วายัง บทที่ 2 : หนี
โดย : กันตพิชญ์
วายัง โดย กันตพิชญ์ นวนิยายผีจากเจ้าของบทประพันธ์ ม่อนเมิงมาง 1 ใน 5 นวนิยายจากโครงการช่องวันอ่านเอาที่ได้รับคัดเลือกไปสร้างเป็นละครกับเรื่องราวของชายหนุ่มที่สัมผัสได้ถึงวิญญาณอาฆาตที่ยังวนเวียนสิงสู่อยู่ในรีสอร์ตแห่งหนึ่งในบาหลี วิญญาณนั้นอาจจะเป็นหญิงสาวชาวไทยที่ประสบชะตากรรมอันน่ารันทดที่รอการล้างแค้นอยู่อย่างใจเย็น
อรรรีบร้อนคว้าธนบัตรเฉดม่วงให้คนขับรถแท็กซี่ ไม่ไยดีส่วนต่างที่เหลือเกือบครึ่งจากมิเตอร์
ชายหนุ่มวัยยี่สิบสองคว้ากระเป๋าเป้ขนาดย่อม สมบัติติดตัวเพียงชิ้นเดียวที่ออกแบบด้วยรูปทรงจีโอเมตริกสีดำแมตต์มูลค่าเกือบสามหมื่นก่อนเปิดประตูรถวิ่งเข้าสนามบิน
เขาลุกลนกวาดสายตาหาเคาน์เตอร์เช็คอินสีเดียวกันกับเงินค่าโดยสารเมื่อครู่
แถว A
หัวใจเต้นโครมครามราวกับมันกำลังพยายามกระดอนให้ถึงคอหอย อรรไม่กล้าแม้แต่จะเหลียวซ้ายแลขวา ได้แต่เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
ตัวเลขสมาร์ตวอตช์บนข้อมือบอกเวลาเจ็ดโมงครึ่ง เหลืออีกชั่วโมงนิด ๆ กว่าประตูทางออกขึ้นเครื่องจะปิดลง
ชายหนุ่มไม่กล้าวิ่ง ยังสืบเท้ายาว ๆ ไปเบื้องหน้าอย่างมั่นคง สีหน้าไร้สิ่งผิดปกติ ภายใต้ความเรียบเฉยเป็นธรรมชาติ มีแต่เขาเท่านั้นที่รู้ว่าตนอยากหายตัวไปให้ถึงปลายทางเสียเดี๋ยวนั้น
“ขอพาสปอร์ตด้วยครับ”
พนักงานต้อนรับภาคพื้นดินยิ้มกว้างอัตโนมัติเมื่อรับโทรศัพท์มือถือที่ปลดล็อกหน้าจอเอาไว้เรียบร้อย บนหน้าจอแสดงข้อมูลของตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ครบครัน
แต่ละวันเขาเห็นผู้โดยสารหลากหลายรูปแบบ หากหนุ่มหน้าใสเอวสอบตรงหน้ากลับตรึงสายตาจนไม่อาจละไปไหนได้
ผู้ชายอะไรอย่างกับหลุมดำ ไม่ว่าชายหรือหญิงถ้าได้เคลื่อนเข้าใกล้ คงยากจะหลุดพ้นแรงดึงดูดมหาศาล!
“นี่ครับ”
อรรเผลอเกร็งกล้ามเนื้อตามสัญชาตญาณเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังมองประเมินขณะยื่นหนังสือเดินทางให้
“คุณ…”
“อรรแถ้งครับ”
พนักงานต้อนรับภาคพื้นดินเลิกคิ้ว เช็กตัวสะกดภาษาอังกฤษ Anthaeng แล้วช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มอีกครั้ง
“ชื่อเท่ดีนะครับ”
“พระองค์กลมกล้องแกล้ง เอวอ่อนอรอรรแถ้ง
ถ้วนแห่งเจ้ากูงาม บารนี ฯ”
อรรเอ่ยโคลง ๒ จากเรื่องลิลิตพระลอออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยจินตภาพของมารดาผู้มีใจรักในการอ่าน เมื่อคลอดลูกชายคนแรกและคนเดียว บทคารมเสาวรจนีชมโฉมพระลอจึงเป็นตัวเลือกแรกในการใช้ตั้งชื่อให้บุตรชายหัวแก้วหัวแหวน
เมื่ออรรเข้าโรงเรียน เขากลายเป็นขวัญใจครูภาษาไทยทันที แต่การถูกเพื่อนล้อว่า ‘ไอ้แท่งทอง’ บ่อยเข้า เขาจึงพลอยเกลียดชื่อของตัวเองไปด้วย กระทั่งได้อ่านลิลิตพระลอในตำราเรียนภาษาไทยตอนอยู่ชั้นมัธยมปลาย เมื่อมีใครแสดงอาการพิศวงกับชื่อนี้ เด็กหนุ่มมักท่องโคลง ๒ ที่ว่าให้อีกฝ่ายงงเป็นไก่ตาแตก
เห็นพวกนั้นทำหน้าตาเหลอหลาแล้วตลกดี
“ไม่มีสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่องนะครับ”
อรรส่ายหน้าพลางยื่นมือรับหนังสือเดินทางกับบอร์ดดิงพาสที่พนักงานหนุ่มยื่นให้ แล้วหมุนตัวมุ่งหน้าสู่พื้นที่ผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศทันที
พนักงานต้อนรับภาคพื้นดินมองตามแจ็กเกตสีครีมจากคอลเล็กชั่น Métiers d’Art (1) ปีล่าสุด ดูท่าคำว่า ‘เพศสภาพ’ ไม่ได้เป็นเครื่องบ่งสถานะสำหรับการแต่งตัวของชายหนุ่ม
อรรหยิบแบรนด์สำหรับผู้หญิงมาใส่กลับดูเหมาะเจาะลงตัว สมกับคำว่ายูนิเซ็กซ์อันหมายถึงเหมาะสมทั้งชายและหญิง แฝงนัยแห่งการปลดแอก ความอิสระ และการรื้อความเสมอภาคทางเพศผ่านการแต่งกายอีกด้วย
ที่สำคัญเหล่านักวิจัยต่างเห็นพ้องกันว่าสตรียุคใหม่มีแนวโน้มจะเลือกเพศชายที่มีใบหน้าไม่ ‘แมน’ จนเกินไปมาเป็นคู่ครอง
ไม่ใช่แค่ผู้หญิงหรอก นี่ถ้าไม่ติดว่าเขากำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ คงขอไลน์ไม่ก็เบอร์โทรศัพท์ไปแล้ว
พนักงานหนุ่มทำหน้าละห้อยพลางนึกเสียดาย
“คุณอรร!”
เสียงคนขับรถอันแสนคุ้นเคยดังขึ้นด้านหลัง
ชายหนุ่มสะดุ้งโหยง เผลอกลั้นหายใจ ไม่กล้าแม้กระทั่งผ่อนลมหายใจแรง ความชื้นของเหงื่อบนฝ่ามือเหนียวเหนอะ
เขาอุตส่าห์ปืนกำแพงบ้าน วิ่งออกมาเรียกแท็กซี่ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง ทำไมคนที่บ้านถึงได้รู้เร็วขนาดนี้
ยิ่งคนขับรถเห็นพ่อของเขาดั่งเจ้าชีวิต ไม่แคล้วตะบึงออกมาลากตัวชายหนุ่มกลับไปเข้าพิธีวิวาห์แน่ ๆ
หนีออกจากบ้านครานี้อรรตัดสินใจปุบปับ ด่านตรวจหนังสือเดินทางขาออกก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม ขืนปล่อยให้ทุกอย่างพังทลายลงตรงนี้ ผู้รับเคราะห์จะเป็นตัวเขาเองที่ต้องทนทุกข์ทรมานไปชั่วชีวิต
“คุณอรรกำลังจะขึ้นบันไดเลื่อนเข้าไปจุดตรวจกระเป๋าแล้ว”
ตอนนั้นเอง ลูกน้องของพ่ออีกคนวิ่งตามคนขับรถมา ชายหนุ่มหน้าถอดสีทันที
กว่าจะผ่านคิวสแกนยาวเหยียดเป็นหางว่าว สมุนของพ่อคว้าตัวเขาทันแน่
ทว่าหนุ่มรูปงามฉายาพระลอเจเนเรชันแซดจะยอมถูกจับขึ้นเขียงง่าย ๆ ได้อย่างไร
ไม่มีทางเสียละ!
อรรผินหน้าดูที่มาของเสียงแวบหนึ่ง เห็นลิ่วล้อสองคนวิ่งถึงเคาน์เตอร์สายการบินแล้ว แม้จะห่างออกไปพอสมควรแต่ยังวางใจไม่ได้
ต้องรีบหนี!
เนื้อแท้แล้วชายหนุ่มเป็นพวกสุทรรศนนิยม
คนในครอบครัวรู้ดีว่าอรรไม่เหมือนใคร แม้บิดาเป็นคนร่างใหญ่เสียงดุดูมีอำนาจ และไม่ค่อยคลุกคลีกับลูกชายเท่าไรนัก แต่รอยยิ้มมักปรากฏบนใบหน้าเสมอเมื่อครั้งที่อรรเป็นไอ้หนูทำไม คอยถามเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่หยุดหย่อน
กระนั้น เมื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัล 4.0 เต็มตัวขนาดนี้ เขาจึงไม่อยากจะเชื่อว่าแนวคิดอนุรักษ์นิยมยังคงหยั่งรากลึก ฝังแน่นในความคิดของพ่อ โดยเฉพาะตรรกะที่ว่า ‘หน้าที่’ ของผู้ชายกับผู้หญิงคือ ต้องแต่งงานมีครอบครัว สืบพันธุ์สร้างลูกหลานเท่านั้น
ไร้ซึ่งเพศทางเลือกอื่น!?
ช่างเป็นปัญหาโลกแตกระดับคลาสสิกในชีวิตเก้งกวางเสียนี่กระไร
ทันทีที่เขาเป็นอักษรศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยม พ่อก็เริ่มคะยั้นคะยอให้เขาแต่งงานทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเพศวิถีลูกชายตัวเองเป็นอย่างไร
‘ไม่เห็นพาสาวมาบ้านแนะนำให้พ่อรู้จักบ้างเลย’
‘เมื่อไรจะแต่งงานเสียที’
การถามเซ้าซี้เช่นนี้อย่างมากก็แค่ก่อความรำคาญให้บัณฑิตหมาด ๆ คนนี้เท่านั้น ทว่าเหมือนฟ้าผ่าลงกลางกระหม่อมตอนนั่งกินมื้อเย็นพร้อมหน้าพร้อมตาเมื่อคืนวาน
‘พ่อทาบทามลูกสาวเพื่อนที่รู้จักในแวดวงธุรกิจให้แล้วนะ วันไหนอรรว่างพ่อจะพาไปแนะนำให้รู้จัก รับรองว่าน่ารัก ฉลาด คุณสมบัติพร้อม ขนาดพ่อเห็นพ่อยังชอบเลย’
‘พ่อก็รู้นี่ว่ารสนิยมของผมเป็นแบบไหน อีกอย่างถ้าพ่อชอบเด็กคนนั้นมาก ทำไมไม่แต่งเองเสียเลยล่ะ’
‘ตาอรร!’
มารดามองลูกชายอย่างเป็นกังวล เอ่ยเสียงเบากับสามี ‘คุณคะ ตาอรรเพิ่งจะเรียนจบเอง ไม่เห็นต้องรีบร้อน…’
‘ผมไม่ได้ชอบผู้หญิง!’ อรรโพล่ง โมโหจนตัวสั่น ทะลึ่งพรวดลุกขึ้นยืน ‘พ่อกับแม่ก็รู้ทั้งรู้ ยังจะบังคับผมให้แต่งงานบังหน้าอีกอย่างนั้นเหรอ’
เพียะ!!
เมื่อเห็นรอยนิ้วบนแก้มใสของลูกชาย ความเป็นพ่อของเขาถูกทำร้ายเป็นแผลฉกรรจ์ด้วยมือของตัวเอง
แต่เล็กจนโตขลาไม่เคยลงไม้ลงมือกับตาอรร
จริงอยู่ที่ว่าอารมณ์คือความคิด แต่ความคิดที่เผลอไผลเมื่อครู่ได้ก่อความรู้สึกและความรวดร้าวขึ้นในอก
ความต้องการ ความเกลียด ความกลัว ความชิงชัง ขลารับรู้สิ่งเหล่านี้จากสายตาของสังคมมาชั่วชีวิต รับรู้ได้ลึกถึงกล้ามเนื้อและกระดูก และไม่ใช่การรับรู้เพียงในใจเท่านั้น
นั่นคือสิ่งที่ขลาเป็นห่วงลูกชายเพียงคนเดียวของเขา ในเมื่อพลั้งมือกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไปแล้ว ย่อมต้องยอมรับอาการหัวใจสลาย มันเหมือนอาการบาดเจ็บทางกายที่ลึกลงไปในร่าง เลือดตกใน เป็นรอยแผลถูกกรีดที่ไม่มีวันสมาน
‘ชักจะเลอะเทอะใหญ่แล้ว’
‘พ่อ…’ กมลารั้งแขนอันสั่นสะท้านของสามี
ผิวแก้มอรรยังคงชาหนึบ
ชายหนุ่มวางช้อนกับส้อมลง ริมฝีปากบางเม้มแน่นบูดบึ้ง วิ่งขึ้นห้องไม่สนใจอาการขึ้งโกรธของบิดา
ค่านิยมของนักธุรกิจก็อีหรอบนี้ ชอบใช้การแต่งงานสร้างเครือข่าย สยายปีกทางธุรกิจ มองเห็นแต่ผลประโยชน์จนไร้ความรู้สึก
ยังดีอยู่หน่อยที่พ่อของอรรยังไม่ถึงขั้นหวาดกลัวคำว่า ‘เกย์’ อย่างไม่มีเหตุผล หากเป็นอย่างพวกโฮโมโฟเบียที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังเหล่านั้น ชีวิตเขาคงลำบากกว่านี้มาก
อรรหับประตูห้องนอน วิ่งไปบีบคอตุ๊กตาหมีที่ทำจากผ้า velboa สีเหลืองนวลตัวใหญ่จากญี่ปุ่น แล้วกระหน่ำกำปั้นลงปลายจมูกของมันจนบู้บี้
‘พ่อขอโทษนะเหลืองอ๋อย…’
หลังชายหนุ่มฮึดฮัดอยู่ครู่ใหญ่ จู่ ๆ รู้สึกผิดขึ้นมาจึงลูบหัวตุ๊กตาเป็นเชิงขอโทษ
เขาเอนกายลงบนเตียง สูดลมหายใจลึกก่อนมุ่นคิ้วปิดเปลือกตา
อรรรู้สึกเพียงดวงตาเริ่มแสบร้อนยากทานทน ในที่สุดน้ำตาก็รินล้นออกมาอีกคำรบ
ทั้งที่เรียนจบมหาวิทยาลัยก็นับว่าโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว แต่การที่อรรพยายามประวิงเวลา งอแงไม่ยอมสานต่อธุรกิจของครอบครัวเสียที ในสายตาผู้ใหญ่คงเป็นพฤติกรรมของเด็กเอาแต่ใจ และตอนนี้ ความอดทนอันยาวนานของบิดาเขาคงสิ้นสุดลงแล้ว ถึงได้รีบจัดแจงหาสาวน้อยมาให้เขาดูตัวแบบนี้
ชายหนุ่มเองก็พอรู้อยู่เลา ๆ ว่าพ่อไม่ได้กลัวคำครหาจากคนอื่นเท่าไรหรอก แต่ความมั่งคั่งที่สั่งสมมากับมือจะให้สิ้นสุดลงที่รุ่นเขาได้อย่างไร
แผนการใช้ลูกชายหน้าตาดีเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ เพื่อแลกเปลี่ยนกับโอกาสขยายธุรกิจจึงเริ่มขึ้น
และนั่นทำให้อรรตระหนักว่าถึงเวลาที่เขาควรเคลื่อนไหวเสียที
หนุ่มหน้าใสกลิ้งตัวบนเตียงกลับไปกลับมา พยายามหาทางออกให้กับตัวเอง
‘เฮ้อ…ถ้ามีหนุ่มนิสัยดีข้างกายสักคนไปจนแก่เฒ่าก็คงดี’
อรรคว้าเจ้าเหลืองอ๋อยมากอดไว้แนบอก
ใช่ว่าอายุปูนนี้แล้วไม่เคยมีหนุ่มเข้ามาจีบ แต่รายไหนรายนั้น คุยกันคำสองคำ ออกเดตกันวันสองวันก็ชวนขึ้นเตียงเสียแล้ว
ด้วยความที่เป็นเกย์หนุ่มผู้ยึดมั่นในความสัมพันธ์ระยะยาว อยากได้ความรักที่ดีและมั่นคง เมื่อเจอแต่เก้งเจ้าชู้ผู้กระเหี้ยนกระหือรือ การถือพรหมจรรย์ ‘อย่างไม่ตั้งใจ’ จึงดำเนินมาตลอดจนถึงตอนนี้
อรรยกหัวคิ้วคล้ายนึกอะไรดี ๆ ออก ตอนนี้ไม่ใช่เวลามานั่งรับบทโศกอย่างดาวพระศุกร์ ถึงไม่เคยออกจากบ้านไปไหนไกล ทว่าเขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว
เรียวนิ้วแตะหน้าจอมือถือ เปิดแอปพลิเคชันจองตั๋วเครื่องบินเจ้าประจำทันที
การตกลงใจเมื่อคืนเป็นผลให้ชายหนุ่มร้อนรนก้าวเท้ายาว ๆ ขึ้นบันไดเลื่อนทีละสองในยามนี้
เพราะมัวแต่เหลียวมองลิ่วล้อของพ่อ จังหวะนั้นเอง แก้มของอรรจึงกระทบเข้ากับแผ่นหลังคนด้านหน้า
“ว้าก…”
หนุ่มน้อยไหวตัวทันทีด้วยความตกใจ โงนเงนตามจังหวะบันไดเลื่อนสองสามทีกระทั่งเสียสมดุล ชายเอวสอบหลับตาปี๋ ในหัวมีความคิดเพียงอย่างเดียวคือเตรียมใจรับแรงกระแทกตรงท้ายทอย
จู่ ๆ รู้สึกถึงอะไรบางอย่างเกี่ยวรอบเอวเขาเอาไว้ได้ทัน
อรรเปิดเปลือกตาขึ้นข้างหนึ่ง ใจยังคงหวาดเสียวจนหัวหมุนตาลาย
ผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งโน้มตัวเอื้อมแขนโอบเขาเอาไว้ได้ทัน โชคดีที่เขายืนมั่นคงเหนือพื้นเรียบร้อย ไม่อย่างนั้นคงหน้าคะมำลงไปด้วยกันทั้งคู่
ขั้นบันไดพาร่างอรรเคลื่อนเข้าหาแผงอกชายตรงหน้าด้วยความเร็วสม่ำเสมอ
หนุ่มแปลกหน้าจ้องอรรเงียบ ๆ
ผมด้านข้างถูกตัดสั้น ด้านบนไว้ยาวถูกเซ็ตเอาไว้ดูมีวอลุ่ม เผยให้เห็นโครงหน้าชัดเจน คิ้วเข้มตาคม ดำสนิทลึกล้ำอย่างบุรุษเพศ ยิ่งไรหนวดบาง ๆ ใต้ปลายจมูกโด่งเป็นสันนั้นช่างคมคาย สอดรับกับประกายไร้เดียงสาแบบเด็กหนุ่มที่เจืออยู่บางเบา
หล่อฉิบ…
“ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหมครับ”
เขาหยักยิ้มตรงมุมปากน้อย ๆ แล้วถาม
“ม…ไม่เป็นอะไรครับ”
อรรเบือนหน้าออกด้านข้าง ไม่อย่างนั้นปลายจมูกต้องชนเข้าหน้าอีกฝ่ายแน่ ๆ
ก็รู้อยู่ว่าตรงนี้เป็นบันไดเลื่อน ยังจะยืนนิ่งอยู่ได้ อย่างกับตั้งใจไม่ยอมถอย รอให้เขาเคลื่อนตัวเข้าไปในอ้อมกอดอย่างไรอย่างนั้น
“ก้าวขาไม่มองข้างหน้าแบบนี้ จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ๆ นะครับ” เขายิ้มพลางถอยหลัง วงแขนที่โอบเอวยังไม่มีทีท่าว่าจะคลายออก
สำเนียงและการเลือกใช้คำไทยฟังแล้วมีเสน่ห์ แม้ผิวชายหนุ่มไม่ได้ผ่องเหมือนคนกรุง หากก็คล้ำเข้มดูคมคาย
ผิวแทนผมดำแบบนี้ น่าจะเป็นคนอยู่ใกล้ชายทะเล
อรรเผลออมยิ้ม จังหวะหัวใจยังคงกระชั้นถี่ต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อครู่ หากไม่รู้ว่าเพราะกลัวจะถูกลากตัวกลับบ้าน หรือเพราะอยู่ในอ้อมกอดตาคิ้วเข้มนี่กันแน่
“เมื่อไหร่จะปล่อยผมสักที”
ชายหนุ่มใช้ฝ่ามือตบแผ่นหลังส่งสัญญาณ อีกฝ่ายจึงยอมปล่อยให้เขาเป็นอิสระ
รอยยิ้มบางยังคงประดับบนใบหน้าหล่อเหลาของผู้มีพระคุณ เขามองหน้าอรรสลับกับมองไปทางด้านหลัง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะคุณอรร ถ้าไม่ยอมกลับไปกับผม นายท่านเอาผมตายแน่”
อรรได้สติทันที รีบหันกลับไปมอง ถึงกับเบิกตาโตอ้าปากค้าง
เคาน์เตอร์สายการบินแถวต่าง ๆ เริ่มมีคนเข้ามาต่อแถวเช็คอิน แม้จำนวนคนยังไม่มาก แต่สายตาทุกคู่ต่างจ้องมาที่เขาด้วยท่าทีสนอกสนใจ
ให้ตายเถอะ!
อรรรู้สึกว่ากล้ามเนื้อบนใบหน้าขมวดเกร็งจนแข็งทื่อ
นี่ทุกคนในสนามบินต่างเห็นเขายืนกอดกับไอ้หนุ่มหน้าคมกันหมดแล้วอย่างนั้นหรือ!?
ก้นกบพระลอยุค 4.0 ผ่าวร้อนดุจไฟลน อาการกระดากอายทำให้เขาอยากมลายกลายเป็นผงให้รู้แล้วรู้รอด
อรรจ้องลึกเข้าไปในดวงตาหนุ่มผิวแทน ร่ำร้องขอความช่วยเหลือ แต่จนแล้วจนรอดกลับไร้วี่แววว่าชายคนนี้จะขยับทำอะไรแม้สักอย่าง หัวคิ้วที่ยกสูงส่ออาการสงสัยค่อย ๆ คลายลง นัยน์ตาคมฉายอารมณ์ขันอย่างปิดไม่มิด
“คุณอรร!”
คราวนี้ไรขนผู้ถูกเรียกพร้อมใจกันลุกขึ้นมาทั้งตัว ชายหนุ่มออกวิ่งไม่คิดชีวิต ยื่นบอร์ดดิงพาสให้พนักงานสองคนที่ยืนขวางอยู่อย่างลวก ๆ ก่อนห้อเข้าจุดตรวจกระเป๋า
เรื่องอะไรจะให้จับตัวกลับไปง่าย ๆ มีหวังถูกขังไว้ในห้องจนกว่าจะถึงฤกษ์แต่งงานแน่นอน
เขาคงไม่ต่างอะไรกับพ่อวัวพันธุ์ดีที่จับขังในคอก มีชีวิตอยู่เพียงเพื่อรอวันผลิตทายาท ดำรงเหล่ากอแก่โลกเสรีนิยมจอมปลอมใบนี้ให้คงอยู่สืบไป
และอรรไม่มีวันยอมตกอยู่ในสภาพแบบนั้นแน่
ชายหนุ่มโยนกระเป๋าลงถาด ผลักมันเข้าเครื่องสแกน เสียงตะโกนระคนเสียงวิ่งตึงตังขึ้นบันไดตามหลังมาเล่นเอาใจเต้นไม่เป็นส่ำ
ชายหนุ่มยืนกางแขนอันสั่นเทาให้เจ้าหน้าที่ตรวจหาโลหะอีกครั้งหลังผ่านเครื่องตรวจแบบฟูลบอดี้ ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาไม่กี่อึดใจ หากหนุ่มน้อยยังไม่อาจวางใจ หมุนกายเช็กดูว่าบรรดาลิ่วล้อวิ่งตามขึ้นมาถึงตรงไหนแล้ว
จู่ ๆ ปลายจมูกสัมผัสเข้าริมฝีปากนุ่มนิ่มของใครสักคน
“นี่คุณอีกแล้วเหรอ”
อรรไม่ใส่ใจ เสตามองข้ามไหล่ร่างที่เพิ่งช่วยเขาไว้เมื่อครู่ สมุนของพ่อสองคนถูกเจ้าหน้าที่ตรวจบอร์ดดิงพาสขวางไว้ จึงได้แต่โวยวายมองละห้อยละเหี่ยมายังชายหนุ่ม
ในหัวเกิดความคิดทะเล้นขึ้นมาอย่างหนึ่ง ถ้าพ่อรู้คงกินข้าวไม่ลงไปสามวันเจ็ดวัน
“ผู้โดยสารที่มาก่อนเชิญเข้าช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติได้เลยค่ะ”
ชายหนุ่มไม่นำพา ตะโกนบอกคนขับรถที่กำลังพยายามฝ่าด่านเจ้าหน้าที่เข้ามาลากตัวเขากลับบ้าน
“ฝากบอกพ่อด้วย ว่าผมหอบผ้าหอบผ่อนหนีตามผู้ชาย”
อรรหยักมุมปากเยาะ ใช้สองมือคว้าหมับเข้าที่ปรางแก้มชายแปลกหน้า ล็อกเอาไว้ไม่ให้เขาหันหนีได้ง่าย ๆ ก่อนบรรจงจดริมฝากลงไปอย่างแน่บแน่น
ร่างสูงเบิกตาโพลง ประกายวิบวับในดวงตาเขาบ่งอาการของผู้ชายที่ไม่เคยจูบกับใครมาก่อน
…ไม่ต่างอะไรกับอรร
ผู้เริ่มกิริยาน่าขวยเขินต่อหน้าธารกำนัลมากมายในสนามบินตอนนี้
เชิงอรรถ :
(1) เมติเยร์ ดาร์ต คือ กระแสของคอลเล็กชั่นที่ขึ้นชื่อเรื่องความประณีตและฝีมือชั้นครู