นทธี ศศิวิมล ชวนมองเห็นแงงามและคุณค่าของการมีชีวิตผ่านนิยายเรื่อง ‘ชมรมคนอยากตาย’
โดย : กิ่งสุรางค์ อนุภาษ
ถึงแม้ชื่อเรื่องอาจดูดาร์กไปเสียหน่อย แต่เมื่อได้สัมผัสตัวอักษรที่ร้อยเรียงเรื่องราวผ่านมุมมองของ ‘นทธี ศศิวิมล’ ก็ทำให้ ‘ชมรมคนอยากตาย’ กลายเป็นอีกผลงานที่สร้างพลังและกำลังใจให้กับคนที่ไม่เห็นหนทางของการมีชีวิตอยู่ให้ลุกขึ้นสู้ และกล้าที่จะก้าวไปใช้ชีวิตต่อได้อย่างที่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์มากขึ้น
ผลงานเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องของโครงการช่องวันอ่านเอา ปี 4 และได้รับเสียงตอบรับจากผู้อ่านว่าเป็นผลงานสร้างพลังชีวิตได้ดีเยี่ยม!
แม้ว่า ชมรมคนอยากตาย จะรูดม่านปิดลงในอ่านเอาลงไปพักหนึ่งแล้ว แต่แฟนๆ นักอ่านยังสามารถติดตามได้อีกหลายช่องทางซึ่งนักเขียนได้บอกไว้ในตอนท้ายบทความนี้ค่ะ
แรงบันดาลใจ
“จริงๆ มีแนวคิดของเรื่องชมรมคนอยากตายอยู่ในใจมานานหลายปี เพราะมีประสบการณ์สูญเสียคนที่รู้จักใกล้ชิดรวมถึงเพื่อนไปกับการฆ่าตัวตาย โดยหลังจากนั้น ความตายของพวกเขาก็สร้างความเจ็บปวดให้กับคนข้างหลัง และความรู้สึกผิดติดค้างในใจมาตลอดค่ะ นัทพยายามศึกษาบริบทต่างๆ ของคนที่มีความคิดอยากฆ่าตัวตาย ทั้งสาเหตุ การป้องกัน ดูแล และกระบวนการทางความคิดของตัวเขาเองและคนรอบข้าง จนเริ่มสร้างขึ้นเป็นโครงเรื่องในใจคร่าวๆ กระทั่งได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการช่องวันอ่านเอา ปี 4 จึงได้รับโอกาสและความเมตตาจากพี่ๆ คณะกรรมการช่วยกันให้คำแนะนำ ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ และพัฒนามาเป็นนิยายที่สมบูรณ์ในที่สุดค่ะ”
ดรามาเรื่องแรกของ นทธี ศศิวิมล
นทธี ศศิวิมล มีผลงานมาให้อ่านกันอย่างหลากหลาย ทั้งนิยาย เรื่องสั้นชุดแนวสังคม การเมือง จิตวิทยาสยองขวัญ ฯลฯ “แต่ ชมรมคนอยากตาย เป็นเรื่องแนวดรามาเรื่องแรกที่ตั้งใจเขียนสื่อสารกับเยาวชนจนถึงวัยเริ่มต้นทำงานค่ะ ที่เลือกวัยนี้เพราะมองว่าเป็นวัยที่มีความเปราะบางทางอารมณ์สูงมาก อย่างเรื่องอื่นๆ เราเขียนแบบที่อยากเขียนได้เลย แต่เรื่องนี้จะเขียนโดยเห็นหน้าคนอ่านว่าเป็นคนที่อาจอยู่ในวัยประสบการณ์การอ่านน้อยกว่าผู้ใหญ่ จึงดูแลเรื่องประโยค ถ้อยคำ ให้เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อนหรือยากเกินไปค่ะ ในขณะเดียวกันก็ต้องมีความสนุกน่าติดตาม และคาแรกเตอร์ตัวละครที่จะทำให้คนอ่านเห็นภาพได้ชัดเจนคล้ายดูซีรีส์ค่ะ
“จริงๆ เรื่องนี้ไม่ใช่แนวถนัดของตัวเองเลย แต่ก็เขียนด้วยความสุข เพราะสนุกไปกับเรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องราวของปราณ ชายหนุ่มที่มีทักษะพิเศษเรื่องของการรับรู้แตกต่างจากคนอื่น โดยเขาสามารถเห็นสีออร่าจากสีหน้า อารมณ์ ความคิดของคนรอบข้างได้ ทำให้วันหนึ่งเขาเห็นออร่าความคิดฆ่าตัวตายของตนเองและคนอื่นจึงเป็นเหตุให้ได้มีโอกาสช่วยเหลือคนที่กำลังจะฆ่าตัวตายให้กลับมาใช้ชีวิตต่อ และตัวเองก็ได้เรียนรู้จากประสบการณ์เหล่านั้น ได้เห็นความสวยงามของการใช้ชีวิตในแต่ละวัน แต่ละวินาทีค่ะ”
นทธีเล่าว่าความสนุกของนิยายเรื่องนี้คือมีตัวละครหลายตัวมาอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน “นัทอยากให้มีการกระจายน้ำหนักและเนื้อหาให้ทุกตัวละคร จึงวางแผนการเขียน นำเสนอให้แต่ละตอนมีเหตุการณ์สำคัญที่จบในตัวเองได้ ในรูปแบบซีรีส์ชุด ซึ่งเมื่ออ่านไปเรื่อยๆ ความรู้สึกผูกพันและเอาใจช่วยตัวละครจะค่อยๆ มากขึ้น รวมถึงมองเห็นโครงเรื่องใหญ่ที่ซ่อนอยู่ให้ลุ้นอีกด้วย เป็นประสบการณ์เขียนที่นัทอยากให้ทั้งสนุก ขำ ประทับใจ สะเทือนใจ และคนอ่านได้รับพลังงานด้านบวก เวลาเขียนเราจึงรู้สึกแบบนั้นด้วยค่ะ”
งานกระทบใจจนไม่อยากเขียนต่อ
เมื่อเล่าถึงความสนุกที่ได้เขียนได้เล่าลงในผลงานของตัวเอง นทธีก็เล่าต่อไปว่า แต่ถึงอย่างนั้นระหว่างเขียนเรื่องนี้ก็มีแอบถอดใจไปแล้วเหมือนกัน
“การเขียนเรื่องเกี่ยวกับความคิดฆ่าตัวตาย ความรู้สึกผิดของผู้รอดชีวิต และความรู้สึกว่างเปล่า ไร้ค่า มันกระทบจิตใจนัทพอควร ทำให้จังหวะหนึ่งคืออยากทิ้งแล้ว ไม่เอาแล้ว เพราะรู้สึกสูญเสียพลังมาก แต่เมื่อเห็นเพื่อนๆ ร่วมโครงการเขียนสำเร็จ ทยอยส่ง ก็ทำให้เกิดแรงใจเหมือนลมใต้ปีก อยากทำให้สำเร็จ และในที่สุดก็กลายเป็นว่านิยายเรื่องนี้เองกลับเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งที่นัทรู้สึกว่าคุ้มค่าต่อการทำงานมาก สร้างความสุข ความหวังให้นัทได้อย่างไม่น่าเชื่อค่ะ
“ต้องยอมรับว่า เรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนัทในเรื่องความคิดอยากฆ่าตัวตาย และการพยายามฆ่าตัวตาย รวมถึงเพื่อนที่ฆ่าตัวตายสำเร็จ แต่หลังเหตุการณ์เหล่านั้นเราได้ผ่านประสบการณ์หลากหลายในชีวิต และได้มองเห็นแง่งามที่คุ้มค่าต่อการมีชีวิตอยู่ บางครั้งนัทนึกอยากให้เพื่อนคนนั้นอยู่ต่อมาอีกสักนิด เพื่อจะได้เห็นเรื่องมหัศจรรย์ที่จะต้องทำให้เธอมีความสุขแน่ๆ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้แล้ว เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากๆ แต่ทั้งนี้นัทยังเคารพความคิด ความรู้สึกและการตัดสินใจของทุกคนในการเลือกจะใช้ชีวิตหรือจะไม่ใช้ แต่ในเมื่อทางเลือกนั้นมันง่ายและไม่ได้หนีไปไหน ก็ไม่เห็นต้องรีบ ลองรอดูพรุ่งนี้ด้วยกันอีกสักวัน บางทีอาจมีสิ่งสวยงามที่คุ้มค่าต่อการอยู่ต่ออีกหน่อยเพื่อได้มาพบมันก็ได้ค่ะ”
รางวัลที่ยิ่งใหญ่ของนักเขียน
“คุณค่าของการเขียนนิยายเรื่องนี้ คือทำให้เราได้มาทบทวนช่วงเวลาที่เปราะบางของตัวเองและคนอื่นๆ รอบตัว ไม่ด่วนตัดสินเขาให้เป็นอะไร ไม่ตีกรอบหรือประเมินค่า พอทำแบบนี้แล้วเรารู้สึกว่า โลกรอบตัวเราหลากหลายและงดงาม นัทได้รับฟีดแบ็กที่ดีมากจากคนอ่านเรื่องนี้ และบางคนบอกว่า มันเปลี่ยนแนวคิดเรื่องความตายให้เขาด้วย ล่าสุดลูกชายนัทก็ได้อ่านและประทับใจมากเช่นกัน ถือเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนัทแล้วค่ะ
“ถ้าคุณกำลังคิดว่าโลกนี้มันแย่ ชีวิตมันห่วย นัทอยากบอกว่า มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ค่ะ จริงพอๆ กับที่มันมหัศจรรย์และงดงาม ข้อเสียคือเราเลือกไม่ได้หรอกว่าชีวิตจะส่งอะไรมาให้เราตอนไหน และบางครั้งมันก็หนักหนาจนเราไม่อยากสู้ต่อ บางคนก็ผ่านไปไม่ได้ ถ้าเรารู้สึกอยากจบ มันง่ายมาก มีวิธีเยอะมาก แต่ในเมื่อมันง่าย และยังเป็นทางเลือกที่เราเก็บไว้ก่อนได้ นัทอยากให้ลองมารอดูกันว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไงอีกสักวัน บางทีอาจจะเป็นวันที่ท้องฟ้าสีสวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในชีวิต อากาศดี ได้เจอแมวน่ารัก หรือได้เจอขนมที่หอมอร่อยจนน้ำตาซึม บางทีชีวิตก็ทำให้เราประหลาดใจในทางที่ดีแบบนั้นจริงๆ ค่ะ”
สามารถติดตามผลงานของ นทธี ศศิวิมล กันได้ที่ เพจ สำนักพิมพ์ขึ้นหนึ่งค่ำ // เฟซบุ๊ก Nhotti Sasiwimon และฉบับ E-Book ได้ที่ MEB นอกจากนี้ยังเลือกรับชมรับฟังเรื่องสยองขวัญสั้นๆ ได้จากช่องทางยูทูบ ช่อง ตีหนึ่งลมพัด ตีสองหมาหอน ตีสามผีหลอก ได้อีกด้วยค่ะ