เส้นสายลายสยอง บทที่ 3 : หมาปีศาจ

เส้นสายลายสยอง บทที่ 3 : หมาปีศาจ

โดย : ตรี อภิรุม

Loading

เส้นสายลายสยอง นิยายออนไลน์ โดย ตรี อภิรุม นักเขียนชื่อดังในแนวลึกลับภูตผี เหนือจริง ที่ อ่านเอา อยากให้คุณ อ่านออนไลน์ กับ เรื่องราวของรชตะผู้มีพรสวรรคพิเศษที่หากเขาจรดพู่กันวาดภาพเมื่อใด ภาพนั้นจะเป็นความจริง แต่ภาพล่าสุดที่เขาวาดคือ ปีศาจร้าย 

——————————–

– 3 –

 

วิชชุวารไม่อาจจะกระดิกระเดี้ยร่างกายทุกส่วน อำนาจลึกลับควบคุม ทำให้เป็นอัมพาตชั่วคราว หวาดกลัวสุดชีวิต พยายามจะอ้าปากพูด แต่ขากรรไกรแข็ง จึงได้แต่ร้องอุทธรณ์ในทรวง

“ ฉันกลัวแล้วจ้ะ เราไม่เกี่ยวข้องกัน ไปให้พ้น ”

“ แดงต้อยถูกกำหนดมาให้อยู่กับคุณชุ ” น้ำเสียงแหลมวู่หวิว สั่นสะเทือนทั่วทุกระบบประสาท “ จะไม่ไปไหนทั้งสิ้น จนกว่าจะแก้แค้นสำเร็จ ”

“ แก้แค้นใคร?… ”

“ แก๊งทรชนที่ข่มขืนฆ่าหนู ”

“ มันไม่เกี่ยวกับฉัน ได้โปรดเถอะ ฉันจะทำบุญกรวดน้ำ อุทิศส่วนกุศลไปให้แดงต้อย ”

หญิงสาววิงวอน หนาวสะท้านจนสั่นงั่ก

“  หนูยังไม่รับ เป็นโอกาสอันดีแล้ว ทำไมจะต้องละทิ้งด้วยเล่า เชื่อเถอะ สักวันหนึ่งคุณจะหายกลัวหนูไปเอง ”

ปิศาจสาวรุ่นกระโดดขึ้นมาคร่อมร่างหล่อนขย่มเชิงสัพยอก มือหนึ่งบีบคอ อีกมือหนึ่งขยำเอว วิชชุวารกลัวสุดขีดผสมกับจั๊กจี้ หล่อนร้องอึกอักเสียงไม่รอดพ้นริมฝีปากดิ้นกระแด่วๆ ภายในขอบเขตจำกัด

ภูตแดงต้อยที่ขย่มน้ำหนักเทียบเท่ามนุษย์แสยะปากหัวเราะ น้ำเหลืองเยิ้ม ฟันซี่โตๆ เขยิน ดวงตาที่เน่าเฟะจะหลุดออกจากเบ้าเสียให้ได้

“ เราเปรียบเหมือนผ้าเนื้อเดียวกัน จะสนิทสนมกันยิ่งกว่าใคร ”

คนนอนเก้าอี้ผ้าใบแทบว่าจะช็อกสลบ สติแตก นึกสวดมนต์ได้หน้าลืมหลัง ไม่มีครั้งใดในชีวิตที่จะกลัวเท่าครั้งนี้

ก๊อก-ก๊อก!

“ พี่ชุ  รุ้งเอากล้วยบวชชีมาให้ค่ะ ”

“ เอิ้บ! ”

วิชชุวารสะดุ้งเฮือก สิ่งที่กดทับอันตรธานแวบ พร้อมทั้งสิ้นสุดกลิ่นเหม็นเน่าสะอิดสะเอียนด้วย

ไล่เลี่ยกับรวีรุ้งเปิดประตูแกรก ถือประคองชามแก้วใส่ขนม

ญาติสาวผงกกายลุกนั่ง หายใจสะท้อนอารมณ์ยังสับสนอลเวง ปรับไม่ราบเรียบ ขณะที่ลูกสาวเฉิดฉวีวางชามลงบนโต๊ะ ทักว่า

“ เมื่อกี้พี่ชุละเมอหรือคะ รุ้งชะโงกมองที่หน้าต่างมุ้งลวด เห็นมือเท้าสั่นกระดิกๆ ม่านตากระดุกยิบยับ ปากขมุบขมิบ ”

ลูกเรียงพี่เรียงน้องยกมือทาบเหนือทรวงอก ยิ้มซีดเซียว เปิดเผยความจริง

“ ผีอำพี่จ้ะ รุ้งเห็นหรือเปล่า ตัวดำทะมึนน่าเกลียด น่าสะพรึงกลัวมันคร่อมขย่ม ”

“ ไม่เห็น  ”  หล่อนเหลียวลอกแลก แต่แล้วก็ป้องปากหัวเราะ “ มันจะเป็นไปได้ยังไงคะ สงสัยพี่ชุจะประสาท ”

ฝ่ายตรงข้ามตัดสินใจเล่าเหตุการณ์ละเอียด ผู้ฟังวิพากษ์

“ จู่ๆ ปิศาจแดงต้อยมาขออาศัยอยู่ด้วยทั้งที่พี่ชุไม่รู้จักมักจี่ เหลือเชื่อ ยังกะนิยายการ์ตูนแน่ะ ” พลางเปลี่ยนเรื่อง  “ พี่ชุทานกล้วยบวชชีสิคะ คุณแม่ฝึกให้ทำขนม เราไม่ใช่แม่ครัว ”

“ นั่นสิ พี่เองก็ข้องใจไม่หาย เพราะก่อนที่จะงีบผล็อย ไม่นึกถึงผีสางสักนิด ”

หล่อนเริ่มรับประทานของฝาก ชมว่ารสชาติอร่อย ก่อนออกจากห้องรวีรุ้งแนะนำว่า ทุกอย่างอาจจะเกิดจาก ท่องตำราเตรียมสอบ ประสาทเครียด เมื่อเหตุการณ์สงบก็จะไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำซ้อน

วิชชุวารค่อนข้างจะเชื่อใจญาติรุ่นน้อง

*******************

คืนนั้น ก่อนนอนนักศึกษาสาวสวดมนต์ ทำจิตใจสงบ แม้กระนั้นก็ไม่วายกระสับกระส่ายเกาแขนเกาหลังขยุกขยิก จะเป็นด้วยอุปาทานหรืออะไรก็เหลือที่จะเดา รู้สึกว่าอยู่ในสายตาลึกลับที่คอยจับจ้อง จะว่าแบบมิตรก็ไม่ใช่ ศัตรูก็ไม่เชิง

เริ่มเคลิบเคลิ้ม ขนลุกเกรียวหนาวประหนึ่งว่าเตียงนอนไหวยวบยาบ หมุนเคว้ง เสียงหนึ่งแหลมวู่หวิวปานจะเจาะลึกถึงกระดูก

“ ตามหนูมา คุณชุ ”

มือเย็นเฉียบคว้าข้อมือหล่อน ลากฉุด ไม่อาจขัดขืน วิชชุวารวิ่งตามแรงฉุดหัวซุกหัวซุน

มืดตื้อ ชั่วครู่อากาศก็ค่อยๆ สว่างขึ้นคล้ายตอนเช้าตรู่ที่แสงแดดยังไม่ส่อง ชัยภูมิป่าละเมาะแห้งแล้งปราศจากตึกรามบ้านเรือน

“ เอ๊ะ! เธอน่ะเอง ”

วิชชุวารจ้องคู่หูจำเป็นที่เพิ่งจะปล่อยมือจูง

เด็กสาววัยสิบหก ส่วนสูงแค่ห้าฟุต ผิวคล้ำร่างอวบ หน้าซีดเผือดอมเทา ดวงตาหลุกหลิกกรอกกลิ้ง หล่อนช่วยเตือนความทรงจำ

“ แดงต้อยค่ะ ”

“ เหวอ! ผีตายโหง ”

ฝ่ายที่ตระหนกถอยหลังกรูด จ้องตาเป๋ง พูดต่อตะกุกตะกัก

“ ทำไมตอนนั้น… ”

นางปิศาจหัวเราะเสียงแหลมเยือกเย็น สุนัขจากที่ใดที่หนึ่งหอนวู้เพิ่มความวิเวก

“ หนูน่ากลัวใช่ไหมล่ะ ตอนนี้จำแลงร่างให้มันดูดีขึ้น คุณชุชอบแบบเก่าเรอะ? ”

“ ไม่… ไม่จ้ะ อย่างนี้ดีแล้ว ”  หล่อนโบกมือว่อน นึกปลงอนิจจังว่าต้องคบค้ากับวิญญาณเฮี้ยน “ แดงต้อยจะพาฉันไปเที่ยวไหนจ๊ะ? ”

“ โลกเปรต ”

“ ว้าย! เปลี่ยนแผนเถอะ ฉันกลัว ”

“ ก็ที่เรายืนอยู่นี่แหละ โลกเปรต อันที่จริงมันก็เป็นภูมิที่แทรกซ้อนในโลกมนุษย์ แต่คนทั่วไปมองไม่เห็น คุณชุแตกต่างจากคนอื่นที่ได้หนูนำทางท่องเที่ยว ”

“ แปลก! ไม่พบเจอใครสักคน ”

“ หนูนี่ไงล่ะคะ ” ภูตสาวแรกรุ่นจิ้มนิ้วชี้ทรวงอก ถือโอกาสอธิบาย “ อันที่จริงคนเราเรียกสับสนไปหน่อย ตามความเคยชินตั้งแต่ครั้งโบราณกาล ว่ากันจริงๆ แล้ว ผีหมายถึงซากศพ นอนตัวแข็งทื่อไม่กระดิกกระเดี้ย ส่วนหนู เปรต ปิศาจ โอปาติกะ ฯลฯ ความหมายเดียวกันทั้งหมด ”

ทันใดนั้น เสียงวิ่งเหยาะๆ เท้าซอยถี่

วิชชุวารตะลึง ตะปบปากที่อ้าเหวอ รีบบังหลังพุ่มไม้ที่เหี่ยวเหลือง

ระยะห่างเจ็ดสิบเมตร สุนัขขนาดใหญ่เท่าอัลเซเชี่ยน แต่ทว่า…ผ่ายผอมหนังหุ้มกระดูก โครงสร้างผิดส่วนสัดสุนัข

ใช่แล้ว… คอนยาวสองศอก ปากยื่นแคบ ฟันแต่ละซี่ยาวแหลมคมกริบ ดวงตาแดงระเรื่อเรืองแสง

“ หมาปิศาจ! ”

สตรีสาวผู้พลัดถิ่นอุทานเบาหวิว แดงต้อยพยักหน้ารับ

“ ชาติก่อนเขาเป็นคนเหมือนเรานี่แหละ แต่ทำบาปทำกรรมเกี่ยวกับสุนัข เมื่อดับขันธ์จึงเกิดมาในสภาพเช่นนี้ ”

เปรตสุนัขวิ่งดมโน่นดมนี่ ลับแนวพฤกษ์ สาวรุ่นอมนุษย์พาวิชชุวารตระเวน ผ่านท้องถิ่นทุรกันดารสภาพคล้ายป่าเสื่อมโทรม ไม้ยืนต้นแคระแกร็น ต้นกระบอกเพชรขึ้นเรียงราย

หล่อนเห็นเปรตชนิดต่างๆ สารรูปอัปลักษณ์วิปริต ทั้งน่าสะพรึงกลัวและน่าสังเวช ปากเท่ารูเข็ม มือใหญ่เท่าใบลาน ผอมลีบหนังหุ้มกระดูก พุงป่อง มีให้ดูเบ็ดเสร็จ บางรายโหยหวนปริเวทนาแสนสาหัส

“ พวกเขาคิดว่าคุณชุเป็นเปรตเหมือนหนู ”

มัคคุเทศก์ปิศาจกระซิบแจ้งข้อมูล

ทันทีทันใด เสียงวิ่งตึ้กๆ พสุธาสะเทือนมองแต่ไกลเห็นเปลวเพลิงพวยพุ่งควันโขมง

“ กรี๊ด! ”

เสียงแหลมเล็กยิ่งกว่านกหวีดสักร้อยเท่าสั่นสะเทือนเจาะลึกถึงก้นบึ้งหัวใจ ผู้ฟังแทบว่าจะตะปบปิดหู ชักดิ้นชักงอ

“ เปิดโว้ย! ”

ฝูงปิศาจที่ชุมนุมหนีกระเจิดกระเจิง ไปคนละทิศทาง อันตรธานแวบ

“ โอ… นั่นอะไรกันเล่า? ”

ร่างผอมโกงโก้สูงเจ็ดฟุต หน้าใหญ่ตาโปนถลน เปลวไฟพุงออกจากปากแดงฉาน สาเหตุที่เขาวิ่งตะลุยก็คือ หนีความเจ็บปวดของตัวเอง แม้จะรู้ว่าถึงอย่างไร ไฟก็จะไม่ดับ จนกว่าจะสิ้นเวร

“ เปรตอัคนี! ”

ภูตคู่หูร้องบอกฉวยมือวิชชุวารกระโจนโลดทะยานรวดเร็ว

ช่างน่าอัศจรรย์นัก!

ดูประหนึ่งว่าเท้าจะลอยเรี่ยไม่ติดพื้น ผ่านความมืดตื้อสุ่มิติมนุษย์

วินาทีนั้น วิชชุวารก็สะดุ้งตื่นจากความฝันวิปริตสยดสยอง ปิศาจแดงต้อยยังยืนอยู่ข้างเตียง สั่งเสียงแหลมเล็กเจาะแก้วหู ก่อนที่จะเลือนสลายวูบ

“ กรุณาจำไว้นะคุณชุ ห้ามบอกใครทั้งสิ้น เอาเป็นว่าคุณไม่เคยเจอภูตผี ทุกอย่างที่เกิดขึ้นประสาทหลอน ”

รชตะนอนแผ่หลาบนเตียงพักผ่อน หลังจากที่เขียนนิยายการ์ตูนติดต่อกันหลายชั่วโมง ปกรณ์ออกจากห้องน้ำ ก้มสำรวจที่โต๊ะเขียนแบบ พลางยิ้มที่มุมปาก

“ อื้อฮือ สนุกว่ะ ปิศาจแดงต้อยพาชุลีท่องเที่ยวโลกเปรต เจอสารพัดภูต สุดท้ายหนีเปรตอัคนีกลับสู่โลกมนุษย์ เอ็งเข้าใจเมคอัพ ”

“ สมัยที่ยังไม่มรณภาพ หลวงตาชุ่มเคยเล่าให้ข้าฟังเสมอ ข้าเอามาประยุกต์ตบแต่งให้เข้ากับนิยายการ์ตูน ไม่กลัวใช้ภาษาบาลี เกรงว่าผู้อ่านจะหนักสมอง อย่างเปรตอัคนีมีชื่อตามพระคัมภีร์ว่า อัคนีชวาลมุขเปรต ”

“ แกจะดำเนินเรื่องต่อไปยังไงเนี่ย? ”

หนุ่มหล่อคิ้วดกหัวเราะแหะ

“ มันยังรางเลือนนึกไม่ค่อยออก อันดับแรก กะจะให้ปิศาจแดงต้อย สิงทับร่างชุลีในบางโอกาส เพื่อแก้แค้น หรือเพื่อจุดประสงค์อย่างอื่น ”

ปกรณ์แต่งตัว เตรียมนำภาพวาดไปส่งโรงพิมพ์ หิ้วกระเป๋าเอกสารใบย่อม ยักคิ้วแผล็บ ถามว่า

“ เออ… เกือบลืมแน่ะ โลกเปรตภาษาบาลีว่าอะไร ไอ้ตะ? ”

“ เปตติวิสยภูมิ ”

“ เขาว่านักเขียนการ์ตูนที่ล่วงลับท่านหนึ่ง เวลาทำงานท่านจะเปลือยกายล่อนจ้อน ระวังนะโว้ย เอ็งอย่าทำตัวเป็นเปรตเลียนแบบ ”

รชตะหัวเราะร่าเริง

“ ไม่หรอกเพื่อนฝูง เราไม่อารมณ์ศิลปินขนาดนั้น ”

สหายรุ่นพี่พ้นจากอาคารชุดแล้ว เขางีบหลับผล็อย เมื่อตื่นขึ้นก็ทำงานต่อเนื่อง สมองแจ่มจ้าบรรเจิดจินตนาการต่างๆ ไหลเข้ามาเองโดยอัตโนมัติ นึกแลเห็นภาพเหตุการณ์ราวกับชมภาพยนตร์

พลบค่ำ เสียงเคาะประตูก๊อกๆ รชตะหรี่เสียงวิทยุเบาลง ลุกไปเปิดประตูต้อนรับ

“ อ้าว! คุณมัท กรณ์ยังไม่กลับมาจากโรงพิมพ์เลยครับ ”

มัทนายิ้มเจื่อน หล่อนเป็นพนักงานบี.เอ. ขายเครื่องสำอาง ฉะนั้น จึงตบแต่งใบหน้าสวยพริ้งตลอด บุคคลภายนอกไม่มีโอกาสเห็นใบหน้าแท้ๆ ของหล่อน

“ แหม, ไม่ทราบเลยค่ะ โทร.มากี่ครั้งสายก็ไม่ว่าง ”

“ อพาร์ทเมนต์ก็ยังงี้แหละ โทรศัพท์พ่วงใช้กันทุกห้อง โดยเฉพาะตอนเย็นตอนค่ำว่างยาก ” เขาเว้นระยะหน่อย “ คุณมัทเข้ามาคอยกรณ์ก่อนไหมฮะ ผมจะออกไปทานข้าวข้างนอก ”

สาวสวยเน้นริมฝีปากลังเล ขนตาที่ดัดงอนเช้งกะพริบวับๆ

“ ท่าจะไม่รอละ เราไม่ได้นัดกันเสียด้วย บังเอิญมัทผ่านมาทางนี้เลยแวะ ขออาศัยเข้าห้องน้ำแล้วจะกลับค่ะ ”

“ เดี๋ยว… ขอเวลาแป๊บเดียว ผมจะจัดอะไรให้เรียบร้อย ”

ชายหนุ่มกลับเข้าห้อง จัดข้าวของที่กระจัดกระจายคร่าวๆ เก็บทีเชิ้ตที่กองพื้นโยนใส่ตะกร้าพลาสติก เหลือบพบอัลบั้มนางแบบเฉพาะกิจของปกรณ์ เขาเก็บใส่ลิ้นชักโต๊ะมิดชิด

บัดนี้ รชตะรออยู่นอกห้องชุด ให้เกียรติแฟนเพื่อนกันข้อครหาทอดสายตามองอพาร์ท เมนต์ที่รอใช้ลิฟท์

เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง…

“ ว้าย! ”

รีบผลุนผลันกลับเข้าข้างใน สิ่งที่ประจักษ์ก็คือ มัทนาถอยห่างจากโต๊ะเขียนแบบสองเมตร ยกมือทาบเหนือทรวงอก แสดงอกสั่นขวัญแขวน

“ เกิดเรื่องอะไรฮะ? ”

ฝ่ายตรงข้ามชี้นิ้วระรัว

“ ภาพการ์ตูนยักคิ้ว แลบลิ้นหลอกด้วยค่ะ ”

“ อ๋อ, ภาพปิศาจแดงต้อย คุณมัทนาตาฝาดละมั้ง ตอนนี้มันก็ปรกติทุกอย่าง ”

“ ก็คุณตะอยู่ด้วยนี่คะ เมื่อตะกี้ลิ้นโผล่ออกมาจากภาพ มันคงต้องการหลอกหลอนเฉพาะมัท ”

“ แต่ผมเขียนทั้งวันทั้งคืน ไม่เคยเจอแบบคุณ ”

หล่อนนิ่งอึ้ง ในที่สุดก็ยอมรับว่าตัวเองตาฝาด

ค่ำนั้น รชตะออกไปหาอาหารกินที่ห้างสรรพสินค้าใกล้อพาร์ทเมนต์ ผู้คนมากหน้าหลายตา ส่วนใหญ่พวกวัยรุ่นกับนักช็อป

ทันทีทันใด ชายหนุ่มเผชิญหน้าวิชชุวารกับรวีรุ้งน้องสาวต่างแม่ คู่ปรับซุบซิบอะไรกับญาติรุ่นน้อง แล้วเดินตรงรี่มาหาเขา

ใช่…อีหรอบนี้จะหาเรื่องเหน็บแนมเช่นเคย

“ เก่งนัก แม่คนปากจัด เป็นไรก็เป็นกันเราไม่กลัว ”

 



Don`t copy text!