เส้นสายลายสยอง บทที่ 5 : กรรมกำหนด   

เส้นสายลายสยอง บทที่ 5 : กรรมกำหนด   

โดย : ตรี อภิรุม

Loading

เส้นสายลายสยอง นิยายออนไลน์ โดย ตรี อภิรุม นักเขียนชื่อดังในแนวลึกลับภูตผี เหนือจริง ที่ อ่านเอา อยากให้คุณ อ่านออนไลน์ กับ เรื่องราวของรชตะผู้มีพรสวรรคพิเศษที่หากเขาจรดพู่กันวาดภาพเมื่อใด ภาพนั้นจะเป็นความจริง แต่ภาพล่าสุดที่เขาวาดคือ ปีศาจร้าย 

——————————–

– 5 –

 

อุเทศเหลียวซ้ายมองขวารอบตัว แม้เขาจะอยู่ภาคอีสาน แต่ก็เคยมากรุงเทพฯ หลายครั้ง และฐานะทางบ้านค่อนข้างจะร่ำรวย จึงไม่อยู่ในสภาพบ้านนอกตื่นกรุง

พลันสายตาสะดุดที่วิชชุวาร ใบหน้าสวยซึ้ง ทรวดทรงองค์เอวสมส่วน แต่งเครื่องแบบนักศึกษาของสถาบันเอกชน  ถือแฟ้มพลาสติก

“ ขอโทษกี่โมงแล้วคะ? ”

วิชชุวารคลี่ยิ้มหวานแฉล้ม

ทรชนนักข่มขืนกระหยิ่มยิ้มย่อง ยืดอกหลงคิดว่าตนเองรูปหล่อ ถูกสเปก หญิงสาวทอดไมตรีเปิดช่องทางให้จีบ

ไอ้เรื่องพรรค์นี้ชอบนัก เขาร่วมแก๊งโทรมสาว เคยจัดการมาแล้วร่วมสิบรายแดงต้อยรายล่าสุด หล่อนอยากโอดครวญโหยหวน ไม่รู้จักสลบจึงต้องรุมฆ่าปิดปาก

“ อีกสิบห้านาทีหนึ่งทุ่มครับผม ” เด็กหนุ่มร่างใหญ่นอบน้อมหรี่ตาเจ้าชู้ “ คุณมารับญาติหรือฮะ? ”

“ ใช่ค่ะ เพิ่งนึกออกว่าผิดวัน อันที่จริงพรุ่งนี้ต่างหาก เลยเก้อตามระเบียบ ”

“ คุณจะไปไหนฮะ? ”

“ แถวงามวงศ์วานค่ะ ”

“ โอ! งั้นเหมาะเชียว ผมจะไปถนนรัตนาธิเบศร์ เราร่วมทางกันได้ หากว่าคุณไม่รังเกียจ ”

หล่อนนิ่งตรึกตรอง กลีบปากจิ้มลิ้มพริ้มพรายน่าจูบ ขนตายาวงอนกะพริบสองแวบ ภูตแดงต้อยที่สิงอยู่ในตัวทำให้เกลียดชัง จ้องจะประหัตประหารอุเทศ

“ แหม, ไม่เป็นการรบกวนคุณหรือคะ? ”

“ โธ่! คิดแบบนั้นล่ะก็ ผมจะชวนคุณทำไมเล่า ”

พูดแล้ว เขาก็ตัดบท ตัวขึ้นแท็กซี่คันที่เพิ่งจะจอดเทียบ วิชชุวารนั่งเคียงคู่ฆาตกรวัยรุ่น รู้สึกอึดอัดกังวล กริ่งเกรงประหลาด ทราบโดยสัญชาตญาณว่า อุเทศห้อยพระเครื่องศักดิ์สิทธิ์

ย่านขนส่งหมอชิตรถติดทั้งปี มองไปทางไหนเห็นแต่กองทัพยวดยานพะนึงพะหนืด  การเคลื่อนตัวช้ามาก หากไม่อยู่ในรถปรับอากาศ ทั้งสองคงจะเหงื่อตก อุเทศแนะนำตัวเองและแถมท้ายว่า

“ ไหนๆ เราก็รู้จักกันแล้ว กรุณาให้ผมทราบนามของคุณบ้าง ”

วิชชุวารบีบมือที่วางทับกันบนตัก แสดงอาการกิริยาประหนึ่งว่าขวยเขิน

“ ดิฉันจะบอกคุณ เมื่อตอนใกล้ๆ จะลงจากรถ พร้อมด้วยเบอร์โทร.ค่ะ ” เว้นระยะหน่อย สบตานักข่มขืน “ คุณไปหาใครที่รัตนาธิเบศร์? ”

“ อ๋อ, คุณลุงผมเอง ส.ส.ชื่อดังคนหนึ่ง บ้านที่สองของท่านอยู่แถวนั้น ”

เด็กหนุ่มคุยถึงญาติผู้ใหญ่ด้วยความภาคภูมิ รวมทั้งนักเลงภูธรระดับเจ้าพ่อที่เป็นญาติ แต่ไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดว่า ที่แก๊งโทรมสาวรอดพ้นจากการถูกจับกุม เพราะอิทธิพลใหญ่เท่าเส้นก๋วยจั๊บ

ขณะนี้แท็กซี่พ้นย่านแออัด วิ่งเร็วขึ้นวิชชุวารกระสับกระส่าย เพิ่มความโกรธแค้นอุเทศ หากไม่ติดขัดที่เครื่องรางห้อยคอ ก็คงดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว

“ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูง ที่ได้รู้จักหลานชายส.ส.ชื่อดังระดับประเทศ ”

“ หวังว่าเราคงจะเป็นมิตรกันตลอดไปนะฮะ ”

“ แน่นอนค่ะ คุณอุเทศ ”

สาวสวยชำเลืองมองกระเป๋าผ้าไนล่อนใบโต ของฝ่ายตรงข้าม สายตาที่แฝงอำนาจภูตทำให้เจาะทะลุเสมือนเรดาร์ รู้ว่ามีคัตเตอร์คมกริบกับยาอีห้าเม็ดซุกซ่อน แสร้งเปรยขึ้น

“ วัยรุ่นบางคนชอบพกอาวุธ ยาเสพติด ดิฉันไม่กล้าสนิทสนม  เกรงว่าจะเข้าปิ้งไปด้วย ”

“ เรื่องเข้าปิ้งอย่าห่วง ” เขาคุยฟุ้ง “ แค่เห็นนามสกุลผม ตำรวจก็หนาวแล้ว ดีไม่ดีถูกย้ายด่วน…จับแขวน แต่ผมไม่ข้องแวะอบายมุขฮะ อย่างมากแค่เหล้าบุหรี่ขณะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ไม่งั้นเราจะคุยกันจืดชืดไม่มีรสชาติ ”

เก๋งป้ายเหลืองแล่นผ่านถนนงามวงศ์วาน วิชชุวารหยิบสมุดโน้ตเขียนหมายเลขโทรศัพท์ยื่นให้ทรชนวัยรุ่น พลางว่า

“ โทรเฉพาะตอนค่ำ กลางวันดิฉันจะไม่อยู่บ้าน ดิฉันชื่อ…แดงต้อย ”

“ อุ้บ! ”

ผู้ฟังสะดุ้ง ไหวเยือกทั้งตัว จ้องคู่สนทนาตาเป๋ง

“ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณชื่อนี้ ”

“ ทำไมคะ? ”

เลิกคิ้วโก่ง ดวงตาใสแป๋วยั่วกิเลส

“ ฟังดูราบเรียบ ” กลืนน้ำลายเอื๊อก “ ไม่น่าจะเป็นชื่อผู้หญิงสวยๆ อย่างคุณ ”

วิชชุวารหัวเราะหวานพลิ้วแฝงความน่ากลัวเร้นลึก

“ แค่นิคเนม นามจริงจะบอกคุณในขั้นตอนต่อไป โปรดชิดซ้ายดิฉันจะลงหน้าตลาดค่ะ ”

อุเทศช่วยสั่งโชเฟอร์ อีกชั่วครู่ แท็กซี่ก็จอดเทียบทางเท้า สาวโสภาเคลื่อนกายลงอย่างนุ่มนวล ไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณเด็กหนุ่ม

เขามองนักศึกษาสาวจนลับตา หมายมั่นปั้นมือว่าจะเผด็จศึกสวาท

“ ผู้หญิงชอบสะดิ้ง ต้องข่มขืนซาดิสถึงจะสะใจเรา ”

*******************

รชตะวาดภาพการ์ตูนทั้งกลางวันกลางคืน ความคิดต่างๆไหลเข้ามาในสมอง บางครั้งบางคราวคล้ายกับว่ามีใครสักคนคอยกระซิบบอกเค้าโครงเรื่อง

เหนื่อยเมื่อยล้า หนุ่มสุดหล่อเอนกายนอนพักบนเก้าอี้ผ้าใบไนล่อน มือก่ายหน้าผาก

“ ทำยังไงดีโว้ย ไอ้อุเทศคล้องพระเครื่องประจำ ปิศาจแดงต้อยเข้าไม่ถึงตัว ”

หนังตาชักจะหนัก พัดลมพัดเย็นสบายตัว ขนลุกซู่กรูเกรียวเป็นระลอก เคลิบเคลิ้ม ใกล้จะง่วงงุบจิตตกในภวังค์ ครึ่งหลับครึ่งตื่น

พลันเสียงหนึ่งแหลมวู่หวิวก้องขึ้นในจิตสำนึก

“ เจ้านายทำให้ไอ้อุเทศเผลอถอดพระเครื่องสิคะ หนูจะได้จัดการเชือดซะตามระเบียบ ถ้าจะให้สนุกครึกครื้น คนอ่านไม่เบื่อ คุณตะควรให้หนูสิงสลับร่างกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง เค้าโครงเรื่องก็จะกว้างออกไปด้วย ”

“ เอิ้บ! ”

ลูกชายนายอภิรัฐสะดุ้งตื่น อุปาทานทำให้รู้สึกว่า เสียงนั้นยังแว่วหวิวอยู่ในส่วนลึก เขาสั่นหน้าขับความงัวเงีย ตรึกตรองหาเหตุผลประกอบ ในที่สุดก็ได้ข้อสรุป

“ เราครุ่นคิดถึงแต่นิยายการ์ตูนทั้งวันทั้งคืน ตัวงีบหลับแต่สมองยังทำงานอยู่ จึงคล้ายมีพรายกระซิบ ที่แท้ก็กิจกรรมทางสมองของเราเอง คงจะใกล้เคียง ประสาทเบลอ ละมั้ง ”

รับประทานข้าวผัดที่ซื้อมาเตรียมไว้แก้หิว ล้างปากด้วยกล้วยหอมหนึ่งผลก็อิ่มตื้อ รชตะแปรงฟันบ้วนปาก

ปกรณ์กลับอพาร์ทเมนต์ตอนสามทุ่มเศษ เริ่มคุยฟุ้งตั้งแต่ถอดรองเท้าที่ประตู

“ คุณกาจเลี้ยงสุกี้ฉัน แฟนแกทำเอง อร่อยสะเด็ดยาด ฉันฟาดซะอิ่มแประ ”

“ เขาถามถึงฉันหรือเปล่า? ”

“ ถามเซ่ ว่านิยายการ์ตูนผีดุ เมื่อไหร่จะเสร็จ ฉันตอบว่าใกล้เต็มทีแล้ว ”

รชตะยิ้มแหย เกาหลังใบหูขยุกขยิก

“ เสร็จเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ มันยังติดขัดนิดหน่อย สมองตื้อ ”

“ แกติดขัดอะไร ไอ้ตะ? ”

คิ้วโก่งดกดำย่น มุมมองด้านข้างหน้าเขาเข้มเหมือนแขก

“ อยากจะให้ปิศาจแดงต้อยสิงสองร่างสลับแทนที่จะเป็นชุลีคนเดียว ”

“ แล้วความคิดก็ปลอดโปร่งเองน่ะแหละ เมื่อเนื้อเรื่องเดิน อะไรที่ดูยากก็จะง่ายขึ้น ”

ทั้งสองคุยกันเรื่องมโนสาเร่ ไม่วายแสดงปริวิตก ค่าเงินบาทลอยตัว ราคาของกินของใช้ติดปีกบิน เก็บภาษีโหด ขูดเลือดขุดเนื้อประชาชนตาดำๆ

คุยกันนานพอสมควร ปกรณ์ผลัดกางเกงเตรียมอาบน้ำ แต่แล้วก็ฉุกคิดบางอย่างได้

“ ตอนที่ฉันกินสุกี้ สังสรรค์กับคุณกาจ กิรดาลงจากตึก เธอจะไปงานเลี้ยงที่ไหนก็ไม่รู้ แต่งชุดราตรีผ้าใยกัญชงสีชมพูอ่อนจาง สวยทีเดียวล่ะ แตกต่างจากชุดนักศึกษาที่เราเห็นเสมอ ”

“ โอเค ขอบใจนะเพื่อน ”  นักเขียนการ์ตูนสมัครเล่นดีดมือเปาะ “ นึกออกแล้ว จะให้ปิศาจแดงต้อยสลับมาสิงร่างกิรดาร่างที่สอง สมมุติชื่อว่าดาลัด ”

อากาศขมุกขมัวใกล้ค่ำ แต่แสงไฟที่เฉลียงตึกส่องสว่าง วิชชุวารคุยกับนนทวัฒน์ที่เก้าอี้สนาม วัยของเขายี่สิบหก อดีตนักศึกษารุ่นพี่ ปัจจุบันทำงานบริษัทตัวแทนจำหน่ายคอมพิวเตอร์ ตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาด

นนทวัฒน์ไม่ขี้เหร่ แต่ก็ไม่ถึงกับหล่อ บางมุมอาจจะดูเท่บ้าง เขาคุยสนุก เอาอกเอาใจหล่อนไปเสียทุกอย่าง ช่างน่าแปลก ดูธรรมดา ไม่ประทับใจเลย เหมือนสิ่งที่เห็นดาษดื่น แตกต่างกับรชตะลิบลับ

“ นายคนนั้นยโส คิ้วที่ดกเข้มมักจะขมวดเสมอ ไหวตัวจัด อารมณ์ศิลปินเต็มเปี่ยม แม้ยามแสดงไมตรีก็ยังทระนงถือตัว ”

ตรงนี้สิ น่าสนใจ วิชชุวารไม่ค่อยชอบผู้ชายที่คอยประจบประแจงสารพัด

ชายหนุ่มลากลับ สาวสวยตามไปส่งที่รถเก๋ง เมื่อขึ้นตึกรวีรุ้งก็แจ้งข่าว

“ พี่ชุคะ ผู้ชายเสียงห้าวๆ โทร.มาหาคนชื่อแดงต้อย รุ้งตอบว่าเขาต่อสายผิด แต่เขายืนยันว่าเบอร์นี้แหละ อธิบายลักษณะนักศึกษาสาวเพื่อนร่วมทางแท็กซี่ ตรงกับพี่ชุเปี๊ยบ เขาชื่ออุเทศ หลานชายส.ส.นามสกุลโด่งดัง ให้เบอร์โทรไว้ด้วยนี่ไง ”

หล่อนรับเศษกระดาษที่ญาติสาวยื่น อ่านทบทวน ขณะที่ปิศาจแดงต้อยวนเวียนอยู่ใกล้ตัวกิรดา อิทธิพลที่ครอบคลุมสมองวิชชุวารจึงเลือนจางเกือบจะหมดสิ้น

“ เอ, มันสับสน เบลอ บางทีพี่อาจจะเคยโกหกอุเทศ ”

“ เป็นงั้นไป ” น้องต่างแม่ของรชตะป้องปากหัวเราะ “ งั้นเผื่ออุเทศโทร.มาอีกล่ะคะ? ”

“ ปฏิเสธโดยสิ้นเชิง เราไม่ต้องการติดต่อกับเขา ”

เฉิดฉวีนั่งโซฟาตัวเดียวกับนายอภิรัฐ บังเอิญสดับตรับฟังเรื่องราวที่สองสาวคุยกัน พูดแทรกขึ้น

“ พวกนามสกุลใหญ่โตใช่ว่าจะดีไปหมด บางรายถ่อยที่สุด เสียชาติเกิด ”

สามีวัยกลางคนอ่านหนังสือพิมพ์เฉยเสีย ไม่สนับสนุนหรือว่าคัดค้านหล่อน

ช่วงเวลาเดียวกันนี้ ณ ตึกหรูหราอีกมุมหนึ่งของกรุงเทพฯ กิรดาอ่านกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เกิดอาการง่วงผิดสังเกต ขุมขนกรูเกรียว ม่านตาพร่าเลือนเห็นภาพแทรกซ้อน แว่วเสียงริ้งๆ เสมือนบทเพลงไพเราะ

สุดท้ายใช้ศอกคู่ยันโต๊ะ สองมือกุมศีรษะ อวัยวะทุกส่วนชาดิก ไม่อาจขยับเขยื้อน

โอ…โน่นอะไรกันเล่า?

กลิ่นศพเน่าพลุ่ง สะอิดสะเอียน แทบว่าจะอาเจียนเสียให้ได้

ปิศาจสาวรุ่นโผล่ขึ้นข้างโต๊ะ  เน่าเฟะ น้ำเหลืองเยิ้ม ดวงตาโปนถลน ทำท่าว่าจะหลุดเผละ

กิรดาอยากจะหวีดร้องสุดเสียง แต่อ้าปากไม่ขึ้น เย็นยะเยือก ขนลุกเป็นตุ่มหนามคล้ายโรคผิวหนัง

“ ฉันกลัวแล้ว ไปให้พ้นจ้า ”

หัวใจหล่อนร้องตะโกน นึกสวดมนต์ได้ต้นลืมปลายอุตลุด

“ ก็ได้ค่ะ แดงต้อยจะแปลงสภาพให้มันดีขึ้น ”

พริบตานั้น…

แวบ!

กลายร่างเป็นสาววัยกระเตาะ ร่างผ่ายผอม หน้าขาวซีดอมเขียว ผมยุ่งสังกะตัง สวมเสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่ง กลิ่นศพจางลงกว่ากึ่งหนึ่ง

“ หนูชื่อแดงต้อย ถูกกำหนดมาให้อยู่กับคุณดาค่า… ”

น้ำเสียงแหลมหยาดเย็นวังเวง ฟังสยองเจาะลึกถึงกระดูก

ตั้งแต่เกิด กิรดาไม่เคยกลัวครั้งใดมากเท่าครั้งนี้ หากว่าสามารถขยับเคลื่อนไหว คงกระโดดวิ่งหนีล้มลุกคลุกคลาน ฝืนถามทางกระแสจิต

“ ใครกำหนดเธอ ”

“ เจ้านายสูงสุด ”

ผู้ฟังเข้าใจเอาเองว่าคงเป็นหมอผีขมังพระเวทย์

“ เราอยู่กันคนละภพ ฉันไม่ต้องการแดงต้อย เพราะเธอเป็นผอ…ผี! ”

“ โธ่! ประสาท เมื่อคุณดาตายแล้วก็เหมือนหนูน่ะแหละ คุณคบแดงต้อยแล้วจะชอบ ฮิ-ฮิ-ฮิ”

กิรดาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างว่างเปล่า ไม่มีภูตสาววัยกระเตาะ หล่อนไม่เคยข้องแวะกับผีสางวิญญาณเฮี้ยน ยึดถือเหตุผลทางวิทยาศาสตร์

เกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้นได้อย่างไรเล่า?

หญิงสาวลุกออกไปชมโทรทัศน์กับครอบครัว ไม่ยอมเล่าเหตุการณ์หวาดสยอง

เก่งกาจกำลังพูดโทรศัพท์อยู่  สักประเดี๋ยวก็วางสาย เดินมานั่งข้างทายาท กล่าวว่า

“ นักเขียนการ์ตูนใช้นามปากกาเงินยวง วาดเรื่องผีสาววัยกระเตาะเสร็จเล่มแล้ว พรุ่งนี้เขาจะเอาต้นฉบับมาที่สำนักพิมพ์ พ่อจะให้ดาอ่านตรวจวิเคราะห์วิพากษ์ สนุกมากน้อยแค่ไหนดาก็บอกกับเขา ”

 



Don`t copy text!