ชายได้โชคอย่างลึกลับ เพราะเป็นแฟนคลับนิยายผี บทที่ 17 : บัดนั้น ยามแสงอัสดงส่งใส… (1)

ชายได้โชคอย่างลึกลับ เพราะเป็นแฟนคลับนิยายผี บทที่ 17 : บัดนั้น ยามแสงอัสดงส่งใส… (1)

โดย : วันชนะ

Loading

เว็บไซต์อ่านเอา ภูมิใจเสนอ “ชายได้โชคอย่างลึกลับ เพราะเป็นแฟนคลับนิยายผี” นวนิยายรางวัลชนะเลิศจากโครงการอ่านเอาก้าวแรก รุ่นที่ 5 ผลงานโดย วันชนะ ทองคำเภา กับเรื่องราวของความตายที่มีเบื้องหลังลึกลับซับซ้อน และวรรณกรรมผีของเหม เวชกร เรื่องรวทั้งหมดสัมพันธ์กันได้อย่างไร พบคำตอบได้ในนวนิยายเรื่องนี้

อาชีพอาจารย์มหาวิทยาลัยนั้นมีงานให้ทำมาก เจอผู้คนหลากหลาย แต่โดยธรรมชาติของมันนั้นเรียบง่าย หลังจากเรื่องราวหวือหวาผจญภัยต่างๆ ที่เกิดกับอัสดงเหมือนจะสงบลงชั่วคราว อาจารย์หนุ่มใหญ่ก็ใช้ชีวิตเรื่อยเฉื่อยตาม “ปฏิทินการศึกษา” ของมหาวิทยาลัย เหมือนที่เคยเป็นมา

แม้ว่าชาวพอดแคสต์ทั้งกลุ่ม “ผีแม่ม่าย” และกลุ่ม “เหยื่อสมร” จะยังรบรากันอยู่ มีการพาดพิงถึงอัสดงอยู่บ้าง แต่อาจารย์หนุ่มใหญ่ก็ใช้วิธีไม่ตามไปโต้เถียง ไม่อ่านคอมเมนต์ที่พูดถึงตัวเขา จนทั้งสองกลุ่มหันไปหาเรื่องอื่นมาสู้รบถกเถียงกันแทน แม้ว่าจะมีนักศึกษานำเอาเนื้อหาจากรายการพวกนี้มาพูดคุยบ้าง ถามถึงข้อมูลที่กล่าวอ้างถึงอาจารย์บ้าง เขาก็ไม่แสดงออกว่าตื่นเต้นอะไรอีกต่อไป

เรื่องที่น่าตื่นเต้นกว่า คือเรื่องทั่วๆ ไปตามหน้าที่อาจารย์ และแวดวงวิชาการที่เขาสนใจ อย่างเช่นวันนี้…

 

ในห้องประชุมเล็กจุคนได้ไม่เกิน 15 คน แอร์ในห้องหนาวจนอาจารย์ชายสามคนในห้องต่างสวมเสื้อแจ็กเก็ตและเสื้อไหมพรม ส่วนอาจารย์หญิงอีกสองคนและนักศึกษาก็มีผ้าผืนโตคลุมไหล่ แต่สิ่งที่เยือกเย็นกว่านั้นในความรู้สึกของคนในห้อง คือป้ายหน้าห้องที่เขียนไว้ว่า ‘กำลังสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ ห้ามรบกวน’

วันสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ หรือที่เรียกว่า สอบปากเปล่า เป็นวันที่นักศึกษาปริญญาเอกทุกคนรอคอยด้วยความระทึกและหวาดกลัว เพราะงานที่ทำงานมาตลอด 4-5 ปีนั้น กำลังจะถูกประเมินโดยผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่าน ที่จะมาตั้งคำถาม ตำหนิ และฉีกทึ้งงานที่นักศึกษาทำมา ว่านักศึกษามีคุณสมบัติเพียงพอจะใช้คำนำหน้าชื่อว่า ดร. หรือไม่ สมชื่อการสอบที่เรียกว่า “สอบป้องกัน”

แต่นักศึกษาปริญญาเอกที่อยู่ในห้องตอนนี้ กลับกำลังเผชิญสิ่งเหนือความคาดหมายที่นักศึกษาคนอื่นๆ ไม่ค่อยได้เจอเท่าใดนัก เพราะผู้ทรงคุณวุฒิที่กำลังโจมตี ฟาดฟัน ใส่งานของนักศึกษาทุกวิถีทางอย่างไม่ลดละนั้น กลับเป็น “อาจารย์ที่ปรึกษา” ของเธอเอง

“งานของเหม เวชกรเนี่ย มีจำนวนมาก แล้วก็เผยแพร่และตีพิมพ์มายาวนานหลายทศวรรษเลยนะครับ ตอนที่คุณโยงเนื้อหาเข้ากับบริบทประวัติศาสตร์เนี่ย คุณตรวจสอบยังไงครับ ว่างานชิ้นไหน ตีพิมพ์ พ.ศ.ไหน บางทีในหนังสือก็ไม่ได้บอกไว้นี่ครับ” อาจารย์อัสดง สัตยาพิทักษ์ อาจารย์ที่ปรึกษา ใช้เสียงเข้มถามนักศึกษาปริญญาเอกผู้เข้าสอบป้องกัน คือ นางสาววารี ลำธารธรรม

และเมื่อวารีตอบ อัสดงก็จี้หาจุดที่บกพร่องในคำตอบ และถามคำถามอื่นต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จนกรรมการสอบท่านอื่นๆ มองหน้ากันแบบงงๆ และเริ่มส่งสายตาคุยกัน

ตามปกติ กรรมการสอบจะต้องคอย ‘บล็อก’ ไม่ให้อาจารย์ที่ปรึกษาช่วยเหลือนักศึกษาตอนสอบ แต่การสอบครั้งนี้ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลายเริ่มไม่แน่ใจว่าจะต้องบล็อกอาจารย์ที่ปรึกษาไม่ให้โจมตีนักศึกษาแทนหรือไม่

กรรมการชายท่านหนึ่งขยับตัวจะพูดแทรก แต่ว่ากรรมการหญิงอีกท่านส่ายหน้าห้ามไว้ แล้วใช้สายตามองนำไปที่นางสาววารี ซึ่งตอบคำถามของอาจารย์อัสดงได้อย่างชัดเจน มีรายละเอียดครบถ้วน และเฉียบคม แม้ว่าเสียงของนักศึกษาจะสั่นและเหมือนจะมีน้ำตารื้นๆ ก็ตาม

จนการสอบดำเนินไปในลักษณะนั้นเกือบ 2 ชั่วโมง (ตอนนั้นอาจารย์อัสดงกำลังไล่ต้อนวารีเรื่องการใช้ทฤษฎีเรื่องผีของตะวันตกมาใช้กับข้อมูลไทยในงานของเหม ว่าใช้ได้จริงหรือไม่) กรรมการหญิงอีกท่านจึงตัดสินใจพูดขึ้นมา

“ขอโทษด้วยนะคะ ขอแทรกหน่อยค่ะ…” ทุกคนหันไปมองเธอ “ขอพูดตรงๆ ว่า ปกติเวลาสอบแบบนี้ จะมีกรรมการสักคนสองคนที่รับบทเป็นตัวร้าย คอยถามคำถามยากๆ หรือว่าโจมตีงานของนักศึกษา เพื่อที่จะทดสอบว่านักศึกษาทำงานมาด้วยตัวเองมั้ย หรือว่ามั่นใจในข้อเสนอในงานวิจัยตัวเองแค่ไหน ซึ่งดิชั้นก็เตรียมตัวมาจะทำหน้าที่นี้ แต่สำหรับการสอบครั้งนี้ คงไม่มีที่ว่างให้ดิชั้นทำแบบนั้นแล้วมั้งคะ”

ทั้งอาจารย์ที่ปรึกษาและนักศึกษาสะดุ้ง หันมามองกรรมการผู้ตั้งคำถามเหมือนสะดุ้งตื่นจากภวังค์ แล้วมองหน้ากันแบบงงๆ ก่อนจะหลบตา หน้าแดงเล็กน้อยกันทั้งคู่

“ขอโทษครับ ถ้างั้น ขอเชิญกรรมการท่านอื่นถามนักศึกษาได้เลยครับ” อัสดงกล่าวเขินๆ

เหลือคำถามให้กรรมการท่านอื่นถามไม่มากแล้ว แต่การสอบก็จบลงได้ด้วยดีในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา

เมื่อเสร็จสิ้นการสอบ กรรมการก็เชิญนักศึกษาออกไปนอกห้องเพื่อปรึกษากันถึงผลการสอบ

และเมื่อเวลาผ่านไปราวสิบนาที อาจารย์อัสดงก็เปิดประตูห้องออกมาเพื่อตามวารีเข้าไปฟังผลสอบในห้อง แต่ไม่พบ อาจารย์หนุ่มใหญ่ขมวดคิ้ว แล้วกดโทรศัพท์มือถือโทร.ตาม แต่ก็ไม่มีการตอบรับ

 

จนกระทั่งเขาแง้มประตูห้องไปบอกกรรมการว่า นักศึกษาหายไปแล้ว จึงได้ยินเสียงละล่ำละลัก ตะโกนเรียกมาจากทางเดินว่า “อาจารย์คะ หนูมาแล้วค่ะ” พร้อมกับภาพวารีกึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับเข้ามา พลางอธิบายไปด้วยว่าไปห้องน้ำ ไม่ได้หยิบโทรศัพท์ไปด้วย และปิดเสียงโทรศัพท์เอาไว้ในกระเป๋าที่วางอยู่ในห้องสอบ

“เกือบไปแล้วนะครับ ‘ดอกเตอร์วารี’ ” อัสดงยังคงทำหน้าดุ ตอนที่หันไปกระซิบเบาๆ วารีทำหน้าเหลอหลา และยังคงทำตาโตอยู่อย่างนั้นแม้กระทั่งตอนเข้าไปนั่งฟังผลสอบแล้ว

 

ในห้อง ประธานกรรมการสอบบ่นว่า “ไม่รู้ทำไมห้องประชุมแบบนี้ต้องเปิดแอร์หนาวมากๆ ทุกที่ที่เคยไปเลยค่ะ” ก่อนจะหันมาแถลงแจ้งผลสอบด้วยเสียงกังวาน

“คณะกรรมการพิจารณาวิทยานิพนธ์ของคุณวารี ลำธารธรรม แล้ว เห็นว่าวิทยานิพนธ์ยังมีข้อบกพร่อง และจุดที่ควรแก้ไขให้ชัดเจนขึ้นจำนวนหนึ่ง ดังที่ได้แจ้งไปแล้วในขั้นตอนของการสอบป้องกันเมื่อสักครู่นะคะ” เธอพูดด้วยใบหน้านิ่ง “แต่ว่าโดยภาพรวม งานชิ้นนี้แสดงให้เห็นถึงการสร้างองค์ความรู้ใหม่เกี่ยวกับวรรณกรรมสยองขวัญและวัฒนธรรมความเชื่อทางพุทธศาสนาของไทย ผู้วิจัยศึกษาค้นคว้ามาเป็นอย่างดี และได้แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในศาสตร์ด้านวรรณกรรมไทย กรรมการชอบเป็นพิเศษในส่วนที่งานพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเพศ ชาย-หญิง และความรัก ที่สะท้อนให้เห็นโศกนาฏกรรมและความเข้าใจชีวิตจากรักที่ไม่สมหวัง ผ่านเรื่องผีที่ไม่เพียงแต่น่ากลัว แต่กลับน่าเห็นใจตัวละครด้วย”

เมื่อพูดจบ ประธานกรรมการก็ยิ้ม แล้วสรุป

“ดิฉัน ในฐานะประธานกรรมการสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ จึงขอประกาศอย่างเป็นทางการให้นางสาววารี ลำธารธรรม สำเร็จการศึกษา เป็นดุษฎีบัณฑิตค่ะ”

ทุกคนในห้องปรบมือ วารียกมือไหว้ปลกๆ น้ำตารื้น

“ผมขอเสริมได้ไหมครับ” อาจารย์อัสดง อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ยกมือ

“งานชิ้นนี้ของคุณวารี ผ่านการศึกษาค้นคว้าด้วยความอุตสาหะและมีความคิดสร้างสรรค์ในการตั้งประเด็นศึกษาเรียบเรียง การสอบในวันนี้ ผมอาจจะตั้งคำถามต่างๆ ดุเดือดไปสักหน่อย ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะเห็นว่างานนี้มีข้อบกพร่องมากหรืออะไร แต่เป็นเพราะว่าอยากสร้างสถานการณ์ให้ทุกคนเห็นว่า คุณวารีได้ผ่านการคิด การเขียน การเรียบเรียงด้วยตัวเองจริงๆ จนสามารถจะอธิบายได้ทั้งจุดเด่น จุดด้อย ปัญหา และเรื่องราวต่างๆ ได้แจ่มชัด” อัสดงพูดเสียงใส “ทั้งหมดนี้ ผมเชื่อว่ากรรมการทุกท่านในที่นี้คงจะเห็นตรงกัน ว่าคุณวารี มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะได้เป็นดอกเตอร์วารี อย่างภาคภูมิจริงๆ ครับ เก่งมากครับวารี” แล้วอาจารย์หนุ่มใหญ่ก็หันไปยิ้มให้ลูกศิษย์สาว

วารีซึ่งนั่งเยื้องกับอัสดง เอนตัวเข้ามาทางอาจารย์ หัวพิงเบาะเก้าอี้ เหลือบตามองหน้าอาจารย์ของเธอ แล้วก็ร้องไห้โฮสะอึกสะอื้นดังลั่นยาวนาน จนอัสดงต้องหยิบทิชชูส่งให้ พร้อมพูดให้กำลังใจเบาๆ “จบแล้วครับ สอบผ่านแล้วนะวารี เก่งมากครับ”

ประธานกรรมการสอบหัวเราะ “เข้าใจว่าธรรมเนียมของมหาวิทยาลัยปราชญาลัยนี่ ถ้ามีนักศึกษาสอบผ่าน ทุกคนต้องดื่มแสดงความยินดีร่วมกันสินะคะ เรามาดื่มด้วยกันตอนนี้เลยมั้ยคะ”

“ใช่ครับ แต่เพราะเป็นในสถานศึกษา เราเลยไม่สามารถจะดื่มเครื่องดื่มมึนเมาได้ แต่เราก็มีร้านชาผลไม้อร่อยอยู่ใต้ตึกคณะ ขออนุญาตให้ทุกคนดื่มชาที่ผมเตรียมไว้แทนนะครับ” อัสดงยิ้ม แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.เรียกเจ้าหน้าที่ให้บอกแม่บ้านนำเครื่องดื่มที่เตรียมไว้มาเสิร์ฟ

 



Don`t copy text!