ชายได้โชคอย่างลึกลับ เพราะเป็นแฟนคลับนิยายผี บทที่ 5 : ชีวิตวันวานกาลเก่า เหมือนเงากรรมสั่งสังขาร์ (1)

ชายได้โชคอย่างลึกลับ เพราะเป็นแฟนคลับนิยายผี บทที่ 5 : ชีวิตวันวานกาลเก่า เหมือนเงากรรมสั่งสังขาร์ (1)

โดย : วันชนะ

Loading

เว็บไซต์อ่านเอา ภูมิใจเสนอ “ชายได้โชคอย่างลึกลับ เพราะเป็นแฟนคลับนิยายผี” นวนิยายรางวัลชนะเลิศจากโครงการอ่านเอาก้าวแรก รุ่นที่ 5 ผลงานโดย วันชนะ ทองคำเภา กับเรื่องราวของความตายที่มีเบื้องหลังลึกลับซับซ้อน และวรรณกรรมผีของเหม เวชกร เรื่องรวทั้งหมดสัมพันธ์กันได้อย่างไร พบคำตอบได้ในนวนิยายเรื่องนี้

“อาจารย์เคยทราบมั้ยคะ ว่าเวลาที่ผู้หญิงถูกผู้ชายทำร้าย มันไม่ได้มีแค่อันตรายต่อร่างกาย อย่างการทุบตี หรือลวนลามหรอกนะคะ” คุณทอฟ้าพูดต่อด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่ก็ไม่มีรอยยิ้มใจดีให้เห็นอย่างเคย

เมื่อเห็นอัสดงนิ่ง เธอก็พูดต่อ “เวลาที่เราเข้าไปดูในอินเทอร์เน็ตทุกวันนี้ มันจะเต็มไปด้วยมุกตลกที่ผู้ชายล้อเลียนความไร้เหตุผล เจ้าอารมณ์ของผู้หญิง และผู้หญิงเองก็หัวเราะไปด้วย หรือร่วมเล่นไปด้วยซะเองใช่มั้ยคะ แต่ถ้าจะมองหาคนที่พูดในมุมว่าผู้หญิงเองก็เจอกับการใช้อารมณ์ การทารุณทางวาจาล่ะ มีคนเอามาทำเป็นมีม เป็นการ์ตูนให้คนเข้าใจและรู้สึกร่วมไปกับผู้หญิงด้วยบ้างมั้ยคะ ถ้าเรานึกดูดีๆ มันมีน้อยมากนะคะ”

อัสดงไม่มีโอกาสคิดอะไรได้ในวินาทีนั้น นอกจากจะตอบรับสั้นๆ ว่า “ครับ”

“พี่จะบอกอาจารย์อย่างนึงนะคะ เรื่องชีวิตของคนแบบคุณแม่ลัดดานี่แหละค่ะ ที่เป็นความทารุณแบบที่คนทุกวันนี้ไม่ค่อยพูดถึงกัน แม้ว่าจะมีคนเจออะไรแบบนี้อยู่ตลอดเวลา พี่ขออนุญาตเล่าให้อาจารย์ฟังนะคะ”

และเมื่อคุณทอฟ้าเริ่มต้นเล่า ภาพชีวิตของคุณแม่ลัดดาก็ค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นในจินตนาการของอาจารย์หนุ่มใหญ่

 

ภาพของคุณแม่ลัดดาที่คุณทอฟ้าเห็นอยู่ตลอดเวลาในวัยเด็ก คือภาพของหญิงเก๋ทันสมัยที่แม้จะอยู่บ้านมากกว่าออกไปข้างนอก แต่ทรงผมของคุณลัดดาก็มักจะเปลี่ยนไปแทบจะพร้อมๆ กับทรงผมของนางแบบบนหน้านิตยสารที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขกในบ้าน บางทีก็เป็นทรงบ๊อบสั้น หรือบางครั้งก็เป็นผมยาวฟูฟ่อง สอดรับกับเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาดซึ่งเป็นลวดลายตารางบ้าง ดอกไม้บ้าง

แล้วไม่นานหลังจากที่คุณลัดดาเดินอวดทรงผม เสื้อผ้า หรือรูปแบบการแต่งหน้าใหม่ๆ ไปทั่วบ้าน คุณเฟื่องฟ้าก็จะหันมาแต่งตัวสไตล์เดียวกัน จนทำให้คุณทศพลหาโอกาสคอยล้อเลียนให้คนในบ้านได้หัวเราะกันบ่อยๆ โดยเฉพาะคุณทศพลกับคุณลัดดานั้นจะสนิทกันมากจนชอบหยอกล้อด้วยการโต้เถียงหรือผลักกันไปมาเหมือนเด็กๆ

หากไม่รู้ความสัมพันธ์ของคนในบ้าน ผู้ที่มาพบเห็นอาจจะคิดว่าคุณลัดดาและคุณเฟื่องฟ้านั้นเป็นพี่น้องกันเสียมากกว่า เพราะนอกจากจะทำผมและแต่งตัวแต่งหน้าคล้ายกันตลอดเวลาแล้ว คุณแม่ทั้งสองของคุณทอฟ้าก็มักจะชวนกันเย็บปักถักร้อย ตกแต่งประดับประดาบ้านด้วยม่านลายแปลกๆ จากนิตยสาร จัดดอกไม้แบบต่างๆ สีสันหลากหลายตามฤดูกาล ทำอาหารทั้งไทยและฝรั่งให้ทุกคนชิม และคุยกันเรื่องหนังสือ นิตยสาร และวรรณกรรมอย่างเพลิดเพลิน

กิจกรรมอย่างหลังนี้ ส่วนใหญ่แล้วคุณลัดดาจะเป็นฝ่ายคุยให้คุณเฟื่องฟ้าฟังเสียมากกว่า เพราะแม้ทั้งสองสาวจะอ่านหนังสือได้คล่องแคล่วกันทั้งคู่ แต่คุณเฟื่องฟ้าก็ไม่ค่อยนิยมอ่านหนังสือนัก ความบันเทิงที่คุณแม่เฟื่องฟ้าชอบมักจะเป็นการฟังละครวิทยุคณะเกศทิพย์ ที่คุณแม่ปลื้มเสียจนต้องคอยตามไปดูภาพยนตร์ที่สร้างมาจากละครเรื่องนั้นเรื่องนี้ และบางทีก็ฟังเพลงไพเราะจากนักร้องเสียงนุ่มนวลอย่างสุเทพ วงศ์กำแหง ชรินทร์ นันทนาคร หรือธานินทร์ อินทรเทพ ที่มีเนื้อเพลงหวานบาดใจ

กิจกรรมของสองสาวได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากคุณทศพล ผู้มีสมบัติและเงินทองจากมรดกมากพอจะอยู่ได้อย่างสบาย อีกทั้งยังมีตำแหน่งสูงในบริษัทใหญ่ที่ทำงานด้านสัมปทานการก่อสร้างกับรัฐบาลไทยและมีสัมพันธ์ที่ดีกับชาวอเมริกันที่เริ่มเข้ามาประเทศไทยมากในช่วงเวลานั้น คุณทศพลจึงมักวุ่นวายอยู่กับการทำงานนอกบ้านอยู่เสมอ และก็พอใจมากที่ภรรยาทั้งสองคนนั้นรักใคร่ปรองดองกันดี และใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีสีสันไม่เงียบเหงา

ตามปกติ เวลาที่คุณเฟื่องฟ้ากำลังตั้งใจฟังละครวิทยุหรือฮึมฮัมร้องเพลงลูกกรุงตามเสียงดนตรีทางวิทยุขณะทำงานบ้านไปด้วย คุณลัดดาก็มักจะแยกตัวไปนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ ในห้องของเธอ โดยที่เปิดประตูทิ้งไว้ และบางที เด็กหญิงทอฟ้าก็จะได้เห็นว่าคุณแม่ของเธอเดินเข้าไปในห้อง พร้อมทั้งปลอบใจคุณแม่ลัดดาที่กำลังนั่งร้องไห้ หรือไม่ ทั้งสองก็จะนั่งคุยกันด้วยสีหน้าเศร้าเป็นเวลานานๆ

ในเวลานั้น เด็กหญิงทอฟ้าผู้ยังเด็กมาก มักจะเข้าใจไปว่า คุณแม่ทั้งสองของเธอมักจะมีอารมณ์อ่อนไหวไปตามนิยาย ละคร หนัง และเพลงต่างๆ ที่พวกเธอได้เสพเพื่อความบันเทิง เลยพากันแสดงอาการเศร้าโศกไปบ้างบางครั้งบางคราว เด็กหญิงจึงไม่ได้ใส่ใจกับเหตุการณ์เหล่านั้นมากนัก และไม่ได้สังเกตเลยว่า แทบทุกครั้ง ประมาณวันสองวันก่อนที่คุณลัดดาจะมีอาการดังกล่าวให้เห็น คุณทศพลจะมีอาการแปลกไปเล็กน้อยกับคุณลัดดา

อาการที่ว่านั้น ไม่ใช่การพูดจารุนแรงหยาบคายหรือลงไม้ลงมือ ที่จริงแล้ว ถ้าไม่ได้ตั้งใจสังเกตดูดีๆ จะไม่มีใครเห็นความผิดปกติอะไร เพราะคุณพ่อคุณแม่ทั้งสามท่านก็พูดคุยกลมเกลียวกันเหมือนวันอื่นๆ แต่ว่าก่อนวันที่จะมีเรื่องราวเกิดขึ้นนั้น ไม่ว่าคุณลัดดาจะพูดอะไรขึ้นมา คุณทศพลก็จะพูดขัด หรือว่าตัดสินคำพูดและการตัดสินใจต่างๆ ของคุณลัดดาไปในทางลบอยู่เสมอ และบ่อยครั้งก็ทำด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

อย่างเช่น วันหนึ่ง ผู้ใหญ่ทั้งสามกำลังแลกเปลี่ยนเรื่องราวชีวิตประจำวันที่ได้พบเห็นมากันตามปกติ คุณลัดดาก็เล่าว่า

“บ้านคุณพยอมเขาน่าจะเจออะไรไม่ดีมานะคะช่วงนี้ วันนี้ฉันเห็นเขานิมนต์พระมาสองสามรูป พากันสวดมนต์ และคุณพยอมก็พาพระเดินวนอยู่ตรงหน้าบ้านกันพักใหญ่ เห็นท่าคงจะสะเดาะเคราะห์”

คุณทศพลพูดแทรกขึ้นมาทันที “คุณพยอมเขาไม่งมงายแบบนั้นหรอก ตอนนี้มันยุคใหม่ พ้นยุคปรมาณูมาตั้งหลายปีแล้วนะคุณ จะไปมองอะไรตื้นๆ แบบนั้นได้ยังไง คนอยู่แต่บ้านก็คอยคิดฟุ้งซ่านแบบนี้ละ”

“แต่บางคนเขาก็ยังเชื่อนะคะ ฝรั่งเขาเอากล้องมาพยายามทดลองถ่ายภาพวิญญาณกันด้วยซ้ำ” คุณลัดดาแย้งด้วยเสียงสั่นเล็กน้อย

“ก็มีแต่คนงมงายไม่มีเหตุผลด้วยกันทั้งนั้นแหละที่จะคิดวุ่นวายกับอะไรแบบนี้ หาความเจริญไม่ได้หรอก เอาเถอะ ถ้าชอบแบบนี้ก็เชื่อๆ ไปละกัน” แล้วคุณทศพลก็ยิ้มเหมือนว่าตัวเองเพิ่งพูดเรื่องสัพเพเหระที่ไม่มีความหมายอะไรพิเศษ ในขณะที่ทุกคนเงียบไปชั่วครู่สั้นๆ แล้วก็กลับมาคุยกันต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เรื่องราวที่เหมือนจะเป็นการพูดคุยถกเถียงธรรมดาๆ นี้ จะเกิดขึ้นซ้ำๆ แบบเดียวกัน เพียงแค่เปลี่ยนเป็นการเถียงกันเรื่องอื่นๆ ในแต่ละครั้ง และทุกครั้งก็มักจะจบลงด้วยการที่คุณลัดดาหน้าเสียเล็กน้อย หรือบางทีท่านก็จะเงียบไปตลอดทั้งมื้ออาหาร แต่ทุกคนมักทำตัวปกติ ไม่มีการทำเสียงดังหรือกิริยากระแทกกระทั้นอะไร ที่สำคัญ พอผ่านไปไม่กี่วินาที ทุกคนกลับมาก็ยิ้มแย้มพูดคุยกันเหมือนเดิม เด็กหญิงทอฟ้าจึงไม่ได้สังเกตเห็นว่าอะไรแปลกไปมากนักในเวลาดังกล่าว

และเมื่อนึกย้อนไป ในบางวันที่สถานการณ์ปกติ เวลาคุณลัดดาทดลองทำอาหารใหม่ๆ มาให้ทุกคนในบ้านชิม คุณทศพลก็มักจะตั้งใจชิมและแสดงความเห็นอย่างสนุกเฮฮาเป็นส่วนใหญ่ จนกลายเป็นกิจกรรมโปรดของครอบครัว แต่ก็มีบางวันที่จู่ๆ คุณพ่อจะแสดงออกชัดเจนโดยหลีกเลี่ยงไม่ตักอาหารจานนั้น และไม่พูดถึงอาหารดังกล่าวแม้แต่คำเดียว บางทีก็ถึงกับบอกให้เด็กรับใช้ในบ้านขยับจานอาหาร ให้อาหารจานใหม่ของคุณลัดดาถูกขยับออกไปห่างจากที่นั่งของท่าน

และถ้าบรรยากาศตึงเครียดมากๆ เด็กหญิงจะเห็นว่าคุณพ่อทศพลกับคุณแม่ลัดดานั้นจะไม่แตะต้องเนื้อตัวกันเลย ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมาก

แต่ว่าวันที่มีเหตุลักษณะนี้ก็มีเพียงไม่กี่วัน ที่เหลือ ทุกคนในบ้านก็อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข แทบจะไม่มีเรื่องเดือดร้อนรุนแรงอะไรจนตลอดชีวิตของคุณเฟื่องฟ้าและคุณทศพล

ความสงบสุขที่โอบกอดทุกคนไปตลอดชีวิตนี้ คงจะรวมถึงความสงบในชีวิตของคุณแม่ลัดดาด้วย ถ้าหากไม่มีเหตุ “เล็กๆ น้อยๆ” แทรกมาบ้างในบางวันอย่างที่คุณทอฟ้าเล่าข้างต้น

ชีวิตของครอบครัวของผู้ใหญ่ทั้งสามและเด็กหญิงทอฟ้าจึงดำเนินไปเช่นนี้ เป็นชีวิตที่เด็กหญิงทอฟ้ามองว่าเหมือนกับครอบครัวปกติทั่วไปที่มีทุกข์บ้าง สุขบ้างตามอัตภาพ คุณแม่เฟื่องฟ้าอาจจะเคยถูกดุและทะเลาะกับคุณพ่อบ้าง แต่ก็ไม่เคยถูกกระทำเหมือนกับที่คุณแม่ลัดดาโดน คนรู้จักทั้งหลายต่างก็ชื่นชมว่าครอบครัวนี้รักใคร่ปรองดองกันดี ไม่เหมือนครอบครัวที่มีเหตุเมียหลวงเมียน้อยให้เป็นข่าวบ่อยๆ

จนถึงวันก่อนหน้าที่คุณลัดดาจะจากไปตลอดกาล…



Don`t copy text!