ร่างสลับอัปสรา : บทนำ
โดย : กุลวีร์
ร่างสลับอัปสรา นวนิยายโรแมนติกคอมเมดี้เรื่องเยี่ยม จากโครงการอ่านเอาก้าวแรกรุ่นที่ ๒ โดย กุลวีร์ ที่กำลังจะเป็นละครในช่องวันเร็วๆ นี้ กับเรื่องของสาวบ้านที่ต้องจับพลัดจับผลูไปเป็นหญิงสาวตัวเก็งเวทีประกวดนางงามระดับชาติ ความอลวนอลเวงพลันบังเกิด นวนิยายสนุกๆ เรื่องนี้ มีให้อ่านที่อ่านเอาที่เดียว
**************************
– บทนำ –
หญิงสาวร่างระหง เส้นผมดำขลับเรียบตรงปล่อยยาวถึงกลางหลัง ทุกส่วนประกอบบนใบหน้ารูปหัวใจนั้น ถ้าผู้อื่นเห็นคงบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าผู้หญิงคนนี้หน้าตาสะสวยชวนมอง สวมชุดเดรสสีโอลด์โรสยาวกรอมเท้า นั่งยองๆ ตรงริมแม่น้ำภายในวัดแล้วบรรจงเอียงกระป๋องใบเล็กปล่อยปลาสู่ผืนน้ำกว้างใหญ่
ยามลมพัดแผ่วเบา เสียงบทสวดและคำขอหลายหลากจากชาวบ้านลอยมาพร้อมกับกลิ่นไอน้ำ หล่อนมองปลาแหวกว่ายหายไป ซึ่งซื้อมาจากตลาดก่อนพวกมันถูกขึ้นเขียง แม่น้ำเบื้องหน้ากระทบแสงแดดยามสายระยิบระยับเข้าตา
“อายุเริ่มเลขสองแล้ว ขอให้ชีวิตฉันราบรื่นและเป็นสุขเหมือนที่ผ่านมา”
หล่อนอิ่มเอมใจกับการทำบุญ และไม่ได้ขอพรยืดยาวเหมือนกับเสียงที่แว่วได้ยิน
“โอ๊ย!” กระป๋องในมือร่วงหล่น หลังจากเดินออกห่างริมตลิ่ง
“เอาขนมของพี่คืนมานะ แม่ให้พี่แล้ว” เสียงเด็กชายกำลังยื้อยุดของในมือน้องสาว ผู้ซึ่งวิ่งชนแขนหล่อน
ศึกชิงถุงขนมเกิดขึ้นตรงหน้า ของที่แต่ละฝ่ายอยากได้ถูกดึงไปมา จนคนแรงน้อยสู้กำลังพี่ชายไม่ไหว เด็กผู้หญิงล้มลงไปนั่งบนพื้นร้องไห้แงๆ
“หนูคะ ทำไมไม่แบ่งขนมให้น้องกินบ้าง” หล่อนพูดกับเด็กชาย
“น้องแอบหยิบขนมของผมแล้ววิ่งหนีมาครับ”
“มันอร่อย หนูอยากกินอีก” เด็กสาวยังสะอึกสะอื้นอยู่และเอ่ยออกมาพร้อมลุกขึ้นยืน
“ถุงนั้นเป็นของพี่ชาย หนูเอามาเป็นของตัวเองไม่ได้นะคะ มันไม่ดี ถ้าอยากกินต้องขอพี่ชายก่อน” หล่อนเดินเข้าไปใกล้พลางหยิบของในกระเป๋าสะพายข้างทำจากหนังสีน้ำตาลใบเล็กเท่าฝ่ามือ ยื่นไปตรงหน้าเด็กหญิง “พี่มีของอร่อย ลูกอมรสสตรอว์เบอร์รีให้ด้วยนะ”
เด็กสาวใช้แขนปาดน้ำตา แล้วฉวยของในมือหล่อน ราวกับกลัวพี่ชายจะเอามันไป
“อย่าขโมยของคนอื่นอีกนะคะ” หล่อนลูบศีรษะของคนกำลังนำลูกอมเข้าปาก เด็กหญิงส่งยิ้มให้หล่อนพร้อมยกมือไหว้
น้องสาวหันหน้าไปทางพี่ชาย แลบลิ้นออกมาเผยให้เห็นลูกอมสีแดงก่อนเก็บเข้าในปากและวิ่งจากไปทันที ท่าทางของเด็กหญิงคล้ายจงใจเยาะเย้ยเด็กชาย ชวนให้หล่อนนึกขันในใจ
“พี่ให้เงินซื้อขนม แบ่งให้น้องกินด้วยนะ” เด็กชายรับเงินแล้ววิ่งตามหลังน้องสาวไป
เมื่อหล่อนใกล้ถึงลานจอดรถ สายตาแลเห็นหญิงชราคนหนึ่ง รูปร่างผ่ายผอม ผมสีดอกเลาสยายยาวถึงเอว สวมชุดสีขาวคล้ายแม่ชีนั่งบนเสื่อ
“แม่หนูหยุดคุยกับยายก่อนได้ไหม” เสียงเรียกขณะหล่อนเดินผ่าน
หญิงสาวไม่สนใจคำขอที่ได้ยิน แต่เหมือนมีพลังบางอย่างบังคับให้หล่อนหยุดเดินแล้วกลับหลังหันไปเห็นข้อความตัวโตเขียนไว้บนแผ่นกระดาษว่า รับทำนายดวงชะตา จึงเอ่ยปฏิเสธทันที “คุณยายคะ หนูไม่ชอบดูดวง”
“แต่วันนี้เป็นวันเกิดของแม่หนู ไม่สนใจดูอนาคตตัวเองหน่อยรึ ว่าต้องเจออะไรบ้าง”
“หนูไม่แปลกใจหรอกค่ะที่คุณยายพูดถูก ใครมาที่นี่คงทำบุญ ปล่อยนกปล่อยปลาในวันเกิดเหมือนหนู”
“ยายรู้ว่าเนื้อคู่ของแม่หนูอยู่ที่ใด เป็นคนแบบไหน มานั่งตรงนี้สิ ยายจะเล่าให้ฟัง” หญิงชรายังคงเซ้าซี้
หล่อนยืนกรานเหมือนอย่างเคยและกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ “หนูไม่อยากรู้ค่ะ และคิดว่าผู้ชายที่มาเป็นเนื้อคู่ คงหล่อ ดูดีเหมือนกับหนูแน่นอน”
“ถ้าคิดอย่างนั้นแล้วสบายใจ ก็เรื่องของเจ้า สุมลมาลา” คนพูดเอ่ยเสียงเบาคล้ายพึมพำกับตัวเอง
“คุณยายเรียกใครหรือคะ” แม้หล่อนได้ยินเสียงของหญิงชราไม่ชัดเจน แต่พอคาดเดาคำพูดสุดท้ายได้ว่าเป็นชื่อใครสักคน แต่ไม่ใช่หล่อน
“ไม่มีอะไรหรอก อยากให้จำคำของยายไว้ ของที่แย่งคนอื่นมา จงคืนให้เจ้าของไปเถอะนะ” หญิงชราเอ่ยเสียงดังฟังชัดตามเดิม
“หนูไม่เคยแย่งของใครนะคะ”
“แน่ใจใช่ไหม”
“ตั้งแต่เกิดมาหนูไม่เคยอยากได้ของของใคร แล้วหนูจะไปแย่งมาได้ไงคะ” หล่อนมั่นใจมากกับคำพูดนี้
“แม่หนูอาจไม่รู้ตัวมาก่อนก็ได้”
หล่อนไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับหญิงชราจึงตัดสินใจเดินจ้ำอ้าวออกมาให้ห่าง
หากหญิงสาวเหลียวหลังกลับไปมองสักนิด อาจพบเรื่องเหลือเชื่อบนโลกใบนี้ราวกับอยู่ในนิทานปรัมปรา เมื่อผู้ที่นั่งบนเสื่อพลิกโฉมจากหญิงชราตัวผอมกลายเป็นสาวน้อยร่างท้วม หน้าตามอมแมม ผมสีดำยาวกระเซอะกระเซิง ใส่เสื้อและกางเกงขาดหลุดลุ่ยคล้ายผ้าขี้ริ้วเก่าที่ไม่เคยซักแรมปี จากนั้นคนบนเสื่อหายวับในพริบตาไปปรากฏตัวยืนขวางทางเดินตรงด้านหน้าหญิงสาว
หล่อนก้มหน้าก้มตาเดินจนเกือบชนคน แต่ยั้งขาได้ทันแล้วก้าวถอยหลังเว้นระยะห่างไว้พอประมาณ แม้อีกฝ่ายยืนยิ้มแฉ่งและจ้องมองหล่อนไม่วางตาคล้ายคนไม่เต็มบาท แต่หญิงสาวคิดว่าตนเดินไม่มองทางจึงยอมรับผิด “ขอโทษค่ะ”
สาวน้อยหน้าตาเลอะเทอะทำตาลุกวาวพร้อมยกมือขึ้นชี้หน้าหล่อน พูดซ้ำๆ ไปมา “เจ้าแย่งของคนอื่นมา จงคืนเขาไปซะ แล้วจะได้ของของเจ้าคืน ”
หล่อนทนฟังประโยคนั้นถึงสามรอบ จนเหลืออดกับคำกล่าวโทษเดิมๆ เอ่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงโกรธจัด “จะอะไรกันนักกันหนา ฉันไม่เคยแย่งของของใคร”
หญิงสาวรีบก้าวขาฉับไว ขณะที่อีกฝ่ายหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่า…ฮ่า…ฮ่า…แล้วเจ้าจะรู้ว่าข้าพูดจริง สุมลมาลา ฮ่า… ฮ่า… ฮ่า…”
หล่อนได้ยินคำพูดนั้นดังอยู่ด้านหลังแล้วบอกกับตัวเองในใจ ‘อย่าถือสาเลย สงสัยเป็นคนสติไม่ดี’ ทั้งที่อยากหันหน้าตะโกนโต้ตอบไปว่า รู้ไว้ด้วย ฉันชื่อเขมิกา ไม่เคยอยากได้ของของใคร
แต่ตอนนี้อยู่ในเขตวัดต้องสำรวมกาย วาจา ใจ หญิงสาวคิดได้ดังนั้นจึงโยนสิ่งที่มาทำให้ไม่สบอารมณ์ทิ้งไป เพราะวันนี้เป็นวันเกิดครบรอบยี่สิบปีควรเป็นวันที่พบเจอแต่เรื่องดีๆ น่าชื่นใจ
หล่อนแหงนหน้ามองเบื้องบนแล้วยิ้มด้วยความเปรมปรีดิ์ ขอแค่ให้มีชีวิตสดใสดังท้องฟ้าในเวลานี้ก็พอ