
‘เสน่ห์ปลายจ(ก)วัก’ ของ ‘กิ่งฉัตร’ เมื่ออาหารไม่ใช่แค่รสชาติ แต่คือพลังของการลุกขึ้นใหม่ และเสน่ห์จากความจริงใจของน้องหนูนางกวัก
โดย : กิ่งสุรางค์ อนุภาษ
เคยได้ยินกันบ่อยๆ ว่า ‘สิ้นสุดคือจุดเริ่มต้น’ และเมื่อได้อ่าน เสน่ห์ปลายจ(ก)วัก ผลงานล่าสุดของ พี่ปุ้ย ‘กิ่งฉัตร’ ซึ่งจะวางจำหน่ายในงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติครั้งที่ 30 ระหว่างวันที่ 9–19 ตุลาคม 2568 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ก็ทำให้นึกถึงคำๆ นี้ขึ้นมาเมื่อเรื่องราวได้ดำเนินไป
นิยายเรื่องนี้เคยมีให้อ่านกันในเพจ Panomrungrice เป็นเรื่องราวแสนฮีลใจ ทำให้คนอ่านอมยิ้มและมีพลังอย่างเหลือเชื่อ โดยเล่าถึงชีวิตของพระเอก โชคทวี ที่สูญเสียทุกอย่าง แต่เขาก็ได้พบ ‘นางกวัก’ รุ่นมหาอุดมโภคทรัพย์เงินทองแสนล้าน รหัสประจำตัว สุภาวดี 626867 นางกวักสาวผู้พกความสดใสและพลังบวกมาปลุกชีวิตของคนที่เกือบสิ้นหวังให้กลับมามีแรงอีกครั้ง
เสน่ห์ปลายจ(ก)วัก เป็นหนึ่งในชุด ‘เจ้าแม่’ ที่พี่ปุ้ยวางพล็อตไว้ตั้งแต่แรก เดิมตั้งใจจะให้หนึ่งในสี่เจ้าแม่เป็นนางเอก ทว่าเมื่อจะนำเรื่องมาลงในเพจข้าวพนมรุ้ง เธอกลับเห็นว่า ‘นางกวัก’ เป็นสัญลักษณ์แห่งความศรัทธาและพลังของพ่อค้าแม่ขายไทย จึงเหมาะสมที่สุดสำหรับการเปิดเรื่อง และนั่นทำให้น้องหนู นางกวักสาวหน้ากลม ยิ้มแย้ม สดใส ถูกดันขึ้นมาเป็นนางเอกคนแรกของชุดนี้ ในแบบที่พี่ปุ้ยบอกกับเราว่าเป็น ‘ม้ามืด’
เมื่อชีวิตต้องเริ่มจากจุดต่ำสุด
พี่ปุ้ยเลือกเปิดเรื่องจาก ‘ความสูญเสียหนักที่สุด’ ของโชคทวี ที่ถูกหักหลังจากทั้งเพื่อนและคนรัก เหลือเพียงตุ๊กตานางกวักเป็นที่พึ่งเดียวในชีวิต
“อยากให้ชีวิตพระเอกบีบคั้นจนหมดศรัทธาในคนอื่นจริงๆ” เธอเล่า “แต่สิ่งที่สำคัญคือ เขาไม่ล้ม เขายังสู้ และค่อยๆ เรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง จนลุกขึ้นได้ในที่สุด”
โดยผู้ช่วยสำคัญก็คือน้องหนูนางกวักที่ส่งมาจากเจ้าแม่สำเภาทอง ซึ่งคุณกิ่งฉัตรเล่าว่า น้องหนู ‘สุภาวดี 626867’ คือหนึ่งในตัวละครที่มีชีวิตที่สุดที่เธอเคยเขียน
“ตอนวางภาพในหัว ทุกอย่างมาเองหมดเลยค่ะ เหมือนน้องบอกเองว่า ‘ฉันเป็นแบบนี้นะ’”
น้องหนูเป็นนางกวักที่ต่างจากภาพจำแบบดั้งเดิม สดใส มั่นใจ รักการกินของอร่อย และมีพลังในการมอบความสุขให้คนอื่น
“ในโลกของนิยายน้องหนูคือตัวจริง แต่ในโลกจริง เธอคือนางกวักที่กวักเรียกความสุข และถ้าใครมองว่าเธอคือแรงใจ หรือเป็นแรงบันดาลใจของการลุกขึ้นสู้อีกครั้ง น้องหนูก็ยินดีที่สุดค่ะ”
ที่พึ่งทางใจของกิ่งฉัตร
“ชีวิตพี่ค่อนข้างสบาย ไม่ได้โหดเหมือนโชคทวีหรอกค่ะ” เธอเล่า เมื่อถามถึงเกริ่นนำที่พี่ปุ้ยได้เคยเขียนไว้ในเรื่องว่า ‘ชีวิตที่ยากลำบาก แต่เพียงมีที่พึ่งทางใจก็ยังไปต่อได้’
เมื่อพูดถึงที่พึ่งทางใจของตัวเอง นักเขียนฝีมือเยี่ยมก็กล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า คือครอบครัว เพื่อนฝูง กัลยาณมิตร และคนอ่านจำนวนไม่น้อยที่กลายเป็นเพื่อนจริงๆ
“บางครั้งพวกเขาเป็นทั้งลมใต้ปีก เป็นแรงใจ เป็นไม้เรียกสติ เป็นทุกอย่างในชีวิต”
และในวันที่ไม่มีใครอยู่ เธอก็เชื่อมั่นว่า “ความเชื่อว่าเราคิดดี ทำดี จะเป็นที่พึ่งที่มั่นคงที่สุดเสมอ”
โชคทวี ผู้ชายที่รักลึกกว่าที่ใครคิด และพรแห่งความจริงใจจากเจ้าแม่สำเภาทอง
พี่ปุ้ยเล่าว่า การออกแบบให้โชคทวีเป็นคนปิดตัว ไม่เปิดใจง่าย เป็นเพราะอยากสะท้อนแง่มุมว่าลึกๆ แล้ว คนแบบนี้มักมีหัวใจที่อบอุ่นและซื่อสัตย์กว่าที่ใครคิด
“คนเรานิสัยร้อยแปดพันเก้าค่ะ ต่างกันไปหมด แต่สำหรับคนที่ปิดตัว ถ้าใครเปิดใจเขาได้จริงๆ เขาจะรักกลับมาเป็นเท่าทวีคูณเลยค่ะ”
สำหรับหัวใจของ เสน่ห์ปลายจ(ก)วัก อยู่ที่ ‘พรจากเจ้าแม่สำเภาทอง’ ซึ่งพี่ปุ้ยตั้งใจวางไว้ตั้งแต่ต้นจนจบ พรนั้นจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อมีใครบางคนที่โชคทวีรักและใส่ใจ แสดงความจริงใจโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
เธอบอกว่านี่คือบทเรียนสำคัญของเรื่อง เพราะคนส่วนใหญ่มักอยากได้คนที่จริงใจ แต่ตัวเองกลับไม่สามารถให้ความจริงใจกับอีกฝ่ายได้เต็มที่
“หลายครั้งสิ่งดี ๆ อยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่เรามักมองข้ามไป มองหาสิ่งไกลตัว ทั้งที่ความรักและความจริงใจอาจอยู่ตรงหน้าเรามาตลอด เพียงแค่เรายังไม่ทันเห็นเท่านั้นเอง”
เสน่ห์ปลายจ(ก)วัก – อาหาร : พลังชีวิต
ในนิยาย เสน่ห์ปลายจ(ก)วัก อาหารไม่ได้เป็นเพียงฉากประกอบหรือรสชาติแทรกในเรื่อง แต่เป็น ‘พลังชีวิต’ ของการดำเนินชีวิตของโชคทวี พระเอกผู้ล้มแล้วลุกขึ้นมาเดินต่อได้อย่างน่าชื่นชม
พี่ปุ้ยเล่าว่า เธอไม่ได้ตั้งใจแฝงสัญลักษณ์ซับซ้อนในทุกเมนูที่เขียน แต่เกิดจากความชอบจริงๆ ของคนเขียน
“ชอบกินอะไรก็เขียนแบบนั้นค่ะ” เธอเล่าต่อว่า “อย่างข้าวจี่ ตอนเขียนอยากได้เมนูข้าวที่คนส่วนใหญ่มองผ่าน แต่สามารถต่อยอดเป็นอาหารอร่อย กินง่าย และมีมูลค่าทางการตลาดได้ ข้าวจี่เป็นอาหารบ้านๆ ที่สะท้อนรากเหง้าความเป็นไทยและเพื่อนบ้าน แต่อร่อย เรียบง่าย และทำได้ทุกที่”
เบื้องหลังฉากอาหาร พี่ปุ้ยเล่าว่าบางเมนูมาจากประสบการณ์จริงของเธอ
“พี่เป็นคนชอบกิน ชอบทำ แต่จะอร่อยไม่อร่อยอีกเรื่อง (หัวเราะ) บางเมนูมาจากที่ทำ บางเมนูค้นข้อมูลเพิ่ม แต่ข้าวจี่นี่มีเรื่องประทับใจมาก ตอนแรกลองชิมมาหลายเจ้าไม่ถูกใจ จนวันหนึ่งได้ไปเที่ยวขอนแก่น และพักในมีกินฟาร์มที่มีกิจกรรมให้ผู้เข้าพักทำข้าวจี่กินเอง ตอนนั้นแหละค่ะ คลิกสุดๆ อร่อยตรงใจมาก ทั้งง่ายและอบอุ่น มีส่วนผสมแค่ข้าวเหนียว เกลือ ไข่ แต่รสชาติกลับกลมกล่อมอย่างไม่น่าเชื่อ ‘ข้าวจี่ไฮโซ’ ถือกำเนิดตอนนั้นเลยค่ะ”
อาหารคือภาพสะท้อนชีวิต
นอกจากนี้ใน เสน่ห์ปลายจ(ก)วัก อาหารยังสื่อแนวคิดของยุคสมัย อย่างเช่น รายการ ‘ตำข้าวสารกรอกหม้อ’ ซึ่งกลายเป็นชนวนความขัดแย้งสำคัญในเรื่องที่พี่ปุ้ยมองว่า แนวคิดของรายการนี้สะท้อนวิธีคิดของคนในยุคปัจจุบันได้อย่างตรงไปตรงมา
“เป็นเหมือนการใช้ชีวิตที่ทำอะไรพอผ่านๆ ไปวันๆ เอาตัวรอดไปทีละวัน ทุกอย่างง่ายๆ สะดวก รวดเร็ว เหมือนคอนเซ็ปต์ของรายการที่ทำอาหารในหม้อหุงข้าวเท่านั้น”
สำนวนไทยในทุกบท ความอร่อยของภาษา
อีกหนึ่งเสน่ห์ของเรื่องนี้คือ ‘ชื่อบท’ ที่พี่ปุ้ยตั้งใจคัดสรรอย่างพิถีพิถัน เธอนำสุภาษิต คำพังเพย และสำนวนไทยเกี่ยวกับอาหารมาผสมในแต่ละตอน เพื่อให้แต่ละบทสะท้อนหัวใจของเรื่องในแบบไทยแท้
“คนไทยรักการกินและใช้เรื่องอาหารมาเปรียบเทียบชีวิตมานานค่ะ พอค้นหาสำนวนที่เหมาะกับสถานการณ์แต่ละบท มันสนุกมาก ได้เจอสำนวนที่ไม่เคยได้ยิน ทำให้ทึ่งกับภูมิปัญญาคนสมัยก่อน ที่อธิบายชีวิตด้วยคำง่าย ๆ แต่ลึกซึ้ง”
ว่าด้วยเรื่องการสวมรอย
การเทกเครดิตผลงานของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง ยังคงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นให้เห็นอยู่เสมอ และ ‘โชคทวี’ ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ลักษณะนี้ด้วยเช่นกัน โดยคุณกิ่งฉัตรได้เล่าถึงแรงบันดาลใจในการหยิบประเด็นนี้มาใส่ในเรื่องว่า
“จริงๆ แล้วประเด็นเรื่องการสวมรอยเป็นหนึ่งในปมที่คิดไว้ตั้งแต่แรกเลยนะคะ เพราะทุกวันนี้เรามักเห็นเพจหรือเจ้าของคอนเทนต์ชื่อดังหลายแห่งที่ไม่เปิดเผยตัวตนของผู้สร้างที่แท้จริง เวลาเพจเหล่านั้นได้รับรางวัลหรือการยอมรับต่างๆ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าคนที่ขึ้นรับรางวัลคือเจ้าของผลงานตัวจริงเสียงจริง อีกทั้งข่าวเรื่องเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานที่แอบชิงผลงาน ขโมยเครดิตกันก็ยังมีให้เห็นอยู่บ่อยๆ เรื่องเหล่านี้เองจึงกลายมาเป็นแรงบันดาลใจ และเป็นชนวนของความขัดแย้งระหว่างโชคทวีกับจารุวัฒน์และเพื่อนร่วมทีมค่ะ”
เมื่อแฟนตาซี ผสมโรแมนติกและกลิ่นกับข้าวหอมๆ
ความท้าทายของการเขียนเรื่องนี้อยู่ที่การผสมผสานองค์ประกอบหลากหลายเข้าด้วยกัน ทั้งแฟนตาซี ความเชื่อพื้นบ้าน ความโรแมนติก และเรื่องของอาหารให้กลมกลืนในเรื่องเดียว
ในส่วนนี้พี่ปุ้ยเล่าว่า แม้เดดไลน์จะเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ต้องเขียนให้จบ (หัวเราะ) แต่สิ่งที่ช่วยให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่นจริงๆ คือการวางพล็อตและสร้างตัวละครให้ชัดเจนตั้งแต่ต้น
“หากรู้ที่มาที่ไปของตัวละคร เข้าใจเส้นเรื่อง ปมขัดแย้ง และแนวทางที่ต้องการจะสื่อ การเขียนส่วนผสมต่างๆ เหล่านี้ให้ลงตัวก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป”
เมื่อมองภาพรวมของทั้งเรื่อง พี่ปุ้ยบอกว่า สิ่งที่อยากส่งต่อถึงผู้อ่านคือ ‘ความรู้สึกดีๆ จากการอ่าน’
“อ่านให้สนุกเถอะค่ะ ขอแค่ถ้าเกิดปัญหาหรือพบอะไรที่คล้ายตัวละคร ขอให้ฉุกคิดถึงเรื่องนี้สักนิด ถ้าสาระที่มีบ้างไม่มีบ้างช่วยให้ใครยิ้มได้ หรือปลอบโยนใจได้ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วค่ะ”
แวะมารับน้องหนูนางกวักแสนน่ารักไปฮีลใจในผลงานเรื่องล่าสุดของ กิ่งฉัตร ได้ที่งานมหกรรมหนังสือครั้งที่ 30 ระหว่างวันที่ 9–19 ตุลาคม 2568 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่บูธ ลูกองุ่น C11
นอกจาก เสน่ห์ปลายจ(ก)วัก แล้ว ยังมีเรื่องสั้นพิเศษ เจ้ากรรมนายเว(ร)ลคัม รอให้จับจองกันด้วย
สำหรับเซอร์ไพรส์ที่เราแอบถามพี่ปุ้ยมาว่ามีไหมนั้น เธอก็ตอบเรากลับมาว่า
“บอกหมดก็ไม่เซอร์ไพรส์สิคะ (หัวเราะ) แต่รับรองว่ามีแน่นอนค่ะ”