ไซคี : ชีวิตคู่ไม่ได้มีกันแค่สองคน

ไซคี : ชีวิตคู่ไม่ได้มีกันแค่สองคน

โดย : นกอัญชันหางดำ

Loading

กลั่นเกลาเล่าเพลิน โดย นกอัญชันหางดำ คอลัมน์ที่ได้แรงบันดาลใจจากโลกวรรณกรรมที่มีตัวละครมากมายโลดแล่นอยู่ในใจนักอ่าน และมีเรื่องราวให้กล่าวถึงได้เสมอ คอลัมน์นี้จึงขอชวนทุกท่านมาเพลิดเพลินกับการรีวิวตัวละคร ทั้งตัวเอก ตัวร้าย และตัวประกอบ ในมุมมองเชิงเปรียบเทียบกับโลกปัจจุบัน พร้อมสอดแทรกข้อชวนคิดไว้เบาๆ

หากจะเล่าถึงคู่รักคู่หนึ่งที่มีจุดเริ่มต้นมาจากความรักแรกพบ แต่แม่ของพระเอกไม่ชอบนางเอก พระเอกจึงแอบมาแต่งงานกับนางเอกโดยไม่บอกว่าตัวเองเป็นใคร มีความสุขกันได้ไม่นาน พี่สาวของนางเอกซึ่งอิจฉาที่เห็นนางเอกได้มีชีวิตที่ร่ำรวยกว่า จึงมายุยงนางเอกจนมีเรื่องทำให้ต้องแยกทางกับพระเอก นางเอกรู้สึกสำนึกผิดจึงพยายามไปตามหาพระเอกเพื่อขอคืนดี แต่แม่พระเอกกีดกันไม่ให้พบ นางเอกขอโอกาสพิสูจน์ตัวเอง แม่พระเอกจึงส่งไปทำภารกิจยากๆ ซึ่งนางเอกก็ได้รับความช่วยเหลือจนทำสำเร็จ โดยที่พระเอกแอบมาช่วยด้วยเหมือนกัน ในตอนจบมีผู้ใหญ่ที่แม่พระเอกนับถือมาช่วยไกล่เกลี่ยให้ยอมรับนางเอก จากนั้นพระเอกนางเอกจึงได้ครองรักกันอย่างมีความสุข

พลอตนี้ดูเผินๆ อาจจะคล้ายนิยายรักหรือซีรีส์โรแมนติกทั้งหลายที่เคยได้อ่านได้ดูกันมาหลายยุคสมัย แต่ไม่ใช่เรื่องรีเมกแต่อย่างใด หากเป็นตำนานรักระหว่างสาวงามไซคี กับคิวพิด (หรืออีรอส ตามชื่อกรีก) เทพแห่งความรัก ซึ่งแม้ว่าเป็นผู้มีหน้าที่โดยตรงเกี่ยวกับความรัก แต่ก็ใช่ว่าจะมีชีวิตรักที่หวานชื่นราบรื่นได้ตลอด เมื่อฝ่ายหนึ่งหูเบาและมีความอยากรู้อยากเห็นมากเกินไป ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่เปิดเผยตัวตน เก็บงำปัญหา ไม่อธิบายเหตุผลให้เข้าใจกันชัดเจน ดังนั้นจึงต้องมีบททดสอบให้ได้เรียนรู้และปรับตัวเข้าหากัน ซึ่งทั้งคู่ก็ต้องใช้เวลาฝ่าฟันพิสูจน์รักกันนานหน่อยก่อนจะได้สมหวังครองคู่กันจริงๆ

ไซคีเป็นหญิงสาวที่งดงามเลิศเลอจนเป็นที่กล่าวขวัญ เป็นความงามที่ผู้คนชื่นชมแต่ไม่ได้อยากครอบครอง ฟังดูเหมือนจะดีแต่ก็ไม่ เพราะคนมัวแต่หลงใหลได้ปลื้มยกยอไซคีจนลืมสักการะบูชาเทพีวีนัส (หรืออะโฟรไดต์ ตามชื่อกรีก) หนังสือบางเล่มบอกว่าความที่มีโฉมงามราวกับเทพธิดามาเกิด บางคนเทิดทูนถึงขั้นมามอบข้าวของบูชาให้ไซคีแทน (คงจะคล้ายไอดอลกับแฟนด้อมสายเปย์สมัยนี้) ขณะเดียวกันผู้คนก็เหมือนจะเก็บไซคีไว้เป็นสมบัติแห่งเมือง ไม่มีใครคิดมาสู่ขอนางไปเป็นคู่ครอง ซึ่งสมัยนั้นการไม่ได้แต่งงานคงถือเป็นเรื่องใหญ่มากและยอมรับไม่ได้ พ่อแม่จึงเดือดเนื้อร้อนใจเสียจนยอมทำตามคำพยากรณ์ที่บอกว่า คู่ของไซคีเป็นอมนุษย์ ให้นำนางไปส่งทิ้งไว้ที่ยอดเขาแล้วจะได้เจอเนื้อคู่เอง

ไซคีถูกสายลมพัดพาตัวไปที่ปราสาทใหญ่สวยงามแห่งหนึ่ง อาณาบริเวณกว้างขวางมีดอกไม้นานาพันธุ์ส่งกลิ่นหอมชื่นใจ ภายในปราสาทก็โอ่โถงตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา มีเสียงดนตรีขับกล่อมเบาๆ ระหว่างมื้ออาหารที่เลิศรส ไซคีได้อยู่อย่างสุขสบายมีคนปรนนิบัติดูแลโดยไม่เปิดเผยตัวตน พอตกกลางคืนคู่ครองของนางก็มาหาในความมืด แม้ว่าไม่ได้เห็นรูปร่างหน้าตา แต่เมื่อได้รับการเอาใจใส่ดูแลอย่างดี ได้พูดคุยสนทนากันและฟังคำหวานพร่ำพลอดรัก คนไม่เคยมีแฟนอย่างไซคีก็คงอดไม่ได้ที่จะตกหลุมรักบุรุษปริศนา จนยอมรับปากสัญญาตามที่เขาขอไว้ว่า จะอยู่ด้วยกันโดยไม่แอบดูหน้าหรือค้นหาตัวตนของเขา

การที่คิวพิดได้มาพบกับไซคีก็เนื่องมาจากคำสั่งของแม่คือเทพีวีนัส ที่ต้องการให้บทเรียนกับไซคี (เพราะคิดว่าสวยจนเหลิงแล้วไปทำให้คนเลิกบูชาเทพี) จึงสั่งคิวพิดบันดาลให้ไซคีไปหลงรักคนอัปลักษณ์ แต่เขาก็ไม่ได้ทำตามแม่ การตกหลุมรักไซคีตั้งแต่แรกพบเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนอกเหนือคำสั่ง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าที่ไม่ยอมเปิดเผยตัวตน เป็นเพราะพยายามกันไม่ให้เรื่องรู้ถึงหูแม่หรือเปล่า หนังสือบางเล่มให้รายละเอียดว่า คิวพิดบอกกับไซคีว่าหากรู้ว่าเขาเป็นใครนางอาจจะยำเกรงหรือบูชาเขาแทนก็ได้ จึงอยากให้รักกันอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเช่นนี้มากกว่า อย่างไรก็ตาม การที่ต้องปิดบังความจริงระหว่างกัน มีความลับที่ต้องเก็บงำ ไม่เปิดเผยความจำเป็นหรือความลำบากที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดกำลังเผชิญ คงไม่ใช่ชีวิตคู่ที่ยืนยาวหรือมีความสุขอย่างแท้จริงได้ หากเลือกที่จะใช้ชีวิตเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ก็ควรได้ร่วมกันคิดหรือช่วยแก้ปัญหาด้วยกัน

เรื่องที่ไซคีถูกเทพีวีนัสไม่พอใจว่าเป็นต้นเหตุของการถูกละเลยนั้นน่าเห็นใจมาก อยู่ๆ เรื่องก็วิ่งมาหาเองโดยไม่ได้ไปหาเรื่องใครก่อน บางครั้งการไม่ทำอะไรเลยก็อาจทำให้มีเรื่องได้เหมือนกัน ที่จริงหากได้รู้และเอ่ยปากเตือนเหล่า ‘แฟนคลับ’ เสียหน่อยว่าอะไรควรทำหรือแค่ไหนควรพอ ก็อาจมีคนเชื่อฟังทำตามแล้วเรื่องก็อาจไม่เลยเถิดก็ได้ อย่างไรก็ตาม การที่ไซคีกับคิวพิดต้องเลิกกันนั้นเป็นเพราะไซคีเองที่ผิดสัญญา ไม่เกี่ยวกับแม่สามี

ไซคีหลงคล้อยตามคำยุยงของพี่สาวโดยลุกขึ้นมาส่องไฟแอบดูหน้าสามีตอนหลับ ไม่รู้เลยว่าที่พี่สาวยุแบบนั้นไม่ใช่เพราะเป็นห่วงน้อง เมื่อได้มาเยี่ยมและเห็นไซคีอยู่ดีมีความสุขมากกว่าชีวิตแต่งงานของตน ปราสาทก็ใหญ่โตโอ่อ่าสวยงามกว่า พี่สาวที่รู้สึกริษยาน้องเลยแกล้งพูดให้ระแวง โดยอ้างว่าการที่ไม่ยอมให้ใครเห็นหน้าแบบนี้คงเพราะตัวจริงเป็นปีศาจอัปลักษณ์ร้ายกาจ ทำเป็นเลี้ยงดูอย่างดีให้ตายใจเพื่อจะจับกินทีหลัง ตอนเขาหลับจึงต้องแอบดูให้รู้แน่ และถ้าเป็นปีศาจจริงก็ชิงลงมือฆ่าก่อนเลย

แม้ไซคีไม่ได้คิดจะทำร้ายแต่ก็อยากเห็นหน้าให้หายสงสัย คืนนั้นนางทำตามที่พี่สาวเสี้ยมสอนจึงได้พบว่าที่จริงสามีตนนั้นรูปงามดั่งเทพ (ก็เป็นเทพจริงๆ นั่นแหละ) แต่น้ำมันร้อนจากตะเกียงที่ถือส่องได้หยดใส่บ่าคิวพิดจนสะดุ้งลืมตาตื่นมา และเมื่อพบว่านางผิดคำพูดที่เคยสัญญากันไว้ จึงได้จากไปอย่างเจ็บปวด เปรียบเหมือนกับความรักที่ย่อมโบยบินหายไปเมื่อไม่มีความเชื่อถือไว้วางใจกันแล้ว

ส่วนพี่สาวของไซคีนั้นเมื่อได้รู้ว่าไซคีถูกทิ้งก็ดีใจและคิดจะไปเสนอตัวแทนที่ จึงไปที่ยอดเขาเดิมและร้องเรียกให้สายลมมารับเหมือนตอนที่เคยไปเยี่ยมน้อง คงจะลืมไปไม่ทันคิดว่าถ้าเจ้าของบ้านเขาไม่ได้เชิญก็ไปหาไม่ได้ ดังนั้นพอกระโดดออกจากยอดเขาครั้งนี้ไม่มีสายลมมารอรับ จึงได้ตกลงไปตาย… คนที่มีใจอิจฉาไม่หวังดีกับใครแม้แต่กับพี่น้อง และคิดโลภอยากได้ของของคนอื่น ก็ต้องมีจุดจบเช่นนี้เอง

ไซคีเองก็ยังเป็นทุกข์เพราะสำนึกผิดและเสียใจที่รักษาสัญญาไม่ได้ เมื่อรู้ความจริงแล้วว่าสามีเป็นใครก็พยายามไปตามหาทุกแห่งหนเพื่อขอโทษและขอเริ่มต้นใหม่ แต่ก็ไม่พบ นางจึงตัดสินใจไปหาเทพีวีนัสเพื่ออ้อนวอนขอโอกาสพบกับคิวพิด แลกกับการยอมทำงานอะไรก็ได้ที่เทพีสั่ง เมื่อตัวการที่ทำให้ขุ่นใจและยังทำให้ลูกชายต้องบาดเจ็บเป็นแผลทั้งร่างกายและจิตใจมาเสนอตัวต่อหน้าเช่นนี้ เทพีวีนัสจึงมอบหมายงานที่ลำบากให้ทำ งานเหล่านี้ถ้ามองว่าเป็นบททดสอบความอดทนมุ่งมั่น ก็คงพอมีกำลังใจฝ่าฟันได้มากกว่าคิดว่าเป็นการกลั่นแกล้งกัน ตั้งใจมุ่งไปที่งานแล้วหาทางทำให้สำเร็จย่อมดีกว่ามาคับแค้นใจว่าถูกแกล้งแล้วทำอะไรไม่ได้

ต้องชื่นชมไซคีที่รู้จักยอมรับผิดและกล้าเผชิญหน้าโดยไม่หนีปัญหา แม้รู้ว่าแม่สามียังตั้งแง่ไม่ชอบหน้าเพราะเรื่องในอดีตก็ไม่ย่อท้อ เลือกที่จะอ่อนน้อมเข้าหา และยินยอมรับงานยากเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ซึ่งก็ได้รับความช่วยเหลือตามรายทางจนทำสำเร็จได้ อย่างงานคัดแยกประเภทเมล็ดธัญพืช-ถั่ว-ข้าวต่างๆ คิวพิดก็แอบส่งมดงานมาช่วยไซคีแยกกองจนเสร็จทันเวลา หรืองานข้ามแม่น้ำไปเก็บขนแกะทองคำ เทพประจำสายน้ำนั้นก็แอบกระซิบผ่านต้นอ้อมาบอกว่า ในช่วงเช้าแกะเหล่านั้นดุร้ายมากจนสามารถทำร้ายคนได้ รอช่วงบ่ายที่แกะหลับแล้วค่อยข้ามไปเก็บขนแกะมากมายที่หลุดติดอยู่ตามพุ่มไม้จะง่ายกว่า

กระนั้นภารกิจสุดท้ายก็เกือบไม่รอด ไซคีต้องลงไปรับยาวิเศษจากเทพีโพรเซอร์พินี (หรือเพอร์ซิโฟนี ตามชื่อกรีก) ชายาของเทพพลูโต (หรือเฮเดส ตามชื่อกรีก) แห่งยมโลก ครั้งนี้ไซคีได้รับคำชี้แนะจากเสียงลึกลับจนสามารถผ่านเส้นทางที่ยากลำบากได้อย่างปลอดภัย ทั้งวิธีข้ามแม่น้ำแห่งความตายและวิธีผ่านด่านหมาสามหัว และเมื่อได้รับของแล้วก็ให้รีบเอาไปส่งมอบให้เทพีวีนัสตามคำสั่ง อย่าเปิดดูอย่างเด็ดขาด

เรื่องยาก ๆ ทำได้หมดยกเว้นข้อสุดท้ายนี่ล่ะ ไซคีอดใจไม่ไหวเลยแอบเปิดกล่องดู จากนั้นก็หมดสติไป เพราะสิ่งที่อยู่ในกล่องคือความง่วงหลับแห่งยมโลก โชคดีที่คิวพิดซึ่งตอนนี้หายจากอาการบาดเจ็บแล้วออกมาตามหาไซคี ได้พบนางล้มสลบอยู่ระหว่างทางจึงช่วยแก้ไขจนฟื้นคืนสติ เมื่อได้สั่งสอนนางให้เห็นถึงโทษของการอยากรู้อยากเห็นไม่หักห้ามใจแล้ว คิวพิดจึงไปขอร้องมหาเทพจูปิเตอร์ (หรือซีอุส ตามชื่อกรีก) ให้ไปช่วยพูดกับแม่จนหายโกรธ เรื่องนี้จึงจบลงอย่าง Happy Ending ไซคีได้รับการยอมรับจากเหล่าเทพและเทพี ได้ดื่มน้ำอมฤตเพื่อให้มีชีวิตอมตะเคียงคู่กับคิวพิด และได้ครองรักอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

ความรักคือการโอบรับได้ทั้งข้อดีและข้อเสียของอีกฝ่าย รวมถึงการยอมรับปรับตัวให้เข้ากับครอบครัวและสังคมของอีกฝ่ายด้วย เพื่อความสงบสุขในการอยู่ร่วมกัน ถ้าเข้ากันไม่ได้อย่างน้อยไม่ทะเลาะขัดแย้งกันก็ยังดี เรื่องของไซคีกับคิวพิดนั้นมีอุปสรรคเพราะมีคนอื่นมาก้าวก่ายวุ่นวายด้วย โดยที่ทั้งคู่ยังไม่ทันปรับนิสัยและเปิดใจคุยกันตรงๆ แต่เรื่องราวก็สามารถคลี่คลายได้ในทางที่ดีเพราะมีคนอื่นยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวและช่วยเหลือด้วยเช่นกัน จึงเห็นได้ว่าชีวิตคู่ไม่ได้เป็นเรื่องของคนสองคนเท่านั้น แต่คนรอบข้างก็มีบทบาทด้วยไม่มากก็น้อย จึงควรรักษาสมดุลระหว่างกันให้พอดี

 

อ้างอิงจาก 

  • เทวดาฝรั่ง กรีก-โรมัน โดย อ. สายสุวรรณ
  • เหตุแห่งอีเลียด กับตำนานปรัมปรากรีก โดย นายตำรา ณ เมืองใต้
  • เทพนิยายและตำนานกรีกโบราณ โดย ดารณี เมืองมา

Don`t copy text!