบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางผู้เขียนใจดีมอบ 5 บทแรกไว้ให้อ่านกันที่อ่านเอาและหากติดใจอยากอ่านต่อคุณผู้อ่านสามารถซื้อได้ที่ร้านนายอินทร์และร้านหนังสือทั่วไป
……………………………………………………………….
-4-
เมื่อกลับถึงแพนโดร่าพริมาก็สลัดเรื่องพราวพลอยทิ้งจากความคิด ญาติสาวจะใช่แขกของแพนโดร่าหรือไม่นั่นเป็นเรื่องของอนาคต แต่ปัจจุบันตรงหน้าคือของแห้งของสดกองโต ล็อบสเตอร์หกตัวที่กำลังจะถูกส่งมาในไม่ช้าและต้องการบ้านดีๆ ชั่วคราวที่ไม่ใช่หม้อต้มน้ำเดือดหรือช่องแช่แข็ง แล้วไหนยังต้องเตรียมอาหารเย็นให้ลูกเรืออีก
ว่าไปแล้วการทำอาหารแต่ละชนิดถ้าไม่ใช่พวกตุ๋นน้ำแกงมักใช้เวลาไม่นาน ที่นานจะเป็นพวกเตรียมวัตถุดิบ ตั้งแต่ล้าง หั่น ซอย ยิ่งทำให้คนกินจำนวนมากและหลายมื้อ แถมพอออกเรือแล้วหาของสดลำบาก แม่ครัวหรือเชฟต้องเตรียมการทุกอย่างให้พร้อม ดังนั้นพอเริ่มลงมือหล่อนก็หมกมุ่นกับงานจนลืมเรื่องพราวพลอยไปเกือบสนิท
ส่วนนวัตนั้นพอถึงเรือก็รีบไปดูห้องพักก่อน เขาบอกกับพริมาว่ากลัวแบลงเก็ตจะแอบเข้าไปข่วนกระเป๋าหรือข้าวของของเขา
ท่าทางหวาดระแวงนั้นทำให้แมวสามสีเหยียดริมฝีปากอย่างดูถูก
ข่วนเรอะ ฝีมือระดับฉันแล้วเขาเรียกว่ากรีดย่ะมนุษย์!
เชฟสาวเองก็มองอย่างเวทนานิดหน่อย เขาห่วง…ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การพูดมันออกมาต่อหน้าแม่ย่านางประจำเรือแบบนั้น มีหวัง…
ชายหนุ่มตรวจสอบแล้วข้าวของของเขายังอยู่ดีมีสุข ดังนั้นจึงกลับออกมาแล้วอาสาช่วยเชฟสาวเตรียมวัตถุดิบ พริมาตอบรับอย่างยินดี ตามปกติลูกเรือแพนโดร่าถือว่านิสัยดี คบหาร่วมงานกันได้อย่างสบายใจ แต่ทุกคนมักถือคติงานใครงานมัน ต่างคนต่างทำงานของตัวเองให้ดีที่สุดโดยไม่ข้องเกี่ยวกัน ดังนั้นเอ็นจิเนียร์คนใหม่จึงเป็นลูกเรือรายแรกที่อาสาช่วยงาน
พริมาส่งผักและผลไม้ให้เขาช่วยล้าง ของสดที่หั่นซอยเตรียมไว้ก่อนได้ก็เตรียมไว้ ที่ต้องอาศัยความสดใหม่จริงๆ ก็ห่อในกระดาษหรือใส่กล่องสุญญากาศจัดเรียงไว้ตามวันและมื้อที่จะทำ หล่อนไม่ใจร้อนหั่นเนื้อหั่นผักเตรียมไว้เพราะเกรงจะเสียรสชาติ
และเพื่อตอบแทนความมีน้ำใจของชายหนุ่ม เชฟสาวจึงถาม
“คุณกินเนื้อหรือเปล่าคะ เย็นนี้ฉันกะจะทำข้าวหน้าเนื้อ ถ้าคุณไม่กินเนื้อฉันจะปรับเป็นหมูหรือไก่ให้”
“ผมชอบกินเนื้อ” ก่อนเสริม “ไม่ค่อยกินสัตว์ทะเลที่มีเปลือกเท่าไหร่”
“แพ้อาหารทะเลหรือคะ” พริมานิ่วหน้า ถ้ามีทีมงานแพ้อาหารทะเล อาหารบางอย่างของลูกเรือต้องเปลี่ยน
“ไม่แพ้แต่ไม่ชอบแกะเปลือก” เขาบอกอย่างจริงจัง
“แล้วถ้ามีคนแกะให้”
นายช่างหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ
“อย่างนั้นกินได้”
พริมาอยากหัวเราะ หล่อนว่า
“ก็ยังดี ตอนแรกฉันนึกว่าต้องเปลี่ยนเมนูอาหารลูกเรือเสียแล้ว”
“ไม่ต้องเปลี่ยนอะไร ผมกินได้ทุกอย่าง แค่ชอบก็กินมากหน่อย ไม่ชอบก็กินน้อยหน่อยเท่านั้น”
“ดีจริง ฉันชอบคนกินที่ไม่จู้จี้” หล่อนพูดพลางมือหั่นของ จัดวางทุกอย่างเป็นระเบียบอย่างคล่องแคล่ว “จริงๆ เลือกกินบ้างก็ไม่เสียหายอะไรเพราะคนเราลิ้นต่างรสนิยมต่างเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่ถ้าเลือกแบบมีความคิดแปลกๆ ความเชื่อแปลกๆ แบบนั้นไม่ไหว”
“แบบไหน” นวัตอยากรู้
“ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งไม่กินไก่ไม่กินหมู เพราะเขาจะไม่กินของที่ตัวเองชอบ ถือเป็นการฝึกจิตอย่างหนึ่ง”
ชายหนุ่มนึกในใจว่า แค่นี้ไม่เห็นจะเท่าไรเลย ลองไปเจอศิวกรเสียก่อน…เชฟต้องน้ำตาไหลแน่ ไอ้เม้งของเพื่อนฝูงไม่กินของทอด ไม่กินของค้างคืน ไม่กินเนื้อติดมันและหนังไก่ ของหมักดองไม่กิน ขนาดขนมจีนยังไม่แตะเพราะถือว่าทำจากแป้งหมัก ผักดองอย่างเดียวที่มันยอมกินคือขิงดองเพราะโซเดียมต่ำและมีประโยชน์เรื่องล้างปากก่อนกินอาหารจานถัดไปเท่านั้น ส่วนรสชาตินั้นต้องไม่เค็มไป ไม่หวานไป ไม่เปรี้ยวไป ไม่เผ็ด อาหารที่ปรุงต้องไม่ดิบไปหรือสุกเกิน…
อาจจะเพราะสีหน้าของนวัตเหมือนไม่ทึ่งเท่าไร พริมาจึงเอ่ยต่อว่า
“แต่นั่นยังไม่เท่าไหร่นะคะ…” หล่อนลดเสียงลงเหมือนเด็กที่กำลังแอบนินทาครูผู้ปกครอง “มีครั้งนึงฉันเจอแขกคนหนึ่งแจ้งมาว่าเขาไม่กินอะไรก็ตามที่ว่ายน้ำได้”
“แปลก” อันนี้อาการหนักจริงเพราะของที่ว่ายน้ำได้นั้นเยอะมาก
“ส่วนอีกรายแจ้งมาเหมือนกันว่าไม่กินอะไรที่บินได้” เชฟสาวหยุดนิดหนึ่งก่อนยิ้มกว้าง “และทั้งสองรายเป็นแขกในทริปเดียวกัน”
“อันนี้เป็นเอาหนักจริงๆ สงสารเพื่อนร่วมทริปรายอื่นๆ มาล่องทะเลทั้งทีไม่ได้กินอาหารทะเลเลย แถมไก่ เป็ด ห่านอดหมด”
“สงสารเพื่อนเขาทำไม” พริมาย่นจมูกอย่างขัดใจ “สงสารฉันดีกว่าค่ะ ต้องจัดรายการอาหารห้าวันที่ไม่มีทั้งไก่เป็ดและสัตว์น้ำทุกชนิด ต้องคิดรายการอาหารที่ต้องปรุงจากเนื้อ แกะ และหมูไม่ให้ซ้ำกันเลยเป็นสิบมื้อ แล้วไม่ใช่แค่อาหารจานหลักมื้อกลางวันกับมื้อเย็นเท่านั้นนะคะ ออเดิร์ฟก็ด้วย หอยเชลล์ย่างเนย กุ้งค็อกเทลกับปลาแซลมอนรมควันต้องตัดทิ้งไปเลย สลัดก็ต้องทำแต่สลัดกรีกกับสลัดแขก แล้วก็ต้องเปลี่ยนจากไก่ฉีกเป็นเต้าหู้แทน”
ภายในครัวค่อนข้างแคบ แต่เชฟสาวเคลื่อนไหวราวหยิบจับทุกอย่างคล่องแคล่วลื่นไหล หล่อนคุยไปทำงานไปและทำอะไรได้ไวมาก ขยับมีดได้เร็ว เนื้อติดมันชิ้นใหญ่ในมือถูกหล่อนแล่เป็นชิ้นบางเฉียบ ไม่ได้บางเหมือนกระดาษอย่างที่ใช้เครื่องเฉือน แต่เป็นชิ้นแบบเคี้ยวได้เต็มคำได้รสเนื้อจริงๆ ขิงอ่อนซอยละเอียดยิบเตรียมดอง ต้นหอมญี่ปุ่นต้นใหญ่อวบสดใหม่ถูกซอยเป็นแว่นชิ้นเท่าๆ กัน
ชายหนุ่มเคยเห็นการเตรียมวัตถุดิบมามาก ตั้งแต่คนงานในโรงงานเตรียมวัตถุดิบคราวละมากๆ แม่ครัวในบ้านเตรียมอาหารสำหรับงานเลี้ยงใหญ่ หรือกระทั่งมารดาของเขาที่ทั้งทำอาหารและสอนลูกๆ ทั้งสามให้รู้สูตรและวิธีปรุงอาหารจานเด็ดหรือ Signature Dish ของผลิตภัณฑ์ครอบครัว แต่คนเหล่านั้นส่วนใหญ่ไม่ชอบเตรียมวัตถุดิบ ดังนั้นตอนหั่นซอยทำเร็วแต่สีหน้าเหมือนตั้งใจรีบๆ ทำให้เสร็จๆ ไปจะได้ลงมือทำอาหารเสียที ส่วนมารดาเขานั้นมีลูกมือเตรียมของให้ก่อน มาถึงก็ลงมือปรุงอาหารตามสูตรที่ได้รับตกทอดมาจากทั้งคุณย่าและคุณยายของลูกๆ ทั้งสาม ไม่ต้องลงมือหั่นซอยอะไรเอง
มีเพียงคุณย่าของเขาเท่านั้นกระมังที่มีสีหน้ายิ้มแย้มเวลาทำอาหาร แถมคุณย่าผู้ให้กำเนิดร้านอาหารที่ภายหลังพัฒนาเป็นบริษัทอาหารใหญ่โตยังสอนเขาด้วยว่าการเตรียมวัตถุดิบเป็นเรื่องสำคัญ วัตถุดิบที่ดีช่วยเสริมรสอาหารให้ดีขึ้นโดยไม่ต้องปรุงแต่งมากมาย ที่สำคัญการหั่นผักหั่นเนื้อล้วนมีเทคนิคที่ทำให้รสสัมผัสแตกต่าง
เสียดายที่เขาเรียนรู้จากคุณย่าไม่ทันหมด ท่านก็ด่วนเสียไปด้วยอุบัติเหตุทางถนน คำสอนต่างๆ ไม่เคยถูกนำมาใช้เพราะหลังๆ เขาแทบไม่ได้ทำอาหารเลย แถมเขาก็เหมือนคนอื่นๆ ที่ไม่ชอบเตรียมวัตถุดิบเลยชักลืมไปหมดด้วยว่าจะต้องหั่นเนื้อหั่นปลาแบบไหนแนวตั้งแนวขวาง…
ทุกอย่างลืมไปเกือบสิ้น มีเพียงสีหน้าที่มีความสุขเวลาทำอาหารของคุณย่าเท่านั้นที่ยังฝังแน่นอยู่ในความทรงจำ
เชฟพริมาก็มีสีหน้าคล้ายกับคุณย่าของเขา มีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก สีหน้าของคนที่มั่นใจในฝีมือตัวเองและรู้ว่าสิ่งที่ทำออกมาต้องถูกใจผู้ได้ลิ้มรสอย่างแน่นอน
“คุณเรียนจบอะไรมา ผมหมายถึงเรียนมาด้านไหน”
“ฉันจบสังคมสงเคราะห์” หล่อนตอบพร้อมรอยยิ้ม “แต่จบแล้วถึงได้รู้ว่าไม่ชอบทำงานพัฒนาสังคม ไม่ชอบทำงานไกล่เกลี่ยหรือทำงานด้านจัดการผู้คนเท่าไหร่ ชอบทำครัวทำอาหารให้คนกินมากกว่าเลยไปเรียนต่อด้านทำอาหาร”
“การได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักถือว่าโชคดีที่สุด”
“ถูกต้องที่สุดค่ะ” พริมายอมรับอย่างหน้าชื่นตาบาน หล่อนโชคดีที่ถึงพ่อจะเป็นหมอแต่ไม่เคยกำหนดว่าหล่อนต้องเรียนให้เก่งเพื่อตามรอยพ่อ ที่บ้านเชื่อว่าหล่อนก็คือหล่อน พ่อก็คือพ่อ ทุกคนมีสิทธิ์ทำตามความฝันตัวเอง ดังนั้นเมื่อหล่อนเลือกที่จะเป็นเชฟพ่อกับแม่ยอมรับได้ไม่มีปัญหา แต่พวกที่มีปัญหากลับเป็นญาติๆ โดยเฉพาะป้าพิมพ์ที่เปรยเข้าหูพ่อแม่หล่อนประจำ…พ่อเป็นหมอทำไมลูกเลือกเป็นแม่ครัว ทำอาหารแบบนี้จะได้เงินสักกี่สตางค์กัน…
จะว่าไปความคิดแม่กับลูกสาวเหมือนถ่ายทอดกันมาเป๊ะๆ พิมพ์ชนกไม่เคยแยกระหว่างแม่ครัวกับเชฟ พราวพลอยก็เช่นกัน ทั้งคู่คิดเพียงว่า งานเข้าครัวผัดกับข้าวปรุงแกงจะดีเด่สักแค่ไหนเชียว อุตส่าห์ร่ำเรียนมาจนจบปริญญาสุดท้ายมาหมกตัวอยู่แต่ในครัว
ป๊าบ ป๊าบ
ประตูห้องครัวที่ทำจากอะคริลิกหนาแทนกระจกสั่นกราว ตรงทางเดินด้านนอกแมวสามสีขนฟูตัวใหญ่มองเข้ามาในครัวคล้ายจะหมดความอดทน มันจึงตบประตูเรียกสองที
“แม่ย่านางแบลงเก็ตอยากรู้เต็มแก่แล้วว่าเย็นนี้เราจะกินอะไรกัน” เชฟสาวบอกก่อนยอมเลื่อน
ประตูออก
แบลงเก็ตเยื้องย่างเข้ามาด้วยการบิดสะโพกอวบๆ เล็กน้อย แต่ไม่ส่ายหาง เจ้าหล่อนนั่งลงที่มุมห้องด้านหนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองพริมาอย่างอดทน
“เย็นนี้มีข้าวหน้าเนื้อ ของแกไม่ใส่ขิง โอเคนะ และอย่าลืมข้อตกลงของเรา พอแขกลงเรือแล้วห้ามเข้าห้องครัวเด็ดขาด ยอมให้ได้วันนี้วันเดียว”
ดวงตาสีเขียวสดหรี่ลงเล็กน้อย หนวดอย่างน้อยสองเส้นกระตุกฉึกๆ
“ถ้าทำได้หมดทริปนี้จะย่างกุ้งใหญ่ๆ ตัวนึงกับทำข้าวคลุกปูให้กิน” เชฟสาวติดสินบน
เจ้าหล่อนทำท่าคิดก่อนตัดสินใจว่า น่าจะพอรับได้ ดวงตาหรี่เล็กจึงกลับมากลมโตตามปกติ
“คุณพูดกับแมว มันรู้เรื่องหรือ” นวัตสงสัย
“รู้ค่ะ แบลงเก็ตฟังออกทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เห็นว่านายเก่าของมันเป็นคนไทย”
“ผมไม่ได้หมายถึงภาษา” ชายหนุ่มอธิบาย “แต่หมายถึงว่าเราคุยกับมัน มันฟังออกเข้าใจหรือว่าเราพูดอะไร”
หนึ่งเชฟหนึ่งแมวมองคนถามด้วยสายตาดูถูก
“คุณต้องไม่มีสัตว์เลี้ยงแน่เลย”
“ผมเลี้ยงปลาหางนกยูง” เขาบอกอย่างภาคภูมิใจ ปลาหางนกยูงของเขานั้นแม้จะเลี้ยงไว้เพื่อให้มันกินลูกน้ำในอ่างบัว ทว่าสายพันธุ์ของพวกมันนั้นนับว่าชั้นหนึ่ง ตัวผู้หางยาวสีสด ตัวเมียอวบอ้วนแข็งแรงลูกดก ใครเห็นเข้าก็ชอบใจขอแบ่งลูกหลานมันไปเลี้ยงต่อทั้งนั้น
หากคนฟังเหมือนไม่ค่อยปลื้มเท่าไร เชฟสาวพยายามไม่กลอกตาเมื่อบอก
“นั่นไม่นับ สัตว์เลี้ยงฉันหมายถึงหมา แมว หรืออย่างน้อยก็นก กระต่ายอะไรพวกนั้น”
“ไม่มีเวลา แต่แม่ผมมีหมาตัวนึงชื่อไส้กรอกชีส” ตอนนั้นไส้กรอกชีสของบริษัทกำลังได้รับความนิยมแถมยังได้รับรางวัลใหญ่ ลูกหมาที่ได้รับมาตัวยาวขนเกรียนเป็นมันสีน้ำตาลเข้มเหมือนไส้กรอก มารดาเขาเลยเลือกชื่อนี้ให้ “มันไม่เคยฟังอะไรเข้าใจเลย เรียกก็ไม่มา”
“นั่นเขาเรียกว่าหมาดื้อค่ะ” หรือไม่ก็อาจจะรังเกียจชื่อของมันจนเมินไปไม่อยากรับรู้ “มันฟังเข้าใจแต่ไม่ยอมทำตามเท่านั้น หมาแมวฉลาดมาก มันเลือกรับมือกับผู้คน ฉะนั้นคุณอย่าดูถูกพวกมันเด็ดขาด”
นวัตฟังแล้วหรี่ตามองแบลงเก็ตอย่างค้นคว้า มันหรี่ตาตอบ
ชายหนุ่มตัดสินใจว่าคืนนี้เขาจะค้นกูเกิลดูหัวข้อ ‘ความฉลาดของแมว’ เสียหน่อย
แวบหนึ่งเขานึกอะไรได้ก็ถามว่า
“แบลงเก็ตคงไม่เคยเข้าผ่าตัดแบบ…ผ่าสมองหรือฝังชิปอะไรทำนองนั้นใช่ไหม”
“ฝังชิปข้อมูลค่ะ จะได้ตามตัวได้ถ้าเกิดพลัดหลงไป แต่ผ่าสมอง…ผ่าทำไม คุณดูหนังวิทยาศาสตร์มากไปหรือเปล่า”
นวัตนึกถึงหนูขาวตัวอ้วนพุงย้อยหลามหน้าตาเอาเรื่องที่อมลรุจีเพื่อนในกลุ่มโรนินสยามเคยเอาให้ดูแล้วคิดว่า ไม่พูดดีกว่า เทคโนโลยีเดี๋ยวนี้ล้ำไปไกลมาก แต่ยากจะเปิดเผยออกมาได้
เตรียมวัตถุดิบรอบแรกใกล้เสร็จ ร้านขายอาหารทะเลก็เอาของสดที่สั่งไว้มาส่ง พริมายังจัดเก็บของในครัว กัปตันโจหายตัวไปอยู่บนห้องบังคับเรือด้านบน เอ็นจิเนียร์คนใหม่จึงต้องขึ้นไปรับของโดยมีแมวอยากรู้อยากเห็นตามขึ้นไปด้วย
เด็กหนุ่มที่มาส่งของเห็นชัดว่ามาบ่อยจนสามารถทักทายแมวสามสีได้ แต่เจ้าหล่อนแค่นั่งนิ่งมองอย่างเย็นชา
เจ้าทาสส่งของ ส่งอาหารเสร็จแล้วก็กลับไปได้ ไม่ต้องเซ้าซี้ร่ำไร
ของสดส่วนใหญ่นวัตกับเด็กส่งของช่วยกันยกลงไปยังห้องครัวให้พริมาจัดการต่อ ส่วนกุ้งมังกรนั้นชายหนุ่มลงไปสำรวจห้องเก็บของท้ายเรือ เจอถุงตาข่ายไนลอนขนาดใหญ่ เขาไปถามกัปตันโจว่าใช้ได้ไหม และพอได้รับการตอบรับเอ็นจิเนียร์หนุ่มก็หาลังไม้ไม่ใหญ่นักมาใส่เป็นฐานและเป็นน้ำหนักถ่วง ใส่ท่อขนาดใหญ่สองสามท่อกับตาข่ายเก่าๆ ที่มีสาหร่ายและตะไคร่น้ำลงไป เอากุ้งมังกรลงแล้วถ่วงถุงตาข่ายติดไว้กับท้องเรือ โดยมัดถุงให้แน่น กุ้งมังกรเจ็ดสีเป็นกุ้งแบบไม่มีก้ามใหญ่ ดังนั้นแม้จะเอายางที่รัดขามันออกก็ไม่ต้องกลัวว่ามันจะตัดตาข่ายหนีออกไป
เอ็นจิเนียร์บอกเชฟว่า
“ตอนนี้ไม่ได้ออกเรือทิ้งไว้แบบนี้สักคืนได้ไม่มีปัญหา พรุ่งนี้คุณแค่สาวถุงตาข่ายขึ้นมาก็เอาพวกมันอวดแขกได้ว่ายังเป็นๆ อยู่”
“สุดยอด ขอบคุณค่ะ ตอนแรกฉันนึกว่าจะเลี้ยงไว้ในกล่องโฟมแล้วอัดออกซิเจนให้เสียอีก เลี้ยงธรรมชาติแบบนี้ดีกว่าเยอะ”
และเพื่อเป็นการขอบคุณ อาหารเย็นของนวัตจึงเพิ่มปริมาณมากขึ้นเป็นพิเศษ ทั้งข้าวหน้าเนื้อชามใหญ่กับไข่ต้มยางมะตูม กินแกล้มกับขิงดองแบบซอยละเอียดสีชมพูสดใส ขิงนี้ไม่ได้ดองวันนี้เพราะการดองแต่ละครั้งต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองวันขิงถึงจะเข้าที่ พริมาจึงใช้ขิงที่หล่อนดองไว้เมื่อสองอาทิตย์ก่อน และถึงจะไม่ใช่ของดองใหม่แต่รสชาติถือว่าดี
สมาชิกทั้งหมดของแพนโดร่ารวมตัวกันที่ห้องพักผ่อนและห้องกินอาหารของลูกเรือ ก้มหน้าก้มตากินอย่างอร่อย นวัตยอมรับว่าเขาตัดสินใจถูกจริงๆ ที่ยอมถอยให้กับเชฟสาว พริมาทำอาหารได้อร่อยจริงๆ เนื้อที่หล่อนทำแม้จะหนากว่าเนื้อที่มักทำขายกันทั่วไป แต่น้ำซุปที่กลมกล่อมซึมเข้าเนื้อเต็มที่ ชิ้นที่ใหญ่ทำให้ได้รสเนื้อเต็มปากเต็มคำ ข้าวหล่อนปรุงรสนิดหน่อย ขิงดองรสไม่จัดเกิน
ส่วนขนมหญิงสาวใช้น้ำเต้าหู้มาทำเป็นเยลลีเนื้อนุ่มๆ เหมือนเฉาก๊วย หยอดใส่ถ้วยเล็กๆ แช่เย็นไว้ พอจะกินก็โรยด้วยถั่วพิสตาชีโอบดราดทับด้วยน้ำตาลเคี่ยวที่ปล่อยให้ไหม้จนมีกลิ่นไหม้นิดๆ หล่อนบอกว่าทดลองทำดูก่อน ถ้าดีอาจจะทำเป็นขนมหวานให้แขก
กัปตันโจกับนวัตไม่วิจารณ์อะไร แค่กินกันคนละสามถ้วยเท่านั้น
ค่ำนั้นนีโรกับมาเรียมาลงเรือตอนใกล้ทุ่มเศษ ขอโทษขอโพยว่าช้าเพราะมอเตอร์ไซค์ของทั้งคู่มีปัญหา กัปตันโจโบกมือไม่ถือสา ก่อนจะแนะนำเอ็นจิเนียร์คนใหม่กับลูกเรือที่เหลือ จากนั้นทั้งหมดก็นั่งดื่มกาแฟคุยกระชับมิตรกันเล็กน้อย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นพวกรุ่นพี่เล่าประสบการณ์ลงเรือให้เด็กใหม่ฟัง นวัตไม่ค่อยยิ้มแย้ม แต่ก็ไม่ได้หน้าตาบึ้งตึงมากเหมือนตอนกลางวัน หากชายหนุ่มเป็นผู้ฟังที่ดี ตั้งใจไม่ขัดและพยักหน้าร่วมรับรู้กับเรื่องราวด้วยหลายต่อหลายครั้ง ดังนั้นวงสนทนาจึงไม่เลวร้ายนัก
ก่อนสี่ทุ่มลูกเรือแพนโดร่าก็แยกย้ายกันกลับเข้าห้องพัก รีบพักเอาแรงเพื่อทำงานเตรียมแพนโดร่าให้พร้อมเพื่อรอรับแขกพิเศษที่จะมาลงเรือในวันพรุ่งนี้
เมื่อไฟส่วนใหญ่ในเรือดับลง กัปตันโจเรียกแบลงเก็ตให้เข้าไปนอนในห้องพักของเขา แต่สาวเจ้าไม่สนใจ มันดื้อดึงไม่ยอมเข้าจนโจยอมแพ้ นำที่นอนของมันมาไว้ในส่วนพักผ่อนของลูกเรือ สั่งว่า
“อย่าซนนะแบลงเก็ต พรุ่งนี้มีแขกสำคัญมาลงเรือ ทำตัวดีๆ ล่ะ”
ประตูห้องพักของกัปตันปิดลง แมวสามสีตัวใหญ่เดินตรงไปยังประตูห้องพักลูกเรือด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็น มันพยายามผลักประตูหลายครั้งแต่เปิดไม่สำเร็จ ดังนั้นแบลงเก็ตจึงนั่งลงและเฝ้ารออย่างอดทน
ดวงตาสีเขียวของมันเปล่งประกายในความมืด จ้องตรงไปยังประตูห้องพักของนีโรและเอ็นจิเนียร์
คนใหม่เนิ่นนาน…
***
เซรั่มบำรุงผิวที่เป็นมาสก์ได้ในหนึ่งเดียว
ทุกยอดการสั่งซื้อจะมีส่วนแบ่งกลับมาเพื่อสนับสนุนเว็บไซต์อ่านเอา
สั่งซื้อ 1 หลอดราคา 2,090 บาท คลิกที่นี่ >>>>> https://bit.ly/2UT2G40
สั่งซื้อเซ็ตประหยัดสุดคุ้ม 3 หลอดราคา 2,940 บาท คลิกที่นี่ >>>>> https://bit.ly/2QFzcY9