พระเอกพยับแสง บทที่ 5 : เจ้าชายอาหรับ
โดย : ตรี อภิรุม
พระเอกพยับแสง นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์ โดย ตรี อภิรุม เมื่อการปรากฏตัวของเขาในวันสุริยุปราคราเต็มดวงสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ให้กับชุมชนที่เคยสงบ ทั้งหมดเกิดจากฝีมือของเขา ผู้ที่มากับลัทธิประหลาดที่นำพาผู้คนมากมายให้ศรัทธาใช่ไหม เขาคือใคร ‘เทวา’…’ซาตาน’ หรือปีศาจในคราบนักบุญ
ทรงกลดผึ่งผ้าเช็ดตัวที่ระเบียงดาดฟ้าแคบของตึกแถว ลมพัดเย็น พระจันทร์ส่องแสงนวลกระจ่าง ปุยเมฆบางๆ ลอยฟ่อง เขาหูผึ่ง
“เอ๊ะ! คล้ายๆ เสียงโทรศัพท์”
รีบลงบันไดจากชั้นสี่ จำได้ว่าประตูเหล็กยืดหน้าร้านซ่อมจักรยานปิดล็อก เสียงจึงก้องกังวานสะท้อนขึ้นชั้นบน
“ฮัลโหล!”
“พี่กลดวิ่งมาหรือคะ”
“ใช่เลย” ชายหนุ่มหอบ หายใจแรง “หน้าร้านไม่มีใครอยู่ ประตูเหล็กปิด”
“มิน่า นุชโทรตั้งนาน” เด็กสาวหัวเราะแผ่วระรื่นโสต “นึกว่าสายไม่ว่าง หรือเครื่องเสีย”
“บังเอิญผมอาบน้ำชั้นบน เลยไม่ได้ยิน”
“ขอปรึกษาอะไรหน่อยค่ะ”
“ผมกำลังฟัง”
เขาระลึกถึงสินีนุชผู้สวยซึ้ง ขนตายาวงอนเรียงเส้น
“เมื่อสักครู่ นุชอ่านแม็กกาซีนที่ระเบียงชั้นสาม ได้ยินเสียงนกยักษ์บินในอากาศ มันลงมาต่ำมาก จนกระทั่งแรงลมปีกสัมผัสตัวนุช แต่ประหลาดชะมัด พยายามมองเท่าไหร่ก็ไม่เห็นนกยักษ์ เหมือนกับว่ามันอำพรางหรือว่าตัวโปร่งแสง ชั่วสอง-สามนาทีก็บินโฉบขึ้นสูง คาดว่าคงจะไปทางตลาด”
ทรงกรดหวนนึกถึงภาพวิปริตที่ตนเห็นทางอากาศถึงสองครั้งสองครา และไม่เชื่อว่าเขามีประสาทตาพิเศษกว่าคนอื่น
“คราวหลังละก็ ถ้านุชได้ยินเสียงนกมหัศจรรย์ รีบปิดประตูหน้าต่างใส่กลอน สวดมนต์อาราธนาขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง”
“ชักจะกลัวเสียแล้ว” สินีนุชห่อไหล่ขนลุกเกรียว “พี่กลดหมายถึงนกผีหรือคะ”
“ยังบอกไม่ถูก จนกว่าจะได้ข้อมูลชัดเจน ยังไงก็ตาม เรื่องผิดปกติเช่นนี้ไม่ควรประมาท”
“ทำไมต้องสวดมนต์”
“พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งของชาวพุทธ…มงคลสูงสุด เมื่อเราระลึกถึง ย่อมมีอานุภาพคุ้มครอง ขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย”
“นุชจะปฏิบัติตาม แต่คาดว่าคงจะไม่เกิดขึ้นอีก”
“เรื่องพรรค์นี้ไม่แน่หรอกฮะ”
หนุ่มหล่อวางหูฟัง ฉุกคิดถึงเฉิดโฉมซึ่งเก็บก้อนหินจิ๋วจากสำนักโยคีนันทปุโร…
ช่วงเวลาเดียวกัน ที่ห้องชั้นบนของตึกแถวไฟดับ คล้ายไฟนีออนเสีย เฉิดโฉมจุดเทียนขี้ผึ้งส่องแสงสว่างวับๆ แวมๆ กลิ่นนกพิราบฟุ้งตลบ
เทพบุตรแห่งรัตติกาลยืนอยู่เบื้องหน้าหล่อน รูปงามเยี่ยงเจ้าชายแขก จมูกโด่ง นัยน์ตากลมโตซึ้งอยู่ภายใต้คิ้วดกที่ยาวจรดหางตา เขาสวมเสื้อคอจีนสีเอิร์ธ ประหนึ่งจะแผ่กระจายความอบอุ่นไมตรีจิต
“คุณนัน…” ม่ายสาวพราวเสน่ห์เรียกเสียงเบาหวิว ประหม่าขวยเขิน “เมื่อกี้ก้อนหินกระจายแสงสีรุ้ง แต่พอคุณปรากฏตัว แสงมันก็หายไปเฉยๆ โฉมไม่เข้าใจค่ะ”
นันทนิมิตยิ้มหรู ไรฟันขาวแวบ เสน่ห์รุนแรงจนฝ่ายตรงข้ามหวุดหวิดจะโผเข้าไปสวมกอดเขา แสร้งเฉไฉนอกเรื่อง
“คงเป็นเพราะอานุภาพความรักของผมละมั้ง เหนือกว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ผมรักโฉม”
“โฉมก็เช่นเดียวกันค่ะ”
หญิงสาวปากคอสั่นเงอะงะ หน้าแหงนริมฝีปากเผยอ รอการจุมพิต เทพบุตรลึกลับก้มลงจูบบดขยี้ปากนุ่ม หล่อนครางสะอื้น น้ำตาเล็ด
“กลางวันมาหาโฉมบ้างสิคะ เง้า-เหงา”
“ผมติดธุระยุ่ง กลางคืนดีกว่า โอกาสปลอดโปร่ง”
เขากอดจูบลูบโลม คลึงเคล้าเชิงปฏิพัทธ์ ชั่วประเดี๋ยวแสงเทียนก็ดับวูบ
พิมพ์ใจยื่นแม็กกาซีนแนวผู้หญิงเล่มหนาปึก สามีอาวุโสรับมาเปิดดูทีละแผ่น พลางถาม
“หยิบมาจากตรงไหน จำได้หรือเปล่าพิมพ์”
“หัวเตียงห้องยายนุชค่ะ พี่อรุณ”
คุณอรุณเทศผงกศีรษะซึ่งผมแซมหงอกหร็อมแหร็ม
“งั้นเมื่อผมดูเสร็จแล้ว พิมพ์เอาไปวางไว้มุมเดิมที่เดิม อย่าให้ยายนุชจับได้ว่าเราแอบหยิบ”
“แหม หนังสือของลูก ใครจะกล้าตำหนิติเตียนคะ ”
“นั่นแหละ จิตใจคนเราหยั่งไม่ถึง เขาอาจจะนึกติเตียนว่าเรายุ่มย่ามก็ได้ ผมไม่ยอมตกเป็นเป้าโจมตีแม้ในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ”
“ค่ะ ตกลง”
รับปากเชิงตัดบท นิสัยคุณอรุณเทศหยุมหยิม เจ้าแง่แสนงอน บางทีเรื่องสัพเพเหระ เอามาต่อเติมจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โต อารมณ์ดุจคลื่นทะเล หาความสงบยาก
สามีคนก่อนวัยเดียวกัน เจ้าชู้ นักการพนันตัวยง กินเหล้า สูบบุหรี่จัด
พิมพ์ใจเลือกสามีรายที่สองคือ คุณอรุณเทศ เขานิราศร้างจากอบายมุขทั้งปวง อาวุโสให้ความอบอุ่นแบบพ่อ แต่นิสัยของเขา สะใจจริงๆ ประหลาดพิสดาร น่าเบื่อ เขาเหมือนสูตรเลขคณิต บวกลบคูณหาร ผลลัพธ์ตกเลขศูนย์
ใช่…เลือกนักมักได้แร่ เลือกไม่มากนักมักร่อแร่!
“คอนเฟิร์ม-คอนเฟิร์ม”
สุภาพบุรุษวัยเกินห้ารอบ ทำปากขมุบขมิบท่องจำ
ภรรยาสาวใหญ่กลั้นหัวเราะเหวี่ยง ทราบว่าคุณอรุณเทศชอบจำศัพท์แสงภาษาอังกฤษมาพูดติดปากเพื่ออัพเดตตนเอง ใครๆจะได้คิดว่าภูมิปัญญาของเขาล้ำเลิศระดับนักปราชญ์ ซึ่งโดยข้อเท็จจริงความรู้เดิมแค่ ป.4 คำที่เขามักจะพูดเสมอได้แก่ โลโก้ กรุ๊ป ทีมเวิร์ก ฯลฯ
“แล้วแปลว่าอะไรคะ”
“ยืนยังไงเล่า” เขาขยับแว่นตากระชับดั้งจมูก “คำนี้ผมจับสังเกตหลายครั้งแล้ว นี่ก็อีกครั้งหนึ่งตัวละครในนิยายคุยกันทางโทรศัพท์ ชัดเลย”
“พี่อรุณน่าจะถามยายพัทธ์หรือยายนุช”
“เชอะ! ถามให้เด็กดูถูกน่ะสิ” บุรุษเจ้าอารมณ์ทำเสียงขึ้นจมูก “เราหาประสบการณ์เอาเอง ฝึกเชาวน์ในตัว ผมชอบค้นคว้า มันตื่นเต้นดี”
ผู้ฟังรู้ว่าไม่จริง คุณอรุณเทศอำพรางเบี่ยงเบน เพราะเขาอีโก้ ยึดถืออัตตาแห่งตนเองนักหนา ต้องเชิดไว้สูงเสมอ ลดต่ำไม่ได้ บางครั้งเคยขอคำแนะนำจากมิตร แต่เมื่อฝ่ายตรงข้ามอธิบายละเอียดถี่ยิบ แทนที่จะชื่นชอบกลับหงุดหงิด พาลโกรธ หาว่าดูถูก
นี่เป็นสาเหตุที่เขายกครอบครัวหนีจากกรุงเทพฯ มาอยู่ที่ลานสกา เปล่าเปลี่ยวอ้างว้างพอสมควร
“เพิ่งนึกออกเดี๋ยวนี้เอง” ปิดแม็กกาซีนฉับ เบิกตาโต “เมื่อคืนนุชแอบลงมาโทรให้เงินหรือยัง?”
“ยายนุชเอาวางไว้บนชั้น นี่ไงคะ”
กล่าวจบ หล่อนก็หยิบเหรียญห้าวางแปะที่โต๊ะ คุณอรุณเทศรีบหยิบใส่กล่องลิ้นชัก ออกตัวว่า
“ผมทำเพื่อความเสมอภาค ชีวิตจะได้ดำเนินไปอย่างมีระเบียบแบบแผน ผมโทรเองก็เสียเงินห้าบาท เวลาเขามาเก็บค่าโทรศัพท์ ก็เอาเงินในกล่องนี้แหละไม่ต้องควักเนื้อ”
นายติยะเดินเข้ามินิสโตร์ สุภาพบุรุษหุ่นสำอางถอดแว่นตาพับใส่ซองหนังเก็บซุกรวดเร็ว ยื่นนิตยสารให้ภรรยานำไปไว้ที่เดิม
“ลานสกาบ้านเรา ชักจะมีอะไรแปลกๆ แฮะ”
“แปลกแบบไหน คุณติ”
คหบดีวัยดึกทรุดตัวนั่งเก้าอี้ซุปเปอร์แวร์ ผมสีเทาแซมดำดก
“ตอนบ่ายผมแวะมาที่ตลาด เจอหมวยเฮียง สารรูปทรุดโทรม ขอบตาลึกหมองคล้ำ” ลดเสียงลงกระซิบกระซาบ “ยังกะแต่งงานกับเจ้าบ่าวพร้อมกันสามคน”
“เอ๊ะ! วันก่อนเราพบหมวยเฮียงที่สำนักโยคี เธอยังสวย แจ่มใสร่าเริง ราวกับอายุสักยี่สิบเศษ เปลี่ยนแปลงรวดเร็วขนาดนี้เชียวรึ”
“ผมอยากให้คุณอรุณเห็นกับตา” นายติยะแจกแจง “หมวยเฮียงบักโกรกแทบจะเรียกว่าคนละคน ยิ่งกว่านั้นสติสตังยังกะพร่องกะแพร่ง ป้ำๆ เป๋อๆ เดี๋ยวยิ้ม พยักพเยิด พูดพล่าม หน้างอค้อนควัก ยังขาดแต่ไม่ได้รำเฉิบๆ หน้าร้านก๋วยเตี๋ยว หมวยลั้งอับอายขายหน้าแทน ไล่ตะเพิดเจ๊ให้ขึ้นเล่าเต๊ง”
“หมายความว่าติงต๊อง สมบูรณ์แบบ”
“เกินกว่าติงต๊องหน่อยๆ เสียด้วยซ้ำ เข้าขั้นโรคจิต” ชายสูงอายุนักโหราศาสตร์สมัครเล่นวิเคราะห์ “ถ้าหมวยเฮียงไม่ได้รับการบำบัด ไม่นานก็คงจะคลุ้มคลั่ง”
อาภันพัทธ์เลิกงานครูโรงเรียน ลงจากรถสองแถวเลี่ยงกายเข้าร้านคุ้มเกล้า หล่อนแต่งกายเรียบร้อยแบบครู ผมหวีเรียบ แม้กระนั้นก็ตาม ไม่อาจข่มความงามเปล่งปลั่งตามธรรมชาติ เหนือกว่าสตรีวัยยี่สิบแปดส่วนมาก
“หนูเอาอาหารสมองมาฝากพ่อค่ะ”
หญิงสาวยื่นหนังสือพิมพ์รายวันฉบับยอดนิยม
คุณอรุณเทศรับเกือบจะเข้าข่ายตะครุบ เขาชอบหนังสือพิมพ์รายวันที่สุด โดยเฉพาะข่าวเด่นข่าวดังไม่เคยพลาด ถือเป็นความรู้รอบตัว เวลาคุยกับใครจะได้ไม่ขาดตกบกพร่อง แต่ไม่อาจซื้อวันละฉบับ เสียดายเงิน ต้องประหยัด แม้โทรทัศน์ก็เช่นเดียวกัน เขาเปิดเฉพาะบางวันไม่ยาวนัก
คนที่ไม่รู้คิดว่าคุณอรุณเทศพหูสูต แต่ความจริงเป็นเพียงพหูสูตปลอมๆ
“ข่าวโยคีนันทปุโร ท่านมียาสมุนไพรรักษาโรคร้ายบางชนิด ชาวบ้านเลื่อมใสนับถือ ”
“นั่นสิคะ เท่าที่พัทธ์ทราบ ชาวต่างจังหวัดไกลๆ ยังเดินทางมากราบคารวะโยคี ฟังเทศนาธรรมะอันวิเศษ แต่พัทธ์เหมือนใกล้เกลือกินด่าง นี่พวกครูนัดแนะกันว่า วันอาทิตย์จะไปเยี่ยมนมัสการท่าน”
“พัทธ์ไปด้วยหรือเปล่า”
“ ลังเลสองจิตสองใจค่ะ” ลูกสาวคนสวยขบริมฝีปาก “ตรงกับนักขัตฤกษ์ เพิ่มวันหยุดชดเชยพัทธ์คิดว่าจะไปเยี่ยมแม่ ค้างที่กรุงเทพสักคืน”
สุภาพบุรุษอาวุโสซ่อนความหงุดหงิดกังวลไว้ในส่วนลึก เขาพยายามทุกวิถีทางให้อาภันพัทธ์ขาดการติดต่อกับสมฤดีเมียเก่า แต่ทำไม่สำเร็จ ไม่อาจตัดความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูก
“ลองตัดสินใจทำอะไรสักอย่างนึงสิ เยี่ยมนมัสการโยคีก็ไม่เลว”
อาภันพัทธ์เลี่ยงขึ้นชั้นบน ครู่ใหญ่ทรงกลดก็ขับรถช็อปเปอร์มาส่งสินีนุช เด็กสาวเลื่อนกายลง ยืนคุยกับชายหนุ่ม คุณอรุณเทศอยู่ในร้านมองตาเป๋ง
นี่ก็เป็นสิ่งที่เขาเกลียด แต่ไม่อาจผลักดันทรงกลดออกไปจากเส้นทางว่าที่เขย
“เมื่อคืนนุชฝันพิสดารค่ะ”
“ฝันเรื่องอะไรฮะ”
หนุ่มรูปงามอ้อยอิ่ง สินีนุชจากมุมด้านข้างเน้นจมูกโด่งพอสมควร เรียวปากรูปสวย ขนตางอนช้อย โสภิตพรรณรายอีกแบบ
“เห็นผู้ชายหน้าตาไม่ถนัด เดินกางแขนปลายเท้ากระหย่งตัวขึ้นๆ ลงๆ คล้ายลีลาระบำบัลเลต์ ครั้นแล้วก็ปีกงอก บินเริงร่อนเหมือนนก ช่วงปากยื่นจะงอยแหลม มนุษย์วิหคจ้องนุชเขม็ง แค่นั้นก็ตกใจตื่น”
“ผมว่าคุณเก็บเรื่องนกยักษ์ไว้ในสมองตอนนอนหลับ จิตใต้สำนึกผสมผเส เลยกลายเป็นความฝันวิปริต”
“นุชก็คิดยังงั้นค่ะ”
ทรงกลดขับเคลื่อนช็อปเปอร์ ถนนชนบทโล่ง แต่เขาก็ชะลอความเร็วเมื่อเลี้ยวทางแยก
บัดนี้ เขาจอดรถจักรยานยนต์ในร้านซ่อมของพ่อด้านหลังตลาด ขึ้นห้องพัก อาบน้ำ สวมกางเกงยีนส์เสื้อทีเชิ้ต ลงไปเดินเล่นแถวแผงหนังสือพิมพ์ตามความเคยชิน
“คุณกลดคะ”
เจ้าของนามเหลียวขวับ
จินตนายิ้มจืดชืดรับกับดวงหน้าไม่สวย แตกต่างกับเฉิดโฉมลิบลับ
“มีธุระอะไรคุณจิน”
“อยากจะปรึกษาบางอย่างค่ะ”
“พูดได้เลยไม่ต้องเกรงใจผม”
“เจ๊โฉมเดี๋ยวนี้ไม่เหมือนก่อน ตาโรยผอมยังกะอดนอนสักอาทิตย์” หล่อนปรับทุกข์พร้อมกับถอนใจเฮือก “มักจะพล่ามเพ้อเจ้อ เคยหลุดปากว่า พี่นันขา…เจ้าชายอาหรับ”
“ใคร พี่นัน”
“พระเอกละครโทรทัศน์ชื่อนนทนันท์ค่ะ คุณกลดก็คงจะเคยได้ยินชื่อเสียง”
“ใช่ฮะ” เขาก้มศีรษะรับ “พระเอกยอดฮิต”
“นั่นแหละ เจ๊โฉมหลงใหลใฝ่ฝัน แสดงเรื่องไหนไม่เคยพลาด” จินตนาเอียงคอลังเล “แต่แปลกชะมัด”
“โปรดเล่ารายละเอียด”
“ตอนละครที่นนทนันท์แสดงออกอากาศ ฉันเรียกเจ๊โฉมมาชม เธอกลับตะเพิดไม่สน มันเป็นอาการหลังจากที่เจ๊โฉมป้ำๆ เป๋อๆ แม่ค้าสองรายในตลาดซุบซิบกับฉันว่า สงสัยผีตายโหงสิง”
“แล้วคุณจินเชื่อหรือเปล่า”
“ค่อนข้างจะเชื่อค่ะ เพราะแต่ก่อนแต่ไร เจ๊โฉมไม่เคยเป็นแบบนี้ เธอดื้อรั้นถือตัวไม่ค่อยจะสุงสิงกับผู้ชายพายเรือ เตี่ยยังออกปากเลย ว่าอาจจะเป็นม่ายตลอดชีวิต”
“ชื่อนัน…พ้องกับโยคีนันทปุโร”
“อุ๊ยตาย!” หมวยสาวเบิกนัยน์ตาเล็กชั้นเดียว
“คุณกลดคิดแบบนี้บาปกรรมนะคะ เขาลือว่าโยคีเคร่งยิ่งกว่าพระสงฆ์บางรูป ยามเดินท่านมักจะยกมือป้องเหมือนพระพุทธรูปปางห้ามญาติ”
“เอายังงี้เถอะ คุณจินไปหยิบหินก้อนเล็กๆ มาให้ผมพิสูจน์”
“ได้ค่ะ”
หล่อนหายขึ้นตึก เมื่อถึงชั้นสี่ก็ย่องกระหย่ง เหลียวซ้ายมองขวาล่อกแล่ก แสดงพฤติกรรมเยี่ยงนักสืบนอกทำเนียบ
“บ๊ะ! เหมาะเชียว เจ๊เฮียงอยู่ในห้องน้ำ”
ผลักประตูแอ๊ด ย่องหนืดนิ่มนวลยิ่งขึ้น จินตนาย่นจมูก
“กลิ่นนกพิราบ ข้าวของระเกะระกะรก”
สำรวจหาก้อนหินจิ๋วสีมุก ไม่ทราบว่าพี่สาวเก็บซุกไว้ที่ไหน ตามโต๊ะ หัวเตียง ตู้ ไม่พบ หมวยลั้งหมุนรีหมุนขวาง ในที่สุดก็ปราดไปดึงลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง
แกรก!
ลิ้นชักโผล่ครึ่งหนึ่ง มีของกระจุกกระจิกเยอะแยะ คนบุกรุกแหวกค้น
ทันใดนั้น…
“ฮะแอ้ม!”
น้องสาวสะดุ้งโหยง
เฉิดโฉมยืนหน้าบึ้ง ผมยุ่ง ขอบตาเขียวคล้ำ
“แกมายุ่งอะไรกับห้องข้า หะ_นังลั้ง”
“เจ๊โฉม ขอยืมหินสีมุกแป๊บเดียว ฉันจะให้เพื่อนดู”
“ไปให้พ้น ข้าไม่ให้ยืมโว้ย”
ม่ายสาวใหญ่กรากเข้าตบ ผู้ร่วมอุทรหลบวิ่งแผล็ว ลงบันไดตึงๆ
หล่อนปิดประตูล็อก หยิบกลักไม้ขีดในลิ้นชักเดิม กดซองให้เผยอ แลเห็นหินทรงกลมมีเหลี่ยมเล็กๆ ประดับรอบ แววตาปลั่งรัญจวนสวาท
“พี่นันขา คืนนี้อย่าลืมมาหาเมียนะคะ”