โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 10 : เขาเป็นใครกันแน่ (1)

โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 10 : เขาเป็นใครกันแน่ (1)

โดย : ปีกดอกไม้

Loading

โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน นิยายโรแมนติกแฟนตาซีที่มีกลิ่นอายจีนโบราณ ผลงานรางวัลรองชนะเลิศโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 4 ของ ปีกดอกไม้ หรือ รสริน พระปริยัติ อ่านเอานำมาให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของโรงน้ำชาและเรื่องราวของผู้คนที่นี่ รวมถึงปริศนาเบื้องหลังของน้ำชาความทรงจำนี้ อ่านได้แล้วที่เว็บไซต์อ่านเอา anowl.co

กลับออกมาอีกครั้งพร้อมกับผ้าทั้งสองผืนที่ถูกซักมาอย่างสะอาดเอี่ยมอ่องก็พบว่าคนที่นั่งเอกเขนกท่าทีสบายราวกับอยู่บ้านก่อนหน้าตอนนี้กำลังนั่งหลังตรงอย่างสง่างาม ทว่ามันดูเลิ่กลั่กและไร้ความเป็นธรรมชาติโดยสิ้นเชิง

เขาเหลือบตามองเธอจากหางตาก่อนจะยื่นมือออกมากลางอากาศ มโนชายื่นผ้าขนหนูผืนเล็กทั้งสองผืนให้

ในตอนนี้ร่างกายเจ้านายของเธอดูปกติมาก ไม่ได้ดูอ่อนระโหยโรยแรงเหมือนคนบาดเจ็บเลยแม้สักนิดทั้งที่เวลาเพิ่งจะผ่านมาได้เพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้แม้กระทั่งจะยืนให้อยู่ก็ยังจะไม่ไหว

การเยียวยาร่างกายของคุณเฉินคนนี้ชักจะมหัศจรรย์เกินไปแล้ว

“ขอโทษด้วยเรื่องอาหารของเธอ” เขาเอ่ยเรื่องนี้ซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง เรื่องกินของเธอในสายตาของเขาคงจะเป็นเรื่องสลักสำคัญมากถึงขนาดคอขาดบาดตาย

“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวซินไปต้มมาม่าก็ได้ คุณเฉินจะทานด้วยไหมคะ”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันจะขอบคุณมาก” เขาเปลี่ยนกลับไปสู่โหมดสุภาพทั้งที่เมื่อครู่ยังเรียกเธอว่า ‘ลูกหมา’ อยู่เลย “และหากจะกรุณาอีกข้อก็ขอเสื้อให้ฉันสักตัว แบบที่เธอใส่อยู่นี่ก็ได้”

แม้จะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่ท่าทางการนั่งหลังตรงและไม่ยอมสบตานั้นแสดงความรู้สึกเก้อกระดากออกมา

 

เป็นเวลาเกือบตีหนึ่งในตอนที่มโนชายกชามบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมา ฝนเทลงมาอีกรอบแต่ไม่ตกหนักเหมือนอย่างในทีแรก สองคนกินอาหารกันตายกันอย่างเงียบเชียบโดยมีเสียงฝนเป็นฉากหลัง ต่างคนต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเองกระทั่งมโนชาเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น

“สองคนนั้นเป็นใครคะ ทำไมถึงต้องตามทำร้ายคุณด้วย”

“ฉันเองก็ไม่รู้ แต่เมื่อเย็นฉันไปพบคนคนหนึ่งมา เขาเป็นตำรวจ เดาว่าสองคนเมื่อครู่น่าจะเกี่ยวข้องกับคดีที่ฝั่งนั้นทำอยู่และฉันคงติดร่างแหไปด้วยเพราะเหตุนี้ เลยทำเอาเธอต้องเดือดร้อนไปด้วย”

“ก่อนซินจะเดินมาเจอคุณ ตอนเดินเข้าซอยมาซินสวนกับสองคนนั้นด้วยและได้ยินหนึ่งในนั้นเอ่ยชื่อคุณภาทิศ…” มโนชาเหลือบตามองเขาก็ได้เห็นว่าเฉินเอินที่กำลังจะเอาบะหมี่เข้าปากชะงักไป “ตอนนั้นที่คุณภาทิศมาหาคุณมันเรื่องอะไรหรือคะ เกี่ยวข้องอะไรกับธุรกิจที่คุณภาทิศทำร่วมกับกลุ่มนายทุนจีนพวกนั้นหรือเปล่า…”

มโนชาย่อมรู้ดีว่าเฉินเอินไม่ใช่กลุ่มนายทุนจีนซึ่งภาทิศดีลงานอยู่เพราะเธอเคยมีโอกาสได้เป็นล่ามให้สองถึงสามครั้ง แต่ส่วนมากเหมือนภาทิศจะเอาเธอไปประดับบารมีเสียมากกว่าเพราะทางนั้นเองก็มีล่ามซึ่งคิดว่าเป็นคนในรู้เรื่องลับลมคมในส่วนได้ส่วนเสีย

“ฉันมีบางเรื่องที่ยังอาจบอกเธอไม่ได้ในตอนนี้ ขอให้ฉันได้ทบทวนดูหน่อย แต่จะไม่ให้เธอเป็นอันตรายเด็ดขาด ข้อนี้ฉันให้คำสัญญากับเธอได้”

“คุณไม่ได้เป็นตำรวจทางฝั่งจีนมาตามสืบคดีอะไรอย่างนี้ใช่ไหมคะ” เฉินเอินส่ายหน้า “ถ้างั้นก็เป็นพวกนักสืบ?” เขาส่ายหน้าอีก “สายลับ? ซินแส?”

คนถูกถามถึงกับต้องยกมือขึ้นมากุมขมับ ก่อนจะดุเธอออกไปด้วยสายตา

“ฉันก็เป็นเพียงแค่เถ้าแก่โรงน้ำชาเท่านั้น ไม่ได้โกหกเธอเลยในข้อนี้” เขาไม่ได้โกหกเธอจริงๆ

มโนชาทำเสียจิ๊จ๊ะอย่างไม่สบอารมณ์ เฉินเอินขมวดคิ้วมองดูคนตรงหน้าอย่างค่อนข้างสับสน ไม่รู้จะหัวเราะดีหรือระอาดี

“ซินไม่ถามแล้วก็ได้ปวดหัว” เฉินเอินส่ายหน้าว่าใครกันแน่ที่ปวดหัว “ถ้าอย่างนั้นถามถึงพี่สุ่ยเหอคงจะได้ใช่ไหมคะ ทำไมไม่ได้มาด้วยกันกับคุณเฉิน”

“เราถูกตามมาตั้งแต่โรงแรมและตกลงจะแยกกันหนี ตอนนี้สวีสุ่ยเหอปลอดภัยดี หลังจากจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จก็จะมาที่นี่ทันทีในตอนเช้าซึ่งก็คงอีกไม่กี่ชั่วโมง”

“นานๆ จะได้ออกจากโรงน้ำชาสักทีออกมาทีก็มีเรื่องเลย แล้วคุณเฉินคิดจะทำยังไงกับปืนสองกระบอกนี่ล่ะคะ แล้วเรื่องแจ้งตำรวจ…” เอ่ยพลางบุ้ยใบ้ไปทางอาวุธโลหะสีดำสองกระบอกที่เขาเก็บเอามาด้วย

“ก็ต้องยกให้ตำรวจไป คนอย่างฉันไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับอะไรที่ผิดกฎหมาย เพียงแต่เรื่องนี้มันมีขั้นตอนของมันซึ่งไม่อาจจะดำเนินการไปตามปกติได้ เธอรีบกินเถอะตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้เธอจะได้ไปเยี่ยมอาม่าแล้วมะรืนเราก็จะกลับโรงน้ำชากัน” กำหนดการไม่ได้เปลี่ยน หญิงสาวพยักหน้าแล้วจัดการอาหารตรงหน้าจนหมดชาม เขาเองก็เช่นกัน

มโนชาจัดแจงให้เจ้านายนอนตรงโซฟาของบ้านเพราะเจ้าตัวปฏิเสธที่จะขึ้นไปนอนบนห้อง ซึ่งก็ถูกควรดีแล้ว หนึ่งเพราะเขาไม่ได้เจ็บขนาดนั้น และสองเพราะถึงแม้เขาจะเป็นเจ้านายเธอแต่เขาก็เป็นผู้ชาย

เข็มนาฬิกาบอกเวลาตีสี่ อีกไม่นานก็เช้าแล้ว แต่เธอนอนไม่หลับ ได้แต่นอนพลิกตัวไปมาจนเริ่มจะรำคาญตัวเอง อาจคงเพราะมีคนอื่นที่ไม่คุ้นเคยมานอนร่วมบ้าน หรือเพราะบางทีเรื่องที่เผชิญร่วมกันกับเขามันน่าหวาดหวั่นจนเกินไป ตลอดทั้งชีวิตเธอไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์ไหนที่ต้องมีปืนมาข้องเกี่ยวมาก่อน มันคงยากเกินจะข่มตาลงได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อปลงตกเสียแล้วว่าไม่ว่ายังไงก็คงจะนอนไม่หลับมโนชาก็เลยก้าวลงมาด้านล่าง เดินลงมาอย่างเงียบเชียบก่อนจะย่องไปชะเง้อดูตรงโซฟา นาทีแรกเธอระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่เขากำลังหลับอยู่ เพียงแต่ว่าอาการหลับของเขาดูไม่ได้เป็นไปอย่างปกติเท่าไรนัก

เฉินเอินนอนกระสับกระส่ายไม่เป็นสุข ใบหน้าของเขาที่เห็นผ่านแสงสลัวนั้นเต็มไปด้วยเหงื่อที่ซึมออกมา และเส้นผมที่ตกลงมาระกับหน้าผากก็เปียกโชกไปหมด

เธอเคยรู้มาว่าคนที่ผ่านเรื่องราวเลวร้ายมามักจะฝันร้าย เธอเองก็เคยเป็นเมื่อยามเป็นเด็ก เคยฝันถึงเหตุการณ์ไฟไหม้ที่พรากทุกคนไป แต่พอเวลาผ่านทุกอย่างก็ค่อยๆ เลือนรางไปพร้อมกับที่ฝันนั้นจางหายไปด้วย

ใบหน้าของเขาช่างดูอ่อนเยาว์ในตอนหลับ แต่ท่าทางของเขาชอบทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นคนแก่ เธอจ้องดูใบหน้าขาวใสซับสีชมพูอ่อนด้วยความไม่สบายใจนัก

“หรือบางทีแผลจะอักเสบ” หญิงสาวยื่นมือออกไปสัมผัสบริเวณหน้าผากของเขาอย่างแผ่วเบา เม็ดเหงื่อผุดพรายล้อมกรอบหน้า คิ้วของเขาขมวด และก็จริงดังคาดที่ว่าเขากำลังมีไข้

มโนชาถอนใจยาว ก้าวหายไปหลังบ้านเพื่อกลับไปคว้าผ้าผืนเดิมและเริ่มต้นเช็ดตัวให้เขา แต่ทันทีที่ผืนผ้าสัมผัสตัวเขาก็ลืมตาขึ้นและคว้ามือเธอเอาไว้พร้อมกับท่าทีสงสัย ดวงตาคู่สวยนั้นดูฉ่ำเยิ้มและเป็นสีแดงเพราะพิษไข้

“คุณไข้ขึ้นค่ะ ซินว่าแผลน่าจะอักเสบ ไหนๆ ก็ตื่นแล้วทานยาลดไข้หน่อยนะคะ ตอนนี้ตีสี่กว่าแล้วเดี๋ยวพอเช้าเรารีบไปโรงพยาบาลกันดีกว่านะคะ”

“แผลอักเสบหรือ เป็นไปไม่ได้” เขามีท่าทีงงงวยก่อนจะเอื้อมมือแตะลงตรงแผลของตัวเอง สัมผัสได้ถึงผ้าก๊อซที่นูนผ่านเสื้อยืดออกมา แต่ยิ่งไปกว่านั้นมันกลับมีของเหลวเหนียวหนืดสีแดงข้นติดออกมาด้วย

“เลือดออกอีกแล้ว คุณนอนเฉยๆ นะคะ ไม่แน่ว่าเมื่อครู่อาจจะนอนกระสับกระส่ายพลิกตัวไปโดนอะไรหรือเปล่าแผลอาจจะฉีก ซินจะเปลี่ยนผ้าก๊อซให้”

ชายหนุ่มทิ้งตัวลงอย่างว่าง่าย รู้สึกตัวรุมๆ เพราะพิษไข้ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับกลไกการทำงานของร่างกายนี้ หากแผลติดเชื้อจริงคงไม่ได้เกิดขึ้นในทันทีไม่ใช่หรือ จะว่าไปมันนานเท่าไรแล้วนะที่เขาไม่ได้เป็นไข้สูงแบบนี้ นานจนแทบจะไม่เหลือความรู้สึกติดอยู่ในความทรงจำ ครั้งสุดท้ายคงเป็นหลังพิธีสวมกวาน (1)  แน่นอนว่ามันเกิดขึ้นก่อนที่จะได้ดื่มชาสีชาด อาการครั่นเนื้อครั่นตัว ความรู้สึกถึงความเป็นมนุษย์นี้ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร

คนป่วยด้วยพิษไข้หลับไปหลังจากกินยาได้ไม่นาน มโนชามองดูอย่างกังวล เพราะเมื่อครู่ที่เปิดออกดูแผลเหมือนมันจะดูแย่กว่าในตอนแรกที่เธอทำแผลให้เขาเสียอีก

“พี่สุ่ยเหอคะ ซินว่าเรารอเช้าไม่ได้แล้วค่ะ คุณเฉินน่าจะดูท่าไม่ดีแล้ว…”

 

เชิงอรรถ :

(1) พิธีเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ของผู้ชายชาวจีนสมัยโบราณเมื่ออายุครบยี่สิบปี

 



Don`t copy text!