เพียงใจลิขิต บทที่ 1 : เพียง (ท้ายทอย) เธอ

เพียงใจลิขิต บทที่ 1 : เพียง (ท้ายทอย) เธอ

โดย : จิรปิยา

Loading

เพียงใจลิขิต นวนิยายออนไลน์โดย จิรปิยา ที่อ่านเอาอยากได้คุณได้อ่านออนไลน์… เมื่อความรักนำทางเพื่อนรักทั้งสามมาถึงจุดเปลี่ยน สายใยแห่งมิตรภาพยังจะเหนียวแน่นอยู่ไหม เมื่อทั้งหมดเดินมาถึงจุดที่ต้องตัดสินใจเลือกเส้นทางที่จะก้าวเดินต่อไป..พลังแห่งรักจะทำให้ก้าวข้ามผ่านขวากหนามไปสู่แสงทองอันรุ่งเรืองได้หรือเปล่า

******************************

– 1 –

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่

ท่ามกลางการจราจรที่คับคั่งติดขัดบนถนนย่านการค้าที่สำคัญของกรุงเทพฯ  มอเตอร์ไซค์รับจ้างคันหนึ่งขับอย่างฉวัดเฉวียนเกือบเสยท้ายรถยนต์อีโคคาร์สัญชาติญี่ปุ่นสีดำกลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่งซึ่งจอดติดอยู่ในท้องถนน

ปิ๊นๆ!!

เปล่า..เสียงแตรนั้นไม่ได้มาจากรถญี่ปุ่น  แต่ดังมาจากรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่วิ่งผ่านข้างรถของเขาไป  และกำลังพยายามแทรกตัวระหว่างรถคันที่อยู่ด้านหน้ารถเขากับรถยุโรปที่จอดข้างกันเพื่อพาตัวเองไปอยู่ด้านหน้าสุดของสัญญาณไฟจราจร เสียงแตรนั้นปลุกให้ชายหนุ่มซึ่งนั่งหลังพวงมาลัยในรถญี่ปุ่นตื่นจากภวังค์ เงยหน้าขึ้นมองรถมอเตอร์ไซค์คันนั้น

“อะไรวะ..เกือบเสยรถเราแล้วยังมาบีบแตรเบ่งอีก” ชายหนุ่มสบถอย่างหัวเสีย  แต่ทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้นมองรถมอเตอร์ไซค์คันนั้น สายตาก็พลันสะดุดเข้ากับร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งคร่อมซ้อนท้าย เธอใส่เสื้อสูทสีดำเข้ารูป กางเกงสแลกผ้าสีเดียวกันขาเดฟอวดเรียวขาเพรียว  แลเห็นชายเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนด้านในโผล่พ้นชายด้านล่างของสูท  ดูแล้วไม่น่าจะเป็นชุดที่ใส่มาเพื่อขึ้นมอเตอร์ไซค์ซะเลย

มองเลยขาเพรียว เอวคอด หลังตรงของสาวผู้ซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์  ‘ไม่ใส่หมวกกันน็อคอีก ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ซิ่งแบบนี้ ไม่กลัวมอเตอร์ทำหล่นแล้วเจ็บหนักหรือไงนะ’ เขาคิด…..

พลัน….สิ่งที่สะดุดสายตาของเขาคือ…ลำคอระหงที่ถูกเปิดเปลือยจากการที่ผมยาวของเธอถูกรวบไว้เป็นมวยสูงทรงโดนัทกลางศีรษะ  เห็นลูกผมเส้นเล็กบางรุ่ยร่ายที่ท้ายทอย ‘เห็นแค่ท้ายทอยยังเซ็กซี่ขนาดนี้  ชักอยากเห็นหน้าซะแล้ว’  ไม่ได้เป็นคนหื่นนะ แต่ทำไมรู้สึกสะดุดตากับท้ายทอยของสาวเจ้านางนี้เสียจริง  สัญญาณไฟแดงยังคงนิ่งสงบไม่เปลี่ยนแปลง  เขาชำเลืองมองเลขวินาทีที่เคลื่อนถอยหลังอย่างช้าๆ  ยังเหลืออีกเกือบสองนาที..เฮ้อ…  วันนี้จะไปทันประชุมไหมเนี่ย ประชุมสำคัญซะด้วย

อดไม่ได้ที่จะหันไปมองร่างอ้อนแอ้นหลังมอเตอร์ไซค์อีกครั้ง  พยายามเอียงหน้าจนแก้มแนบชิดกับกระจกรถเพื่อให้สามารถมองเห็นใบหน้าของเธอ  เธอกำลังก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือที่ใส่ไว้ที่ข้อมือด้านซ้าย ทำให้เขาเห็นเพียงด้านข้างของแก้มขาวใสนวลเนียนที่แต้มสีแดงระเรื่อจากกระไอแดด   สันจมูกโด่งปลายรั้นเล็กน้อย  ข้างไรผมบริเวณหูของเธอมีหยดเหงื่อพราว  ยังไม่ทันเอียงคอปรับองศามุมมองเพื่อยลโฉมนางได้ชัดกว่าเดิม  สัญญาณไฟจราจรก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว และมอเตอร์ไซค์สุดซ่าส์ก็แล่นฉิวพ้นสายตาเขาไปอย่างรวดเร็ว  หลังจากวิ่งพ้นสี่แยกแล้ว รถมอเตอร์ไซค์คันนั้นก็หักเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆ ด้านซ้ายไป

“อ้าว..อดเลย  แหม.. อดเห็นหน้าสาวคนนั้นเลย จะสวยเซ็กซี่ขนาดไหนนะ แค่เห็นท้ายทอยก็หลงรักซะแล้วเรา”  พึมพำกับตนเองอย่างขำๆ  ถ้าไม่ต้องเข้าประชุมเช้านี้  เขาอาจตัดสินใจหักพวงมาลัยรถเลี้ยวซ้ายตามมอเตอร์ไซค์คันนั้นไปก็ได้  เอ่อ… นี่เขาเป็นบ้าอะไร  เกิดมาไม่เคยเป็นอย่างนี้เลย สงสัยหลงท้ายทอยนาง   แต่แล้วก็ปัดความคิดคำนึงออกไปทันที เมื่อรถคันหน้าเริ่มเคลื่อนตัว  แล้วจึงเคลื่อนรถมุ่งหน้าไปยังที่ทำงาน

*******************************

หลังจากหลุดจากสี่แยกไฟแดงนั้นได้ ภายใน 15 นาทีปรัตถ์ก็สามารถขับเคลื่อนรถยนต์กลางเก่ากลางใหม่เข้าจอดในที่จอดรถของกระทรวงทางเศรษฐกิจแห่งหนึ่งซึ่งเขาทำงานอยู่  ปรัตถ์เป็นข้าราชการหนุ่มไฟแรง ดีกรีปริญญาเอกหมาดๆ  อายุราว 34 ปี  รับราชการในตำแหน่งเศรษฐกรในหน่วยงานแห่งนี้มาร่วม 12 ปีแล้ว  ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการกอง

หลังจากเรียนจบปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดในประเทศ เพื่อนๆ หลายคนก็มุ่งมั่นเข้าทำงานด้านการวิเคราะห์หุ้น ตลาดหลักทรัพย์ ธนาคารขนาดใหญ่ หรือเปิดธุรกิจของตัวเอง ตรงข้ามกับปรัตถ์ที่มุ่งมั่นจะสอบเข้ารับราชการ  การเป็นข้าราชการเป็นหนึ่งในความฝันของเขา เพื่อที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติ  ด้วยตระหนักว่าราชการไทยยังต้องการบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และอุทิศตนให้กับประเทศด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอีกมาก

เพียงหนึ่งปีหลังเข้ารับราชการ เขาสามารถสอบชิงทุนรัฐบาลไปเรียนต่อปริญญาโทและเอกที่ประเทศอังกฤษ  และเมื่อสำเร็จการศึกษาก็กลับมาทำงานที่หน่วยงานเดิม ปีนี้เป็นปีที่ 3 แล้วหลังจากที่ได้รับดีกรีดอกเตอร์และกลับมาเมืองไทย   ปรัตถ์ทำงานด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจและทุ่มเท  ผลงานโดดเด่น เป็นที่ยอมรับของผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงาน รวมทั้งหน่วยงานอื่นที่เขาร่วมทำงานด้วย  ส่งผลให้เขามีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานอย่างรวดเร็ว  ซึ่งชายหนุ่มภูมิใจที่ก้าวหน้าได้ด้วยความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง  มิใช่โดยเส้นสายของบิดาเลี้ยงที่ขณะนี้เป็นผู้มีอำนาจในรัฐบาลชุดนี้

ปรัตถ์ชอบใช้ชีวิตราบเรียบสมถะ ขับรถยนต์ญี่ปุ่นคันเล็ก แต่งกายเรียบง่ายสมฐานะข้าราชการ  ทำให้แทบไม่มีใครรู้เลยว่าเขาเป็นลูกเลี้ยงของรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงนี้  และด้วยความสามารถอันโดดเด่น  ผู้บังคับบัญชาจึงมักมอบหมายงานที่ท้าทายให้เขา และการประชุมวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งงานที่สำคัญต่อการปฎิรูประบบงานของกระทรวง  และแน่นอนสำคัญต่อการวางนโยบายด้านการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศด้วย

หน่วยงานของปรัตถ์ริเริ่มพัฒนาระบบฐานข้อมูลที่เชื่อมต่อกันในลักษณะฐานข้อมูลขนาดใหญ่หรือบิ๊กดาต้า เพื่อทำให้มีข้อมูลที่หลากหลายสำหรับการวิเคราะห์ทิศทางของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกได้อย่างแม่นยำมากขึ้น อีกทั้งช่วยให้สามารถวางแผนกำหนดมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศที่ครอบคลุมและตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นด้วย  ระบบนี้ต้องใช้เทคโนโลยีที่ค่อนข้างเป็นเรื่องใหม่สำหรับหน่วยงานเขา   ปรัตถ์ ได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าทีมในการกำกับโปรเจคนี้  และวันนี้เป็นบริษัทที่ปรึกษามานำเสนองานเป็นครั้งแรก

เมื่อจอดรถเสร็จ ก้มมองนาฬิกาข้อมือ เหลือเวลาเพียง 5 นาทีจะถึงเวลาประชุม ปรัตถ์จึงก้าวเดินอย่างเร่งรีบตรงไปยังห้องประชุม  ผลักประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว

“โอ๊ย….”  เสียงอุทานดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงตุ้บใหญ่  เขาตกใจเมื่อเห็นว่ามีร่างของหญิงสาวคนหนึ่งนั่งกองอยู่บนพื้นห้องหลังบานประตู

“ขอโทษครับ ผมไม่ทันระวัง  ไม่คิดว่าจะมีคนยืนอยู่ตรงประตู”  พูดพลางก้มลงช่วยประคองหญิงสาวรูปร่างบอบบางคนนั้น

เมื่อลุกขึ้นยืนทรงตัวได้แล้วหญิงสาวค่อยๆ หันหน้ามา  เขารู้สึกคุ้นกับเธอ เปล่า…ที่จริงไม่ใช่คุ้นหน้า  แต่คุ้นกับรูปร่างและเสื้อผ้า และแน่นอน….ทรงผมหัวจุกโดนัทของเธอต่างหาก  มั่นใจว่าเธอคือหญิงสาวท้ายทอยเจ้าเสน่ห์ที่เกาะท้ายรถมอเตอร์ไซค์เมื่อเช้านั่นเอง  เธอเป็นสาวร่างบางเพรียว สูงระหง  ยังคงรวบผมเป็นจุกสูง ปอยผมรุ่ยร่ายอยู่ด้านหลัง เปิดเปลือยให้วงหน้ารูปไข่ของเธอโดดเด่น  ผิวขาวใสละเอียดเหมือนเด็ก  แก้มนวลของเธอมีสีชมพูระเรื่อแทบจะเห็นเส้นเลือดฝอย  เขาสังเกตเห็นขมับของเธอมีหยดเหงื่อซึมเล็กน้อย  ท่าทางเธอคงยังเหนื่อยจากการนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์กระมัง  ปรัตถ์เหลือบตาขึ้นสบตาของหญิงสาว เธอมีดวงตารีเรียวยาวทรงเม็ดอัลมอนด์บ่งชัดถึงเชื้อสายจีนในตัวเธอ  หากด้วยแก้วตาดำกลมโตที่ส่องประกายสุกใสและมุ่งมั่น  ทำให้ดวงตาของเธอดูมีเสน่ห์น่าค้นหา

‘กะแล้ว แค่ท้ายทอยยังเซ็กซี่  หน้าตาก็น่ารัก…..มาก’   ชายหนุ่มรำพึงในใจ  ผ่านร้อนผ่านหนาวมาสามสิบกว่าปี ก็มีครั้งนี้นี่แหละที่ประทับใจสาวจากท้ายทอย…..

‘ผู้ชายอะไรเนี่ย จ้องมองผู้หญิงยังกับประเมินราคาสินค้า แถมยังมาแต๊ะอั๋งเราอีก’  แทนที่จะรู้สึกขัดเขิน หญิงสาวกลับรู้สึกหงุดหงิดที่ถูกชายหนุ่มจดจ้องอย่างไม่วางตา

“เอ่อ..ไม่เป็นไรค่ะ ขอโทษด้วยเช่นกันค่ะ พอดีดิฉันเองก็ไม่ทันระวัง…”  โชคดีที่ยังยั้งตนเองไม่ให้เอ่ยออกไปดังใจคิด

เสียงใสเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของเธอ ปลุกสติของเขากลับคืน  เธอผินสายตาคมไปยังมือของเขาที่ยังคงจับต้นแขนของเธอไว้  “ดิฉันพอจะยืนเองได้แล้ว…เอ่อ…คุณคงไม่จำเป็นต้องจับแขนดิฉันไว้แล้วก็ได้มั้งคะ”

ชายหนุ่มสะดุ้ง เพิ่งสังเกตว่าตัวเองยังคงจับต้นแขนของเธอไว้  จึงรีบชักมือกลับมาพร้อมกล่าวขอโทษ

“ต้องขอโทษจริงๆ ครับ คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ”  น้ำเสียงสุภาพของเขา ทำให้ตวิษารู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากที่คิดว่าผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะถือโอกาสแต๊ะอั๋งเธอ

“ไม่เป็นไร ขอบคุณค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”  กล่าวพร้อมกับค้อมตัวลงเล็กน้อย และผละเดินไปบริเวณด้านข้างห้องประชุมที่เป็นที่ตั้งของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่อเชื่อมกับจอฉายเพื่อเตรียมนำเสนองาน

ปรัตถ์เดินไปนั่งประจำที่หัวโต๊ะประชุม  สายตาคมยังคงมองตามเจ้าของร่างระหงนั้นที่กำลังเอาทรัมป์ไดร์ฟเสียบเข้าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค พร้อมทั้งโหลดไฟล์ลงเครื่อง  จึงเดาว่าเธอน่าจะเป็นหนึ่งในทีมงานที่ปรึกษาโครงการพัฒนาระบบบิ๊กดาต้าที่หน่วยงานเขาจัดจ้างมา

เมื่อชายหนุ่มเห็นว่ากรรมการทุกคนมาครบ และถึงเวลาตามที่นัดหมายประชุมแล้ว เขาในฐานะประธานที่ประชุมจึงกล่าวเปิดการประชุม  “ทุกคนพร้อมแล้วใช่ไหมครับ  วันนี้ผมมีเวลาประชุมด้วยไม่มาก ต้องไปประชุมต่อกับท่านปลัด  ผมขอเริ่มประชุมเลยละกันนะครับจะได้ไม่เสียเวลา เชิญทีมบริษัทที่ปรึกษานำเสนอกรอบการวางระบบเลยครับ”

และก็ไม่ผิดไปจากที่คาดไว้ หญิงสาวที่เขาเพิ่งชนล้มที่หน้าประตู เดินออกไปยืนด้านหน้าข้างจอฉายภาพ  ด้วยบุคลิกที่มาดมั่น  อธิบายกรอบแนวคิดการวางระบบข้อมูลในหน่วยงานเขาอย่างฉะฉาน  ทุกอย่างดูกลมกลืนเป็นมืออาชีพอย่างมาก ยกเว้นอย่างเดียวที่สะดุดตาและดูไม่เข้ากัน…นั่นคือ…มวยจุกสูงที่รวบม้วนผมยาวของเธอไว้กลางกระหม่อม และปอยผมรุ่ยร่ายของเธอ  ดูขัดกับชุดสูทกางเกงสีดำที่เธอสวมใส่ทับเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนพิกล

‘คงรีบซะจนลืมจัดผมให้เรียบร้อยก่อนมั้ง’  นึกขำเจ้าหล่อน จนเผลอลืมตัวยกยิ้ม…ยังดีที่ห้ามตัวเองไม่ให้หลุดหัวเราะออกมาได้ทัน

ขณะกำลังนำเสนองาน  ตวิษาสบตากับกรรมการกำกับโครงการทุกคนอย่างมั่นใจ  จนกระทั่งสายตาเธอสานสบกับดวงตาของชายหนุ่มผู้เป็นประธานในที่ประชุม  เดาไม่ออกว่าเขารู้สึกอย่างไรกับการนำเสนองานของเธอ  แต่ที่สังเกตเห็นคือ ประกายตาระยิบระยับคล้ายกำลังขบขันอะไรอยู่  และนั่นทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิด

‘ตาบ้านี่ ไม่รู้จักตั้งใจฟังเลย เสียแรงเป็นประธานที่ประชุม มัวแต่ใจลอยคิดเรื่องอื่นอยู่ล่ะสิ…’

แม้จะรู้สึกขัดตาขัดใจชายหนุ่มผู้ที่นั่งหัวโต๊ะ แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพ ตวิษาก็ยังคงอธิบายโครงสร้างการวางระบบฐานข้อมูลและแผนงานการเชื่อมต่อระบบที่ชัดเจน รวมถึงกระบวนการและกรอบระยะเวลาที่จะดำเนินการในแต่ละขั้นตอน  กรรมการในห้องประชุมซักถามรายละเอียดหลายเรื่อง ซึ่งเธอสามารถตอบประเด็นข้อสงสัยและอธิบายให้กรรมการเข้าใจได้อย่างราบรื่น

ปรัตถ์ฟังเสียงหวานใสด้วยความเพลิดเพลินอย่างลืมตัว  เมื่อนึกได้ว่ากำลังประชุมอยู่ จึงต้องรีบดึงสมาธิของตนให้กลับมาจดจ่อในการนำเสนอของเธอ

‘เฮ้อ…เราเป็นอะไรไปวะ เหมือนเป็นหนุ่มน้อยแรกรัก’  พึมพำกับตัวเองในความรู้สึกอันแปลกประหลาดนี้

“หากไม่มีท่านใดซักถาม ดิฉันขอจบการนำเสนอเพียงแค่นี้ค่ะ”  ตวิษากำลังจะยกมือไหว้กรรมการทุกท่านเพื่อจบการนำเสนอ

“เดี๋ยวครับ”  ปรัตถ์ขัดขึ้น  “ผมมีคำถาม… ไม่ทราบว่าบริษัทจะใช้โปรแกรมซอฟต์แวร์หรือเทคโนโลยีอะไรในการติดตั้งระบบฐานข้อมูลนี้ครับ  ช่วยชี้แจงเปรียบเทียบข้อดี ข้อจำกัด และรบกวนช่วยคำนวณงบประมาณและความคุ้มค่าของซอฟท์แวร์แต่ละโปรแกรมด้วยนะครับ“

แม้ว่าน้ำเสียงที่ถามจะไม่ได้มีอารมณ์ใดๆ  แต่ลักษณะการตั้งคำถามของชายหนุ่มทำให้ตวิษารู้สึกว่าเขากำลังลองภูมิเธอ

“ได้ค่ะ อันที่จริงดิฉันได้กล่าวในการนำเสนอไปแล้ว และกรรมการบางท่านได้ซักถามข้อจำกัดของโปรแกรมไปแล้วด้วย  แต่ไม่เป็นไรค่ะดิฉันยินดีอธิบายอีกครั้ง” หญิงสาวอดเหน็บเขาไม่ได้ แต่ด้วยการใช้น้ำเสียงเรียบๆ ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ที่แสดงถึงการตอบโต้  จึงไม่แน่ใจว่าเขาจะรู้สึกอะไรกับคำพูดของเธอหรือไม่

ฉึก!…ให้ตายสิ! คำตอบของสาวน้อยหน้าอ่อนใส ร่างเพรียวระหงตรงหน้าทำให้ปรัตถ์หน้าม้านไปโดยสนิท  แม้ว่าเธอจะใช้คำพูดราบเรียบ ไม่มีน้ำเสียงประชดประชัน แต่ความชัดเจนของนัยยะในประโยคนั้น  ก็เหมือนตอกย้ำว่าเขาไม่ได้ตั้งใจฟังเธออยู่ดี

‘ตรงไปตรงมา ชัดเจนดี…น่าสนใจแฮะ’  ทันทีที่รับรู้ถึงความนึกคิดของตน ปรัตถ์รู้สึกอุ่นวาบในใจ  ทำไมจึงเกิดความรู้สึกเช่นนี้กับหญิงสาวที่เพิ่งพบเจอกันครั้งแรกได้   เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดกับใครมาก่อนเลย  แต่เอาเถอะ…ตอนนี้คงต้องตั้งใจฟังเธอก่อน ไม่อย่างนั้นอาจถูกเจ้าหล่อนกระแนะกระแหนอีก

เสียงหวานที่กำลังอธิบายข้อมูลเพิ่มเติมอย่างชัดเจนและเป็นระบบของตวิษาดึงสมาธิของชายหนุ่มกลับมาสู่การบรรยายอีกครั้ง

“จริงๆ แล้วเทคโนโลยีในการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่หรือบิ๊กดาต้ามีหลากหลาย  แต่ละเทคโนโลยีมีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกันไป  การตัดสินใจเลือกใช้เทคโนโลยีและซอฟต์แวร์แบบใดนั้นขึ้นอยู่กับลักษณะของข้อมูลที่หน่วยงานอยากจัดเก็บด้วย เช่น ถ้าเป็นข้อมูลที่มีโครงสร้างรูปแบบชัดเจน หรือที่เรียกว่า Structured Data ก็อาจใช้ฐานข้อมูล RDBMS หรือ Relational Database Management System แบบเดิม ซึ่งมีหลายบริษัทที่ผลิตโปรแกรมซอฟต์แวร์รองรับระบบนี้ แต่โปรแกรมเหล่านี้ค่อนข้างมีราคาสูง ยิ่งถ้าหากขนาดของข้อมูลใหญ่มากขึ้น ก็จะมีต้นทุนสูงขึ้นมาก  ในทางตรงข้ามถ้าหน่วยงานมีข้อมูลทั้งที่เป็นแบบมีโครงสร้างชัดเจน และข้อมูลแบบไม่มีโครงสร้างชัดเจน หรือ Unstructured Data ด้วย ก็ควรเลือกใช้เทคโนโลยี Hadoop HDFS  ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่หน่วยงานส่วนใหญ่ใช้มากขึ้น เพราะสามารถจัดการข้อมูลทั้งแบบมีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้างที่มีปริมาณมากๆ  สามารถปรับขยาย  ยืดหยุ่น เพื่อรองรับข้อมูลที่มีจำนวนมหาศาลได้ ทั้งนี้ก็เพราะมันมีกระบวนการประมวลผลที่ทรงพลังมาก โดยการประมวลข้อมูลแบบกระจายผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกจัดอยู่ในรูปแบบกลุ่ม หรือ Cluster จึงทำให้รองรับข้อมูลที่ไม่จำกัด แถมยังมีความน่าเชื่อถือสูงอีกด้วย  และที่สำคัญคือมีต้นทุนค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลแบบอื่นๆ ค่ะ  นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีอื่นอีกหลายแบบ เช่น NoSQL Distributed SQL  แต่ที่เราอาจเคยได้ยินมาบ่อยๆ คือ คลาวด์ สตอเรจ (Cloud Storage)  ซึ่งหลายๆ องค์กรมักจะใช้ในการเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ โดยเก็บไว้ใน Public Cloud ซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่ำ และเก็บข้อมูลได้ปริมาณมาก  แต่ก็มีปัญหาในเรื่องของความปลอดภัยของข้อมูลและความรวดเร็วในการโอนถ่ายข้อมูล  ดังนั้นข้อมูลที่ถูกจัดเก็บในระบบ Public Cloud นี้ ส่วนใหญ่จึงเป็นข้อมูลทั่วไปที่ไม่ได้มีชั้นความลับมากค่ะ สำหรับการประเมินทางเลือกการใช้เทคโนโลยี หรือซอฟท์แวร์ตัวใด รวมทั้งงบประมาณและความคุ้มค่า ดิฉันจะทำรายละเอียดเสนอมาอีกครั้ง หลังจากเข้าสำรวจความพร้อมพื้นฐานของระบบที่กระทรวงมีอยู่แล้วในสัปดาห์หน้าตามแผนงานที่ได้เสนอไปก่อนหน้านี้ค่ะ”

ปรัตถ์ตั้งใจฟังการนำเสนอของเธออย่างจริงจัง  การนำเสนออย่างเป็นระบบ กระชับ ชัดเจนของเธอทำให้อดชื่นชมเธอไม่ได้ว่าเธอมีความรู้ลึกรู้จริงในงานอย่างมาก

“ขอบคุณมากครับ ผมคิดว่าผมได้ความกระจ่างแล้ว  ดีมากเลยครับ ผมไม่มีอะไรขัดข้องที่จะอนุมัติแผนการดำเนินงานโครงการตามที่บริษัทเอ๊กเซลเล้นท์ไอทีเสนอมา ท่านกรรมการท่านอื่นเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ”  ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกวาดสายตาไปรอบๆ โต๊ะประชุม

เมื่อไม่มีกรรมการคนใดเห็นแตกต่าง ปรัตถ์จึงกล่าวปิดประชุม  สังเกตเห็นหญิงสาวกำลังเก็บคอมพิวเตอร์และเอกสารที่นำเสนอ  ไวกว่าความคิด ขายาวๆ ก็พาร่างสูงเดินตรงเข้าไปหาเธอ

“เอ่อ…ขอโทษครับ… คุณ…..”  ปรัตถ์เอ่ยออกไป

“ตวิษา ค่ะ  รู้สึกว่าดิฉันได้แนะนำตัวเองไปเมื่อสักครู่ก่อนนำเสนองานแล้ว  นี่ค่ะ นามบัตรของดิฉัน”  กล่าวพร้อมกับยื่นนามบัตรของตนให้ชายหนุ่ม

ฉึก!…โดนเข้าอีกดอก…

‘แม่เจ้าประคุณช่างเถรตรงเกินไปมั้ง….’  แม้จะโดนหญิงสาวเหน็บอีกครั้ง  แต่เขากลับรู้สึกว่าหญิงสาวตรงหน้ามีบุคลิกน่าสนใจจริงๆ  เขาจึงยื่นนามบัตรให้ตวิษาบ้าง เธอรับไปแล้วก้มลงอ่านชื่อเขา

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำวันนี้นะคะ ดอกเตอร์ปรัตถ์”  เธอออกเสียงเรียกชื่อเขาผิด เขาจึงรีบแก้ไขความเข้าใจของเธอให้ถูกต้อง

“ชื่อผมอ่านว่า ปะ-รัด  ครับ  ไม่ใช่ ปรัด”

“อ้อ..ค่ะ ดอกเตอร์ปรัตถ์”  คราวนี้เธอเรียกชื่อเขาได้อย่างถูกต้อง

“เรียกผมว่าปั้นก็ได้นะครับ จะได้สะดวก”

หญิงสาวยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบรับใดๆ

“คือผมเห็นว่าแผนการดำเนินงานที่คุณเสนอมาเป็นระบบมาก  คุณจะเริ่มงานสัปดาห์หน้าเลยใช่ไหม”

“ใช่ค่ะ….ดิฉันจะเข้ามาอีกครั้งวันจันทร์หน้า เวลาเก้าโมงเช้าค่ะ  คงจะไปพบฝ่ายไอทีเพื่อตรวจเช็คระบบเซิร์ฟเวอร์และระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องโดยละเอียดก่อนค่ะ”  ตวิษาอธิบายรายละเอียดของงาน

“ผมเพิ่งนึกได้ว่า อยากให้มีการทดลองนำร่องในบางกองก่อน เพื่อทดลองว่าระบบจะเวิร์คหรือไม่  หากติดขัดตรงไหนจะได้แก้ปัญหาได้ทันก่อนจะเริ่มใช้ทั้งหน่วยงาน”

“ได้ค่ะ ดิฉันเห็นด้วย”  หญิงสาวกล่าวพร้อมระบายยิ้มมุมปากเล็กน้อย  แม้ว่าจะรู้สึกหมั่นไส้อีตาขี้เก๊กคนนี้  แต่ด้วยฐานะเป็นบริษัทที่ปรึกษาที่รับงานของหน่วยงานเขา  ก็คงต้องแสดงมารยาทอันดีต่อลูกค้าด้วย  เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเพียงรอยยิ้มบางๆ ของเธอ ก็สามารถส่งกระแสหวานหวามเข้าไปในใจของชายหนุ่มตรงหน้าแล้ว

“งั้น ผมเสนอให้ใช้กองของผมเป็นกองนำร่อง เดี๋ยวผมจะรายงานและขออนุญาตผู้บังคับบัญชาเอง  คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา”

“โอเคค่ะ  งั้นวันนี้ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ… ดอกเตอร์”

“ปั้นครับ”  ชายหนุ่มรีบบอกย้ำชื่อเล่นของตนอีกครั้ง

“ค่ะ” หญิงสาวตอบรับ ยกมือไหว้ชายหนุ่ม ก่อนที่จะหิ้วคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คเดินออกจากห้องประชุมไป

“เดี๋ยวครับ….” ชายหนุ่มส่งเสียงเรียกหญิงสาวไว้ก่อนที่เธอจะพ้นประตูไป

“คะ?”  ตวิษาทำหน้าฉงน

“คราวหน้าหากคุณต้องไปนำเสนองานที่ไหน อย่าลืมเอาผมจุกบนหัวคุณออกก่อนด้วยนะครับ”  พูดพลางส่งประกายวิบวับในดวงตาอย่างล้อเลียน

“……..”   ตวิษาถึงกับอึ้ง…

‘อีตาดอกเตอร์ขี้เก๊ก… บ้าจริงมาเรียกผมมวยโดนัทของเราว่าผมจุก ตามไม่ทันแฟชั่นทรงผมซะเลย เราก็แค่ลืมเอามวยผมออก…ก็มันรีบนี่นา ถ้าไม่รวบผมไว้ นั่งมอเตอร์ไซค์มา มีหวังหัวฟูหนักกว่านี้อีกน่ะสิ’   เธอบ่นพึมพำกับตัวเอง เมื่อตั้งสติได้จึงกล่าวสวนกลับไป

“ค่ะ  ขอบพระคุณที่แนะนำ แต่ดิฉันว่าคุณควรจะให้ความสนใจกับสาระของการนำเสนอของดิฉันมากกว่าทรงผมนะคะ… วันนี้ลาก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”  กล่าวจบก็ยกมือไหว้เขาอย่างชดช้อยอีกครั้ง ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องประชุมไป  แม้ได้ความสะใจ แต่เมื่อออกจากห้องประชุมไปแล้ว ก็สำนึกได้ว่าตัวเองไม่น่าสวนออกไปเช่นนั้นเลย ยังไงเขาก็เป็นผู้ว่าจ้าง

‘ลูกค้าคือพระเจ้า…ท่องไว้นะ…ตวิษา’  หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง

‘ใช้ได้ๆ  ปล่อยหมัดสวนกลับมาได้ดี’  เขายิ้มกระหยิ่มใจ  สาวน้อยของเขาไม่ธรรมดาจริงๆ  แต่…เอ๊ะ!  เธอเป็น ‘สาวน้อยของเขา’ ตั้งแต่เมื่อไรกัน ชักเพ้อเจ้อหนักซะแล้วเรา…ไอ้ปั้น…

“ฮะแฮ่ม…ผอ. คะ…”  เสียงกระแอมดังขึ้นด้านหลังทำให้ปรัตถ์ที่กำลังมองตามตวิษาจนลับสายตาสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย

“ใจลอยไปถึงไหนคะ… ผอ. มีประชุมกับท่านปลัดเวลา 11 โมงนะคะ ตอนนี้เหลือเวลาอีก 10 นาที”  นารีรัตน์ ลูกน้องของปรัตถ์กล่าวเดือน  พร้อมส่งสายตาล้อเลียนเขา

“โอเคครับ  ขอบคุณมาก ผมคิดอะไรเพลินไปหน่อย งั้นขอผมไปเอาเอกสารที่โต๊ะก่อน แล้วเราไปเจอกันที่ห้องท่านปลัดเลยนะ”  เขากล่าวกับลูกน้อง พยายามเกลื่อนกลบรอยกระดากไว้  จากนั้นเขาก็รีบเดินกลับไปที่ห้องทำงานของตนโดยเร็ว

หลังจากประชุมกับท่านปลัดกระทรวงเสร็จ  ปรัตถ์กลับมานั่งทำงานจนถึงหกโมงเย็น แล้วจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดออกกำลังกาย  ขับรถไปยังสวนสาธารณะใกล้คอนโดฯ ที่พัก

เขามาวิ่งออกกำลังกายที่สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นประจำ  เนื่องจากอยู่ใกล้ที่พักและบรรยากาศดี สวนนี้เป็นสวนกว้าง มีบึงน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง รายล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ที่สร้างความร่มรื่นให้กับคนที่มาทำกิจกรรมในสวน  นับได้ว่าเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจใจกลางกรุงที่มีบรรยากาศดีเยี่ยมเลยทีเดียว

เขาชอบวิ่งเอ้าท์ดอร์ในสวนสาธารณะแบบนี้มากกว่าในฟิตเนส  เพราะได้สัมผัสกลิ่นอายของธรรมชาติมากกว่า  สร้างความสดชื่นให้กับร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการทำงานในห้องแอร์มาทั้งวัน  หลังจากวอร์มร่างกายเสร็จ  ออกวิ่งไปสักระยะหนึ่ง เห็นหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งอยู่ด้านหน้า เธอใส่เสื้อกล้ามสีดำและกางเกงวิ่งยาวแค่เข่าเข้ารูปอวดทรวดทรงอรชร เอวบางคอด สะโพกผายพองาม ขายาวเรียว  ลำแขนเล็กที่โผล่พ้นเสื้อกล้ามเข้ารูปเผยให้เห็นผิวขาวละเอียดนวลเนียนของเธอ  เหลือบตามองสูงขึ้นไปก็สะดุดกับ…ท้ายทอย!… และผมที่เกล้าเป็นมวยสูงบนกระหม่อมน้อยๆ ของเธอ และปอยผมรุ่ยร่ายที่เริ่มชื้นเหงื่อ

…. เหมือนจัง…หรือว่าจะเป็นสาวน้อยท้ายทอยทรงเสน่ห์และปากกล้าที่เขาเจอเมื่อเช้านะ…นี่เขาหมกมุ่นครุ่นคิดถึงสาวน้อยที่เพิ่งพบเจอกันมากจนถึงกับตาลายเห็นใครๆ เป็นเธอไปหมดหรือไงนะ….ทรวดทรงองค์เอวอรชรมากเลย เดี๋ยวนะ…ไม่ได้ขี้หื่นนะ แต่ขอดูหน้าซะหน่อยเถอะ จะได้รู้ว่าใช่เธอจริงดังที่คิดหรือเปล่า  คิดแล้วก็ออกแรงวิ่งเร็วขึ้น จนวิ่งมาเคียงข้างหญิงสาวที่ใส่หูฟังเพลงขณะวิ่งอย่างไม่สนใจคนรอบข้าง

ปรัตถ์เหลือบตามองหญิงสาว แล้วก็พบว่า…เป็นเธอจริงๆ…..สาวน้อยท้ายทอยทรงเสน่ห์ของเขา!

ตวิษาเริ่มสัมผัสได้ว่ามีคนวิ่งอยู่ข้างๆ พยายามวิ่งเคียงคู่กับเธอ จึงพยายามผ่อนความเร็วลง แต่ชายหนุ่มคนนั้นก็ไม่ยอมวิ่งแซงขึ้นไปสักที  รู้สึกหงุดหงิดในความไม่มีมารยาทของคนๆ นั้น  จึงหันขวับไปมองหน้าคนที่วิ่งข้างๆ ด้วยสายตาดุคมกริบ บ่งบอกความไม่พอใจชัดเจน  แต่แล้วก็พบกับรอยยิ้มกว้างเจิดจ้าและแววตาเจิดจรัสของชายหนุ่มที่ส่งกลับมา

“สวัสดีครับ เจอกันอีกแล้ว” ปรัตถ์ชิงเริ่มบทสนทนากับเธอก่อน เมื่อเห็นว่าสายตาดุๆ ของเธอพุ่งตรงมา และแล้วสายตานั้นก็พลันเปลี่ยนเป็นฉงน      ริมฝีปากบางอมชมพูอย่างคนมีอนามัยดีของเธอเผยออกเล็กน้อย

“ค่ะ..” ตวิษาประหลาดใจไม่นึกว่าจะเจอกับ ดร. ขี้เก๊กอีก  ‘อีตานี่จะตามหลอกหลอนฉันทั้งวันเลยหรือไง’

“คุณมาวิ่งที่สวนนี้บ่อยเหรอครับ  ผมมาเป็นประจำแต่ไม่เคยเจอคุณเลย”

“เพิ่งมาวันแรกค่ะ ดิฉันเพิ่งย้ายมาอยู่คอนโดฯ แถวนี้”

“คอนโดฯ ไหนครับ  ผมอยู่คอนโดฯ เดอะ เลควิว  ตึกสูงๆ ตรงมุมถนนด้านนั้น”  ชายหนุ่มชี้มือไปทิศที่ตั้งของคอนโดฯ ที่ตนอาศัย

“ค่ะ”  ตวิษาตอบสั้นๆ โดยไม่ยอมปริปากบอกว่าเธอก็อยู่คอนโดฯ เดียวกับเขา  เพราะคิดว่าคงไม่บังเอิญเจอกันอีก  แต่ถ้าหากดวงเกิดชงกันพอดี ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกทีละกัน

เมื่อสาวหน้าใสไม่ยอมเปิดเผยสถานที่พัก ปรัตถ์ก็ไม่อยากเซ้าซี้ให้ผิดสังเกต  คิดว่าไม่น่ายากที่จะสืบรู้ให้ได้ว่าเธอพักอยู่ที่ไหน

“คุณตวิษามีชื่อเล่นไหมครับ  เราคงต้องทำงานร่วมกันอีกนานจะได้คุ้นเคยกัน”

จู่ๆ ชายหนุ่มก็เปลี่ยนเรื่องจากการถามเรื่องที่อยู่ มาถามชื่อเล่นซะงั้น ทำเอาเธอหน้าเหวอเล็กน้อย แต่ก็กล่าวตอบอย่างสุภาพ

“เรียกดิฉันว่า ดิว ก็ได้ค่ะ”  จำใจต้องบอกชื่อเล่นของตนออกไป  ยังไงเขาก็เป็นลูกค้ารายสำคัญ ถ้าไม่บอกก็อาจดูไร้มารยาทเกินไปสักหน่อย  อีกทั้งเขาก็ไม่ได้มีทีท่าก้อร่อก้อติก  มีเพียงท่าทางแสดงความเป็นมิตร…แบบมากเกินไปซะหน่อย….เท่านั้นเอง

“ดิว ที่แปลว่าน้ำค้างเหรอครับ”  เธอพยักหน้ารับโดยไม่ได้กล่าวใดๆ

‘โอ้… แม่สาวน้อยน้ำค้างกลางหาว …เอ..หรือน้ำค้างบนยอดหญ้าดีนะ  แต่ดูท่าทางเธอแล้วน่าจะเป็นน้องน้ำแข็งมากกว่าน้องน้ำค้างนะ  ช่างเย็นชาเหลือเกิน’  ปรัตถ์คิดพลางอมยิ้มพลาง  จนทำให้หญิงสาวตรงหน้าทำหน้าฉงน

“ทำไมคะ ชื่อดิฉันแปลกเหรอคะ”

“เปล่าครับ  ผมคิดอะไรเพลินๆ ขอโทษด้วย  อ้อ..เราวิ่งต่อไหมครับ  ชวนคุยอยู่นาน”

“ค่ะ”  หญิงสาวรับคำและออกวิ่งต่อ  จำต้องออกวิ่งเคียงข้างเขา    ทั้งๆ ที่ใจจริงอยากจะอยู่ห่างอีตาดอกเตอร์ขี้เก๊กคนนี้เต็มทน

‘ไม่ได้สิ เราเป็นมืออาชีพนะ ควรจะแยกแยะเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวออกจากกัน  แค่วิ่งด้วยกันคงไม่เป็นการให้ความสนิทสนมกับลูกค้าของบริษัทมากจนเกินพอดีหรอกมั้ง’   ครุ่นคิดพลางชำเลืองมองชายหนุ่มที่วิ่งเคียงข้าง  เขาเป็นคนรูปร่างสูง…สูงกว่าเธอร่วม 20 เซนติเมตรมั้ง  นี่ขนาดเธอก็จัดว่าเป็นผู้หญิงที่สูงเกินกว่ามาตรฐานหญิงไทยคือประมาณ 165 เซนติเมตรแล้วนะ…แต่คาดว่าเขาน่าจะสูงราวๆ 185 เซนติเมตร  ไหล่ของเขากว้างผึ่งผาย  แผงอกหนั่นแน่นและซิกแพคที่เห็นชัดจากเสื้อยืดแขนสั้นสีดำค่อนข้างแนบลำตัว   ลำแขนก็มีมัดกล้ามพอสวยงาม ไม่ถึงกับใหญ่โตเหมือนนักเพาะกาย  วิ่งพลางแอบมองพลางแล้วก็รู้สึกว่าใจเริ่มสั่นๆ นะ…เป็นเพราะหุ่นแซ่บๆ ของอีตานี่เหรอ…ไม่นะ…เราคงวิ่งเหนื่อยมากไปมั้ง  พอดีกว่ายายดิว…..กลับบ้านอาบน้ำเย็นๆ ดีกว่า

หลังจากวิ่งได้อีกหนึ่งรอบตวิษาก็ขอตัวกลับบ้านก่อน ด้วยไม่ต้องการให้เขารู้ว่าเธอพักอยู่คอนโดฯเดียวกับเขา  ปรัตถ์สังเกตเห็นทีท่าของหญิงสาวก็รู้ทัน จึงไม่ห้ามและปล่อยเธอกลับไปแต่โดยดี

ตวิษาเดินกลับมายังคอนโดมิเนียมขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 15 แล้วตรงไปยังห้องพักขนาด 42 ตารางเมตรของเธอ  เธอตัดสินใจเลือกซื้อห้องพักนี้ เนื่องจากพื้นที่ไม่ใหญ่และไม่เล็กเกินไป  และทำเลใจกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้า จึงสะดวกในการเดินทางและเหมาะสมกับการใช้ชีวิตของหญิงสาวโสดเช่นเธอ

ทันทีที่กลับถึงห้องพัก เสียงโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวก็ดังขึ้น “สวัสดีค่ะ..” เธอรับสายที่เรียกเข้ามา

“ไอ้ดิว… แกไม่ต้องทักทายเป็นทางการกับฉันก็ได้นะ”  ปาฏลี เพื่อนรักของตวิษาส่งเสียงตอบกลับมา

“แกเองเหรอ ไอ้คุณหนูปลา ฉันรีบรับสายเลยไม่ได้ดูชื่อก่อนน่ะ”

“พรุ่งนี้เย็นแกว่างป่ะ กินข้าวกันไหม ไม่ได้รวมแก๊งค์สามสาวสวยของเรานานแล้วนะ ฉันนัดไอ้ดาวแล้ว”

“พรุ่งนี้…วันศุกร์เย็น ก็ดีเหมือนกันจะได้แฮงเอ้าต์ เม้าท์มอยกันได้นานหน่อย วันเสาร์ตื่นสายได้”      ตวิษารับนัดเพื่อน  พูดคุยกันอีกเล็กน้อยจึงวางสาย

จากนั้นตวิษาก็จัดการอาหารมื้อเย็น  และเริ่มภารกิจประจำวันของเธอตามปกติอย่างเพลิดเพลิน จนถึงเวลาเข้านอน   ด้วยความเหนื่อยล้ามาทั้งวัน เมื่อหัวถึงหมอนก็หลับสนิทไม่ได้มีความคิดคำนึงถึงผู้ชายขี้เก๊กคนนั้นอีกเลย

 



Don`t copy text!