
โร้ดทริปสู่เซอร์เบีย
โดย : วิฑูรย์ ทิพย์กองลาศ
“เที่ยวโทงเทง” คอลัมน์ท่องเที่ยวกับเรื่องเล่าจากสมุดบันทึกของ “วิฑูรย์ ทิพย์กองลาศ” ซึ่งได้แบกเป้เดินทางคนเดียวตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา เป็นบันทึกการโดยสารขนส่งสาธารณะ การพบปะและบทสนทนากับผู้คน (ตลอดจนหมาแมว) พร้อมแนบข้อมูลทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมประจำเมือง แต่ละวันมักจบลงด้วยเบียร์เย็นๆ หรือวิสกี้ในบาร์ท้องถิ่น
โกรันนอนห้องชั้นบนที่ไม่มีประตูและผนังด้านหน้า หรือที่เรียกว่า Loft ห้องชั้นบนนี้อยู่ข้างบนห้องครัวและพื้นที่สำหรับนั่งเล่น เขาตื่นแล้วก็ลงไปจ่ายค่าจอดรถกับเครื่องคิดเงินอัตโนมัติตั้งแต่ 8 โมง เดินกลับขึ้นมาเห็นผมกำลังเตรียมมื้อเช้าอยู่เลยออกไปข้างนอกอีกรอบ บอกว่าจะไปซื้อขนมปังมากินกับไข่และกาแฟ ผมจึงถือโอกาสฝากซื้อครัวซองต์
เขากลับมาพร้อมครัวซองต์แข็งโป๊กผิดแผกไปจากแบบฝรั่งเศส ผมต้องออกแรงขากรรไกรจนเมื่อยกราม กินได้ไม่กี่คำก็หยุด หันมาเน้นไข่ต้มแทน ส่วนโกรันได้ขนมปังอบมาหลายชิ้นในรูปแบบที่ต่างกัน เขาว่ามื้อเช้าต้องกินเยอะๆ ถ้าไม่ได้กินหรือกินน้อย สมองของเขาจะไม่ทำงาน
ผมอาบน้ำ เก็บกระเป๋า โกรันเรียบร้อยไปก่อนแล้วจึงอาสาล้างจาน อพาร์ตเมนต์แบบที่เราเช่านี้ไม่มีบริการใดๆ โดยจะให้อิสระกับผู้เช่าอย่างเต็มที่ สามารถใช้ข้าวของในครัวได้ตามสบาย บางครั้งก็มาจากผู้เช่าคนก่อน เช่นกาแฟที่ผมต้มกินเมื่อวาน แต่สำหรับกาแฟวันนี้ผมซื้อมาใหม่เพราะของเก่าหมด และมอบที่เหลือทั้งถุงวางไว้ให้กับผู้ที่จะเข้ามาพักต่อ เวลาจะออกจากที่พักก็ไม่ต้องมีการเช็กเอาต์เพราะจ่ายเงินไปแล้ว และตามธรรมเนียมก็ไม่ควรทิ้งให้ห้องพักสกปรก เราจึงควรล้างจาน ล้างหม้อ ล้างกระทะ และเก็บกวาดขยะลงถังให้หมด
ผมวางกุญแจไว้ใต้กระถางต้นไม้ที่นัดแนะไว้กับมิสเตอร์ทามัสเจ้าของอพาร์ตเมนต์ แล้วเดินลงบันไดไปขึ้นรถยนต์ Skoda รุ่น Octavia ของโกรัน เป็นอันว่าเราไม่ได้กิน ‘กูลาส’ อาหารประจำชาติฮังการีที่ได้หมายมั่นปั้นปากกันเอาไว้ เพราะเพิ่งกินมื้อเช้าอย่างง่ายกันไป โกรันบอกว่าไม่ควรออกจากบูดาเปสต์ช้า เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 ชั่วโมงกว่าจะถึงบ้านแม่ที่ประเทศเซอร์เบีย (ผมได้กินกูลาสตอนท้ายของทริป จะเล่าให้ฟังต่อไปครับ)
เราต้องพึ่งพาแผนที่กูเกิลจากโทรศัพท์มือถือในการออกจากกรุงบูดาเปสต์ เมื่อเข้าสู่ไฮเวย์แล้วโกรันก็จดจำเส้นทางได้ เรามาถึงด่านรอสเก (Roszke) ชายแดนฮังการี-เซอร์เบีย ที่เมืองเซเกด (Szeged) เข้าคิวในช่อง All Passport เพราะมีผมที่ไม่ใช่ชาว EU อยู่ในรถด้วย หากโกรันเดินทางกับภรรยาและลูกๆ เขาก็จะเข้าช่องที่เขียนว่า EU, EEA, CH Citizen เจ้าหน้าที่ปั๊มตราลงในพาสปอร์ตเซอร์เบียของโกรันในหน้าที่ว่าง ซึ่งมีเหลืออยู่เพียงไม่กี่หน้า โกรันรับมาแล้วก็สบถคำหยาบ ก่อนพูดว่า “มีที่ให้ปั๊มในหน้าอื่นอีกเยอะแยะที่พอปั๊มได้ มันดันมาปั๊มในหน้าที่ว่างโล่ง” เขาไม่พอใจเพราะหน้าว่างในพาสปอร์ตที่เหลือน้อยตั้งใจไว้สำหรับการไปขอวีซ่าเข้าประเทศที่ต้องใช้วีซ่า ซึ่งเขาเดินทางไปต่างประเทศค่อนข้างบ่อย ขณะที่อายุพาสปอร์ตเหลืออีกตั้งหลายปี
ส่วนพาสปอร์ตของผมเจ้าหน้าที่จะปั๊มหน้าไหนผมก็ไม่สนเพราะที่ว่างในหนังสือเดินทางของคนไทยส่วนมากนั้นเหลือเฟือ และมีอายุเพียง 5 ปี (สมัยนั้น) ซึ่งมักจะหมดอายุเสียก่อนหน้ากระดาษจะเต็ม แต่ของชาวยุโรปมีอายุ 10 ปี จำนวนหน้ากระดาษน้อยกว่าพาสปอร์ตไทยราวครึ่งหนึ่ง และพวกเขาเดินทางท่องเที่ยวมากกว่าคนไทย จึงเป็นความลักลั่นย้อนแย้งที่ถูกพูดถึงกันเรื่อยมา
เมื่อถึงด่านฮอร์กอส (Horgos) ของฝั่งสาธารณรัฐเซอร์เบีย เจ้าหน้าที่หนุ่มรับพาสปอร์ตของผมไปดูแล้วแสดงสีหน้าแปลกใจ “ชาวไทยมาทำอะไรที่นี่ วิเศษไปเลย” โกรันแปลให้ผมฟังเมื่อรับพาสปอร์ตคืนมาแล้ว

ขับไปไม่ไกลจากด่านชายแดนโกรันก็เลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมัน เขาบอกว่าไม่อยากแวะฝั่งฮังการีเพราะอยากให้เงินตกกับชาวเซิร์บมากกว่า โกรันเป็นคนชาตินิยมและแสดงความรักต่อประเทศบ้านเกิดให้เห็นในหลายโอกาส ที่ต้องอพยพไปยังกรุงปรากตั้งแต่อายุยี่สิบต้นๆ เมื่อปี ค.ศ. 1992 ก็เนื่องมาจากเศรษฐกิจในยูโกสลาเวียขณะนั้นขัดสนเต็มที และสงครามระหว่างเชื้อชาติกำลังปะทุขึ้น ซึ่งก็ได้ฆ่าฟันกันอย่างบ้าคลั่งในอีกหนึ่งปีหลังจากนั้น สงครามนี้กินเวลาถึงกว่า 10 ปี ผู้คนล้มตายไปราว 140,000 คน และพลัดถิ่นฐานกว่า 4 ล้านราย
โกรันเติมน้ำมัน ส่วนผมเข้าห้องน้ำ แล้วไปเจอกันในมินิมาร์ตของปั๊ม ผมหยิบขนมขบเคี้ยวมา 2 ถุง และเบียร์ยี่ห้อ Jelen สัญลักษณ์รูปกวางมา 1 กระป๋องใหญ่ (ดื่มแล้วรู้ว่ามีแก๊สเยอะมากทำให้ท้องอืดอยู่นาน) ส่วนโกรันหยิบขนมโปรดวัยเด็กมา 1 ห่อ มีลักษณะเหมือนบิสกิต และซีดีเพลงเซอร์เบียสามสี่แผ่น
ออกจากปั๊ม โกรันก็ให้ผมแกะซีดีวง Bajaga i Instruktori ยัดใส่เครื่องเล่นแผ่นในรถ วงนี้เป็นวงโปรดของเขาเมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่นอยู่ในเซอร์เบีย ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1984 เล่นแนวร็อกแอนด์โรล ยังมีชื่อเสียงโด่งดังอยู่จนถึงปัจจุบัน และเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในวงตำนานของเซอร์เบีย
อัลบั้ม Jahaci magle ที่กำลังเปิดอยู่นี้ออกวางจำหน่ายเมื่อปี ค.ศ. 1986 ฟังดูไม่ล้าสมัยเลย มีเพลงฮิตที่ผมเองก็ชอบทันทีที่ได้ฟังอย่าง Bam Bam Bam และ Samo nam je ljubav potrebna ซึ่งเพลงหลังมีท่อนฮุกของ All you need is love วง The Beatles มาต่อท้ายหน่อยหนึ่ง และแทร็กสุดท้ายที่ชื่อ 422 do Beograda ซึ่งหมายถึง 442 กิโลเมตรสู่เบลเกรด โกรันอธิบายเนื้อเพลงให้ฟังว่าหลังจากเสร็จสิ้นการทัวร์คอนเสิร์ตครั้งหนึ่ง พวกเขาก็นั่งรถกลับกรุงเบลเกรด บอกกับผู้ฟังว่าอีก 422 กิโลเมตรก็จะถึงบ้านแล้ว
เรากำลังจะผ่านเมืองโนวิสาด (Novi Sad) เมืองใหญ่อันดับ 2 ของเซอร์เบีย รองจากกรุงเบลเกรด ซึ่งมีถนนเลี้ยวแยกออกไปทางขวามือ เมืองนี้อยู่ในเขตจังหวัดปกครองตนเอง ‘วอยโวดินา’ (Vojvodina) มีประชากร 26 กลุ่มเชื้อชาติอาศัยอยู่

เมืองโนวิสาดตั้งอยู่ริมแม่น้ำดานูบเช่นเดียวกับกรุงเบลเกรดที่อยู่ด้านล่างลงไป โดยที่โนวิสาดอยู่บนที่ราบแพนโนเนียตอนใต้ที่กำลังจะสิ้นสุดลง ที่ราบนี้ในอดีตเมื่อเกือบ 10 ล้านปีก่อนคือทะเล (เป็นส่วนหนึ่งของทะเล Paratethys ที่กินพื้นที่กว้างขวางตั้งแต่ยุโรปกลางไปจนถึงเอเชียกลาง จากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปจนถึงมหาสมุทรอินเดีย) แต่ได้เหือดแห้งไปเมื่อประมาณ 2.5 ล้านปีมาแล้ว เกาะแก่งในสมัยโน้น กลายเป็นภูเขาในสมัยนี้

เห็นอาคารคู่หนึ่งโดดเด่นมาแต่ไกล เป็นอาคาร 2 หลังที่มีส่วนเชื่อมต่อกันระหว่างตึกบริเวณ 3 ชั้นบนสุด ทำให้มีลักษณะคล้ายประตูเมือง จึงถูกเรียกว่า Western City Gate (ประตูเมืองฝั่งตะวันตก) หรืออีกชื่อคือ Genex Tower สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1979 ด้านบนสุดที่อยู่เหนือส่วนเชื่อมต่อระหว่างทั้ง 2 ตึกมีลักษณะคล้ายหอชมวิว 360 องศา โกรันบอกว่าเป็นร้านอาหารลอยฟ้าแบบหมุนได้ เพียงแต่ว่ามันไม่เคยหมุน ตึกหลังซ้ายเป็นที่อยู่อาศัย หลังขวาเคยเป็นสำนักงานของบริษัท Genex ปัจจุบันร้างทั้งตึก อย่างไรก็ตามอาคารคู่นี้ได้รับการประกาศให้เป็นอนุสรณ์ทางวัฒนธรรมของชาติไปเมื่อปี ค.ศ. 2021 เพราะช่วงที่สร้างเสร็จนั้นมันคือสิ่งปลูกสร้างที่สูงที่สุดในเซอร์เบียและถือว่าเป็นความก้าวหน้าทางการก่อสร้างที่สำคัญในยุคนั้น
มีรถบรรทุกขวางหน้าอยู่คันหนึ่งทำให้โกรันมองไม่เห็นช่องทางสำหรับเลี้ยวขวาเข้าตัวเมืองกรุงเบลเกรด ถึงกับสบถด้วยความโมโหออกมาอีกรอบ สุดท้ายก็เลี้ยวสุ่มๆ เข้าไปยังถนนเล็กๆ เส้นหนึ่ง ฝนได้โปรยลงมา เขาจอดถามทางชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ในศาลาริมทาง ชายคนนั้นบอกทางและจะขออาศัยรถไปด้วย โกรันเปิดที่นั่งด้านหลังรถให้ดู บอกว่ามีข้าวของเต็มหมดแล้ว คงไปด้วยไม่ได้ ชายคนนั้นเล่าว่าเมื่อวานเขาพลาดรถบัสเข้าเมืองที่วิ่งวันละเที่ยว วันนี้เขาก็พลาดอีก โกรันได้แต่กล่าวเสียใจและขอโทษ

เมื่อเข้าตัวเมืองได้ โกรันก็ขับรถเอาของฝากจากเพื่อนที่ทำงานอยู่ในกรุงปรากไปให้พี่สาวของเธอ เขาบอกว่าย่านนี้เปลี่ยนไปเยอะมากจนจำแทบไม่ได้ เสร็จภารกิจส่งของแล้วก็มุ่งหน้าสู่เมืองเล็กๆ หรืออาจเรียกหมู่บ้านก็ได้ ชื่อ ‘โบเลช’ (Bolec) อยู่ในเขตเทศบาล Grocka ซึ่งเป็น 1 ใน 17 เขตของกรุงเบลเกรด มีโบสถ์คริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ตั้งเด่นอยู่บริเวณปากทางเข้าหมู่บ้าน
แม่ของโกรันยิ้มอย่างดีใจที่ลูกชายกลับบ้าน เธออยู่คนเดียวหลังจากสามีเสียชีวิตไปเมื่อ 2 ปีก่อน ส่วนลูกชายคนโตก็ไปมีครอบครัวอยู่ที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ญาติๆ ที่อยู่ข้างบ้านค่อยๆ ทยอยมาเยี่ยม ในจำนวนนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งพูดภาษาอังกฤษได้ ที่เหลือก็พูดภาษาเซิร์บกับผมอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนว่าผมฟังเข้าใจ ซึ่งผมเตรียมภาษาเซิร์บมาแค่ 3 คำเท่านั้น คือ Zdravo (ดราโว) สวัสดี, Dobar dan (โดบาดาน) ซึ่งแปลว่าสวัสดีเหมือนกันแต่สุภาพกว่า และ Hvala (ฮวาลา) แปลว่า ขอบคุณ โกรันบอกว่าลุงของเขาบอกให้ผมไปเก็บลูกเชอร์รีที่กำลังสุกแดงปลั่งอยู่ในสวนหลังบ้านของแกกินได้ไม่ต้องเกรงใจ

บ้านของโกรันอยู่บนเนินเขาเล็กๆ บ้านหลังอื่นก็ปลูกบนพื้นที่ชันลดหลั่นกันลงไปจนถึงหุบเขา แล้วก็ปลูกไต่ระดับขึ้นไปอีกสำหรับเนินเขาฝั่งตรงข้าม มองจากระเบียงบ้านและสวนข้างบ้านออกไปจะเห็นกลุ่มหลังคาสีส้มออกแดงๆ ของเพื่อนร่วมหมู่บ้านสูงต่ำสลับสับหว่างกันแบบไม่ค่อยเป็นระเบียบเท่าไหร่ แต่ผมว่าดูมีเสน่ห์กว่าเรียงเป็นทิวแถวตรงเด่แบบพวกบ้านจัดสรร โกรันบอกว่าระบบผังเมืองเพิ่งถูกนำมาใช้ คนที่สร้างบ้านก่อนนั้นก็เลยสร้างกันตามอำเภอใจ สายไฟสายโทรศัพท์ค่อยไปขอจากทางการเอาทีหลัง แต่เดี๋ยวนี้ต้องยื่นแบบขออนุญาตก่อนก่อสร้าง
อาหารเย็นต้อนรับลูกชายและเพื่อนต่างวัฒนธรรม ของ ‘มาดามยาวอร์กา’ เริ่มต้นด้วยซุปผักผสมเส้นคล้ายๆ หมี่ซั่ว ตามด้วยมะเขือยาวฝานเป็นแผ่นบางๆ แล้วนำไปคลุกไข่ทอด จากนั้นจึงเป็นไก่ชิ้นใหญ่ๆ ผัดกับมันฝรั่งและพริกหวานหลากสี กินกับกะหล่ำปลีสับละเอียด นอกจากนี้ยังมีพิเศษสำหรับผมอีกอย่าง นั่นคือข้าวสวย

มาดามยาวอร์กาหุงข้าวแบบเช็ดน้ำผสมเกลือลงไปหน่อย ออกมาแฉะนิดๆ เมื่อตักให้ผมแกก็โรยผงผักหอมๆ ลงไปอีก โกรันดุแม่ว่าโรยทำไม เขาไม่กินข้าวกันแบบนี้ ผมบอกว่าไม่เป็นไร “อร่อยดีครับ” โกรันอธิบายว่าที่จริงแล้วแม่หุงข้าวไม่เป็น แต่นึกว่าชาวไทยอย่างผมจะต้องกินข้าวทุกมื้อจึงไปซื้อมาหุงเตรียมไว้ให้
ผมอยากบอกรักแม่ของเพื่อนคนนี้ แต่ไม่รู้ว่าภาษาเซิร์บต้องพูดอย่างไร
- READ โร้ดทริปสู่เซอร์เบีย
- READ วิสกี้ ซิการ์ บูดาเปสต์
- READ คอยเพื่อนที่บูดาเปสต์
- READ ปวดบาทาที่บูดาเปสต์
- READ ทิมิชัวรา – บูดาเปสต์
- READ จาก ‘ซีบีอู’ สู่ ‘ทิมิชัวรา’
- READ มื้อเช้าของนักเดินทางและสะพานคนลวง
- READ ดวงตาซีบีอู
- READ เสน่หา บราชอฟ
- READ รถไฟสายทรานซิลเวเนีย
- READ เชาเชสคูและบูคาเรสต์
- READ บูนา บูคาเรสต์
- READ ผู้ควบอาชาแห่งเมืองบราชอฟ