วาสนาชะตาใจ : บทนำ

วาสนาชะตาใจ : บทนำ

โดย : ชื่อถง

Loading

วาสนาชะตาใจ นวนิยายรักจีนโบราณจากปลายปากกา ชื่อถง เมื่อแม่ทัพชั่วร้ายทั่วป๋าจินคือ คางคกเผือก ที่โม่เฉียนจงชัง แต่แล้ววาสนาก็พาให้นางต้องก้าวเดินสู่อุ้งมือของคางคกตัวร้าย นางจะรับมือกับศึกภายนอกและความรู้สึกในใจตนได้อย่างไร มาเอาใจกันได้ที่ anowl.co เว็บไซต์ที่มีนวนิยายสนุกๆ ให้คุณได้อ่านออนไลน์

**************************

– บทนำ –

วันที่หนึ่งเดือนสิบสองหิมะตกหนัก  ทั่วทั้งอู่เฉิงกลายเป็นสีขาวโพลน  แต่ในจวนแม่ทัพใหญ่กลับมีบรรยากาศอบอุ่นเปี่ยมสุข  ทั่วทั้งจวนประดับประดาด้วยโคมแดง  ผ้าแดงและอักษรมงคล  กลิ่นอาหารชั้นเลิศสุราชั้นดีและเสียงหัวเราะกับคำอวยพรผสานอยู่รอบตัวให้ความรู้สึกอบอุ่นจนผู้คนแทบจะไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็นของอากาศ

ทว่าเมื่อชายร่างสูงดวงตาเหยี่ยวใบหน้างดงามราวเทพเซียนแต่งชุดแบบเป่ยเว่ยสีขาวขลิบขนเตียวสีน้ำตาลแดงท่าทางโอหังก้าวเข้ามาในงาน  บรรยากาศเปี่ยมสุขชะงักนิ่งราวกับถูกมีดที่มองไม่เห็นตัดขาด  บรรดาทหารและองค์รักษ์ของเสิ่นอู๋จี้ขยับตัวทันทีเหมือนเข้าล้อมบ่าวสาวไว้  ไอสังหารที่ปรากฏทั่วงานทำให้แขกเหรื่อพากันก้าวถอยหลังคนละก้าวสองก้าวในทันที

ทั่วป๋าจิน…แม่ทัพใหญ่แห่งเป่ยเว่ยหัวเราะกึกก้อง  ถามเสียงสดใสว่า

“ที่นี่มีงานมงคล  ไยถึงได้เคร่งเครียดกันนัก”  เขาประสานมือคารวะเจ้าบ่าว  “แม่ทัพเสิ่น  ข้ามาอวยพรขอให้รักหวานชื่นยืนยาวบุตรธิดาพร้อมพรัก”

ผู้อื่นอาจไม่คิด…แต่โม่เฉียนน้องสาวของรองแม่ทัพโม่มั่นใจว่านางเห็นแม่ทัพฝ่ายศัตรูที่มักแต่งกายสีขาววางท่าพองตัวโอ้อวดราว ‘คางคกเผือก’ ตวัดสายตามองเจ้าสาวอย่างจ้วงจาบ  นางอดรนทนไม่ไหวลืมเรื่องที่เคยมึนตึงกับจ้าวชิงเซียนมาทั้งเดือนรีบสาวเท้ารุดไปยืนตรงหน้า  แสดงท่าทีปกป้องเจ้าสาวราวกับแม่ไก่หวงลูก

แขกไม่ได้รับเชิญมองการต้อนรับอย่างไม่ไว้ไมตรีของเจ้าภาพแล้วยิ้มร่า  ทำให้ดวงตาคู่งามนั้นถลึงมองใส่อย่างไม่วางใจมากขึ้น

“ขอบคุณท่านแม่ทัพทั่วป๋า”  เจ้าบ่าวเอ่ยเสียงเย็น  กิริยานิ่งสงบราวกับชายตรงหน้าเป็นเพียงคนแปลกหน้า  มิใช่ศัตรูคู่อาฆาต  “ไหน ๆ ก็มาอวยพรให้แปลกใจกันแล้ว  ขอเชิญท่านร่วมดื่มสุรามงคลงานข้าเถิด”

“ด้วยความยินดี”  ทั่วป๋าจินตอบอย่างรื่นรมย์  เขาหันไปทางเจ้าสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า  “ขอบคุณท่านหมอเผย…ไม่สิยามนี้ข้าต้องว่าขอบคุณพระชายาที่ส่งยาไปให้  แผลข้าไม่ติดเชื้อสมานดีไร้รอยแผลเป็น  ช่างเป็นขี้ผึ้งยาที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก”

โม่เฉียนฟังแล้วเจ็บใจ  ทำไมจ้าวชิงเซียนต้องทำดีกับเจ้าคางคกตัวนี้ด้วย  ทั้ง ๆ ที่มันเป็นศัตรูแถมยังเคยจับนางใส่กระสอบถั่วไปหลานโจว  คางคกพิษเช่นนี้ไม่ควรมอบความเมตตาน่าจะปล่อยให้แผลเน่าหนอนตายเสียถึงจะดี

หนำซ้ำยามนี้เจ้าสาวยังพยักหน้าเป็นเชิงรับคำขอบคุณเสียอีก

“หวังว่าพระชายาคงพอใจกับรูปสลักเทพธิดาไข่มุกราตรีที่ข้าส่งมาขอบคุณเช่นกัน”

สีหน้าไม่รู้ไม่เห็นอันใดของเจ้าบ่าวยามเจ้าสาวเบือนหน้าไปหาเป็นเชิงถามไถ่ทำให้ทั่วป๋าจินหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี  โม่เฉียนฟังแล้วอยากขยี้เท้าตัวเองด้วยความชิงชัง  เจ้าคางคกเผือกหน้าตาย  หัวเราะอะไรนักหนา!

เสิ่นอู๋จี้ให้สัญญาณ  บรรดาแม่สื่อและหญิงสาวในจวนก็รีบห้อมล้อมพาเจ้าสาวไปยังเรือนสงบใจ  ในตอนแรกโม่เฉียนไม่ได้รับมอบหมายให้อยู่เป็นเพื่อนเจ้าสาว  แต่นางใช้โอกาสวุ่นวายนี้เป็นข้ออ้างคืนดีกับจ้าวชิงเซียนและตามเจ้าสาวเข้ามาในห้องหอด้วย

ระหว่างงานเลี้ยงด้านนอกดำเนินไป  เจ้าสาวและหญิงสาวที่อยู่เป็นเพื่อนในเรือนสงบใจต่างถกเถียงเรื่องการมาปรากฏตัวของทั่วป๋าจินอย่างเครียดเคร่ง  จ้าวชิงเซียนยังคงเป็นเหมือนหมอเผยคนเดิมที่มองโลกและผู้อื่นในแง่ดีเสมอ  แต่โม่เฉียนกลับตรงกันข้าม  นางมั่นใจว่าแม่ทัพใหญ่ชาวเป่ยเว่ยผู้นี้ไม่ได้มาด้วยเจตนาที่เป็นมิตรอย่างแน่นอน

หญิงสาวขยับตัวไปมาอย่างไม่เป็นสุข  แม้บรรดาสาว ๆ ในห้องหอจะพูดคุยกันสนุกสนาน  แต่ใจนางมีแต่ความกังวล  ห้องโถงด้านนอกแม้จะเต็มไปด้วยผู้คน  แต่ทั้งคนในจวนและแขกเหรื่อล้วนดื่มสุรามงคลกันไม่น้อย  ส่วนทั่วป๋าจินนั้นสติสัมปชัญญะครบถ้วนสมบูรณ์  อีกทั้งรายหลังยังมีวรยุทธ์ยอดเยี่ยม  ขนาดสามารถเล็ดรอดเข้ามาในงานวิวาห์ได้อย่างไร้รอยขีดข่วน  ดังนั้นโอกาสที่ท่านแม่ทัพอาจจะเพลี่ยงพล้ำให้เจ้าคางคกเผือกมีทางเป็นไปได้สูงเหลือเกิน

“ด้านนอกไฉนเงียบจริง  เจ้าคางคกเล่นลูกไม้อะไรหรือไม่ก็ไม่รู้”  นางออกปากอย่างกังวล

“ออกไปดูสิ  ข้ากับอาเหมยอยู่เป็นเพื่อนชิงเซียนเอง”  เมิ่งหมิงผู้ช่วยหมอหูแนะ

โม่เฉียนที่นิสัยใจร้อนจึงรีบรุดออกไปอย่างรวดเร็ว  นางไม่ห่วงเจ้าสาวเพราะในห้องหอมีเมิ่งหมิงและอาเหมยอยู่ด้วย  เมิ่งหมิงพอมีวรยุทธติดตัวอยู่บ้าง  แถมยังเคยฝึกดาบกับโม่เฉียนเป็นครั้งคราวแม้ฝีมือจะจัดว่าย่ำแย่  แต่ถ้าเทียบกับหญิงสาวในห้องหอทั่วไปแล้วต้องนับว่าพอมีเรี่ยวแรงอยู่บ้าง  ส่วนนอก

เรือนสงบใจก็มีทหารฝีมือดีที่ท่านแม่ทัพจัดไว้คุ้มครอง  จ้าวชิงเซียนย่อมปลอดภัยแน่นอน

ดังนั้นหญิงสาวจึงวางใจผละจากเจ้าสาวเพื่อไปสังเกตการณ์งานเลี้ยงในห้องโถงใหญ่

เจ้าคางคกเผือกทั่วป๋าจินยังไม่ได้ลากลับไป  ส่งผลให้งานเลี้ยงที่ครึกครื้นกลับมีระลอกคลื่นแห่งความหวาดระแวงกระจายไปทั่ว  ฮั่วอี้หรงหน้าตาบึ้งตึงอยู่ข้างกายแม่ทัพ  ส่วนอู่ผิงเช่อหายตัวไปแล้วเขาคงออกไปสืบว่าแม่ทัพเป่ยเว่ยเดินอย่างผ่าเผยเข้ามาในจวนตามลำพังจริง ๆ หรือซุกซ่อนคนอยู่รอบนอก  ส่วนพี่ใหญ่ของนางกับกุนซือหลินคอยประกบเจ้าคางคกอยู่  นอกจากสีหน้าเบิกบานใจของแม่ทัพเป่ยเว่ยน่าตายแล้ว…คนรอบตัวเขาล้วนมีสีหน้าฝืนทน  รอยยิ้มแห้งแล้งเต็มทน

กระทั่งอู่ผิงเช่อให้สัญญาณว่าแม่ทัพเป่ยเว่ยมาเพียงลำพังจริง ๆ บรรยากาศในงานจึงดีขึ้นไม่น้อย

เสิ่นอู๋จี้สั่งให้เตรียมเรือนพักรับรองที่ดีที่สุดแต่อยู่ห่างจากเรือนสงบใจของเขามากที่สุดให้ทั่วป๋าจิน  และแน่นอนว่ารอบเรือนพักจะต้องมีทหารฝีมือดีคอยซุ่มจับตามองอย่างไม่คลาดสายตา

ทั่วป๋าจินตอบรับด้วยสีหน้ายินดีและใสซื่อประหนึ่งเทพเซียน  แถมยังยกยอเจ้าบ่าวว่ามีน้ำใจจนบรรดาคนรอบข้างต้องกัดฟันกรอดอย่างอดทน

ผ่านไปชั่วหนึ่งถ้วยชาแม่ทัพใหญ่แห่งหลานโจวก็ขอตัวไปปลดทุกข์  บ่าวรับใช้ผู้หนึ่งเดินนำเขาไปยังห้องสุขาก่อนถอยหลบไปอย่างรู้หน้าที่

โม่เฉียนรู้ว่ารอบข้างคงมีทหารฝีมือดีในจวนซุ่มอยู่อย่างระวัง  แต่หญิงสาวก็อดจะเฝ้าจับตามองไม่ได้  และยิ่งเฝ้ามองยิ่งร้อนใจ  เจ้าคางคกเผือกต้องมีแผนร้ายแน่ถึงได้ไม่ได้เข้าห้องสุขาแต่กลับยืนสองมือไขว้หลังซ่อนตัวนิ่งในมุมมืดของทางเดิน  มุมนั้นมีเงาของไม้ใหญ่บังอยู่  แถมหิมะเริ่มตกหนักจนเหมือนม่านหนาที่โรยตัวลงกั้นสายตา  ต่อให้ทหารที่ซุ่มซ่อนตัวอยู่มีสายตาดีปานใดก็ไม่อาจเห็นการกระทำของทั่วป๋าจินได้อย่างชัดเจน

เวลาผ่านไปอึดใจเดียวแต่โม่เฉียนกลับรู้สึกเหมือนผ่านไปเป็นชั่วยาม  ทหารอื่นอดทนซุ่มซ่อนกลางหิมะที่หนาวจัดอย่างใจเย็นได้  แต่ไม่ใช่คนใจร้อนอย่างนาง  โม่เฟิ่งเสียงเคยเตือนนางบ่อยครั้งเรื่องความใจร้อนและหุนหันพลันแล่นจะนำเภทภัยมาสู่นาง  โม่เฉียนรับปากกับพี่ชายว่าจะปรับปรุงตัวเองแต่ไม่เคยทำได้สำเร็จ

คราวนี้ก็เช่นกันเพียงขยับเท้าตามใจนางก็มายืนอยู่ตรงหน้าทั่วป๋าจินแล้ว  ใบหน้าผุดผาดเกลี้ยงเกลานั้นแดงก่ำจากการที่ต้องแอบซุ่มอยู่ด้านนอกมาครู่ใหญ่  แถมบนเสื้อผ้าของนางยังมีหิมะติดอยู่เล็กน้อย  แต่พอเข้าใกล้ตัวเรือนที่อุ่นกว่าด้านนอกหิมะก็ละลายกลายเป็นวงน้ำชื้น ๆ อย่างรวดเร็ว

“จะเข้าห้องปลดทุกข์ก็เข้าไป  มายืนลับ ๆ ล่อ ๆ ทำไมตรงนี้  เจ้า…ท่านมีเจตนาอันใดกันแน่”

ทั่วป๋าจินยิ้มแย้มยียวน  เขาตอบอย่างอารมณ์ดีว่า “ข้าเพียงแค่หยุดชื่นชมความงามของจวนแม่ทัพเท่านั้น  เจ้าล่ะตามแอบดูข้าทำไม  หรือว่าแม่นางน้อยโม่เฉียนหลงเสน่ห์ข้าจนอดใจไม่อยู่  ต้องแอบพี่ชายมาหาข้าถึงห้องปลดทุกข์ชายแบบนี้”

โม่เฉียนเบ้ปาก  ถ้าเป็นหญิงอื่นเจอวาจายั่วเย้าแกมหมิ่นแคลนเช่นนี้อาจโกรธหรืออับอายจนวิ่งหนีไปแล้ว  แต่นางเติบโตในกองทัพ  เจอคำเย้าแหย่จากทหารชั้นเลวปากพร่อยมาก็มาก  เจอวาจาไม่ระมัดระวังเพราะลืมนึกไปว่านางเป็นสตรีก็บ่อย  คำแหย่เพียงแค่นี้ไม่กระทบกระเทือนนางแม้แต่น้อย

“เฮอะ  ท่านมีอะไรดีให้ข้าหลงเสน่ห์กัน”

“ข้างามกว่าเจ้า”  เขาเอ่ยหน้าตาย

“หลงตัวเองสิ้นดี  ท่านนี่มันคาง…”  หญิงสาวยั้งปากตัวเองไว้เกือบไม่ทัน

หากแม่ทัพฝ่ายศัตรูกลับต่อให้ได้ว่า

“คางคกเผือกใช่ไหม”

โม่เฉียนชะงัก  ก่อนเชิดหน้าที่แดงจัดขึ้นถามกลับอย่างท้าทายว่า

“หรือว่าท่านไม่ใช่”

ทั่วป๋าจินสืบเท้าเข้ามาใกล้  นางขยับหลบอย่างรังเกียจ  ไม่นึกว่าเพียงเคลื่อนเท้าไม่กี่ครั้งแผ่นหลังของนางก็แนบไปกับตัวเรือนด้านหลัง  แม่ทัพใหญ่ชาวเป่ยเว่ยต้อนนางจนจนมุม  กักตัวนางไว้ด้วยกำแพงกายของเขา  ชายหนุ่มยื่นหน้ามาใกล้จนโม่เฉียนได้กลิ่นหอมสดชื่นของไม้จันทน์หอมและเครื่องเทศบางชนิด  ตามปกติอากาศหนาวเย็นจะทำให้กลิ่นหอมอ่อนเบา  ถึงจะพกถุงหอมกลิ่นหอมฉุนความเย็นก็มักจะสยบกลิ่นไม่ให้เผยตัวออกมามากนัก  แต่กลิ่นเครื่องเทศที่ให้ความสดชื่นกับไม้จันทน์หอมกลับโดดเด่นขึ้นมาอย่างประหลาด  ราวกับว่าความเย็นส่งเสริมกลิ่นหอมจากกายเขามิใช่บั่นทอน

“ข้าไม่ใช่  เสียดายที่ต้องยอมรับว่าข้าไม่มีคุณสมบัติเทียบเคียงกับพวกมันได้”

ดวงตาเหยี่ยวสีน้ำตาลทองของชายหนุ่มเป็นประกายกล้ายามเอ่ยแถมน้ำเสียงยังเหมือนเสียดสีตนเองอย่างไม่ละอาย  แต่โม่เฉียนกลับคิดว่าทั่วป๋าจินกำลังล้อเลียนนางอยู่  หญิงสาวจึงขึงตาใส่เขาตอบกลับอย่างไม่เกรงใจว่า

“รู้ตัวก็ดีแล้ว  ผู้ที่คิดมาป่วนงานวิวาห์อย่างท่านต่ำช้ายิ่งกว่าคางคก…อื้อ…”

คำหลังของนางถูกกลืนหายในลำคอเพราะเจ้าคางคกก้มตัวลงมาปิดปากนางด้วยริมฝีปากนุ่มของเขา  ลิ้นอุ่นร้อนแทรกผ่านรุกเร้าหยอกเอินก่อนจะทวีความรุนแรงขึ้นราวกับเป็นพายุหิมะที่กราดเกรี้ยว

โม่เฉียนเหมือนไข้จับกระทันหัน  ร่างกายร้อนซู่อย่างประหลาด

นางไม่เคยคิด…ไม่เคยนึกฝัน…

กระทั่งริมฝีปากบางคู่นั้นปล่อยนางเป็นอิสระ  หญิงสาวได้แต่หายใจหอบแรง  ความเย็นฉ่ำของอากาศและกลิ่นหอมของสดชื่นจากถุงหอมติดตัวอีกฝ่ายทำให้โม่เฉียนได้สติ  นางขึงตาใส่ทั่วป๋าจิน

อย่างโกรธแค้นชิงชัง

เจ้าคางคกสกปรก!

หญิงสาวกำหมัดแน่นแล้วชกลงกลางลำตัวของอีกฝ่ายเต็มแรง  นางฝึกวรยุทธ์มาตั้งแต่เด็ก  แม้จะไม่เก่งกาจเป็นยอดฝีมือแต่หมัดนางไม่อ่อนปวกเปียกแน่นอน  ตอนแรกคิดว่าปล่อยหมัดไปตอนที่แม่ทัพฝ่ายศัตรูไม่ทันระวังตัว  อย่างน้อยก็ต้องสร้างความเจ็บปวดหรือบอบช้ำให้เขาบ้าง

ทีไหนได้  หมัดนางเหมือนชกลงกับแผ่นกระดานหนา  นอกจากฝ่ายนั้นจะไม่สะทกสะท้านแล้วหลังมือของนางเองกลับเป็นฝ่ายเนื้อสะเทือนกระดูกลั่นแทน

โม่เฉียนน้ำตาแทบไหล  ปากก็เจ็บมือก็ปวดในหัวพายุแห่งความโกรธแค้นและบางสิ่งบางอย่างอื้ออึงปนเปไปหมด

“ท่าน!”

“ข้าสวมเสื้อเกราะอ่อน”  เขาเฉลยยิ้มแย้ม  ดวงตาวาววับด้วยความสนุกสนาน  “ถ้าเจ้าอยากทดสอบทุบตีเล่นก็เชิญได้ตามสบาย”

หญิงสาวได้แต่เจ็บใจ  เสียแรงที่อยู่ในกองทัพมานานปี  ทำไมไม่ฉุกคิดว่าเจ้าคางคกเจ้าเล่ห์ต้องไม่ลุยถ้ำเสือโดยไม่เตรียมการป้องกันแน่  ดังนั้นสิ่งต่อไปที่นางทำคือใช้สองนิ้วพุ่งตรงไปยังดวงตาเหยี่ยวคู่งาม

แต่ทั่วป๋าจินเหมือนอ่านใจนางออก  เพียงแค่เอี้ยวตัวเล็กน้อยก็สามารถหลบหลีกนิ้วพิฆาตของนางได้แล้ว  ซ้ำร้ายเขายังมีหน้ามายืนสองมือไพล่หลังเย้ย  แสดงท่าราวกับว่าไม่ต้องใช้สองมือก็สามารถพิชิตนางได้

“พื้นฐานเจ้าดี  เสียแต่ลงมือไม่เร็วพอ  ใจยังไม่อำมหิตพอ  เวลาลงมือถึงได้ลังเล  เปิดช่องให้คู่

ต่อสู้คาดเดาความเคลื่อนไหวของเจ้าได้”

ฟังแล้วโม่เฉียนไม่พูดไม่จาออกหมัดต่อยตีอย่างไม่คิดชีวิต  น่าเสียดายที่นางกับแม่ทัพใหญ่แห่งเป่ยเว่ยนั้นฝีมือคนละระดับชั้น  หมัดของนางสัมผัสได้แค่ชายผ้าไม่ได้ระคายผิวเขาแม้แต่น้อย

หญิงสาวฮึดฮัดด้วยความโกรธ  ผิดกับอีกฝ่ายที่หัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี  นางกำลังจะขาดสติด้วยความโมโหอยู่แล้วเมื่อมีเสียงคำรามลั่นว่า

“เฉียนเฉียน  เจ้ากำลังทำอะไร  อย่าได้เสียมารยาท!”

โม่เฟิ่งเสียงได้รับสัญญาณลับจากทหารที่ติดตามทั่วป๋าจิน  เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นได้แต่เร่งเท้าออกจากห้องโถงพร้อมกุนซือหลิน  มาถึงก็เห็นน้องสาวกำลังพยายามสู้กับแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างเอาเป็นเอาตาย   รองแม่ทัพหนุ่มทั้งประหลาดใจและตกใจ

รู้อยู่เต็มอกว่าน้องสาวชังทั่วป๋าจินนัก  แต่การลงไม้ลงมือในจวนโดยอีกฝ่ายเป็นผู้มาเยือนนั้นถือว่าไม่สมควร   น้ำเสียงที่ตวาดไปของเขาจึงดุดันอย่างยิ่ง

โม่เฉียนสะดุ้ง  ไม่ได้ตกใจเสียงประดุจฟ้าผ่าของพี่ชาย  แต่ตกใจไม่รู้ว่าโม่เฟิ่งเสียงมาตั้งแต่เมื่อไหร่  เห็นอะไรมากน้อยเพียงใด  แต่พอสงบสติอารมณ์แล้วจึงคิดได้ว่าพี่ใหญ่ของนางคงเพิ่งมาถึง  ไม่เช่นนั้น…ไม่เช่นนั้น…

“พี่ใหญ่”

“เจ้ามาทำอะไรตรงนี้  ทำไมถึงกล้าล่วงเกินท่านแม่ทัพทั่วป๋า”

“ข้า…”  โม่เฉียนเปิดปากจะเอ่ย  อยากชี้ไปยังแม่ทัพใหญ่เป่ยเว่ยแล้วประกาศความผิดที่เขาล่วงเกินนาง  แต่เห็นสีหน้ายิ้มระรื่นไม่รู้ร้อนรู้หนาวของอีกฝ่ายแล้วนางกลับไม่มีความกล้าถึงเพียงนั้น

ด้วยรู้ดีว่าเอ่ยปากออกมามีเพียงนางที่จะเดือดร้อนเสียหาย

อีกอย่างในสายตาพี่ชาย  กุนซือหลินหยางและผู้ติดตามอีกสองสามคน…เป็นนางที่กำลังอาละวาดต่อยตีเขาราวนักเลงอันธพาล  ส่วนทั่วป๋าจินนั้นกลับสองมือไพล่หลังหลีกหลบไม่ตอบโต้  เป็นนางที่ล่วงเกินเขา  ส่วนเขาเป็นแขกในงานมงคล  ถึงจะไม่ได้รับเชิญแต่การร่วมแสดงความยินดีเจ้าภาพยังต้องไว้หน้าเขาอยู่หลายส่วน  การพยายามทำร้ายแขกในงานมงคลถือเป็นเรื่องไม่บังควรยิ่ง

หญิงสาวเพิ่งรู้ตัวว่านางอับจนปัญญาเพียงใด  มองไปทางไหนก็มีแต่เสียไม่มีได้

แถมพี่ชายที่กังวลว่าเรื่องจะบานปลายยังเร่งเร้า

“เฉียนเฉียนข้ายังไม่ได้ยินคำขออภัยจากปากเจ้า”

โม่เฉียนอยากขยี้เท้าด้วยความอัดอั้นตันใจ  หากนางทำได้เพียงเอ่ยราวกับสำลัก

“ข้า-ขอ-อภัย”

“ไม่เป็นไร”  ทั่วป๋าจินยิ้มอย่างมีเมตตาชวนให้ฝ่ายตรงข้ามยิ่งแทบกระอัก  “ข้ามิถือสา”

แต่ข้าถือ…ทั่วป๋าจินเจ้าคางคกลามก  ข้าจะไม่ลืม  ไม่มีวันลืมในสิ่งที่เจ้าทำวันนี้…หญิงสาวคิดในใจอย่างแค้นเคืองก่อนผลุนผลันจากไป

ภายนอกหิมะเดือนสิบสองยังโปรยปรายห่มคลุมทุกหนทุกแห่งจนขาวโพลนไปหมด



Don`t copy text!