พระเอกพยับแสง บทที่ 3 : อรหัน มิใช่ อรหันต์

พระเอกพยับแสง บทที่ 3 : อรหัน มิใช่ อรหันต์

โดย : ตรี อภิรุม

Loading

พระเอกพยับแสง นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์ โดย ตรี อภิรุม เมื่อการปรากฏตัวของเขาในวันสุริยุปราคราเต็มดวงสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ให้กับชุมชนที่เคยสงบ ทั้งหมดเกิดจากฝีมือของเขา ผู้ที่มากับลัทธิประหลาดที่นำพาผู้คนมากมายให้ศรัทธาใช่ไหม เขาคือใคร ‘เทวา’…’ซาตาน’ หรือปีศาจในคราบนักบุญ

เจ้าของมินิมาร์ตคุ้มเกล้ายิ้มทะแม่ง เขาช่ำชองการยิ้ม ไม่ยอมให้ยิ้มมากจนขอบฟันปลอมโผล่

“เห็นท่านไหมครับ”

“ลองส่องดูบ้าง”

คุณอรุณเทศรับกล้องส่องทางไกลจากนายติยะ ยกขึ้นระดับนัยน์ตาที่ใกล้จะขุ่นมัว เป้าหมายก็คือตำแหน่งประธานแห่งการชุมนุม สักประเดี๋ยวก็ส่งสิ่งที่ย่นระยะทางคืน

“ผมเห็นแค่ต้นกร่างยักษ์ แท่น โยคีนันทปุโรคงจะแอบ”

“แอบที่ไหนกัน ท่านก็นั่งอยู่บนแท่นไกลลิบ แต่งชุดโยคีผ้าย้อมฝาด เคร่งสำรวมแบบผู้ทรงศีล แปลกนะ สองคนพบเหตุอัศจรรย์คนละแบบ”

ครั้นแล้ว นายติยะก็เล่าความโดยตลอด และต่อท้ายว่า

“ครั้งแรก ผมยังคิดว่าคุณอรุณแกล้งกระซิบ ล้อเล่น”

“แสดงว่าเราเจออิทธิปาฏิหาริย์ตั้งแต่ยังไม่ถึงตัวโยคี โอ! ผมขนลุก…”

เวลาผ่านไป ผู้คนที่เข้าเยี่ยมนมัสการต่างทยอยกันกลับ กลุ่มมาทีหลังหนุนเนื่อง ทุกอย่างไม่เป็นระบบ ยังไม่มีใครอาจหาญจัดคิว ชาวบ้านรายหนึ่งบ่น

“พวกเรารบกวนทั้งวัน พระคุณเจ้าไม่ได้พักผ่อน”

นายติยะกับคุณอรุณเทศขยับเคลื่อนเข้าไปใกล้เรื่อยๆ เป็นที่น่าสังเกตว่า บางกลุ่มแม้จะอยู่ด้านหน้า แต่ก็สงวนท่าทีไม่ซักถามโยคีนันทปุโร เพราะเกรงว่าความลับจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน

“อ้าว! หมวยโฉม วันนี้ไม่ขายก๋วยเตี๋ยวเหรอ”

อดีตผู้ใหญ่บ้านร้องทัก เฉิดโฉมหันมายิ้มกับบุรุษอาวุโสทั้งสอง หล่อนนุ่งยีนส์ สวมเสื้อลายสีชมพู ใบหน้ากลมอิ่มนวลแฉล้ม จมูก ปาก นัยน์ตา จุ๋มจิ๋มสไตล์หมวย

“หนูให้น้องสาวขายแทนค่ะ ลุง แหม นี่รอคิวตั้งนานแล้ว ไม่ได้โอกาสปลอดโปร่งสักที” พลางทักทายอรุณเทศบ้าง “คุณอา คุ้มเกล้าขายดีไหมคะ”

“ไปได้เรื่อยๆ ครับ”

“ใครเขาบอกหนูว่า ของที่คุ้มเกล้าแพงกว่าร้านอื่น”

ผู้ฟังฉุนกึกราวกับสูดกลิ่นพริกไทยป่น บิดาอาภันพัทธ์ทิฐิแรงสูง ยากนักที่เขาจะยอมรับความจริงเกี่ยวกับตัวเอง มีข้อแก้ตัวสารพัด เผลอๆ จะตั้งข้อหาฝ่ายที่วิพากษ์ว่าดูถูกเหยียดหยามซ้ำเติม ฉายาที่เมียเก่าตั้งให้ก็คือ พ่อสนิมสร้อย

“โฮ้ย! ของผมขายราคายุติธรรม รับประกันคุณภาพทุกชิ้น”

“เชิญลุงติกับคุณอาก่อนค่ะ หนูรอรอบหลัง”

โยคีนันทปุโรนั่งบนแท่นไม้เตี้ย สานุศิษย์ที่รับใช้ท่านประมาณห้า-หกคน ล้วนแล้วแต่หนุ่มใหญ่กับชายอาวุโส ด้านขวามือตั้งโต๊ะยาวสูงวางผลไม้หลายชนิดที่เหล่าญาติโยมนำมาถวายนักพรต ศิษย์ผู้สวมเสื้อคอกลมสีขาวประกาศ

“อาจารย์เหนื่อยมากจะขอพักผ่อน ยอมให้เข้าพบอีกห้ารายสุดท้าย เหลือนอกจากนั้นอาจารย์ขอผัดเป็นวันพรุ่งนี้ โปรดจดรายชื่อไว้ในสมุด พรุ่งนี้เราจะเรียกตามหมายเลขชื่อ เพื่อความสะดวกของท่านเอง”

ได้ผลชะงัด!

บรรดาฆราวาสต่างทยอยกันจดชื่อในสมุดปกแข็ง กราบอำลาโยคีนักปฏิบัติธรรม บริเวณลานกว้างโล่งขึ้นตามลำดับ

บัดนี้ สองบุรุษชรานั่งบนเสื่อกระจูด ต่ำกว่าแท่นอาสนะของผู้ทรงศีล โยคีนันทปุโรวัยประมาณสี่สิบสอง ผมมวยที่เกล้าท้ายทอยแซมหงอก รูปหล่อ ผิวคล้ำ นัยน์ตาสีเหล็กวาวเชื่อม ภายใต้คิ้วหนาดก

และนั่นเป็นสิ่งที่เพศตรงข้ามซึ่งใจอ่อนหลงใหลใฝ่ถึง มีกระแสเสน่ห์ดึงดูดเร้นลึก

นายติยะทำจมูกฟุดฟิด ได้กลิ่นสาบนกพิราบเจือจาง

“พระคุณเจ้าเลี้ยงนกหรือครับ”

นักพรตจากต่างแดนยิ้มที่มุมปาก น้ำเสียงห้าวทุ้มเสนาะโสต

“เปล่า อาตมาเป็นมิตรกับนก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนพวกมันมักจะห้อมล้อมเสมอ”

ทันทีที่กล่าวขาดคำ

“กา-กา-กา!”

เสียงร้องก้องอากาศเบื้องบน กาดำสองตัวที่เกาะแฝงต้นกร่าง บินไล่กันหายลับไปในป่าทุ่งแสลงดง กากอาหารที่ปล่อยลงมาตกห่างจากศีรษะคุณอรุณเทศเพียงวาเดียว

“ภรรยาผมเสียชีวิตหลายปีแล้ว อยากจะทราบว่าเธอขึ้นสวรรค์หรือลงนรก”

สุภาพบุรุษวัยดึกพนมมือถามอย่างนอบน้อม โยคีนันทปุโรคลี่ยิ้มมากขึ้น เผยไรฟันขาวสะอาด

“อาตมาไม่ใช่พระอรหันต์นะโยม จะได้หยั่งรู้สัมปรายภพ ขอถามว่าโยมผู้หญิงที่สิ้นบุญประพฤติถูกทำนองคลองธรรมดีหรือ”

“เธอไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ยกเว้นจำพวก ปลวก ยุง มดคันไฟ ใจบุญสุนทาน ทำบุญตักบาตรเสมอ บางทีวันพระรับศีลห้าหรืออุโบสถศีล”

“ขอพูดโดยหลักการว่าโยมผู้หญิงไปสู่สุคติภพ”

“สาธุ!”

โยคีนันทปุโรพินิจพิจารณานายติยะสงบเงียบ เสมือนจะใช้ญาณวิเศษตรวจสอบปูมหลัง จิบน้ำชาอุ่นที่ศิษย์รินใส่ถ้วยกระเบื้องถวาย

“อือม์…ฐานะโยมไม่เลว เป็นเศรษฐีที่ดินแถมยังมีความรู้ด้านไสยศาสตร์และโหราศาสตร์ ทำนายทายทักเหตุการณ์แม่นยำ แม้จะสูงอายุระดับนี้ก็เถอะ สาวใหญ่บางรายทอดสะพานให้เดิน หวังจะได้เป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ดินร่วม แต่โยมไหวทันไม่เล่นด้วย”

นายติยะขนลุกเกรียว เหลียวเลิ่กลั่ก นักพรตพยากรณ์ประวัติชีวิตตนตรงถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่เชื่อว่าใครจะให้ข้อมูล หากท่านหยั่งรู้โดยญาณวิเศษ บางคนได้ยินเรื่องราวพลอยป้องปากอมยิ้ม

“ใช่ครับ พระคุณเจ้า ผมปลงชีวิตตัวเอง เราแก่แล้ว ไม่ทราบว่าจะอยู่ดูโลกได้สักกี่ปี ไม่อยากหาห่วงผูกคอ บั้นปลายชีวิตกิเลสโลภโมโทสันต่างๆ ก็ลดน้อยลงด้วย”

“ดี…โยม” ศีรษะเกล้าผมมวยผงกเนิบ “รู้จักปลง ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ชีวิตนี้ไม่เที่ยงแท้”

คุณอรุณเทศชักจะอึดอัด ไม่สบายใจรุนแรง เขาเกลียดการปลงสังขาร ระลึกถึงความแก่ เจ็บ และตาย ชอบธรรมะเฉพาะแง่ของอานิสงส์ ผลบุญ ลาภสักการ กอบโกย ฉวยโอกาส เรื่องความตายทำให้ท้อแท้อ่อนเปลี้ย รับไม่ได้เด็ดขาด

แม้ว่าอายุจะเลยห้ารอบ แต่คุณอรุณเทศก็คิดว่าตนเป็นหนุ่มใหญ่ กระชุ่มกระชวยเสมอ

“วันสุริยุปราคา ตะวันดับ ชาวลานสกาได้ยินเสียงนกยักษ์บินพึ่บพั่บ ท่านอาจารย์ทราบสาเหตุไหมครับ”

คำถามของนายติยะ เล่นเอาโยคีนิ่งอึ้งชั่วเสี้ยวนาที ขนตายาวเข้มไหวกะพริบ

“อาตมาคิดว่าพายุ เมื่อพัดผ่านระหว่างต้นไม้ใหญ่หรือซอกเขา บางครั้งฟังเสียงคล้ายนกยักษ์บิน เอาละ ถึงรอบโยมอีกคนหนึ่ง”

สุภาพบุรุษอาวุโสขยับตัว สบตานักบวชรูปหล่อ

“เปล่า ผมมาเป็นเพื่อนคุณติยะเท่านั้นเองครับ”

อดีตผู้ใหญ่บ้านชวนคุณอรุณเทศกราบอำลาผู้ทรงศีล แกมอบซองปัจจัย แต่โยคีนันทปุโรไม่แตะต้องเงิน สั่งให้ศิษย์รับแทน เพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม

เมื่อทั้งสองคลานออกจากเสื่อกระจูด นักพรตผมมวยทิ้งท้ายปริศนา

“โยมหนุ่มใหญ่คนนั้นน่ะ หากต้องการลาภผลประโยชน์ล้วนๆ อย่าลืมหาอาตมา โยมจะสมหวัง”

ถึงรอบของเฉิดโฉม หล่อนขวยเขินเล็กน้อย ใบหน้าแก้มอิ่มแดงซ่าน ดวงตาคมวาวของโยคี ช่างทรงอิทธิพลเหลือเกิน ทำให้หัวใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ

หมวยแม่ม่ายถามเรื่องการค้า เนื้อคู่ เมื่อใดจะร่ำรวย ท่านทำนายกำกวมชอบกล

“เอ เรื่องเนื้อคู่ อาตมาคิดว่าไม่เป็นปัญหานักหรอก สีกาอาจจะพบในวันพรุ่งนี้ก็ได้”

“โอ! มันจะเป็นไปได้ยังไงคะ” ขนตาสั้นกะพริบปริบๆ “หนูยังไม่ชอบใครสักคน ผู้ชายติดพันเยอะแยะ แต่พอเขาแย้มปาก เราก็เห็นลิ้นไก่รู้ทันหมด ล้วนแล้วแต่ใจกระรอก แสวงหาผลประโยชน์”

“เรื่องนี้ต้องพิสูจน์ว่าจะจริงหรือเปล่า อาตมาจะเข้าฐานสักครู่ สีกากลับก่อนเถอะ โอกาสหน้าเราจะพบกันอีก”

โยคีนันทปุโรลุกขึ้นยืน สร้อยประคำที่คล้องคอเขย่ากรุ๊กกริ๊ก ร่างของท่านสูงร้อยเจ็ดสิบห้าเซ็นต์ นุ่งผ้าคล้ายจีวร สวมเสื้อคอกลมแขนสามส่วนสีกรัก

เฉิดโฉมก้มลงกราบ ขณะที่นักบวชศาสนาฮินดูเคลื่อนกายตรงไปส้วมด้านหลังซึ่งมีลับแลกันมิดชิด

โอ…โน่นอะไรกันเล่า

กริ๊ก!

หินสีมุกสัณฐานกลมเหลี่ยมเท่าปลายนิ้วก้อย กระเด็นมาตกใกล้ฝ่ามือหล่อน ม่ายสาวเจ้าเสน่ห์ก้มลงเก็บ เพ่งพินิจเหมือนพลอยที่ยังไม่ได้เจียระไน ถือโอกาสยึดเป็นสมบัติส่วนตัว

“กระเด็นออกมาจากเสื้อหรือจีวร ท่านให้เราละมั้ง”

 

ตั้งแต่เปิดมินิมาร์ต สมาชิกครอบครัวแทบไม่เคยรับประทานอาหารร่วมกัน ต้องเหลือใครไว้คนหนึ่งเฝ้าหน้าร้านเสมอ เย็นนี้โฉลกเหมาะ บังเอิญอาภันพัทธ์กินข้าวร่วมโต๊ะกับบุรุษอาวุโสผู้พ่อด้านหลังตึก

“หนูได้ข่าวว่า ลุงติรับพ่อไปทุ่งแสลงดง นมัสการโยคีที่จำศีล”

“อือม์…ใช่” คุณอรุณเทศอำพรางความรู้สึกที่แท้จริงของตน “คุณติแกเหงาชวนพ่อไปเป็นเพื่อน ลำพังพ่อเองไม่ค่อยอยากพบโยคีเท่าไหร่นักหรอก”

“พัทธ์ทายว่าพ่อไม่เสียเงินเลย”

ลูกสาวคนสวยดักคอ เล่นเอาบิดายิ้มปุเลี่ยนซอกปากจีบย่น นึกถึงเหตุการณ์ตอนนายติยะถวายซองปัจจัย เขาทำท่าจะควักธนบัตรร่วมสมทบ แต่เมื่อเพื่อนรุ่นพี่พูดว่าซองปิดผนึกแล้ว จึงแกล้งทำควักกระเป๋าเก้อ

ใช่แล้ว…ไม่ควรเสียเบี้ยเดียว ต้องเหนี่ยวหน่วง!

“เวลาหายาก เสียเวลาทำมาหากินของเรานะพัทธ์”

“หมายความว่า พ่อไม่ได้ซักถามหรือคุยกับโยคีใช่ไหมคะ”

“แน่นอน”

ใบหน้าขาวผิวตกกระนิดๆ พยักเนิบ อาภันพัทธ์รู้นิสัยใจคอคุณอรุณเทศตลอด ยิ้มละไม

“พ่อเกลียดธรรมะข้อที่ให้ปลงสังขาร ละวางกิเลส เลิกกอบโกย เพราะจะทำให้จิตใจสลดหดหู่ ต่อให้สักแปดสิบก็ยังไม่แก่ พ่อหนุ่มใหญ่เสมอ”

หากคนอื่นวิพากษ์แบบนี้ ไฟประลัยกัลป์ลุกโชติช่วงทีเดียว แต่สำหรับธิดาคนโปรดผู้มีหน้าตานิสัยเหมือนสมฤดีเมียเก่า คุณอรุณเทศหือไม่ขึ้น อย่างมากก็แค่รำคาญหงุดหงิด

“แกพูดอะไรก็ไม่รู้ เกินความจริง”

พิมพ์ใจที่เฝ้าร้านคุ้มเกล้าแอบได้ยินถนัดนึกยิ้ม สามีคนแรกแก่กว่าหล่อนห้าปี เป็นนักการพนัน กินเหล้า เจ้าชู้ สูบบุหรี่เก่ง หล่อนติดยึดพ่อ ถือว่าเป็นแบบฉบับแห่งความดีงาม จึงเลือกสามีรายที่สองอาวุโส

คุณอรุณเทศหันหลังให้อบายมุขทั้งปวง นิสัยดีมากเสียจนเหมือนบอระเพ็ด…ขม!

สินีนุชกรายโฉมลงมาจากชั้นบน แต่งกายสวยพริ้ง พ่อเลี้ยงคะยั้นคะยอเช่นเคย

“ทานข้าวด้วยกันนุช”

“ขอบคุณค่ะ คุณลุง สักครู่พี่กลดก็จะมารับ”

“โฮ้ย! จนป่านนี้แล้ว ไม่มาหรอก”

“พี่กลดไม่เคยผิดนัดค่ะ”

เด็กสาวตัดบท เลี่ยงเดินทะลุร้านคุ้มเกล้าออกไปยืนเตร่ที่ทางเท้า

สุภาพบุรุษสูงวัยบ่นอุบอิบกับทายาท

“นุชนี่ก็แปลก คล้ายจองหอง ไม่ยอมรับความใจสปอร์ตของเรา”

“คนที่รู้จักพ่อผิวเผินจะเชื่อว่าใจสปอร์ต” อาภันพัทธ์ขัดจังหวะนุ่มๆ “แต่คนที่ใกล้ชิดสนิทสนม จะรู้ว่ามันตรงกันข้าม น้ำทะเลยังเรียกพ่อว่าพี่”

“เอ้อ…พัทธ์ก้อ ค่อนแคะพ่อซะเรื่อย บาปหนา”

ที่ถนน ทรงกลดขับช็อปเปอร์สีน้ำเงิน ชะลอจอดเทียบฟุตพาท สินีนุชทรุดตัวนั่งตะแคงซ้อนท้าย มือหนึ่งจับยึดเหล็กชุบโครเมี่ยมขอบอาน

 

กินข้าวมันไก่รสเด็ด แวะซื้อข้าวโพดคั่วเนย ต่อจากนั้น ทรงกลดก็พาเด็กสาวไปนั่งเล่นที่สวนหย่อมเยื้องตลาด เพิ่งจะพลบค่ำ ไฟสาธารณะเปิดสว่าง ทั้งสองคุยกะหนุงกะหนิง ส่วนใหญ่เรื่องโนสาเร่ ต่างฝ่ายต่างหยิบข้าวโพดคั่วเคี้ยวกินกรอบๆ บางคราวมือชนกันเอง

“วันก่อนผมเยี่ยมห้องสมุดประจำจังหวัด เจอหนังสือโบราณเล่มหนึ่ง บรรยายสัตว์ในนิทานปรัมปราวรรณคดี มีภาพประกอบด้วย คุณนุชรู้จักอรหันไหมฮะ”

“อ๋อ พระภิกษุหรือคะ”

“ไม่ใช่ นั่นพระอรหันต์สะกดคนละอย่าง” หนุ่มสุดหล่ออธิบาย “อรหันที่ว่านี้เป็นผู้วิเศษจอมอิทธิฤทธิ์ตัวเป็นคนมีปีกหางแบบนก โดยเฉพาะช่วงปากจะงอยแหลมโค้ง ตอนที่บินข้ามมิติภพ จะสำแดงกายเป็นพญาวิหค ดวงตาแดงก่ำ…”

ผู้เล่าหยุดชะงัก กลืนน้ำลายเอื๊อก ฉุกคิดถึงภาพนิมิตวันสุริยุปราคาเต็มดวง ประหลาดยิ่ง ทำไมเรื่องราวตรงกับตำนานเปี๊ยบ

หรือว่าเขาเห็นอรหันวิหค

“นิทานปรัมปรา ก็แค่เรื่องฟังเล่นสนุกๆ เท่านั้นเองค่ะ พี่กลด”

“นั่นสิ ผมก็ว่ายังงั้นแหละ”

สินีนุชเคี้ยวกรอบข้าวโพดคั่ว สายตาจับผีเสื้อกลางคืนบินเล่นแสงไฟบนเสาเหล็กแป๊บ

ข่าวนกยักษ์บินวันตะวันดับ เงียบเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง

“ผมว่ามันอาจจะไม่เงียบ ทยอยมาอีกแล้วระลอก ดังยาวยืดเยื้อ”

“อะไรทำให้พี่กลดรู้สึกอย่างนี้”

“จะว่าด้วยเหตุผลก็คงจะไม่ใช่ เอาเป็นว่า ผมสังหรณ์ขึ้นเองก็แล้วกันฮะ”

ทรงกลดให้เด็กสาวซ้อนท้ายช็อปเปอร์ไปส่งที่มินิมาร์ต หรือชื่อสากลว่าคอนวีเนี่ยนสโตร์

เจอคุณอรุณเทศเดินเตร่ริมฟุตพาท ชายหนุ่มพนมมือทำความเคารพ ขณะที่สินีนุชขยับกายเลื่อนลง

“รับส่งทุกวัน ไม่เบื่อบ้างรึ คุณกลด”

“ไม่ฮะ คุณอา นุชเป็นเพื่อนที่ดีของผม วันไหนบังเอิญติดธุระว่างเว้น ผมรู้สึกคล้ายกับว่าขาดอะไรไปสักอย่าง”

ซ่อนความไม่สบอารมณ์ไว้ในใจเร้นลึก ใบหน้าขาวกร้านตกกระนิดๆ ผู้ดียิ้มอ่อนโยน

“โอ! ขนาดนั้นเชียว”

“ครับ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชาย-ผู้หญิง คุณอาก็เคยเป็นหนุ่มมาก่อน ผมคงไม่จำเป็นเล่ารายละเอียด”

คุณอรุณเทศปีกจมูกพอง ประหนึ่งคนที่ดำน้ำนาน โผล่ทะลึ่งพรวดขึ้นสูดลมหายใจแรง

“กินอาหารเย็นตั้งหลายชั่วโมงแน่ะ”

“เราไถลคุยกันที่สวนหย่อมฮะ”

ชายหนุ่มไหว้ลาพ่อเลี้ยงสินีนุช เคลื่อนช็อปเปอร์ครืด

ล่วงสองยามคืนนั้น ที่ห้องชั้นบนสุดของตึกแถวหลังตลาด ทรงกลดยืนที่ระเบียงรับลมเย็น หูฟังเพลงสไตล์อัลเทอร์เนทีฟจากวิทยุเทป

โรงไฟฟ้าจะเปลี่ยนหม้อแปลง ไฟดับมืดตื้อทั้งตำบล

บัดดล เกิดเสียงบินพึ่บพั่บในอากาศ เขาเพียงคนเดียวที่เห็นภาพนิมิต

มนุษย์ผู้ชายมีปีกหางเช่นเดียวกับนก ช่วงปากจะงอยแหลมโค้ง ตาแดงก่ำ บินลับหลังคาตึกแถว

 



Don`t copy text!