ชายได้โชคอย่างลึกลับ เพราะเป็นแฟนคลับนิยายผี บทที่ 15 : จักไปสื่อสารการข่าว แม้คราวเพื่อนพ้องหมองหมาง (2)

ชายได้โชคอย่างลึกลับ เพราะเป็นแฟนคลับนิยายผี บทที่ 15 : จักไปสื่อสารการข่าว แม้คราวเพื่อนพ้องหมองหมาง (2)

โดย : วันชนะ

Loading

เว็บไซต์อ่านเอา ภูมิใจเสนอ “ชายได้โชคอย่างลึกลับ เพราะเป็นแฟนคลับนิยายผี” นวนิยายรางวัลชนะเลิศจากโครงการอ่านเอาก้าวแรก รุ่นที่ 5 ผลงานโดย วันชนะ ทองคำเภา กับเรื่องราวของความตายที่มีเบื้องหลังลึกลับซับซ้อน และวรรณกรรมผีของเหม เวชกร เรื่องรวทั้งหมดสัมพันธ์กันได้อย่างไร พบคำตอบได้ในนวนิยายเรื่องนี้

คุณทอฟ้าตวัดตาเขียวมองอัสดงแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อเสียงหวาน

“ขอบคุณปรัชญาชีวิตจากอาจารย์อัสดงนะคะ แหม! ตอนแรกอาจารย์ดูตื่นเต้น แต่ว่าตอนนี้กลับเลกเชอร์พวกเราเป็นชุดเชียว แปลว่าอาจารย์คงชินกับพอดแคสต์ของพวกเราแล้ว จะได้ขอเรียนปรึกษาอาจารย์เลยค่ะ ว่าสังคมในยุคที่ครูเหมมีชีวิตอยู่เนี่ย เป็นยังไง”

“ครับ เหม เวชกร ที่เราเรียกกันว่า ครูเหม เนี่ย เกิดตั้งแต่ พ.ศ.2446 นะครับ แล้วก็เสียชีวิตใน พ.ศ.2512 เริ่มเขียนเรื่องผีแบบที่เรารู้จักกันทุกวันนี้ ใน พ.ศ.2476 แล้วก็เป็นที่นิยมมากจนได้รวมเล่มครั้งแรกตอน พ.ศ. 2478

ถ้าตอนนี้ใครเริ่มงงเรื่อง พ.ศ.แล้ว ก็เอาเป็นว่า ครูเหมมีชีวิตอยู่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แล้วก็มาเขียนเรื่องผีตั้งแต่ตอนเปลี่ยนแปลงการปกครองใหม่ๆ มาเรื่อยๆ จนถึงสมัยรัชกาลที่ 9 เลยครับ

ดังนั้น ถ้าถามเรื่องสังคมอะไรต่างๆ ในเรื่อง ก็จะตอบยากมากเลย เพราะว่าท่านอยู่ในหลายยุคสมัย ซี่งวิธีคิดและโลกรอบตัวมันก็แตกต่างกันนะครับ แต่ประเด็นที่สำคัญก็คือว่า ใครจะพูดว่าท่านกดขี่ผู้หญิง หรือรุนแรง หรือสนับสนุนการทำร้ายผู้หญิงทางใดทางหนึ่งเนี่ย ผมไม่เห็นด้วยเลย

เพราะถ้าเราอ่านเรื่องสั้นผี หรือที่บางคนเรียก นิยายผี ของท่านแล้ว แทบทุกเรื่องที่พูดถึงความรักแบบหนุ่มสาว หรือไม่หนุ่มไม่สาว มันจะเป็นเรื่องรักประทับใจ โศกเศร้าน่าเห็นใจทั้งชายหญิง โดยเฉพาะกับผู้หญิง ท่านประณีตละเอียดอ่อนละเมียดละไม รู้เลยว่านักเขียนเองก็เศร้าไปกับชะตากรรมของตัวละครทั้งสองเพศมากๆ เลยครับ บางคนอาจจะอ่านแล้วร้องไห้ตามจนลืมกลัวผีเลยก็ได้”

อัสดงเหลือบตาไปมองเกียรติและเพื่อนที่อ่านคอมเมนต์ผู้ฟังอยู่ ทั้งสองคนยิ้มและยกนิ้วโป้งสองข้าง ใบหน้าตื่นเต้น คุณทอฟ้ายิ้ม แล้วหันมาถาม

“ถ้ายังงั้น ที่มีบางคนพูดล่ะคะว่า เหม เวชกร เนี่ย คือคนที่เขียนเรื่องผีที่กดทับผู้หญิง เพราะชอบมีเรื่องราวการลงโทษผู้หญิงนิสัยไม่ดี เสียสติ ผีที่มาทำให้ผู้ชายกลัว หรืออะไรทำนองนี้น่ะค่ะ”

“ก็แล้วแต่คนจะมองนะครับ แต่จากการศึกษามาสิบกว่าปี ผมไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยแม้แต่น้อยครับ ผมคงจะยัดเยียดความคิดของผมให้ใครไม่ได้ เพราะคนเราคิดไม่เหมือนกัน แต่อยากเชิญชวนให้ไปอ่านเองนะครับ ว่าผู้ฟังอ่านแล้วจะรู้สึกยังไง เพราะการเรียนวรรณกรรม แล้วตีความ วิจารณ์ ตัดสินอะไรเนี่ย เราต้องได้อ่านด้วยตัวเองซะก่อน

ข้อมูลที่ผมจะให้เพิ่มได้คือ ในชีวิตจริง ครูเหมท่านเองก็เป็นสามีที่รักใคร่อ่อนหวานกับคุณแช่ม ภรรยาของท่านมายาวนานสี่สิบกว่าปี ผัวเดียวเมียเดียวจนตายจากกัน เป็นที่ชื่นชมของลูกศิษย์และแฟนๆ มากครับ”

อาจารย์หนุ่มใหญ่หันไปยิ้มน้อยๆ ให้คุณทอฟ้า ก่อนจะพบว่าเธอไม่ได้ฟังเขาอยู่ แต่กำลังทำหน้าเครียด ขยับปากคุยกับเกียรติแบบไม่ออกเสียงอยู่ สักพัก เธอก็ยิ้มหวาน และทำเสียงอ่อนโยนเหมือนเดิม พูดใส่ไมโครโฟน “เรามีปัญหาเรื่องระบบ ขออนุญาตพักสักห้านาทีนะคะ อย่าเพิ่งไปไหน รอฟังเรื่องราวที่กำลังเข้มข้นต่อค่ะ”

 

เมื่อยุติการถ่ายทำแล้ว เกียรติก็พูดขึ้นมาเสียงเครียด “เราโดน ไอ.โอ.โจมตีซะแล้วครับ”

อัสดงหน้าตื่น “เราโดนโจมตี ด้วยอะไรนะครับ”

“ไอ.โอ.ค่ะ เป็นคำที่เขาใช้เรียกปฏิบัติการด้านข่าวสารที่ใช้ทำสงครามข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต เพื่อบิดเบือนให้คนคิดไปทางเดียวกับที่เราต้องการ…แต่ไอ.โอ.ที่เราพูดกันนี่ไม่ได้มาจากหน่วยงานรัฐหรือเอกชนอะไรหรอกนะคะ” เพื่อนอธิบาย “เพื่อนว่ามันมาจากกลุ่ม ‘เหยื่อสมร’ แหละค่ะ คงเห็นทางเรากำลังได้โอกาสที่จะแก้ข่าว เถียงกับทางเขา เลยต้องมาคอยกำราบให้คนเห็นไปทางเดียวกันไม่แตกแถว แต่ใช้วิธีให้คนบ้าง บอทบ้าง มาแกล้งเป็นผู้ฟัง แกล้งเป็นเฟมินิสต์ปลอมๆ ดิสเครดิตเราค่ะ จะได้ไม่มีใครฟังเนื้อหาจริงๆ ที่เราพูด แต่รุมเกลียด รุมด่า ล้อเลียน ถากถางเราแทน”

เธอหันจอให้อัสดงอ่านความเห็นผู้ฟังที่พิมพ์ลงไปในไลฟ์ ที่บางคนพยายามเบี่ยงประเด็นอย่างก้าวร้าวผิดปกติ บางความเห็นก็ซ้ำกันเหมือนการ copy and paste

“เป็นอาจารย์แล้วไงวะ จะบอกว่าคนอ่านคนอื่นโง่ ต้องเป็นพวกมึงถึงจะเก่งที่สุดในโลกหรือไงวะ 5555555 มีแต่ควายแหละที่ทนฟังต่อ”

“เกิดทันหรือไงคะ ถึงจะมาบอกว่าคนอื่นไม่เก็ต”

“แน่ มาออกรายการเขา เทศนาเสียงใสเชียวนะจารย์ เขาจ่ายมาเท่าไรอะ รวยเละๆๆๆ”

“นี่มันอาจารย์ที่ลอกงานคนอื่นเค้านี่ ว้ายยยย ไอ้หน้าลอกๆๆๆๆๆๆๆ”

“ไปถามคนดูถูกผู้หญิง ว่าเขาดูถูกผู้หญิงหรือเปล่า แล้วพอเขาบอกว่าไม่ ก็เลยเชื่อ 55555555555”

“เกิดทันหรือไงคะ ถึงมาบอกว่าผู้หญิงตีความไปเอง ไม่หาข้อมูล ชายเป็นใหญ่มากกกกค่ะไม่ฟังค่ะ”

“นี่มันอาจารย์ที่ลอกงานคนอื่นเค้านี่ ว้ายยยย ไอ้หน้าลอกๆๆๆๆๆๆๆ”

“เรื่องผีหรือเรื่องผัว!”

“เขียนเรื่องเข้าป่า มีผู้หญิงเซ็กซี่ ผีลามกตลอด แล้วบอกว่าเพื่อนหญิงพลังหญิง โถ่เอ๊ย! ใครฟังต่อก็ควายล่ะว้า”

“ไปถามคนดูถูกผู้หญิง ว่าเขาดูถูกผู้หญิงหรือเปล่า แล้วพอเขาบอกว่าไม่ ก็เลยเชื่อ 55555555555”

ฯลฯ

อัสดงถอนใจ เขารู้สึกมวนท้อง เมื่อเห็นบางคอมเมนต์ที่ล้อเลียนตั้งฉายาให้เขาว่า “ไอ้หน้าลอก” เขาบ่นอย่างระอาอยู่ในใจว่า คนอะไรวะ ถูกตั้งฉายาล้อเลียนตั้งแต่เด็กยันแก่ เดี๋ยวก็ไอ้หนอน เดี๋ยวก็ไอ้หน้าลอก

“ยังงี้เราไม่ต้องอธิบายอะไรแล้วมั้งครับ คงต้องปล่อยไปแล้วละ”

คุณทอฟ้าพูดเสียงมุ่งมั่น “เราเดาได้อยู่แล้วค่ะว่าเขาต้องใช้วิธีนี้ แต่นี่เป็นโอกาสนะคะอาจารย์ มันจะมีบางความเห็นที่เขาเถียงในเนื้อหา บอกว่าเรื่องผีครูเหมเป็นยังงั้นยังงี้ เราดำเนินรายการให้จบอีกสักไม่เกิน 10 นาที แล้วตอนท้ายก็ไลฟ์ต่อ ให้อาจารย์อัสดงอ่านคอมเมนต์ แล้วแก้ไขความเข้าใจผิดต่างๆ ออกอากาศไปเลย ดีไหมคะ”

อัสดงถอนใจ แล้วตอบ “มาถึงตรงนี้แล้ว สู้ก็สู้ครับ” อาจารย์หนุ่มใหญ่ปลุกพลังมนุษย์ลุงของตัวเองขึ้นมา เมื่อมันไม่จริง เราก็ไม่ต้องอายหรอก ทำใบหน้าให้แข็งแรง สู้มันไปเลย ลุงอัสดงนั่งหลังตรง ถกแขนเสื้อ (ทั้งที่จริงๆ วันนี้เขาสวมเสื้อแขนสั้น)

 

พอถึงตอนท้ายรายการ “นางพญาผีแม่ม่าย” ก็เริ่มให้เขาตอบคอมเมนต์ โดยที่เพื่อนคอยเลือกคำถามให้ โดยเฉพาะคำถามที่เข้าใจผิดเรื่องข้อมูลต่างๆ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้อัสดงอธิบายด้วยน้ำเสียงใจเย็น

“ที่เขียนให้ความรักผิดหวังเยอะๆ น่าจะเป็นสไตล์เฉพาะตัวของครูเหมแหละครับ ไม่เกี่ยวกับว่าดูถูกผู้หญิงหรือเปล่า แนวนี้เรียกว่า นิยายรักโศก คนเขียนคนอ่านเยอะมาก โดยเฉพาะผู้หญิงครับ นักเขียนหญิงที่เรายกย่องกันในยุคนี้ว่าเข้าใจผู้หญิงมากๆ ก็เขียนครับ ไม่ได้มีแต่ครูเหมคนเดียว”

“เรื่องที่ไปเจอผีผู้หญิงในป่า ตามที่คอมเมนต์มานั้น น่าจะเป็นเรื่องเพชรพระอุมา ของคุณพนมเทียนมากกว่านะครับ ซึ่งสมัยที่เขียนนั้น การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมยังเริ่มได้ไม่นาน เลยมองว่าการเข้าป่าล่าสัตว์เป็นการผจญภัยครับ น่าวิเคราะห์ต่อเหมือนกันเรื่องวัฒนธรรมผู้ชาย แต่ว่าไม่ใช่เรื่องของครูเหมนะครับ”

คุณทอฟ้าหันไปยิ้มให้ทีมงาน ซึ่งยกนิ้วโป้งและพยักหน้ากันอีกครั้ง อาจารย์หนุ่มใหญ่เริ่มรู้สึกสนุก และตอบคำถามต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ความเกร็งในตอนแรกสลายไปแล้ว เขารู้สึกเหมือนสมาชิกทุกคนในห้องเป็นนักศึกษา หรือไม่ก็เป็นเพื่อนร่วมงาน ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน และผู้ฟังก็ร่วมพูดคุยกับเขา แม้บางคนอาจมีทัศนคติที่ไม่ตรงกันแต่ต้น แต่เนื่องจากเป็นเรื่องที่เขาเชี่ยวชาญและใส่ใจมาตลอด เขาจึงสามารถอธิบายได้ไม่ยากนัก

จนเมื่อตอบไปสัก 3-4 คำถาม เกียรติก็ยกแท็บเล็ตในมือขึ้นชูให้คุณทอฟ้าและอัสดงอ่าน ที่หน้าจอเป็นตัวหนังสือตัวใหญ่ที่อ่านได้ทีละสองสามคำ รวมเป็นข้อความว่า “ไอ.โอ. บุกหนัก ด่าแทรก เยอะ มาก อ่าน คอมเมนต์ ไม่ทัน แล้ว ปิด เลย มั้ย”

คุณทอฟ้าพยักหน้า แล้วเริ่มพูดออกทางไมโครโฟนว่า “มีคอมเมนต์ที่ตอบมาจำนวนมาก จนแขกรับเชิญตอบคำถามไม่ทันแล้วนะคะ เราจึงจะต้องยุติรายการวันนี้ไปก่อนค่ะ”

อัสดงเสียดายนิดหน่อย เพราะว่านอกจากบรรยากาศจะกำลังดี และจังหวะของรายการกำลังลื่นไหลแล้ว เขาเองก็กำลังมองเห็นโอกาสที่จะได้ทำความเข้าใจกับสังคมในเรื่องครูเหมอีกมาก

ในตอนนั้นเอง เสียงที่เขาคุ้นเคยก็ดังขึ้นมาจากทางประตูห้อง จนทุกคนต้องเงยหน้าจากจอขึ้นมาฟัง

“ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวหนูจะอ่าน เลือกคอมเมนต์ จดโน้ตย่อ และส่งคำถามให้อาจารย์เอง หนูเคยทำมาแล้ว สบายมากค่ะ”

วารีเดินออกมาจากห้องด้านข้าง และพูดเสียงดังก้องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้เสียงของเธอจะสั่นเล็กน้อย แต่จังหวะจะโคนก็เป็นเสียงมืออาชีพแบบที่อัสดงได้ยินมาตลอด ใบหน้าอ่อนเยาว์ในผมสั้นทรงสาวญี่ปุ่นของอดีตลูกศิษย์และผู้ช่วยวิจัยมองหน้าอาจารย์หนุ่มใหญ่ด้วยสายตาอ้อนวอน แต่ก็มุ่งมั่น

 



Don`t copy text!