หัวใจอยู่ในอากาศ
โดย : ชุนเทียน
“ฝนตก แดดออก” คอลัมน์ที่รวมบทความที่เขียนถึงประสบการณ์ชีวิต ความคิด ความรู้สึกต่อเรื่องราวรอบตัวที่ชุนเทียนได้พบ…แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ถ้ามองให้ดี คุณจะสัมผัสได้ถึงอากาศสบายๆ ในยามฝนโปรย และมีความสุขทุกครั้งที่เงยหน้ามองฟ้าเมื่อแดดออกในทุกวัน
เราไม่มีโอกาสพบกันอีก ระหว่างฉันกับผู้ชายคนนั้น เขาเสียชีวิตมาหลายปีแล้วเพราะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เขาเตรียมใจที่พร้อมจะตายมาก่อนหน้านั้นมาก เมื่อร่างกายเจ็บป่วยชราภาพ ก็เริ่มเรียกร้องหาความตายบ่อยครั้ง เพราะคนอย่างเขาเข้มแข็งและทรนงคนหนึ่งเท่าที่ฉันรู้จัก
เขาเป็นลูกคนโตของครอบครัวคนจีนที่ลี้ภัยมาอยู่เมืองไทยได้ไม่นาน พ่อเขามีลูก 5 คน หลังจากแม่เขาเสีย พ่อแต่งงานใหม่และมีน้องเพิ่มให้อีก 5 คน ครอบครัวที่ใหญ่ขึ้นทำให้ทุกคนต้องดิ้นรนตามสภาพแร้นแค้น ลูกคนโตอย่างเขาต้องออกจากบ้านเกิดมาทำงานหาเงินเลี้ยงชีวิตเองตั้งแต่อายุ 18 หลังเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในสมัยเกือบร้อยกว่าปีก่อน เขาดิ้นรนทำงานไปจนชีวิตเริ่มดีขึ้น ร่ำรวยจนมีคนเรียกว่า “เถ้าแก่โรงน้ำส้ม (สายชูหมัก)” แต่แล้วก็โดนโกงจนแทบหมดตัว เขาขยันทำงานและหาวิชาความรู้มากขึ้นอีกจนพลิกฐานะกลับมาดีได้อีกครั้ง
เขาใช้ชีวิตแต่งงาน 3 ครั้ง กับเมียคนแรกนั้น หลังคลอดลูกสาวคนโตไม่กี่ชั่วโมง มีอาการตกเลือดเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทิ้งลูกสาวกำพร้าไว้กับน้องสาวของเขาเลี้ยงดู ว่างเว้นไม่กี่ปีเขาแต่งงานใหม่กับเมียคนที่สอง แล้วก็ซ้ำรอยเดิม เธอคลอดลูกชาย หลังคลอดไปไม่นานประมาณ 6 เดือน ด้วยสุขภาพที่อ่อนแอเป็นทุนเดิม เธอเสียชีวิต ระหว่างเวลาที่กว่าเขามาเจอคนที่สามจะห่างกันนานเท่าไรไม่อาจรู้ มีแต่เรื่องเล่าต่อมาว่าเจอกันครั้งแรกตอนพายเรือขายของผ่านหน้าบ้าน เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังโดนตีด้วยไม้พายเรือแค่นั้น
ตอนแต่งงานเธออายุแค่ 16 ใครๆ ก็บอกเธอว่าไปแต่งด้วยอาจจะอายุสั้น เพราะเขาเป็นคนกินเมีย เวลาที่ผ่านไปพิสูจน์ว่าคำพูดนี้ไม่จริง พวกเขาสองคนอยู่กันมานานมาก รับรองด้วยชีวิตลูกทั้ง 10 คนในเวลาต่อมา การเลี้ยงลูกเป็นไปด้วยความยากลำบาก ผ่านความลำเค็ญของฐานะที่ค่อยๆ สร้างขึ้นมาด้วยกัน อาชีพสุดท้ายคือคนที่เรียกคำนำหน้าชื่อเขาว่า “หมอ” เขาทำหน้าที่นี้ได้ดี สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่หมอคนหนึ่งจะพึงเป็น
บุรุษเช่นเขานั้นขึ้นชื่อว่าเป็นคนขวานผ่าซาก ตรงไปตรงมา และซื่อสัตย์ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะซื่อสัตย์ไปกับเขาด้วย โดนโกงมาก็เยอะ คนไข้เบี้ยวค่ายาค่ารักษาก็แยะ แม้จะจำแม่นจนวันตายแต่เขาไม่เคยไปเรียกร้องต่อสู้เพื่อให้ได้เงินคืน ยังคงรักษาคนไข้ต่อไป
ความรับผิดชอบที่มีต่อครอบครัว ทำให้เขาเป็นผู้ชายที่ขยันเอาการเอางาน ทำแม้งานแม่บ้านซึ่งน่าจะเป็นหน้าที่ของเมีย แต่ถ้าคนเป็นเมียนั้นป่วยหรือหลังคลอดแล้วสุขภาพไม่แข็งแรงพอ เขาก็พร้อมจะทำแทนให้ไม่เคยเกี่ยง แม้จะเจ้าอารมณ์ ฉุนเฉียวเอากับลูกเมียบ่อยครั้งด้วยความเครียด แต่ในชีวิตฉันไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนขยันทำงานเท่านี้มาก่อน
เขารักลูกทุกคนแต่ไม่แสดงออกว่ารัก ยามที่ลูกป่วยชักเจียนอยู่เจียนตายคาตักเพราะแผลติดเชื้อก็ยังไม่ยอมแพ้ หาวิธีรักษาจนลูกกลับมามีชีวิตเหมือนเดิม คืนหนึ่งฉันอยากดูละครในโทรทัศน์ ตอนนั้นที่บ้านยังไม่มีให้ดู เขาลงทุนแบกฉันขึ้นหลังเดินลัดสวนใกล้ ๆ ไปทั้งที่มองทางไม่ค่อยเห็น หกล้มหกลุกเพื่อพาฉันไปดู มันเป็นภาพจำที่ไม่เคยลืม
เมื่อเขาเสียชีวิต งานศพของเขา ยิ่งใหญ่และยังไม่มีใครลบสถิติคนมางานในตำบลนั้นได้ พวงหรีดของงานล้นจนต้องออกไปหาที่แขวนนอกศาลาอีกเป็นร้อย เพื่อนเก่าฉันเคยเล่าให้ฟังว่า เพื่อนบ้านของเธอที่อยู่อีกตำบลหนึ่งถึงกับเหมารถคันใหญ่บรรทุกคนมาเกือบทั้งหมู่บ้านเพื่อมางานศพเขา
การมีน้ำใจกับเพื่อนๆ ของเขาและคนอื่นๆ รอบตัว ความเพียรและเอาใจใส่รายละเอียดในงาน ความพยายามต่อสู้อุปสรรค ความอดทน ความฉลาดในการรักษาโรค จำและคิดค้นสูตรยารักษาโรคต่างๆ ความเฉลียวในการมองคนออกและแม่นในการทำนายอนาคตคนอื่นผ่านการอ่านดวงชะตาชีวิตของพวกเขา ความรับผิดชอบต่อครอบครัว การพูดจริงทำจริง ซื่อสัตย์ ประหยัดและอดออม หยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเอง กระทั่งตายไปแล้วก็ยังมีคนส่งการ์ดอวยพรปีใหม่มาให้เป็นประจำทุกปี แม้จะส่งข่าวบอกไปว่าเขาไม่อยู่แล้ว เหตุเพราะเขาเคยช่วยชีวิตแม่ของคนส่งการ์ดนั้นโดยไม่คิดเงินเพราะตอนนั้นครอบครัวยากจน แม้แต่โจรบุกขึ้นบ้านพาคนไข้มาให้รักษาเขาก็ทำให้โดยไม่สะทกสะท้านกับด้ามปืนที่คาดเอวโจรคนนั้นเลย สิ่งเหล่านี้ฉันคิดว่ามันคือบารมีที่เขามีมาตลอดชีวิต
แม้ฉันไม่เคยจำหน้าก๋งได้ เพราะก๋งตายตอนฉันอายุได้ขวบเดียว แต่เขาพาไปไหว้หลุมศพก๋งและย่าทุกปีในวันเช็งเม้ง ทุกเรื่องในชีวิตของเขา มันคือการลงมือทำให้ดูโดยไม่เคยพร่ำสอนอะไร
เขาเป็น “พ่อ” ที่เหมือน “เทียน” เล่มหนึ่ง ถูกจุดขึ้นมาเพื่อส่องแสงสว่างในชีวิตที่ผ่านการเติบโตของฉัน
ทั้งหมดนี้ “เราจะเห็นแจ่มชัดได้ด้วยหัวใจ สิ่งสำคัญนั้นไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา” (จากเรื่อง “เจ้าชายน้อย” โดย อ็องตวน เดอ แซ็งแตกซูว์เปรี)
สำหรับฉันมันมีอยู่และเป็นจริงเสมอมา
ขอให้คำและภาพนี้แทนตัว “เขา” ในวันวัยใกล้ฝั่งด้วยความคิดถึง