ยูลิสซิส : เมื่อมีความตั้งใจก็ย่อมหาหนทางไปได้เสมอ

โดย : นกอัญชันหางดำ

Loading

กลั่นเกลาเล่าเพลิน โดย นกอัญชันหางดำ คอลัมน์ที่ได้แรงบันดาลใจจากโลกวรรณกรรมที่มีตัวละครมากมายโลดแล่นอยู่ในใจนักอ่าน และมีเรื่องราวให้กล่าวถึงได้เสมอ คอลัมน์นี้จึงขอชวนทุกท่านมาเพลิดเพลินกับการรีวิวตัวละคร ทั้งตัวเอก ตัวร้าย และตัวประกอบ ในมุมมองเชิงเปรียบเทียบกับโลกปัจจุบัน พร้อมสอดแทรกข้อชวนคิดไว้เบาๆ

หลังจากสงครามกรุงทรอยยุติแล้วยังมีเรื่องราวต่อเนื่องเป็น Side Story ซึ่งเล่าขานอยู่ในวรรณคดีโบราณอีกเรื่องหนึ่งของกรีกคือ มหากาพย์โอดิสซี (Odyssey) โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางที่ระหกระเหินของยูลิสซิส เจ้าเมืองอิทาคา ขุนพลฝั่งกรีก ที่ต้องผจญภัยนานัปการกว่าจะได้กลับถึงบ้านเกิดเมืองนอน รวมเวลาที่จากมาทั้งช่วงทำศึกและช่วงเดินทางกลับก็ร่วมยี่สิบปีเลย

ยูลิสซิสมีความเชี่ยวชาญทั้งด้านบู๊และบุ๋น โดยเฉพาะการวางแผนกลยุทธ์สารพัดกลอุบาย พันธะสัญญาที่สปาร์ตาทำกับเมืองต่าง ๆ ไว้นั้นก็เป็นไอเดียของเขาที่เสนอต่อเจ้าเมืองสปาร์ตาพ่อของเฮเลน ซึ่งตอนนั้นกำลังกลุ้มใจกับพิธีเลือกคู่ให้กับเฮเลน ด้วยความงามที่เลื่องลือจึงมีคนเก่ง ๆ มาเสนอตัวมากมาย ถ้าแข่งขันกันไปก็คงไม่รู้ผลแพ้ชนะง่าย ๆ หรืออาจมีคนพาลไม่ยอมรับผลตัดสินแล้วเกิดสู้กัน แม้ครั้งนั้นเขาก็เป็นคนหนึ่งที่ไปร่วมสมัคร แต่พอถึงหน้างานยูลิสซิสคงคิดทบทวนใหม่แล้วจึงไปเสนอกับเจ้าเมืองว่าขอสละสิทธิ์และจะช่วยแก้ปัญหาให้ โดยขอ เพเนโลพี หลานสาวเจ้าเมืองมาเป็นชายาเป็นการตอบแทน เมื่อเจ้าเมืองตกลง เขาจึงแนะนำให้ใช้วิธีทำสัตยาบันกันก่อนว่าทุกคนจะร่วมปกป้องเฮเลนและผู้ถูกเลือก จากนั้นก็ให้เฮเลนเป็นคนเลือกเองว่าจะแต่งงานกับใคร ด้วยเหตุนี้ในขณะที่คนอื่นต้องกลับบ้านไปมือเปล่าเมื่อพลาดหวัง มีเพียงยูลิสซิสคนเดียวที่ได้ชายากลับบ้านไปด้วย

สงครามระหว่างกรีกกับทรอยครั้งนั้นดำเนินไปโดยผลัดกันแพ้ชนะอยู่หลายปีแต่กรีกก็ยังไม่สามารถตีกำแพงเมืองทรอยแตกได้ หากในตอนสุดท้ายก็ได้ยูลิสซิสนี่ล่ะที่เป็นคนคิดออกอุบายใช้ม้าไม้เป็นกลศึกจนลอบเข้าเมืองได้สำเร็จ เมื่อทำลายกำแพงไม่ได้ก็หลอกให้ลากเข้าเมืองไปเองแล้วกัน ทัพกรีกจึงสามารถเอาชนะพวกทรอยอย่างเด็ดขาดได้ในที่สุด

ในช่วงเวลาที่เดินทางกลับทุกกองทัพของกรีกต้องเผชิญกับลมพายุกระหน่ำกลางทะเล ไม่ได้แล่นเรือได้สะดวกเหมือนตอนมา ว่ากันว่าเกิดจากเหล่าเทพไม่พอใจที่พวกกรีกกระทำการอย่างโหดเหี้ยมไร้เมตตาต่อผู้พ่ายศึก เผาทำลายสถานที่ ฆ่าฟันไม่เลือกหน้า ปล้นชิงไม่เว้น แม้แต่ศาลบูชาเทพีมิเนอร์วา (หรืออะธีนา ตามชื่อกรีก) ก็กระทำการจาบจ้วง จึงเห็นพ้องกันให้เทพเนปจูน (หรือโปไซดอน ตามชื่อกรีก) บันดาลให้ประสบความทุกข์ยากลำบากกันถ้วนหน้า ถูกพายุพัดออกนอกเส้นทางกันไปไกลโข

คณะของยูลิสซิสเองก็ประสบภัยในระหว่างทางไม่ต่างจากทัพอื่น จากการแวะขึ้นฝั่งขึ้นเกาะตามรายทางที่ไม่คุ้นเคย หลายครั้งภัยเกิดจากการหาเรื่องใส่ตัวเอง เช่นตอนขึ้นฝั่งแห่งหนึ่งแล้วไปโจมตีต่อสู้กับชนพื้นเมือง พอชนะแล้วก็ไม่รีบออกเดินทางต่อ ลูกเรือกินเหล้าเมาหลับไปจนคนพื้นเมืองพาพวกย้อนกลับมาสู้อีก กว่าจะขึ้นเรือหนีได้ก็มีตายกันไป แต่บางครั้งภัยก็เกิดจากเหตุสุดวิสัย เช่นตอนที่ขึ้นฝั่งไปเจอพวกมนุษย์กินคนรูปร่างใหญ่โต ครั้งนั้นสู้ไม่ได้เลยจนโดนจมเรือ สูญเสียไปมากทั้งทรัพย์สินที่ยึดมาและชีวิตลูกเรือ ทั้งขบวนเหลือเพียงเรือของยูลิสซิสลำเดียวเท่านั้นที่หนีรอดได้ทัน

นอกจากนี้มีครั้งหนึ่งที่ต้องเผชิญกับไซคลอปยักษ์ตาเดียวที่ชื่อ โปลิเพมุส แม้ทีแรกจะไม่รู้ว่าเกาะนั้นเป็นถิ่นยักษ์ แต่เข้าถ้ำไปแล้วเห็นข้าวของเครื่องใช้ขนาดใหญ่โตแทนที่จะเอะใจแล้วรีบออกมาก็หาไม่ กลับอยู่รอหวังการต้อนรับ ก็เลยโดนขังไว้จับกิน ครั้งนั้นยูลิสซิสคิดอุบายช่วยพวกที่ยังเหลือรอดให้หนีออกมาได้โดยแอบเหลาไม้แหลมเตรียมไว้ตอนกลางวันที่ยักษ์ต้อนฝูงแกะออกจากถ้ำไปเลี้ยงในทุ่งหญ้า ตกกลางคืนก็มอมเหล้ายักษ์ให้เมาหลับไปแล้วเอาไม้แทงตาให้บอด พอรุ่งเช้าตอนเปิดถ้ำแม้ยักษ์จะใช้การคลำบนหลังแกะเพื่อนับจำนวนและป้องกันเหยื่อหนี แต่ยูลิสซิสกับพวกก็แอบผูกแกะเรียงติดกันสามตัวสำหรับแต่ละคน แล้วซ่อนตัวเองไว้ใต้ท้องตัวที่อยู่ตรงกลางจนหนีออกมาได้สำเร็จ

ครั้นพอขึ้นเรือได้ก็รีบแล่นออกจากเกาะไปทันที แต่ไม่วายยังตะโกนกลับไปเยาะเย้ยยักษ์ที่วิ่งตามมาไม่ทันอีก จนยักษ์โมโหสาปแช่งด่าทอและโยนโขดหินใส่จนเกือบจะไปไม่รอด อย่างไรก็ตามแม้จะหนีพ้นยักษ์ตาเดียวมาได้ แต่ก็ยังมีอุปสรรคอีกมากที่รอท้าทายอยู่ ไม่รวมที่ต้องเจอพายุกลางทะเลอีกหลายรอบ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำแช่งของยักษ์ด้วยหรือเปล่า … บางทีโปลิเพมุสอาจจะอยากพูดประโยคนี้ด้วยก็ได้ “พวกมึงรู้มั้ยว่าพ่อกูเป็นใคร” (เป็นเทพเนปจูน)

แต่โดยรวมแล้วถือว่ายูลิสซิสยังโชคดีที่เทพบางองค์ยังเมตตาอนุเคราะห์ในคราวที่อับจน อย่างเช่นตอนไปถึงเกาะของแม่มดซีร์เซ ลูกน้องที่ถูกส่งไปสำรวจเส้นทางถูกล่อลวงดื่มกินอาหารแล้วโดนสาปให้กลายเป็นหมู  ถ้ายูลิสซิสคิดจะหนีก็ยังทันแต่เขาก็ไม่ทอดทิ้งใคร พยายามหาทางช่วยให้ทุกคนกลับคืนร่างเดิมจนสำเร็จด้วยคำแนะนำจากเทพเมอร์คิวรี (เฮอร์เมส ตามชื่อกรีก) และแม่มดซีร์เซก็กลับใจมายอมช่วยเขา นางยังให้คำแนะนำที่สามารถช่วยชีวิตยูลิสซิสกับลูกเรือไว้ได้ในเวลาต่อมาด้วย หนหนึ่งคือเมื่อต้องแล่นเรือผ่านนางพรายไซเรนที่มีเสียงพลงเรียกให้คนกระโดดลงทะเลได้ (ต้องอุดหูไว้) กับอีกหนหนึ่งคือเมื่อต้องผ่านน่านน้ำที่มีอสุรกายซิลลาสิงสู่คอยจับคนกิน ซึ่งใกล้ ๆ กันมีวังน้ำวนเป็นกับดักอยู่ด้วย (ต้องเดินเรือผ่านด้านถ้ำของซิลลา ยอมเสี่ยงให้ถูกจับกินบางส่วนดีกว่าถูกดูดลงก้นทะเลแล้วตายยกลำ)

แม้ว่ายูลิสซิสจะเป็นคนฉลาดเจ้าอุบาย แต่ก็เคยต้องเดือดร้อนหนักเพราะลูกน้องไม่เชื่อฟังเช่นกัน ครั้งหนึ่งเกิดขึ้นหลังจากแวะพักที่เกาะของเอโอลุส เทพแห่งลม ซึ่งให้การต้อนรับอย่างอารีอารอบ ก่อนจากกันยังมอบของขวัญให้ด้วยคือ บรรจุลมร้ายทุกชนิดขังใส่ถุงผูกเชือกหนังไว้อย่างดีเพื่อเป็นหลักประกันว่าจะไม่เจอกับพายุระหว่างทาง แต่ลูกเรือเกิดโลภคิดว่าเป็นของมีค่า จึงถือโอกาสตอนเขาเผลอหลับแอบเปิดถุงดู ก็เลยต้องเผชิญกับสารพัดพายุหนักจนซัดออกจากเส้นทางกลับบ้าน ย้อนมาสู่เกาะของเอโอลุสอีกครั้ง คราวนี้เอโอลุสก็ไม่ช่วยแล้วและถอนความคุ้มครองทั้งหมด ยูลิสซิสและพวกจึงต้องประสบความยากลำบากจากคลื่นลมกันต่อไป (ไม่งั้นคงถึงบ้านกันนานแล้ว ไม่ต้องไปเจอกับพวกมนุษย์กินคน แม่มดซีร์เซ นางพรายไซเรน และอสุรกายซิลลาในภายหลังด้วย)

อีกครั้งหนึ่งคือบนเกาะที่มีฝูงสัตว์เลี้ยงของเทพเจ้า ทีแรกยูลิสซิสจะไม่ยอมหยุดที่นี่เพราะถูกเตือนมาก่อนแล้วว่าห้ามแตะต้องสัตว์เหล่านี้เด็ดขาด แต่ลูกเรือก็อ้อนวอนขอพักเหนื่อยจากที่หนีอสุรกายซิลลามา จึงสาบานว่าจะไม่ฆ่าสัตว์นั้น แต่ปรากฏว่าเกิดพายุต้องตกค้างติดเกาะอยู่เป็นเดือนจนเสบียงหมด ลูกเรือจึงผิดคำสาบานเพราะความหิว แอบฆ่าวัวกินตอนที่ยูลิสซิสออกไปสำรวจชายฝั่งอยู่คนเดียว ผลก็คือหลังจากออกเดินทางได้ก็ไปเจอกับคลื่นลมพายุกลางทางอีก และครั้งนี้หนักจนเรืออับปางพวกลูกเรือตายกันหมด เหลือรอดชีวิตเพียงยูลิสซิสผู้เดียวซึ่งไม่ยอมร่วมกินเนื้อวัวนั้นด้วย เขาต้องลอยคออยู่กลางทะเลหลายวันกว่าจะถูกซัดไปถึงอีกเกาะหนึ่งและได้พบกับนางอัปสรน้ำชื่อ คาลิปโซ ซึ่งต้อนรับดูแลเขาอย่างดี แต่ก็ดีเกินไปหน่อยเพราะโดนกักตัวไม่ให้ไปไหนเลย ต้องอยู่กินกับนางที่เกาะนั้นนานถึงเจ็ดปีทั้งที่ใจเขาโหยหาอยากกลับบ้าน จนเทพีมิเนอร์วาสงสารจึงไปขอร้องมหาเทพจูปิเตอร์ (หรือซีอุส ตามชื่อกรีก) ให้ส่งเทพเมอร์คิวรีไปสั่งให้คาลิปโซปล่อยตัวเขาไป

แล้วยูลิสซิสก็กลับมาถึงเมืองอิทาคาได้ในที่สุด แต่ปัญหาก็ยังไม่จบเพราะเขาหายตัวไปนานจนคนคิดว่าตายไปแล้ว จึงมีพวกเจ้าเมืองจากเกาะข้างเคียงหลายคนคิดจะมายึดครองเมืองแทน มาตามตื้อเพเนโลพีและถือโอกาสมาพักอยู่ที่นี่กันนานเลย แต่สุดท้ายยูลิสซิสกับลูกชายที่ตอนนี้เติบโตแล้วและบริวารที่ยังจงรักภักดีก็วางแผนกลับเข้าวังโดยไม่ให้พวกนั้นรู้ตัวได้สำเร็จ แล้วร่วมกันฆ่าเจ้าเมืองเหล่านั้นพร้อมกำจัดคนที่แข็งข้อด้วย โดยได้รับคำแนะนำและความช่วยเหลือจากเทพีมิเนอร์วาในแผนการแต่ละขั้นตอน

กาลเวลาพิสูจน์แล้วว่ายูลิสซิสคิดถูกที่เลือกเพเนโลพีเป็นคู่ครอง นางยังคงรอเขาอยู่อย่างซื่อสัตย์มั่นคง และใช้อุบายหาทางผัดผ่อนเอาตัวรอดได้ดีในสถานการณ์อันตรายยามที่สามีไม่อยู่ ยูลิสซิสเองก็ไม่ถอดใจแม้จะประสบภัยหนักหนาสาหัสจนท้อไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยล้มเลิกความตั้งใจตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ

เมื่อมีจุดมุ่งหมายที่แน่วแน่ ผู้มีความอดทนก็ย่อมเพียรพยายามลงมือทำจนสำเร็จได้เช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นภารกิจใหญ่หรือเรื่องทั่วไป (เช่นการนัดหมายกับเพื่อน) เมื่อมีความตั้งใจก็ย่อมหาหนทางไปได้เสมอ

 

อ้างอิงจาก 

  • เทวดาฝรั่ง กรีก-โรมัน โดย อ. สายสุวรรณ
  • เทพนิยายและตำนานกรีกโบราณ โดย ดารณี เมืองมา

Don`t copy text!