ลิงออนเซ็น@ Nagano หลังคาแห่งญี่ปุ่น

ลิงออนเซ็น@ Nagano หลังคาแห่งญี่ปุ่น

โดย : สุวิทย์ เมฆวิบูลย์

Loading

ไม่ได้มีแค่ นิยายออนไลน์ ให้อ่าน ที่ อ่านเอา  แต่เรายังมีเรื่องราวการเดินทางของ สุวิทย์ เมฆวิบูลย์ ชายหนุ่มผู้ที่เชื่อว่า การเดินทางกับการดื่มกิน คือองค์ประกอบสำคัญในการเติมไฟ เพิ่มพลังให้ชีวิต และเขายินดีแบ่งปันขุมพลังนี้กับผู้อ่าน “อ่านเอา” ได้ อ่านออนไลน์ 

…………………………………………..

–  ลิงออนเซ็น@ Nagano หลังคาแห่งญี่ปุ่น 

ภาพคุ้นตา... ลิงนั่งแช่น้ำพุร้อน หน้าแดงปากสั่น หนาวท่ามกลางละอองหิมะ... หลายคนคงตั้งคำถามว่าที่ไหน? ทำไมมันไม่ไปหลบซ่อนตัวในป่าในซอกหิน?

คำตอบ... ที่นั่นคืออุทยานแห่งชาติจิโกะกูดานิ ยาเอนโคเอน (Jugokudani Yaenkoen) เป็นหุบเขาที่อยู่ตอนเหนือของจังหวัดนางาโน่ที่มีฝูงพี่ลิงนอนแช่ออนเซ็นในบ่อน้ำพุร้อนกลางหุบเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ ลิงทั้งแก่ทั้งหนุ่มสาวไม่รู้ร้อนรู้หนาว หน้าแดงแจ๋หัวเปียกซกตลอดเพราะต้องแช่จุ่มๆ  แก้หนาวแล้วขึ้นมานั่งยิ้มเผล่ หนาวสั่นสักพักก็กระโดดพรวดลงบ่อ น่ารัก แปลกและอันซีนจริงๆ

ใครที่อยากจะไปเที่ยวจุดนี้ควรมีร่างกายแข็งแรง เพราะต้องเดินไกลๆได้ ไม่มีปัญหาเรื่องเข่าและเท้า ไม่ควรสวมองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าวิ่งมาเด็ดขาด ถ้ามีรองเท้าเดินป่า พื้นปุ่มเยอะๆ สำหรับย่ำหิมะนั้นเหมาะที่สุด ต้องเดินลุยไปตามทางลาดยางจากป้ายรถเมล์ (ที่พิพิธภัณฑ์โรมัน) ระยะทาง 400 เมตรจากทั้งหมด 2 กิโลเมตรแล้ว เดินขึ้นเขาลาดเอียงตามถนนดินอีก 1.6 กิโลเมตร ไต่เลาะแถบเชิงเขาที่มีหิมะหล่นอยู่ พื้นผิวจะลื่นเปียกแฉะมากๆ มีคนล้มลื่นบาดเจ็บให้เห็นตลอด  ดังนั้น อย่าหยอกล้อ กระเซ้าเย้าแหย่กัน หรือกระโดดถ่ายรูปเด็ดขาด เดินขาถ่างๆให้น้ำหนักตัวกดอยู่ศูนย์กลางให้ได้ อย่าเซหรือเดินลากรองเท้า มีสติทุกฝีก้าว และแหงนมองดูกิ่งไม้สายไฟ ถ้าเห็นก้อนหิมะค้างอยู่ก็รีบหลบหลีกไปซะ คุ้มค่าครับ สำหรับระยะทางที่เดินเข้าไป 2 กิโล

ที่ใกล้ๆ บ่อออนเซ็นจะมีร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก ถ้าไปรถส่วนตัวควรให้คนท้องถิ่นขับเพราะผิวถนนจะมีแต่หิมะ แต่ถ้าสบายๆ ก็ซื้อตั๋วรถเมล์ออกจากหน้าสถานีรถไฟนางาโน่ จำราคาตั๋วไม่ได้ น่าจะ 2-300 เยนต่อการขึ้นลง ควรดูเวลาจอดของแต่ละป้ายให้ดีๆ เพราะมีความถี่ราว 1 ชั่วโมงเกือบ แต่เเม่นตรงต่อเวลามากๆ 15.04 น คลาดเคลื่อนแค่ 30 วินาที อาจต้องรอไปอีก 1 ชั่วโมงเลยนะ ค่าผ่านประตูเข้าอุทยานจิโกะกูดานิ คนละ 800 เยน

ข้อห้ามที่ต้องปฏิบัติตามคือ อย่าป้อนอาหารลิง แม้ถือหรือห้อยถุงพลาสติ ลิงจะโผกระโดดเข้าหาเราทันที กระชากแย่งถุงทันที หากมันเข้าใจว่ามีอาหาร เป็นอันตรายมากต่อคนที่ยืนเหม่อ เผอเรอ ช่วงเดือนพฤศจิกายนธันวาคม วิวขาวโพลนของหิมะและบรรยากาศที่มีลิงดำผุดดำว่าย มีควันจากไอน้ำร้อนพุ่งพวยกำลังพอดีและพอไหวให้สามารถกดแชะๆๆ เก็บภาพสวยๆ แต่ไปเดือนถัดมา หิมะคงลงหนักและอาจปิดส่วนหน้าร้อนและฤดูอื่นๆ ไม่น่าจะได้บรรยากาศออนเซ็นกลางหิมะ

ถ้าจะเที่ยวแบบสบายๆ ก็วางแผนนั่งรถไฟจากโตเกียว นาโย่า โอซาก้า ลงหาที่พักที่เมือง Nagano (ออกเสียงว่า นา-งา-โน่ ไม่ใช่นากาโน่ ที่เราชอบอ่านกันนะ เรื่องนี้ได้เสียงหัวเราะจาก นายสถานีรถไฟ แม่ค้าขนมโมจิ ตำรวจ มาแล้ว เพราะเหมือนเราบอกว่าจะไปอีกเมือง เช่นShinsyu Nakano) นางาโน่เป็นเมืองใหญ่ สะดวกสบายทั้งรถไฟ ที่พักและอาหารการกิน  

อีกแห่งที่แนะนำก็คือไปนอนแถวๆ Yudagana หมู่บ้านเล็กๆ ห่างจากนางาโน่ไม่มากนัก ได้สัมผัสชนบทญี่ปุ่นทั้งภูเขา ลำธาร และป่าครบเลยสามารถนั่งรถไฟท้องถิ่น (สาย Nagano Dentetsu) เข้าไปได้ ราคาตั๋วประมาณ 1,530 เยน ขาเดียว เป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับอุทยาน แค่ 5-6 กิโล  ต่อรถประจำทางไปอีก 6 นาที ค่าโดยสาร 190 เยน ที่นี่เป็นแหล่งออนเซ็นน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงระดับต้นๆ ของญี่ปุ่น มี 3-4 หมู่บ้านเรียงกันไปตามลำแม่น้ำ ที่มีชื่อเสียงมากก็คือ Shibu Onsen และ Daini Onsenส่วนใหญ่จะเป็นเรียวกัง พักและอาบออนเซ็นฟรี บ่อออนเซ็นสาธารณะ(Public Onsen) จะมีน้อยแห่งมาก ร้านค้าขายของที่ระลึก อาหาร ขนมโมจิ ในซอยชุมชนเก่าที่ยังรักษาสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นเอโดะ มีทั้งบ้านถนน รางน้ำ และรั้วไว้อย่างสมบูรณ์แบบ น่าเดินเล่น ถ้าหิมะไม่ตกหนักท่ามกลางอุณหภูมิ -4 องศาเซลเซียสในเย็นวันนี้ คงจะได้ภาพบันทึกความทรงจำงามกว่าที่ได้ในทริปนี้ ไม่ถึง 6 โมงเย็น ร้านรวงปิดหมดเดินกลางหมู่บ้าน ถนนมืดๆ ทึมๆ เหมือนเป็นซามูไร นินจาไล่ล่ายังไงยังงั้น

กลับมาที่กลางใจเมือง มีสถานที่แนะนำให้ไปเที่ยวอีก 1 แห่ง เมื่อมาพักที่นางาโน่ ก็คือวัดเซนโคจิ

ใครที่ชอบวิวเมืองในบรรยากาศหิมะแบบโปรยปราย ไม่ตกหนัก ควรมาเที่ยวนางาโน่ในฤดูหนาวช่วงปีใหม่ ซึ่งไม่ไกลจากโตเกียวมาก นั่งรถไฟสาย Hokuriku Shinkansen จาก Ueno ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 25 นาที ผ่าน Karuizawa, Matsumoto ที่คนไทยรู้จักกันดี เมืองแรก ก็คือเมืองที่มีห้างเอาต์เล็ตและน้ำตก โบสถ์สวยๆ ทุ่งหญ้า ลำคลอง หน้าร้อนจะเป็นที่นิยมมาขี่จักรยาน เพราะใกล้โตเกียว จัดวันเดย์ทริป เช่นเดียวกับเมืองที่สอง ที่มีปราสาทโบราณอันสวยงามมากอีกเช่นกัน

นางาโน่อยู่ในภาคตะวันออกของญี่ปุ่น ภูมิประเทศอยู่บนพื้นที่สูง จนได้ชื่อว่าเป็นหลังคาของประเทศญี่ปุ่น เห็นภูเขาสูงๆ หิมะปกคลุมตั้งตะหง่านชิดเขตตัวเมือง จึงทำให้มีอากาศหนาวเย็นยาวนาน  เราจะได้เห็นภาพตึก บ้าน หลังคา ต้นไม้ตามสวนสาธารณะเล็กๆ และถนนริมเนินเขาที่ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดหิมะสีขาวๆ ย้อยหยด บางช่วงโดนลมพัดจนหิมะปลิวโปรยปราย ละอองเกล็ดสีขาวลอยล่องไปทั่วเมือง ช่วงหัวค่ำหาโอกาสเดินฝ่าลมที่มีปุยหิมะอ็กท่าเท่แต่หนาวจับขั้วหัวใจ เสื้อนอกเสื้อในลองจอห์น ถุงเท้าถุงมือหมวก ฮู้ด รองเท้าเตรียมมาจากบ้านเราให้ดีๆ ไม่งั้นหมดสนุก เพราะทนความหนาวได้ไม่นาน ต้องวิ่งหลบเข้าอาคาร ใครชอบเสื้อผ้า เครื่องแต่งตัวเมืองหนาว ของนอกก็มาซื้อเอาที่นี่ได้ ราคาไม่แพงเท่าไหรี  เรามันคนเมืองร้อนไม่เคยสัมผัสหิมะ เป็นธรรมดาที่จะต้องตื่นตาตื่นใจ

จากโรงแรม Chisun Grand Nagano ที่ถือว่าอยู่ใกล้สถานีรถไฟกลางนางาโน่มาก ห่างเพียง 300 เมตร  เดินออกไปทางขวา ไต่ขึ้นเนินไปเรื่อยเบ็ดเสร็จห่างจากหน้าสถานีรถไฟประมาณ 2 กิโลเมตรเดินลุยหิมะตามทางเท้า ขณะที่อุณหภูมิ -2 องศา รถเมล์ รถยนต์ยังวิ่งกัน

ชิลชิลอ้อยอิ่งกับชัตเตอร์รัวๆ เพลินๆ ไปสัก 30-40 นาที ก็เดินมาถึงสามแยกไฟแดงหน้าทางเข้าวัดเซนโคจิ (Zenkoji temple) เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของนางาโน่ที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ศาสนาพุทธในประเทศญี่ปุ่น ในฐานะที่เป็นวัดพุทธเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 7 (หรือราวเกือบ 1,400 ปีก่อน) เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์แรกที่เข้ามาในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นวัดที่ไม่แบ่งแยกชนชั้น นิกายและไม่จำกัดความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน วัดเซนโคจิจึงเป็นสถานที่ที่ดึงดูดสาธุชนผู้เลื่อมใสจากทั่วสารทิศในประเทศญี่ปุ่น จนมีคำกล่าวโบราณของญี่ปุ่นที่ว่า เป็นวัดที่ ต้องไปให้ได้ครั้งหนึ่งในชีวิต  ที่ญี่ปุ่นจะจัดวางร้านค้าขายอาหาร ขนม ของที่ระลึก เครื่องรางนำโชค เรียงรายหน้าวัด ทำให้ทุกวัดคึกคัก ไม่เงียบสงบเลย ดูวุ่นวายมากกว่า คล้ายเป็นที่ท่องเที่ยว ต้องใช้เจ้าหน้าที่บริหารจัดการ การเข้าออกทุกจุด มีคิวมีแถว ตามแบบธรรมเนียมของเ

ปกติ

คนต่อแถวเข้ามาจุดธูปและทำบุญหน้าอารามหลักของวัดเซนโคจิแล้วไปใส่ในเตาที่มีช่องให้ควันธูปออกมา แล้วจะวักควันให้ใส่ตัวเพื่อความเป็นศิริมงคล อีกจุดหนึ่งเป็นองค์พระพุทธรูปแกะสลักไม้ในปรางค์นั่งสมาธิ ทุกคนเข้าแถวเข้าไปลูบมือ หน้าอก หัวของท่าน แล้วเอามาสัมผัสตัวเรา ลูก ภรรยา แม้แต่สตรีก็สามารถลูบองค์พระพุทธรูปได้ วิธีการไหว้พระของคนญี่ปุ่นคือ ยืนตรงเท้าชิด ไม่ถอดรองเท้า โค้งคำนับ 2 ครั้ง แล้วตบมือ 2 ครั้ง และคำนับต่ออีก 2 ครั้ง จะไม่มีการสวดส่งเสียงใดๆ ดูแล้วไม่เหมือนชนชาติไหนเลย

อารามหลังกลางนี้ได้รับการสร้างใหม่ในช่วงกลางสมัยเอโดะ เป็นอารามไม้ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นตะวันออก ภายในตกแต่งประณีตงดงามเคร่งขรึม แต่โอ่อ่าดูน่าเลื่อมใส ลึกเข้าไปด้านใน บนกรอบวงกบด้านบนมีรูปพระผู้มารับวิญญาณ 25 องค์ แท่นบูชาบนสุดเป็นที่ประดิษฐานองค์พระประธานที่สวยงาม เห็นฝรั่ง แขกมุสลิม รวมทั้งคนจีนคนไทยเดินสวนเข้าออกวัดกันคึกคัก

ใครมีเวลาผ่านไปแถบนั้น ลองแวะเข้าไปกราบไหว้และหาเวลาไปเที่ยวนางาโน่แล้วจะประทับใจครับ

Don`t copy text!