“เมฆพรางจันทร์” ผลงานแห่งความสุขที่จบลงสวยๆ ของ ‘คุณหญิง ร่ำรวยมหาศาล’

“เมฆพรางจันทร์” ผลงานแห่งความสุขที่จบลงสวยๆ ของ ‘คุณหญิง ร่ำรวยมหาศาล’

โดย : YVP.T

Loading

เพียงแรกที่ได้เห็นชื่อคนเขียนเรื่องนี้ แฟนๆ ชาวอ่านเอาถึงกับเข้ามาแซว ก็ ‘คุณหญิง ร่ำรวยมหาศาล’ คือนามปากกาที่แม้จะยาวแต่ก็สะดุดตา และกลายเป็นว่า จำง่ายซะอย่างนั้น แต่เพราะอะไร นักเขียนเจ้าของผลงาน ‘เมฆพรางจันทร์’ จึงเลือกใช้นามปากกานี้ อ่านเอามีคำตอบจากเจ้าตัวมาบอกค่ะ

“ตอนแรกที่เข้าวงการมาใช้อีกนามปากกานะคะ แต่เพราะหยุดเขียนไปนาน การกลับมาอีกครั้งก็อยากจะเปลี่ยนแนวที่เคยเขียน เลยคิดว่า ต้องคิดนามปากกาใหม่ก่อนจะคัมแบ็คอีกครั้ง ซึ่งช่วงนั้นเป็นจังหวะที่ Facebook เข้ามาในประเทศไทยใหม่ๆ และเราใช้ชื่อเฟซว่า ‘คุณหญิง ร่ำรวยมหาศาล’ มาตลอด จนระบบบังคับให้ยืนยันตัวตนเลยต้องใช้ชื่อตามบัตรประชาชน ก็เลยคิดว่า ถ้าเราเอาชื่อนี้มาเป็นนามปากกามันจะยาวไปไหมนะ คนอ่านเห็นจะจำได้ไหมเอ่ย แต่ปรากฏว่าจำได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที ก็เลยคิดว่า อ๋อ… คงเป็นจุดขายแหละ แต่จะขายนิยายหรือขายหน้าก็ว่ากันอีกทีเนอะเรา”

นี่ล่ะค่ะ คือ ที่มาที่ไปของนามปากกาสุดอลังการของเธอ หญิง – อัศม์มณ สิงห์สังข์ ที่ตอนนี้ เธอตั้งหน้าตั้งตาเขียนนิยายอย่างเดียวเท่านั้น

“ย้อนไปราวๆ สิบกว่าปีในสมัยที่ยังติดต่อกันผ่านอีเมล MSN แต่ยังไม่มี E-Book ได้ลองเขียนนิยายแนวโรแมนติก-ดรามา ออกมาเป็นผลงานเรื่องแรกในชีวิตค่ะ มี สนพ. มันดีบุ๊คส์ ให้โอกาสตีพิมพ์เผยแพร่เป็นรูปเล่ม นามปากกา ‘มณชยาภา’ จึงถือกำเนิดขึ้นค่ะ และมีผลงานตีพิมพ์ต่อเนื่องมาสิบสามเรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแนว โรแมนติก-ดรามา

“แล้วทีนี้เกิดปัญหาใหญ่ในชีวิตขึ้นมาค่ะ มันเป็นช่วงที่แย่มาก เฟลมาก ดิ่งมาก รับรู้ได้ว่าตัวเองไม่สามารถเขียนงานต่อได้ อาการที่เรียกว่า ‘Writer’s block’ ประมาณนั้นค่ะ และประกอบกับมีโอกาสได้ลองทำธุรกิจอื่น แล้วทีนี้พอไปทำธุรกิจอื่น มันก็มีความติดพัน เวลาที่เราจะกลับมาหางานเขียน มันเลยไม่ค่อยมีค่ะ ทำให้เหมือนตัดใจไปจากวงการพักใหญ่เลย

“แต่ถึงจะหายๆ ไป ก็ไม่เคยคิดจะทิ้งงานเขียนนะคะ เพราะเป็นสิ่งที่รักมากที่สุดในชีวิตเลยค่ะ เอาจริงก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มาทำงานด้านนี้ ความฝันตั้งแต่ยังเด็กคือเป็นนักเขียนเรื่องสั้นของขายหัวเราะ เพราะชอบและโตมากับการ์ตูนขายหัวเราะ-มหาสนุก ช่วงที่หยุดไปก็พยายามจะกลับมาตลอด พยายามคิดพล็อต ทรีตเมนต์เรื่อง รายละเอียดตัวละคร หรืออะไรหลายๆ อย่าง แต่กลับกลายเป็นว่าเขียนแล้วหยุด… แล้วเก็บใส่โฟลเดอร์ไว้เหมือนเดิม ไม่มีเรื่องไหนที่เขียนจบเลยตั้งแต่หยุดไป

“กระทั่งปี 2564 เห็นประกาศของทางอ่านเอาว่าร่วมมือกับทางช่องวัน 31 ค้นหาพล็อตเพื่อทำละคร แถมยังได้อบรมการเขียนอีก ยิ่งกระตุ้นทำให้อยากลองส่งมากเลย (ทั้งที่ไม่มีความมั่นใจว่าจะเขียนจบด้วยนะคะ) แต่แค่อยากลอง ในใจตอนนั้นคิดว่าลองดูไม่เสียหายเนอะ เพราะปกติส่งประกวดก็ไม่เคยผ่านจนชินแล้ว ถ้าผ่านสิคือแปลกประหลาดมหัศจรรย์มาก

“ระหว่างนั้นก็มีคำถามกับตัวเองตลอดนะคะว่า ‘ทำไปทำไม ส่งไปก็ไม่ผ่านหรอก’ ประมาณนี้ แต่สุดท้ายมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาว่า ‘ถ้าไม่ส่งก็ได้คำตอบเดียวคือไม่ผ่าน แต่ถ้าส่งยังมีลุ้นคำตอบว่าผ่านกับไม่ผ่าน’ เลยเกิดแรงฮึดค่ะ ตั้งสติเรียบเรียงเรื่องราวใหม่ แล้วกดส่งพล็อตไปด้วยความดีใจที่ตัวเองก้าวผ่านความกลัวไปได้ขั้นหนึ่ง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไร

“วันประกาศผลเห็นชื่อตัวเองอยู่ในรายชื่อของผู้ผ่านการคัดเลือก 30 คนของหมวดนิยายรัก วินาทีแรกคือไม่เชื่อสายตา จนพี่ทีมงานเมลมาแจ้งเรื่องอบรม คราวนี้กรี๊ดลั่นบ้านเลย สติเสียไปชั่วขณะเลยทีเดียว คือแบบดีใจมากกกก”

แล้วอะไรล่ะที่ทำให้ ‘คุณหญิง ร่ำรวยมหาศาล’ ติดใจในการเขียนขนาดนี้

“ตอนเด็กชอบและเติบโตมากับการ์ตูนขายหัวเราะ-มหาสนุกค่ะ เริ่มจากการ์ตูนก่อน ค่อยๆ ขยับมาเป็นนิตยสารต่างๆ อย่างบางกอกก็อ่านนะคะ สกุลไทย ขวัญเรือน คู่สร้างคู่สม ฯลฯ เรียกว่าอ่านทุกอย่างที่มีตัวหนังสือก็ว่าได้ค่ะ ชอบความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังจากอ่านจบในแต่ละเรื่อง ตัวอักษรเหล่านั้นสามารถทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น โกรธ เกลียด อิ่มเอมใจ ประทับใจ มีความสุข เลยคิดว่าการเขียนเป็นอะไรที่วิเศษและมหัศจรรย์มากเลยค่ะ”

 

เมื่อลงมือเขียนก็ได้ค้นพบความจริงที่ว่า ตัวเองมีจุดอ่อนในการเขียนที่โหดมากกก นั่นก็คือ…

“เขียนนิยายไม่จบเรื่องมาสิบกว่าปีค่ะ ถือว่าเป็นจุดอ่อนที่โหดมากสำหรับตัวเอง และทำให้เกิดความกลัวและกังวลมาก จนไม่คิดว่าชีวิตนี้จะสามารถเขียนนิยายจบอีกด้วยซ้ำนะคะ แต่พอได้อบรมกับพี่ๆ ในโครงการช่องวันอ่านเอาแล้ว มันเกิดแรงฮึดประหลาดขึ้นมาในใจว่า ถ้าเราเขียนนิยายเรื่องนี้จบแล้วส่งทัน พี่ๆ คณะกรรมการทั้งห้าท่านจะได้อ่านนิยายของเรา อันนี้คือความมุ่งมั่นเดียวที่ทำให้เขียนจบค่ะ เอาจริงคือแค่เขียนนิยายจบก็ถือว่าประสบความสำเร็จในความรู้สึกแล้วจริง ๆ นะคะ เรียกได้ว่าโครงการช่องวันอ่านเอาทำให้ ‘คุณหญิง ร่ำรวยมหาศาล’ ได้ถือกำเนิดขึ้นก็ไม่ผิดค่ะ”

“เมฆพรางจันทร์” คือคำตอบแห่งความสุขที่ประสบความสำเร็จของเธอ แต่กว่าที่นวนิยายเรื่องนี้จะจบลง ไม่ง่ายเลยจริงๆ

“จุดเริ่มต้นที่จะเขียนเมฆพรางจันทร์เป็นช่วงที่หมดไฟไปเมื่อสิบกว่าปีก่อนค่ะ เป็นพล็อตที่คิดทิ้งไว้นานมากแล้วค่ะ คือปกติเคยเขียนแต่แนวโรแมนติกทั่วไป แต่แนวแบบเรื่องเมฆพรางจันทร์ ยังไม่เคยลองเลย ตอนนั้นรู้สึกว่ามันยากจัง เขียนไปลบไป สุดท้ายคือพับโครงการเก็บไว้ในไหดองจนลืม 

“พอพล็อตผ่านก็ต้องมารื้อรายละเอียดยกใหญ่เลยค่ะ ประเด็นหลักของนิยายที่อยากจะนำเสนอคือ ‘คนที่เราไว้ใจ คือคนที่ร้ายที่สุด’ แล้วอีกแรงบันดาลใจคืออยากเขียนพระเอกเป็นยมทูตค่ะ คำว่า ‘ปราณ’ ที่แปลว่า ลมหายใจ หรือ ชีวิต มันทำให้คิดไปเรื่อย ๆ ว่าถ้าไม่มีชีวิตล่ะ แล้วถ้าต้องดิ้นรนเพื่อจะมีชีวิตล่ะ แล้วถ้ามีโอกาสได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งล่ะ จะสู้ไหม จะเป็นยังไง ตัวละคร ‘มาสอาภา’ จึงถือกำเนิดขึ้นด้วยค่ะ พร้อมกับหาอุปสรรคให้นางเอกเราเผชิญ แต่ถ้าทำภารกิจในรูปแบบวิญญาณมันก็คงจะไม่ถนัด เลยต้องหาร่างภาชนะให้อาศัย ‘ม่านเมฆ’ จึงเป็นตัวละครอีกตัวที่เกิดตามมาค่ะ มาพร้อมชื่อเรื่องพอดีอีกต่างหาก

“สิ่งหนึ่งที่ถือว่า เป็นความพยายามอย่างมากของตัวเองคือ การคิดให้พ้นจากกรอบเดิมที่เคยเขียนค่ะ เพราะคิดว่า ถ้าเขียนเรื่องนี้เมื่อสิบปีก่อนคงจะไม่ออกมาเป็นแบบนี้ เพราะมุมมองต่อชีวิตหลายอย่างเปลี่ยนไปเมื่อโตขึ้น การมาเขียนเมฆพรางจันทร์ในตอนนี้ คือการเขียนสิ่งต่างๆ จากแนวคิดที่เรามีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น จึงหวังว่า นอกจากความสุขในเนื้อเรื่องแล้ว ผู้อ่านจะได้รับแง่คิดบางอย่างไปใช้บ้างนะคะ”

 

มาถึงตรงนี้ อ่านเอาเชื่อว่า เพื่อนๆ นักอ่านที่ได้อ่านเมฆพรางจันทร์ คงได้สัมผัสกับความตั้งใจที่จะถ่ายทอดเรื่องราวนวนิยายแนวโรแมนติก Feel good ของ ‘คุณหญิง ร่ำรวยมหาศาล’ ไม่มากก็น้อย ถ้าติดใจละก็ อย่าลืมติดตามผลงานเรื่องต่อๆ ไปของเธอนะคะ

ส่วนใครที่ฝันอยากเป็นนักเขียน เธอฝากประโยคสั้นๆ มากับอ่านเอาว่า “ถ้าเราเขียนงานด้วยความสุข งานเขียนของเราก็จะเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขค่ะ”

Don`t copy text!