แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 2 : วิศรุตและธิปก (2)
โดย : ณรัญชน์
แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ นวนิยายเรื่องล่าสุดจาก ณรัญชน์ ที่อ่านเอาคัดสรรมานำเสนอ กับเรื่องราวของกระจกโบราณที่สามารถทำนายอนาคตมนุษย์ทุกคนได้อย่างแม่นยำ ‘วิศรุต’ จึงใช้มันมาลิขิตชะตาชีวิตตัวเอง แม้นั่นจะหมายถึงการทำลายล้างคนรอบข้างอย่างโหดเหี้ยม ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงที่เขารัก นวนิยายออนไลน์จาก www.anowl.co
ในความรู้สึกของนารา ตึกสองชั้นใต้หลังคาทรงปั้นหยาที่ตั้งเด่นอยู่บนสนามหญ้าเขียวขจีหลังนี้ ไม่ได้เป็นเพียงอิฐหินปูนทรายที่ประกอบกันเข้าเป็นเรือนใหญ่ หากแต่เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นปรปักษ์และชิงชังที่ร้อยรัดชีวิตของเธอมาตั้งแต่เยาว์วัย
ปกติหญิงสาวจะกันตัวเองให้อยู่ห่างจากเรือนใหญ่มากที่สุด ไม่ย่างกรายมาเป็นอันขาดยกเว้นจะมีเหตุจำเป็น แต่วันนี้นาราต้องการตำราเล่มหนึ่งมาทำรายงานส่งอาจารย์ จำได้ว่ามีอยู่ในห้องทำงานของคุณพ่อ จึงตัดสินใจว่าจะขอยืมไปใช้
เธอขึ้นบันไดเตี้ยๆ สามขั้นหน้าเรือนใหญ่ เลี้ยวขวาไปทางระเบียงที่ทอดผ่านห้องรับแขก ตั้งใจจะรีบเดินผ่านไป แต่เสียงร้อนรนของรพีพรรณดังออกมาจากห้องนั้นเสียก่อน
“ทำไมคุณแม่ทำอย่างนี้คะ เป็นหนี้มากมายขนาดนี้ ถ้าใครรู้เข้าลูกจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
นาราชะลอฝีเท้า จะก้าวต่อไปก็รู้สึกว่าไม่เหมาะ เคราะห์ดีที่ม่านแบบสองไขที่ติดอยู่หน้าประตูช่วยบังร่างบอบบางของเธอไว้ คนข้างในจึงพูดกันโดยไม่สังเกตเห็น
“แม่ประมาทเอง ไม่คิดเลยว่าเพื่อนกันจะทำกันได้ลง เห็นคนอื่นเขาค้าขายได้กำไรโครมๆ พอเราทำบ้างกลับโชคร้ายเสียนี่” วรรณาว่า
ตั้งใจฟังอีกครู่หนึ่งนาราก็จับใจความได้ว่าก่อนที่สุพจน์จะไปทำงานในต่างประเทศ เขาได้ฝากเงินก้อนใหญ่เข้าบัญชีของวรรณาเพื่อให้เป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน ขณะที่วรรณาเมื่อสามีไม่อยู่ก็มีเวลาว่างเหลือเฟือ จึงแก้เหงาด้วยการออกไปสังสรรค์กับเพื่อนที่คบหากันมาตั้งแต่สาวๆ
ในกลุ่มนี้มีคนหนึ่งชื่อวิจิตรา แต่งงานไปกับข้าราชการในจังหวัดภูเก็ต นานๆ จะกลับมาพระนครสักครั้ง หล่อนกลับมาคราวนี้เพื่อนๆ สังเกตว่าวิจิตราอวบอิ่มดูมีราศีขึ้นผิดหูผิดตา การแต่งกายก็หรูหรา โดยเฉพาะ หู คอ และนิ้วมือที่พราวไปด้วยเครื่องประดับราวกับเป็นตู้ทองเคลื่อนที่
วิจิตราเล่าว่าหล่อนไปรู้จักกับเจ้าของร้านทองรายหนึ่ง ซึ่งมีเส้นสายสามารถซื้อทองคำจากโรงงานได้ในราคาถูกกว่าท้องตลาด วิจิตราเลยอาศัยเพื่อนคนนี้ลงทุนค้าทองคำเป็นงานอดิเรก ทำอยู่สองปี ได้เงินเป็นกอบเป็นกำจนสามารถปลูกบ้านหลังใหญ่และซื้อที่ดินในภูเก็ตไว้ได้หลายผืน
เมื่อหล่อนได้กำไรงาม ซ้ำยังเชื่อถือได้เพราะรู้จักกันมาหลายสิบปี คนอื่นๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นแม่บ้านด้วยกันทั้งสิ้นก็เห็นเป็นโอกาสเหมาะ จึงรวมเงินคนละเล็กละน้อยฝากวิจิตราไปค้าทองคำบ้าง พอได้กำไรมาก็แบ่งสันปันส่วนกันไปแล้วแต่ว่าใครลงทุนมากน้อยเท่าใด
แรกๆ วรรณาได้กำไรกลับมาหลายหมื่นบาท จนหมดความกริ่งเกรง เธอก็เลยถอนเงินทั้งหมดจากบัญชีที่สุพจน์ทิ้งไว้ให้มาลงทุน รวมกับคนอื่นๆ ที่เพิ่มเงินเป็นสองเท่าสามเท่ากันทุกคน
แต่แล้วหลังจากได้เงินก้อนใหญ่ วิจิตราก็หายเข้ากลีบเมฆไปเฉยๆ ไม่ติดต่อเพื่อนฝูงอีกเลย วรรณา ผุดลุกผุดนั่งรอฟังข่าวอยู่เป็นเดือน กระวนกระวายแทบจะคลั่งใจตาย ในที่สุดก็รู้จากคนที่ลงทุนนั่งรถไปตามหาวิจิตราถึงภูเก็ตว่า
‘ฉันไปตามที่อยู่ที่วิจิตราให้ไว้แต่ไม่มีใครรู้จักวิจิตราเลย ที่สำนักงานเขตที่วิจิตราบอกว่าสามีเขาทำงานอยู่ มีข้าราชการชื่อนี้จริงๆ แต่ตายไปนานแล้ว ภรรยาเขาก็ไม่ใช่วิจิตราด้วย’
คนเล่าถอนหายใจ หน้าหมองซีดเซียวด้วยความเสียดายเงิน
‘พอดีนึกขึ้นได้ว่าพ่อของวิจิตราตั้งรกรากอยู่ที่จันทบุรี ฉันเลยเสี่ยงไปหาดู คนที่นั่นบอกว่าพ่อวิจิตราอพยพไปอยู่ปักกิ่งนานแล้ว ถ้าวิจิตราหอบเงินหนีไปก็คงไปเมืองจีนนั่นละ’
มีเสียงสะอื้นดังมาจากใครคนหนึ่งพลอยทำให้เพื่อนๆ ที่เหลือน้ำตาร่วงตามไปด้วย เพราะประจักษ์แล้วว่าถูกโกงอย่างแน่นอน ถึงจะไปแจ้งความไว้แต่ก็แทบไม่เห็นหนทางที่จะได้เงินกลับคืนมา ซ้ำยังไม่กล้าทำให้เป็นข่าวอื้อฉาวเพราะจะพลอยเสื่อมเสียไปถึงสามีของหลายๆ คน ซึ่งมีหน้าที่การงานเป็นที่นับหน้าถือตาในสังคม
ในบรรดาเจ้าทุกข์ทั้งหมด วรรณาลงทุนไปมากที่สุดเนื่องจากมีเงินก้อนใหญ่อยู่ในมือ นอกเหนือไปจากการต้องข่มความเสียดายใจแทบขาดแล้ว เธอยังมีปัญหาอีกข้อหนึ่ง นั่นคือจะทำอย่างไรถึงจะเลี้ยงดูคนในบ้านต่อไปได้
ขณะกำลังมืดแปดด้านอยู่นั่นเอง ก็มีคนแนะนำให้วรรณารู้จักคุณนายสายหยุด เศรษฐีใหม่ซึ่งอู้ฟู่ขึ้นมาจากการเซ็งลี้กับทหารญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลก พอสงครามสงบลงคุณนายก็หันมาปล่อยเงินกู้และรับจำนองเพชรพลอย นับว่าตรงกับความประสงค์ของวรรณาพอดี
วรรณาจำใจต้องยืมเงินคุณนายสายหยุดมาหลายครั้ง ทุกครั้งสัญญาว่าจะจ่ายคืนตามกำหนด แต่เอาเข้าจริงก็ไม่เคยคืน มีแต่จะทบต้นทบดอกเข้าไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นหนี้หลายแสนบาทเข้าไปแล้ว
พอรู้สถานการณ์ทางบ้านนาราก็ใจหาย กระนั้นความตระหนกทั้งหมดยังไม่รุนแรงเท่ากับความรู้สึกเมื่อได้ฟังประโยคถัดมา
“ตอนนี้แม่สายหยุดเขามาเร่งให้แม่ใช้หนี้แล้ว แต่แม่จะเอาเงินที่ไหนไปคืนเขาล่ะ โชคดีแม่สายหยุดเสนอว่าจะยอมยกหนี้ให้ถ้าหากเราดองเป็นทองแผ่นเดียวกับเขา”
เสียงรพีพรรณร้องออกมาทันที “อย่าบอกนะคะว่าจะให้ลูกไปแต่งงานกับนายเจ๊กวิฑูรย์ลูกชายยายสายหยุดนั่น ลูกขอตายเสียดีกว่า”
วรรณาลูบผมลูกสาวอย่างปลอบโยน ตัวเธอก็เป็นเช่นเดียวกับผู้ดีเก่าโดยมาก ที่รังเกียจเศรษฐีใหม่ที่เพิ่งจะร่ำรวยขึ้นมาในระยะหลัง แต่ไม่ยักรังเกียจเงินทองของคนเหล่านี้
“ไม่ต้องกลัวนะลูก แม่ก็ไม่มีวันให้ลูกสาวแม่ไปแต่งงานกับนายวิฑูรย์หรอก ที่แม่สายหยุดอยากดองกับบ้านเราเพราะอยากได้นามสกุลเก่าแก่ของคุณปู่ไปเชิดชูวงศ์ตระกูล จะได้ลบคำสบประมาทว่าเป็นพวกเจ๊กไม่มีสกุลรุนชาติเท่านั้น แม่ถึงได้พาแม่นาราไปให้เขาดูตัวคนเดียวไม่พาลูกไปด้วยไงล่ะ โชคดีที่นายวิฑูรย์พอใจ แม่ก็หมดห่วง”
ความตกใจของนาราเทียบได้กับมีสายฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาตรงหน้า ปริศนาที่กังขามานานคลี่คลายในนาทีนั้นเอง
หญิงสาวจำได้ว่าจู่ๆ วันหนึ่งวรรณาก็พาเธอไปทำผมแต่งหน้าที่ร้านเสริมสวย ก่อนจะพาไปจิบน้ำชาที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เพื่อนร่วมโต๊ะของเธอเป็นคุณนายร่างใหญ่ผิวขาวเหลือง พูดจาอ่อนหวานดูคล่องแคล่วในการสมาคม ลูกชายคุณนายเป็นหนุ่มจีนหน้าตาเรียบๆ ไม่มีสิ่งใดสะดุดความสนใจเป็นพิเศษ นอกเสียจากจะขยันส่งยิ้มให้บ่อยจนนารานึกรำคาญ
วันนั้นเป็นครั้งแรกที่นาราได้พบกับวิฑูรย์ แต่ไม่คิดเลยว่าเบื้องหลังยังมีความนัยซับซ้อนมากกว่าการแนะนำหนุ่มสาวให้รู้จักกันตามธรรมดา
อันที่จริงคุณนายสายหยุดอยากให้ลูกชายแต่งงานกับลูกสาวคนโตของวรรณามากกว่า แต่ติดที่วิฑูรย์พอใจนาราตั้งแต่แรกพบ นางจึงต้องปล่อยเลยตามเลยเพราะถือคติว่าเมื่อจะปลูกเรือนก็ต้องตามใจผู้อยู่ ถึงอย่างไรนาราก็ใช้นามสกุลจรัสวงศ์เหมือนพี่สาว อีกทั้งวรรณายังรับรองด้วยว่า
‘แม่ของนาราตายไปตั้งแต่แกยังเล็ก ก็ได้ฉันนี่ละที่ช่วยเลี้ยงดูมาเหมือนลูกแท้ๆ ยกย่องเชิดชูเทียบเท่าแม่รพีลูกของฉันเลยทีเดียว’
คุณนายสายหยุดเพิ่งจะสร้างฐานะขึ้นมาได้ไม่นานนัก ยังไม่รู้จักผู้คนในสังคมระดับเดียวกับวรรณา จึงไม่รู้ความเป็นไปของอีกฝ่ายมากกว่าเรื่องที่วรรณาเล่า และเพื่อให้สมจริงดังคำพูด วรรณาก็ลงทุนซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้นาราหลายชุด สั่งให้แต่งตัวสวยงามไปต้อนรับวิฑูรย์บนเรือนใหญ่ทุกครั้งที่ฝ่ายชายแวะมาหา บริวารทั้งบ้านถูกสั่งห้ามไม่ให้เอ่ยถึงความเป็นอยู่ที่แท้จริงของหญิงสาวให้เข้าหูวิฑูรย์โดยเด็ดขาด
วรรณาไม่จำเป็นต้องอธิบายเหตุผล เพียงผู้มีอำนาจสูงสุดในบ้านบัญชาก็ไม่ใครกล้าฝ่าฝืนอยู่แล้ว
อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้แต่นาราเองก็รู้ว่าจะหักหาญความต้องการของแม่เลี้ยงตรงๆ หาได้ไม่ หญิงสาวยอมออกไปรับหน้าวิฑูรย์ทุกครั้งที่ชายหนุ่มมาเยี่ยม แต่ก็ทุกครั้งอีกเช่นกันที่วิฑูรย์จะพบว่าสาวน้อยคู่หมายของเขาเป็นต้องมีเหตุขัดข้องบางอย่าง อาทิเช่นเจ็บคอเสียงแหบจนพูดไม่ไหว บางครั้งก็หูอื้อไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง ต้องตะโกนคุยกันจนแสบคอ
หรือมีอยู่ครั้งหนึ่ง นาราบอกให้เขานั่งรอในห้องรับแขก ตัวเองหลบเข้าไปในครัวคั่วพริกแห้งเป็นกิโลๆ กลิ่นฉุนแสบร้อนตลบอบอวลไปทั้งบ้านจนแขกสำลักน้ำหูน้ำตาไหลต้องลากลับแทบไม่ทัน
มัวแต่คิดเพลินจนเกือบใจลอยไปเสียแล้ว นารารีบดึงสติกลับสู่สถานการณ์ตรงหน้า เธอเอนตัวเข้าไปอีกนิดเพื่อฟังวรรณาคุยกับลูกสาวต่อไป
“แม่ตั้งใจว่าสิ้นเดือนนี้จะให้นาราหมั้นกับพ่อวิฑูรย์เสียที แล้วอีกสักเดือนก็แต่งงานเลย จะได้หมดปัญหาไม่ต้องกังวลเรื่องหนี้สินอีก”
“แต่นารายังเรียนไม่จบเลย จะยอมแต่งงานหรือคะ”
ขณะนี้นาราอยู่ชั้นปีที่สองของมหาวิทยาลัย ยังต้องเรียนอีกหลายปีกว่าจะจบ แต่น้ำเสียงมารดาเลี้ยงเหี้ยมเกรียมทีเดียวเมื่อตอบลูกสาว
“ยังไงมันก็ต้องแต่ง เรื่องอะไรแม่จะยอมส่งเสียลูกนังตวงพรให้เรียนจบเป็นบัณฑิต อีกอย่างหนึ่ง อีกไม่เกินครึ่งปีคุณพ่อก็จะกลับมาแล้ว แม่ต้องรีบล้างหนี้ให้ได้ก่อน ไม่อย่างนั้นถ้าคุณพ่อรู้ว่าแม่สูญเงินไปหมด บ้านเราต้องลุกเป็นไฟแน่”
บ่วงบาศอาบยาพิษที่แม่เลี้ยงเตรียมจะคล้องลงมาครั้งนี้ถือว่าร้ายแรงนัก หากหลบหลีกไม่พ้นก็คงสร้างบาดแผลให้เจ็บปวดทรมานไปตลอดชีวิต…
นาราเดินกลับเรือนเล็กด้วยจิตใจหนักอึ้ง หากว่าเธอปฏิเสธไม่ยอมแต่งงาน แน่เหลือเกินว่าการย่ำยีบีฑาจากเรือนใหญ่จะต้องรุนแรงขึ้นอีกเป็นเท่าทวี โดยเฉพาะแม่องุ่นจะต้องรับเคราะห์ก่อนเป็นรายแรก
ทุกวันนี้ถึงแม้นาราจะแอบทำงานพิเศษหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวแล้ว แต่ก็ไม่มากมายอะไร เธอยังต้องรอเงินค่าเทอมและค่าใช้จ่ายจิปาถะจากวรรณาอยู่ การปฎิเสธแม่เลี้ยงอย่างโจ่งแจ้งจึงมีแต่จะเป็นผลร้ายกับตัวเอง
แต่ถ้ายอมง่ายๆ ก็ไม่ใช่นาราน่ะสิ
เรื่องเจ้าเล่ห์…ไม่ใช่สิ…ต้องเรียกว่าใช้สติปัญญาแก้ปัญหา ใช่ว่าคุณแม่ใหญ่จะทำเป็นอยู่คนเดียวเสียที่ไหน!
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 10 : ใครกันแน่ที่มีเลือดกรุ๊ปพิเศษ (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 9 : เหตุเกิดในงานเลี้ยง (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 9 : เหตุเกิดในงานเลี้ยง (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 8 : ขวากหนามของวิศรุต (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 8 : ขวากหนามของวิศรุต (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 7 : เจ้าสาวอยู่ไหน (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 7 : เจ้าสาวอยู่ไหน (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 6 : ไว้ใจได้ไหมนายหน้าหนวด (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 6 : ไว้ใจได้ไหมนายหน้าหนวด (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 5 : ไขฟู่... กระจกพยากรณ์ (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 5 : ไขฟู่... กระจกพยากรณ์ (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 4 : คนหลอกลวงเลี้ยงไม่เชื่อง (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 4 : คนหลอกลวงเลี้ยงไม่เชื่อง (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 3 : ที่แท้ก็สิบแปดมงกุฎดีๆ นี่เอง (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 3 : ที่แท้ก็สิบแปดมงกุฎดีๆ นี่เอง (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 2 : วิศรุตและธิปก (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 2 : วิศรุตและธิปก (1)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 1 : โลกใบเล็กของนารา (2)
- READ แรมสิบห้าค่ำนี้มีปาฎิหาริย์ บทที่ 1 : โลกใบเล็กของนารา (1)