Run Away หัวใจไกลรัก บทที่ 1 : Run for Rut
โดย : ภัสรสา
Run Away หัวใจไกลรัก นิยายออนไลน์เรื่องล่าสุดของ ภัสรสา ได้ลงจนจบบริบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางผู้เขียนใจดีมอบ 5 บทแรกไว้ให้อ่านกันที่อ่านเอา และหากติดใจอยากอ่านต่อ อดใจรออีกนิด เนื่องจาก Run Away หัวใจไกลรัก อยู่ในขั้นตอนการรวมเล่มกับสำนักพิมพ์ภัสรสาค่ะ
……………………………………………………………….
-1-
ศรุตถอนใจยาวก่อนเข้านั่งประจำที่ เก้าอี้ตัวใหญ่บุหนังอย่างดีรองรับสรีระทำให้นั่งทำงานได้นานโดยแทบไม่มีปัญหาเรื่องปวดหลังเลย เบื้องหน้าเป็นโต๊ะทำงานที่มีคอมพิวเตอร์จอใหญ่คละไปกับหนังสือและเอกสารมากมาย เมื่อเปิดคอมพิวเตอร์ได้ชายหนุ่มก็นั่งนิ่งจ้องมองภาพถ่ายที่ตั้งค่าไว้ให้แสดงอยู่กลางหน้าจอ บางทีศรุตก็สงสัยว่าตัวเองคิดอะไรอยู่กันแน่ถึงได้ไม่ยอมเอาภาพนี้ลงเสียทีแม้ว่ามันจะทำให้เขาโมโห หงุดหงิด สับสน และมีบางครั้งเหมือนกันที่ชายหนุ่มยอมรับว่าลึกๆ แล้วเขารู้สึกเจ็บปวดร่วมด้วย หากอาการทั้งหมดที่กล่าวมาก็เกิดขึ้นในช่วงเดือนแรกเท่านั้น
ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาสามเดือนแล้ว และเขาปรับตัวได้ค่อนข้างเก่ง เก่งมากพอจะดูรูปแล้วเพียงคิดสงสัยว่าอะไรที่ทำให้เรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้ ยังเจ็บอยู่บ้างแต่ไม่ถึงกับทรมานแล้ว ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเจ็บจนชาชินด้วยหรือเปล่า หรือบางทีอาจเป็นเพราะหัวใจเขาตายไปแล้ว
สิ่งที่ตายแล้วไม่มีความรู้สึกหรอก
ศรุตเอื้อมมือไปเปิดอุปกรณ์ปล่อยสัญญาณเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สาย (wifi) แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือของตนมาเปิดเพื่อตรวจสอบการปรับปรุงของแอปพลิเคชันต่างๆ พบว่ามีอยู่สี่ตัวที่ต้องอัปเดต สายตาเหลือบไปมองสัญญาณเห็นว่ายังเป็นสัญญาณของเครือข่ายโทรศัพท์ (4G) จึงนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้เขาเข้าไปทำธุรกรรมการเงินในแอปพลิเคชันของธนาคาร ซึ่งเขาตั้งค่าไว้ให้ใช้สัญญาณของเครือข่ายโทรศัพท์เท่านั้น ไม่สามารถใช้สัญญาณ wifi เชื่อมต่อได้จึงต้องปิดเสียก่อน กลับกันในตอนนี้ที่ต้องใช้สัญญาณ wifi เพื่อความสะดวกในการดาวน์โหลดข้อมูลจำนวนมาก จึงรีบเปิดให้โทรศัพท์เชื่อมต่ออย่างรวดเร็ว ตอนนี้สัญลักษณ์ 4G เปลี่ยนเป็นขีดสามขีดบ่งบอกว่าโทรศัพท์เขาเชื่อมต่อ wifi เรียบร้อยแล้ว จากนั้นกลับมากดปุ่มอัปเดต
หากมีบางอย่างสะกิดใจ…
เพราะไฟแสดงสถานะการทำงานของตัวปล่อยสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่อยู่บนโต๊ะบ่งบอกว่ามันยังไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ซึ่งไม่น่าแปลกใจเพราะเขาเพิ่งเปิดเมื่อครู่นี้ แต่ทำไมโทรศัพท์เขาจึงขึ้นว่าเชื่อมต่อแล้ว
หรือเขาจะไปเชื่อมต่อสัญญาณของคนอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ…แต่มันไม่น่าเป็นไปได้
ชายหนุ่มรีบเปิดไปยังหน้าเชื่อมต่อสัญญาณ wifi ลองปิดแล้วเปิดดูเผื่อเครื่องเขาจะรวน รออยู่เพียงครู่ก็ปรากฏรายการที่สามารถเลือกเชื่อมต่อใต้คำว่า Choose a Network ซึ่งแปลว่ามือถือเขายังทำงานดีเยี่ยม แต่ปัญหาก็คือมันควรมีแค่เครือข่ายเดียวให้เลือก เป็นเครือข่ายที่ตอนนี้มือถือเขาเชื่อมต่อแล้วโดยอัตโนมัติ ชื่อเครือข่ายคือ Home
ในรัศมีบ้านพักขนาดสิบไร่ของเขา ในตอนกลางวันอาจมีเครือข่ายอื่นให้เลือกอีกสามเครือข่าย เพราะในบริเวณเดียวกันยังมีบริษัทของเขาตั้งอยู่ด้วย แต่หลังหกโมงเย็น หลังเวลางานเลิก เครือข่ายเหล่านั้นจะถูกปิดหมด เหลือเพียง Home เครือข่ายเดียวเท่านั้น มีหนึ่งเดียวมานานปี แต่วันนี้มีอีกหนึ่งเพิ่มมา
และชื่อเครือข่ายนั้นทำให้เขาสั่น…สั่นไปทั้งตัว
RanforRut
แต่ท้ายชื่อนี้ไม่ใช่สัญลักษณ์ขีดโค้งซ้อนกันสามชั้นแบบสัญญาณไร้สายทั่วไป มันเป็นสัญลักษณ์ห่วงวงรีสองห่วงซ้อนทับกัน เป็นเครื่องหมายแสดงว่าเป็นสัญญาณที่ถูกปล่อยมาจากโทรศัพท์มือถือซึ่งสามารถเป็นตัวปล่อยสัญญาณอินเทอร์เน็ตให้อุปกรณ์อื่นได้ (Hot spot)
ศรุตเงยหน้าละสายตาจากจอโทรศัพท์มือถือเพื่อมองภาพกลางหน้าจอคอมพิวเตอร์ จ้องไปยังผู้หญิงคนที่ยิ้มกว้างให้กล้องแต่ซุกใบหน้าแถบหนึ่งลงกับอกของเขา เธอบังคับให้เขาเป็นคนถือกล้องแล้วถ่ายทั้งๆ ที่ตัวเองอยากเป็นคนถ่ายภาพคู่เอง ด้วยเหตุผลคือถ้าเธออยู่ด้านหน้า หน้าเธอจะใหญ่และไม่สวย
มิรันตา
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับเมาส์อย่างรวดเร็วเพื่อคลิกที่ไอคอนตรงมุมขวาบนของหน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นไอคอนที่แสดงสัญลักษณ์สำหรับเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เมื่อคลิกเมาส์บนสัญลักษณ์นั้น ปรากฏเครือข่าย RanforRut ขึ้นเช่นเดียวกัน
เป็นโทรศัพท์มือถือแน่ๆ และอาจเป็นโทรศัพท์มือถือที่เขาเคยรู้จัก…เป็นไปได้ไหมว่ามีคนอื่นตั้งชื่ออุปกรณ์ของตัวเองซ้ำกับชื่อนั้นโดยบังเอิญ
ศรุตหยิบโทรศัพท์ตนมา เลือกเชื่อมต่อกับ RanforRut แล้วพบว่ามันเชื่อมต่อกันได้ทันทีโดยไม่ต้องใส่พาสเวิร์ดทั้งๆ ที่มีสัญลักษณ์รูปกุญแจบอกให้รู้ว่าเป็นเครือข่ายที่ต้องใช้รหัสผ่านเท่านั้น แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเคยเชื่อมต่อกันมาก่อนหน้า
ใช่แน่…ไม่มีความบังเอิญอะไรทั้งนั้น มันเป็นโทรศัพท์เครื่องที่เคยเชื่อมต่อกันมาก่อน และไม่มีโอกาสอีกเลยกระทั่งนาทีนี้
เมื่อลองกดเข้าเว็บไซต์ต่างๆ ก็พบว่าใช้งานแทบไม่ได้ เดาว่าเป็นเพราะสัญญาณค่อนข้างอ่อน ขีดสามขีดซึ่งเป็นตัวบอกความแรงของสัญญาณตรงแถบด้านบนเป็นสีเข้มอยู่ขีดเดียว ตัวปล่อยสัญญาณคงอยู่ไกลแต่ไม่ไกลเกินไปแน่ มือใหญ่รีบเปิดแอปพลิเคชันสำหรับการระบุตำแหน่งโทรศัพท์ ใส่ข้อมูลลงไปอย่างคนที่จดจำทุกอย่างได้ขึ้นใจ ไม่นานตำแหน่งของโทรศัพท์ที่หาก็ปรากฏบนแผนที่ ศรุตตัวสั่นขึ้นมาอีกคำรบหนึ่งเมื่อมีสิ่งยืนยันให้เห็นกับตาว่ามันอยู่ใกล้บ้านเขามากจริงๆ ชายหนุ่มดีดตัวขึ้นยืน ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นในวินาทีนี้ แต่รู้ตัวอีกทีเขาก็ถือไฟฉายอยู่นอกรั้วบ้านวิ่งไปยังจุดที่คิดว่าน่าจะเป็นที่อยู่ของโทรศัพท์
ตอนนี้ศรุตมาหยุดอยู่ยังรั้วลวดหนามซึ่งล้อมรอบแสดงอาณาเขตที่ดินของตน มองขีดสีน้ำเงินที่เพิ่มขึ้นหนึ่งขีดแล้วเบาใจว่ามาถูกทาง และในขณะเดียวกันใจก็ตกไปยังหุบนรกเบื้องล่าง เพราะออกจากรั้วลวดหนามนี้ไปเป็นที่ดินรกร้าง มีไม้ใหญ่กระจายทั่วบริเวณ ขณะเดียวกันก็มีบางจุดที่หญ้าสูงท่วมหัว ศรุตลอดรั้วลวดหนามออกไปไม่นำพาแม้มันจะข่วนหัวไหล่จนได้เลือด เดินตามเส้นทางที่ปรากฏบนหน้าจอจนมาหยุดอยู่ยังลานกว้างที่หญ้าไม่สูงนัก ผิวดินสูงต่ำไม่ราบเรียบ ได้ยินเหมือนมีเสียงเคลื่อนไหวบางอย่างดังอยู่อีกทางห่างไปลิบๆ แต่พอหันไปมองกลับไม่พบสิ่งใด ใจคิดว่าอาจเป็นมิรันตาวิ่งหลบไปทางนั้น ทว่าจุดที่กะพริบแวบอยู่บนหน้าจอกลับทำให้ลังเลถ้าจะออกเดินตามไปเพราะมันอยู่แถวนี้และไม่เคลื่อนไหว…อาจเป็นสัตว์อื่นที่ตกใจกับการมาของเขา หัวใจของศรุตเต้นระรัวยามตัดสินใจกดโทร.หาหมายเลขที่เคยใช้ร่วมกับโทรศัพท์ชื่อ RanforRut ไม่กลัวว่าจะติดต่อไม่ได้ถ้าซิมโทรศัพท์ยังอยู่ในเครื่อง เพราะเขาเป็นคนชำระค่าบริการให้ทุกเดือน ให้แน่ใจว่าหมายเลขนี้จะยังติดต่อได้ และให้แน่ใจว่าเขาต้องรู้ถ้ามิรันตายกเลิกการใช้งาน
แสงไฟวาบเข้าตาก่อนตามมาด้วยเสียงแผดก้อง ศรุตพุ่งตัวไปในพงหญ้าเพื่อคว้าเครื่องมือสื่อสารเครื่องนั้น ลืมนึกถึงเรื่องสัตว์มีพิษที่ควรระวังไปสนิท เมื่อคว้ามันมาดูหน้าจอ หน้าอกเขาก็บีบเข้าหากันรุนแรงเพราะรายชื่อที่แสดงบนหน้าจอเป็น ‘ลุงรุต’ แทนที่จะเปลี่ยนเป็น ‘อดีตสามี’ หรือ ‘ไอ้หน้าโง่’ หรือ ‘คนถูกทิ้ง’
ศรุตตัดสัญญาณโทรศัพท์ สาดไฟไปรอบๆ เพื่อมองหาคนที่กำลังเล่นตลกกับเขา ใครก็ตามที่กล้าล้อเขาแบบนี้ต้องโดนดี ถ้าเป็นลูกน้องต้องถูกไล่ออก ถ้าเป็นเพื่อนต้องถูกเหยียบหน้าก่อนตัดเป็นตัดตาย ถ้าเป็น…
ถ้าเป็นมิรันตาเองล่ะ
ศรุตเอาโทรศัพท์โขกหน้าผากตัวเองแรงๆ เมื่อคิดไม่ตกว่าหากเป็นมิรันตาเขาจะทำอย่างไร ถ้าวันนี้มิรันตากลับมา และเริ่มต้นด้วยการล้อเขาแบบนี้เขาจะทำอย่างไร แต่…จู่ๆ ศรุตก็ใจหายเมื่อคิดได้ว่านี่มันผิดปกติ มิรันตากลัวงูมาก ต่อให้อารมณ์ดีอยากล้ออยากกลั่นแกล้งเขาสักแค่ไหนแต่เจ้าหล่อนไม่มีทางลงมาเดินเล่นในที่รกเรื้อแถมเป็นตอนมืดสนิทเช่นนี้แน่ ชายหนุ่มเดินวนไปรอบๆ พลางฉายไฟไปทั่วตั้งใจว่าจะลองเดินไปยังต้นเสียงที่คล้ายจะมีความเคลื่อนไหวเมื่อสักครู่ ก่อนต้องหยุดเมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติใต้ฝ่าเท้า ที่ผ่านมาทุกย่างก้าวของเขาเจอกับความแข็งกระด้าง แม้ทางจะไม่เรียบ อาจให้ความรู้สึกเป็นตะปุ่มตะป่ำแต่ก็แข็งกระด้าง ทว่าก้าวนี้มันยวบๆ อย่างบอกไม่ถูก
ศรุตชะงักเท้าแล้วก้มลงดูพบว่าพื้นดินยวบไปจริงๆ เมื่อฉายไฟดูทั่วๆ แล้วพบว่ามันผิดปกติเพราะดินบริเวณนี้เห็นขอบชัดเจน ลักษณะเหมือนเพิ่งถูกพรวน และยังเป็นวงรีเหมือน…เหมือนหลุมศพ
ไม่นะ! ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่ง วางไฟฉายไว้อีกทางแล้วลงมือตะกุยดินด้วยแรงทั้งหมดที่มี ด้วยความเร็วเท่าที่จะเร็วได้ ดินถูกกลบไว้แน่นพอสมควรแต่ไม่นานมันก็เปิดออกเผยให้เห็นผ้ากระสอบสีน้ำตาล ศรุตพยายามคลำหาขอบแล้วจับมันดึงรั้งขึ้นร่วมกับการผลักดินออกอยู่เรื่อยๆ
ศรุตเข่าอ่อน ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น หมดแรงไปชั่วครู่เมื่อเห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เขาเพิ่งขุดขึ้นมาเป็นคนจริงๆ แต่…ยังไม่รู้ว่าใคร เพราะส่วนใบหน้ามีกระสอบคลุมอยู่ หลังรวบรวมสติและความกล้าอยู่ครู่ มือใหญ่ก็เอื้อมมือไปดึงกระสอบออกอย่างรวดเร็ว ศรุตจำใบหน้าที่ปรากฏได้ทันที ต่อจากนั้นความหวาดกลัวก็เข้าเกาะกุมจิตใจ แรงที่เคยหดหายเพิ่มขึ้นมากมายอย่างน่าอัศจรรย์ หลุมเล็กๆ ถูกขุดต่อจนลำตัวท่อนบนเผยให้เห็น เล็บและมือของศรุตเจ็บระบมหากชายหนุ่มไม่ยอมหยุด จนคิดว่าดินน่าจะพ้นทางไปมากพอจะทำให้ดึงร่างเล็กขึ้นมาได้แล้ว จึงลุกขึ้นไปยืนเหนือศีรษะเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายด้วยเข่าทั้งสองข้าง ก้มลงมาดันหลังคนไร้สติให้สูงขึ้นเพื่อสอดแขนเข้าใต้รักแร้ งอแขนเข้าหาตัวแล้วออกแรงรั้งกระทั่งร่างทั้งร่างพ้นดิน
ชายหนุ่มทรุดลงกับพื้นแต่ไม่ยอมปล่อยคนในอ้อมแขน กลับกอดแน่นพลางไขว่คว้าข้อมือมาจับชีพจรขณะอีกมืออังปลายจมูก เมื่อพบว่ามันนิ่งมากเกินไปก็รีบทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นอย่างผายปอดและกระตุ้นหัวใจ กระทั่งร่างเล็กมีปฏิกิริยาและได้ยินเสียงลมถูกสูดเข้าฟืดใหญ่จึงหยุด ก่อนทิ้งตัวลงนอนกับพื้นดินอย่างหมดแรงผสมผสานไปกับความโล่งใจ เมื่อสำรวจสัญญาณชีพอีกครั้งแล้วพบว่ามันยังคงมีอยู่ ความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่จึงค่อยจางหาย…เขายังไม่ต้องสูญเสียมิรันตาไปตลอดกาล แม้จะเคยสูญเสียเจ้าหล่อนไปสามเดือนแล้ว แต่ตลอดมาเขาคิดเสมอว่ามิรันตายังสุขสบายอยู่ที่อื่นและบางทีอาจอยู่กับผู้ชายอื่นด้วย ศรุตรับความคิดนั้นได้มากกว่าคิดว่าหญิงสาวเสียชีวิตแล้ว
ศรุตเคยคิดถึงวันที่มิรันตาจะกลับมาเหมือนกัน เขาเคยคิดว่าวันหนึ่งหญิงสาวอาจกลับมาอธิบายว่าทำไมถึงหนีจากเขาไป อาจกลับมางอนง้อขอคืนดี หรืออาจกลับมาบอกให้เข้าใจว่าเขาทำอะไรร้ายแรงให้เธอโกรธ หรืออาจกลับมาหัวเราะเยาะใส่หน้าเขาและบอกว่าทั้งหมดคือแผนการเพื่อปั่นหัวกันเท่านั้น อะไรก็ได้ขอแค่ให้มิรันตากลับมา หากนั่นหมายถึงในช่วงเดือนแรกเท่านั้น เดือนต่อๆ มาศรุตชักไม่แน่ใจแล้วว่ายังอยากให้มิรันตากลับมาทำให้เขาหายข้องใจหรือไม่
ทว่าสามเดือนที่มิรันตาจากไปเขาไม่เคยคิดอยากยกเลิกความศักดิ์สิทธิ์ของทะเบียนสมรส
ศรุตปัดเนื้อปัดตัวให้มิรันตา ก่อนนึกอะไรได้…ลูก!
นั่นทำให้แน่ใจว่าเขาต้องพามิรันตาไปโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มากดติดต่อหาคนที่เขาต้องขอความช่วยเหลือ คนแรกคือผู้รักษาความปลอดภัยของบริษัทที่เข้างานอยู่ซึ่งน่าจะมาช่วยได้เร็วที่สุด
“แจ็ค พี่กวนหน่อย หาที่ตัดเหล็ก จอบ เสียม หรืออะไรก็ได้ มาพังรั้วลวดหนามหลังบ้านให้ที พังสักเมตรเดียวก็พอ ตอนนี้เลย ให้เร็วที่สุดด้วย”
ศรุตไม่อธิบายว่าทำไม เขารู้ว่าแจ็คคงสงสัยไม่มากก็น้อยแต่ทุกคนที่ทำงานด้วยกันย่อมรู้นิสัยเขาดี ถ้าไม่เปิดโอกาสให้ถามก็จงอย่าถาม หลังวางสายจากแจ็คศรุตโทรหาคนอีกคน เป็นแม่บ้านที่รู้จักมาตั้งแต่เขายังเด็ก ดูแลกันมาจนศรุตรักเหมือนญาติผู้ใหญ่ ตอนนี้เป็นคนคุมแม่บ้านของบริษัทและดูแลเขาทั้งในและนอกเวลางานด้วย พักอยู่ในละแวกเดียวกันใช้เวลาเดินทางน่าจะสักสิบนาทีได้
“ป้าวรา ผมเจอรัน”
“คุณรุต! ล้อป้าเล่นเหรอคะ”
ศรุตตอบกลับทันทีด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ป้าวรามาบ้านผมเดี๋ยวนี้เลย ผมอยากพารันไปส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด อยากให้ป้าวราไปเป็นเพื่อน”
เพียงเท่านั้นวราก็ตอบรับรัวเร็ว “ได้ค่ะๆๆ ป้าจะไปเดี๋ยวนี้เลย แล้วนี่คุณรุตเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ผมไม่เป็นไร เท่านี้ก่อนนะ” ศรุตตัดสายอย่างรวดเร็ว ก่อนคิดว่าควรพามิรันตากลับบ้านไปดูแลระหว่างรอวรา เพราะถ้าทำให้มิรันตาได้สติอาจได้เรื่องมากกว่าว่ารู้สึกอย่างไร การตั้งครรภ์จะเกิดปัญหาหรือไม่ ประกอบกับไม่อยากให้มิรันตานอนกลางดินนานไปกว่านี้จึงรีบพาร่างเล็กมุ่งหน้ากลับบ้านโดยเร็ว
ศรุตไม่แน่ใจว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไรกับมิรันตากันแน่ รู้แค่ปล่อยให้เจ้าหล่อนเป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้…ไม่ได้จริงๆ
ตามตัวไม่มีบาดแผลหรือแม้กระทั่งรอยฟกช้ำ ความดันปกติถ้าเครื่องวัดความดันที่ซื้อทิ้งไว้ยังทำงานได้ดีอยู่ พอเช็ดเนื้อเช็ดตัวแล้วมิรันตาดูเหมือนคนนอนหลับ แต่อาจจะหลับลึกไปหน่อยเพราะแม้จะเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แล้วก็ยังไม่ตื่น ส่วนท้อง…แบนเรียบ ไม่เหมือนคนท้องเลยสักนิดทั้งๆ ที่ถ้านับแล้วอายุครรภ์ของมิรันตาน่าจะราวหกเดือนได้
“คุณรันเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมพารันไปโรงพยาบาลเลย”
ทว่าวรากลับรั้งแขนศรุตเอาไว้ “คุณรุตคะ เท่าที่ป้าดูคุณรันไม่มีปัญหาค่ะ ไม่ฉุกเฉินขนาดนั้น ทีนี้ขอป้าดูคุณรุตบ้าง”
ศรุตเบาใจขึ้นบ้างเพราะอย่างไรวราก็เคยเป็นพยาบาล น่าจะประเมินอาการเบื้องต้นได้ชัดเจนอยู่ และคำพูดของวราก็ทำให้เพิ่งนึกออกว่าตนก็มีบาดแผล นิ่วหน้าตอนวราเดินมาแตะเบาๆ บริเวณไหล่
“โดนอะไรคะเนี่ย”
“รั้วลวดหนามมันเกี่ยวตอนผมมุดออกไป”
พอได้รับคำตอบ วราก็จับมือใหญ่มาพลิกดู พอเห็นสภาพก็ทำหน้านิ่ว “แล้วดูมือดูเล็บสิคะ มาเถอะค่ะ มาแช่น้ำหน่อย”
ศรุตเดินตามแรงรั้งของวราไปทางห้องน้ำอย่างว่าง่าย ล้างเท้าก่อนเป็นอันดับแรก วราสั่งให้ถอดเสื้อเผื่อจะได้ดูแผลพร้อมๆ กับรองน้ำเย็นใส่อ่างล้างหน้า เมื่อได้ระดับแล้วออกปากให้เขาวางมือลงไป หายไปครู่หนึ่งก็กลับมาพร้อมเครื่องมือทำแผล
“น่าไปหาหมอหน่อยนะคะ ป้ากลัวมันจะเป็นบาดทะยัก”
“ผมเพิ่งรีบูตวัคซีนไป” ก่อนมิรันตาจะหายไปไม่นาน ไปฉีดกระตุ้นวัคซีนด้วยกันและมิรันตาก็อาละวาดใส่เขาอยู่สามวันจนอาการปวดตัวที่เกิดจากวัคซีนหายไปถึงเลิกบ่น ตอนนั้นศรุตขำ แต่ตอนนี้เขาเจ็บ…ตรงหัวใจ
“ป้าลืมไปค่ะ งั้นไว้ดูพรุ่งนี้อีกที ถ้าบวมแดงทำท่าจะติดเชื้อค่อยว่ากัน”
ล้างแผลและใส่ยาเรียบร้อย วราก็ปล่อยน้ำเย็นออกจากอ่างล้าง แล้วรองน้ำอุ่นแทน เดินออกไปหยิบผ้าผืนนุ่มมาเช็ดมือใหญ่แผ่วเบา เอ่ยปากถาม “นี่คุณรุตเจอคุณรันได้ยังไงคะ”
ศรุตนิ่งคิด ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเพราะรู้ว่ามันอาจเป็นเรื่องยากสำหรับวราซึ่งไม่ได้ใช้สมาร์ตโฟน ก่อนบอกง่ายๆ “ผมเห็นชื่อโทรศัพท์ของรันโชว์ในโทรศัพท์ผม”
วรานิ่วหน้าไปนิดอย่างคนไม่เข้าใจหากก็พยักหน้ารับ “แล้วคุณรุตทำยังไงต่อคะ”
“ก็ใช้ชื่อกับรหัสของรันล็อกอินเข้าโปรแกรมระบุตำแหน่งโทรศัพท์ รู้ว่ามันอยู่ใกล้ๆ เลยรีบเดินตามไป”
วราถึงกับถอนใจเฮือก “ทีหน้าทีหลังต้องหาเพื่อนไปสักคนนะคะ เจ้าแจ็คก็ได้ อยู่แค่ใกล้ๆ นี่เอง”
“ถ้าผมรอแจ็ค รันอาจไม่รอด ผมไม่รู้ว่ารันถูกฝังมานานแค่ไหนแล้ว”
วราตาโต แทบทำผ้าหลุดจากมือ “ฝังเหรอคะ! คุณรุตพูดว่าฝัง หมายความว่าคุณรันถูกฝังอยู่ในดิน เหมือนศพแบบนั้นเหรอคะ”
“ใช่ ใครสักคนฝังรันทั้งเป็น บางทีถ้าผมไปช้ากว่านี้อีกนาทีเดียว รันอาจ…”
วรารู้สึกเลยว่ามือที่เธอกำลังทำความสะอาดอยู่สั่นเกร็ง จึงหยุดเพื่อใช้มือหนึ่งลูบหลังให้ศรุต “ทำใจดีๆ ค่ะคุณรุต คุณรันปลอดภัยแล้ว เมื่อกี้เราก็เห็นกับตาว่าคุณรันยังหายใจ อาจแค่เป็นลมไป…แต่พรุ่งนี้พาเธอไปหาหมอพร้อมๆ กับที่คุณรุตไปฉีดบาดทะยักเลยก็ดีนะคะ เพื่อความปลอดภัย”
วราพูดจบแล้วปล่อยน้ำอุ่นออกจากอ่าง ซับมือที่มีรอยถลอกปอกเปิกจนแห้งสนิท แล้วใช้สำลีชุบน้ำยาทาแผลสดแต้มจนทั่ว “ให้ป้าปิดแผลให้ไหมคะ”
“ไม่ต้องหรอก แค่รอยข่วนๆ เปิดไว้ให้แผลแห้งดีกว่า ติดพลาสเตอร์ก็รำคาญ”
พูดจบก็ผละออกจากห้องน้ำ เดินไปยังเตียงเพื่อสำรวจตรวจตรามิรันตาซึ่งยังนิ่งสนิท นั่งลงบนขอบเตียง คว้ามือของมิรันตามาจับคลำหาชีพจรเหมือนยังกังวลอยู่ว่ามันอาจหยุดเต้นไปเสียเฉยๆ เมื่อมีสัมผัสตอบสนอง จึงค่อยเปลี่ยนไปอังหน้าผากเพื่อตรวจสอบอุณหภูมิ พบว่าปกติดี ไม่ได้ร้อนเกินไปหรือเย็นเกินไป
“คุณรุต”
เสียงเรียกของวราทำให้ศรุตหันกลับไปหา เห็นใบหน้าไม่สบายใจอย่างมากของคนเรียกแล้วให้สงสัย แต่นิ่งเงียบรอจนวราเดินมานั่งลงข้างๆ กัน
“ป้าเพิ่งนึกได้ ตอนนั้น…คุณรันเธอท้องใช่ไหมคะ”
ใช่ มิรันตาหายไปสามวันหลังบอกข่าวเรื่องการตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว…ศรุตพยักหน้ารับ ใบหน้าฉายรอยกังวลใจอย่างที่สุด คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น
“แต่…คุณรันดูไม่เหมือนคนท้องเลยนะคะ… ตอนนี้น่าจะหกเดือนใช่ไหมคะ ถ้าป้าจำไม่ผิด”
ศรุตพยักหน้าเป็นคำตอบ เห็นวราขยับหันไปเปิดเสื้อของมิรันตาขึ้นดูก่อนหันมาพูดกับเขา
“ท้องไม่ปูด สะดือไม่ปูด ไม่มีรอยแตก เส้นสีดำใต้สะดือก็ไม่มีค่ะ”
ศรุตยังไม่เข้าใจนัก กระทั่งวราอธิบายตามมา
“เป็นอาการของคนท้องประมาณหกเดือนค่ะ แต่คุณรันไม่มีอาการพวกนั้นเลย”
ศรุตยิ่งหน้าซีดไปอีก “หมายถึงว่า…รันแท้งหรือเปล่าครับ”
วราหน้าเครียด กระนั้นก็ยังไม่อยากให้ศรุตกังวลมาก “เราไม่มีทางรู้จนกว่าคุณรันจะฟื้นค่ะ”
“ผมควรพารันส่งโรงพยาบาล”
ประโยคนั้นทำให้วราส่ายหน้าอย่างหนักแน่น บีบแขนศรุตหนักหน่วง “คุณรุต ป้าคิดอีกที ตอนนี้คุณรันเธอไม่เป็นอะไรมาก ชีพจรความดันก็ปกติ อย่าเพิ่งพาเธอไปหาหมอเลยค่ะ”
ศรุตค้านทันที “ผมอยากให้รันถึงมือหมอ”
“รอเธอตื่นก่อนดีกว่า ป้าว่าเราต้องรู้ก่อนว่าใครเป็นคนทำร้ายคุณรัน ป้ากลัวว่ามันจะยังอยู่แถวนี้ แล้วถ้ารู้ว่าคุณรุตช่วยได้ คุณรันยังไม่ตาย มันอาจลงมืออีก”
นั่นทำให้ศรุตหันขวับไปมองหน้ามิรันตา การคิดว่าเจ้าหล่อนจะโดนทำร้ายหรือโดนฝังทั้งเป็นอีกทำให้ศรุตทั้งโกรธทั้งกลัว โกรธคนสารเลวที่บังอาจมาทำร้ายคนของเขา ไม่ว่าจะรักหรือไม่รัก ไม่ว่าจะอย่างไรมิรันตาก็เป็นภรรยา ถ้ามันกล้าพอก็ให้ลองเข้ามาเจอกับเขาสักตั้ง
และกลัว…
กลัวอยู่เหมือนกันว่าเขาอาจปกป้องมิรันตาไม่ได้
ศรุตรู้ตัวว่าไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่ ไม่ได้เป็นนักกีฬาแข็งแกร่ง เป็นแค่ผู้ชายแข็งแรงที่พอจะมีพื้นฐานมวยไทยและยูโดอยู่บ้าง ดังนั้นถ้าคนที่ปองร้ายมิรันตาเป็นมืออาชีพไม่ใช่นักเลงหัวไม้ทั่วไป หรือเพียงแค่พกอาวุธปืน คำว่าอันตรายถึงชีวิตก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงนัก
“แล้วก็…อย่าหาว่าป้าคิดมากไปเลยนะคะ คุณรุตเองก็อาจไม่ปลอดภัย”
ศรุตเพิ่งได้หยุดคิดถึงความไม่ชอบมาพากลตอนวราสะกิดบอกนี่เอง ใช่ ถ้าใครสักคนต้องการฆ่ามิรันตา ก็แค่ฆ่าแล้วนำร่างไปฝังที่ไหนก็ได้ไม่จำเป็นต้องนำมาฝังใกล้เขาขนาดนี้ ยิ่งคิดยิ่งเอะใจ มือใหญ่เอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ของมิรันตามากดดูข้อมูลต่างๆ ข้อความล่าสุด รายการโทรออกล่าสุด และเห็นชื่อตัวเองแสดงหราอยู่ คิ้วหนาขมวดมุ่น คว้าโทรศัพท์ตัวเองมาเปิดหน้าจอดูรายการโทรล่าสุดบ้างกลับไม่ปรากฏชื่อ ‘รัน เด็กเปรต’ ศรุตแน่ใจว่าไม่มีใครย่องมาลบชื่อในรายการทิ้งแน่เพราะโทรศัพท์อยู่กับเขาตลอดเวลาในช่วงเวลาที่โทรศัพท์ของมิรันตาโทร.หา นั่นแสดงว่าคนโทร.ติดต่อเขาไม่สำเร็จ มิรันตาอาจโทร.หาเขาเพื่อขอความช่วยเหลือแต่คนร้ายตัดสายได้ก่อน หรือไม่ก็…ไม่ได้ตั้งใจจะติดต่ออยู่แล้ว อาจเป็นคนร้ายที่เป็นคนโทร.ออกเพียงแค่อยากให้มีชื่อเขาปรากฏอยู่บนเครื่องมือสื่อสารเท่านั้น
ศรุตกำโทรศัพท์สองเครื่องในมือแน่น ทุบมันกับต้นขาถี่รัวแสดงความสับสนที่พลุ่งพล่าน การพยายามฆาตกรรมในครั้งนี้อาจมีสิ่งเชื่อมโยงกับเขาจริงๆ แต่อะไรล่ะ อะไรกัน คนที่ฆ่ามิรันตาต้องการอะไรจากเขากันแน่…ไม่รู้เหมือนกัน ท้ายสุดศรุตก็ต้องยอมรับว่าตนยังคิดไม่ออกจริงๆ
“คืนนี้คุณรุตพักผ่อนเถอะนะ อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก เดี๋ยวป้าจะไปบอกให้แจ็คหาช่างมาซ่อมรั้ว แล้วจะกลับมาอยู่เป็นเพื่อน”
ศรุตพยักหน้า ส่งยิ้มให้วราแทนคำขอบคุณ ก่อนฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงรีบเรียกวราที่กำลังจะพ้นประตูห้องไป เมื่ออีกฝ่ายหันมาจึงไหว้วาน “บอกแจ็คหาช่างปูนเลยดีกว่าป้าวรา ติดต่อบริษัทกล้องวงจรปิดที่ใช้อยู่ บอกให้ติดกล้องเพิ่มด้วย”
จริงๆ แล้วบนเนื้อที่สิบไร่นี้แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นบริษัทประชาสัมพันธ์ของศรุตซึ่งกินเนื้อที่ราวสองไร่ อีกส่วนคือบ้านส่วนตัวของศรุตซึ่งอยู่มุมในสุดของที่ดิน มีรั้วคอนกรีตตกแต่งด้วยหินกาบสีอ่อนดูเรียบง่ายไม่ฉูดฉาด สูงราวๆ เกือบสองเมตรทำให้เมื่อเข้ามาอยู่ภายในบริเวณบ้านแล้วมีความเป็นส่วนตัวสูง นอกจากรั้วคอนกรีตของบ้านศรุตแล้ว โดยรอบมีเพียงรั้วลวดหนามล้อมที่ดินทั้งหมดไว้ จุดประสงค์เพื่อบอกอาณาเขตเท่านั้นเพราะแต่ไหนแต่ไรแถวนี้ค่อนข้างสงบและปลอดภัย หากเมื่อมีเหตุการณ์อย่างนี้ วราเองก็เห็นด้วยที่ศรุตจะทำให้รั้วแข็งแรงแน่นหนาขึ้น มีการติดกล้องเพื่อความปลอดภัย จึงรีบตอบรับแล้วแยกตัวไป
ปล่อยให้ศรุตอยู่กับความเงียบและผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ด้วยกันทุกคืน…