ดำดิ่งลึกลงไปภายในใจมนุษย์ ผ่าน นิยายเรื่อง ‘โหงลำโขง’ โดย ทศพล

ดำดิ่งลึกลงไปภายในใจมนุษย์ ผ่าน นิยายเรื่อง ‘โหงลำโขง’ โดย ทศพล

โดย : กิ่งสุรางค์ อนุภาษ

Loading

โหงลำโขง เป็นผลงานลำดับที่ 4 ของทศพล ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นเพื่อร่วมโครงการ ช่องวันอ่านเอา ปี4 ซึ่งครั้งนี้เขายังคงความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองคือเล่าเรื่องราวของคนภาคพื้นอีสาน ที่อบอวลไปด้วยความเชื่อ วัฒนธรรม ภาษาของคนพื้นถิ่น และขาดไม่ได้เลยคือการเล่าถึงมุมมอง ทัศนคติ จิตใต้สำนึกของมนุษย์ที่ยากจะหยั่งถึง โดยผลงานลำดับที่ 1-3 คือ โพงคำหอม, ปางปอบ, เปรตเจ้า ตามลำดับ

“จุดเริ่มต้นของนิยายเรื่องนี้ เกิดขึ้นจากการได้รู้จักฝาแฝดหญิงคู่หนึ่งที่ถูกเลี้ยงดูแตกต่างกัน แม้ว่าจะมีใบหน้าที่เหมือนกันมาก แต่พฤติกรรมและนิสัยกลับไม่เหมือนกันเลย เนื่องจากถูกพ่อกับแม่อบรมสั่งสอนและถูกเลือกปฏิบัติมาโดยตลอด ด้วยความรักที่ได้ไม่เคยเท่าเทียมกันนั้น จึงนำมาซึ่งปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ก่อนนำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่ขึ้น ผมจึงได้นำประเด็นนี้มาเขียนขยายเรื่องถึงบุคคลที่ถูกละเลยคุณค่า เสมือนผีที่มีตัวตนแต่กลับถูกมองข้ามไปครับ” ทศพลเล่าถึงแรงบันดาลใจในการสร้างผลงานชิ้นนี้ของเขา

“แต่กว่าจะได้เรื่องนี้ออกมาให้อ่านกัน ผมก็ถูกคณะกรรมการตั้งคำถามมากมายจนเห็นเส้นเรื่องที่ชัดเจนมากขึ้น และสามารถเขียนมันออกมาได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ผมต้องขอขอบพระคุณคณะกรรมการทุกท่านมากๆ ครับ ซึ่งเนื้อหาที่นำมาเขียนนั้นเป็นสิ่งที่ออกมาจากจินตนาการทั้งหมด ไม่ใช่นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ ทำให้ไม่ค่อยมีอุปสรรคเท่าไหร่นัก มีเพียงแต่นำเอากลุ่มชาติพันธุ์นั้นมาเป็นพื้นหลังชีวิตของตัวละคร ถึงแม้ว่าผมจะคุ้นชินกับวัฒนธรรมอีสานมมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ยังคงต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อความถูกต้องของข้อมูลที่จะนำมาเขียน สำหรับความท้าทายของเรื่องนี้นั้นคือ ผมมองตอนจบของเรื่องนี้ไม่ออกเลย จึงพยายามเขียนให้จบเร็วๆ เพื่ออยากรู้ตอนจบของเรื่องนี้เหมือนกัน”

ทศพลเล่าต่อไปว่าความสนุกเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้อ่านได้รู้ ได้เห็นหลายๆ อย่าง ที่อาจยังไม่เคยรับรู้มาก่อน “เช่น วัฒนธรรม ประเพณีและวิถีชีวิตของผู้คนในเรื่อง รวมถึงสิ่งลี้ลับที่เกิดขึ้นว่าสิ่งที่มองไม่เห็นนั้น ใช่ว่าจะไม่มีอยู่จริงหรือไม่มีเลย ขอจงพิสูจน์ด้วยตัวท่านเองครับ

“ผลงานชิ้นนี้ผมเล่าถึงจำปีและจำปา สองสาวฝาแฝดที่งดงาม อ่อนหวาน เป็นที่รักใคร่ของทุกคน แต่สิ่งที่เห็นนั้นใช่ความจริงหรือเปล่า มีเพียงคนใกล้ชิดเท่านั้นที่จะสัมผัสและรับรู้ได้ โดยเฉพาะเมื่อเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงในสายน้ำโขง มีเพียงหญิงสาวเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รอดชีวิตกลับมาได้

“แนวเรื่องจะออกแนวความรักสามเส้าที่มีเงื่อนไขเข้ามาช่วยชีวิตของคนมากกว่าเรื่องของหัวใจ ซึ่งแนวเรื่องนี้ยังคงเป็นสิ่งที่ผมถนัดที่จะเขียนมันออกมา ถ้าตราบใดเนื้อเรื่องยังเล่นกับจิตใต้สำนึกของคนที่ต้องแสดงออกมาให้เห็นในทัศนคติของตัวละครนั้นๆ ครับ”

ถ้าจะให้เปรียบเทียบความเหมือนและความต่างกับผลงานที่ผ่านมา เช่น โพงคำหอม ปางปอบ เปรตเจ้า ทศพลบอกว่า “ความเหมือนคือยังคงความเป็นวัฒนธรรมอีสานที่ให้ตัวละครได้โลดแล่นผ่านวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์นั้นๆ ที่ยังคงกลิ่นอายอันหอมกรุ่นอยู่ในผืนแผ่นดินนี้มาอย่างยาวนาน สำหรับสิ่งที่แตกต่างกันนั้น นวนิยายเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงชีวิตคนคนหนึ่ง ได้ถูกปรับเปลี่ยนตัวตนให้เป็นไปตามในบริบทของสังคมที่อยากให้เป็น และสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลทางด้านความคิดของคนที่มีอำนาจเหนือกว่าเข้ามากดทับคนคนหนึ่งลงไปเพื่อความอยู่รอด

“ถ้าถามว่า โหงลำโขง ยึดโยงกับชีวิตจริงของผมหรือคนรอบข้างในเรื่องไหน คงเป็นเรื่องการถูกเลือกปฏิบัติจากคนในสังคม มันทำให้ผมต้องละทิ้งตัวตนไป เพื่อให้เป็นไปตามบริบทของคนในสังคมนั้นต้องการ แต่ในที่สุดผมก็ไม่อาจทนอยู่กับสภาพสังคมแบบนั้นได้ มันไม่ใช่ความสุขเลยสักนิด จึงตัดสินใจปลีกตัวออกมาอยู่ในจุดที่เหมาะสมกับตัวตนของผม สังคมที่ผมเลือกเองและความสุขที่เกิดขึ้นได้เองโดยไม่ต้องดิ้นรนหามาประโคมตัวครับ”

ทศพลเล่าต่อไปว่าเรื่องหนึ่งที่เขาได้เรียนรู้ไปกับบรรดาตัวละครในนิยายเรื่องนี้คือความเข้าอกเข้าใจคนอื่นท่ามกลางความคิดเห็นที่แตกต่าง

“ในเรื่องตัวละครหลายตัวมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่ต้องมาอาศัยอยู่ด้วยกัน ผลที่ตามมาคือแค่เห็นต่างอะไรสักอย่างหนึ่ง ก็อาจนำมาซึ่งความขัดแย้งได้ ซึ่งผมมองว่าหากสังคมเปิดใจรับฟังและเรียนรู้ถึงสาเหตุที่เขาต้องเป็นแบบนั้นสักนิดก่อนตัดสิน โลกใบนี้จะมีความขัดแย้งน้อยลงในการนำไปสู่จุดสมดุลของการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้อย่างปลอดภัยทั้งทางร่างกายและจิตใจมากขึ้นครับ

“เรื่องนี้ผมได้เขียนเกี่ยวกับชีวิตของคนที่มีมุมมองหลากหลาย คุณค่าของมันจึงอยู่ที่ว่าผู้อ่านจะหยิบประเด็นไหนในเรื่องมาสะท้อนความคิดตัวเองต่อคนในสังคม หากยังคงต้องอยู่ร่วมกันแล้วเกิดปัญหาขึ้น จะมีแนวทางแก้ไขอย่างไรเพื่อให้แต่ละฝ่ายได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุดครับ”

สิ่งหนึ่งที่ทศพลอยากสื่อสารผ่านนิยายเรื่องนี้ไปถึงคนอ่านคือ การเห็นคุณค่าและความสำคัญของคนอื่น

“ผมมองว่าคนที่ถูกมองข้ามและถูกกดให้อยู่ต่ำไปราวกับผีตนหนึ่ง ถึงแม้จะมีนามให้เอ่ยถึง ก็ไม่ต่างอะไรกับดวงวิญญาณที่ล่องลอยอย่างไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ชีวิตของคนที่ดิ้นรนเพื่อมีชีวิตรอดนั้นต้องผ่านความยากลำบากมากมาย ลมหายใจในแต่ละวันนั้นช่างทรมานร่างกายและจิตใจเหลือเกิน หากท่านได้มีโอกาสได้มอบความช่วยเหลือคนเหล่านั้นบ้าง จงอย่าได้ลังเลใจเลย ถึงแม้ตอนนี้อาจให้ได้เพียงรอยยิ้ม แต่กำลังใจนั้นก็จะก่อเกิดความชุ่มฉ่ำใจให้คนผู้นั้นมีแรงสู้ต่อไปได้ครับ”

ใครที่สนใจติดตามงานของทศพล เขาบอกว่ายังไม่มีช่องทางติดต่อเป็นของตัวเอง เนื่องจากได้ตัดสินใจลดการใช้โซเซียลมีเดียลง “ที่ทำอย่างนี้ก็เพื่อจะได้อยู่กับหนังสือที่ชอบให้มากในการหาความรู้มาสร้างผลงานเรื่องถัดๆ ไปครับ แต่ทุกท่านยังสามารถติดต่อผลงานผมผ่าน www.anowl.co  หรือสนับสนุนผลงานเขียนฉบับรวมเล่มได้ที่สำนักพิมพ์ กรู๊ฟ พับลิชชิ่ง นะครับ”

Don`t copy text!