เพอร์ซิอุส : ก่อนจะได้เป็นดาว

เพอร์ซิอุส : ก่อนจะได้เป็นดาว

โดย : นกอัญชันหางดำ

Loading

กลั่นเกลาเล่าเพลิน โดย นกอัญชันหางดำ คอลัมน์ที่ได้แรงบันดาลใจจากโลกวรรณกรรมที่มีตัวละครมากมายโลดแล่นอยู่ในใจนักอ่าน และมีเรื่องราวให้กล่าวถึงได้เสมอ คอลัมน์นี้จึงขอชวนทุกท่านมาเพลิดเพลินกับการรีวิวตัวละคร ทั้งตัวเอก ตัวร้าย และตัวประกอบ ในมุมมองเชิงเปรียบเทียบกับโลกปัจจุบัน พร้อมสอดแทรกข้อชวนคิดไว้เบาๆ

ยังมีบุคคลในตำนานกรีกอีกคนหนึ่งซึ่งมีเส้นทางชีวิตในตอนต้นคล้ายกับปารีสแห่งเมืองทรอย คือเกิดมาพร้อมกับคำทำนายว่าจะเป็นภัยต่อคนในครอบครัว ต่อมาก็คล้ายกับเบลเลอโรฟอน ผู้ที่เคยครอบครองม้ามีปีก ตรงที่ถูกขอให้ไปปราบอสุรกายดุร้ายแต่ก็ยังเอาตัวรอดกลับมาได้ แต่ทว่าเขาผู้นี้มีตอนจบที่แตกต่างจากสองคนนั้นโดยสิ้นเชิง เขาก็คือเพอร์ซิอุสนั่นเอง

ตามตำนานเพอร์ซิอุสเป็นลูกครึ่งเทพ เดิมทีนั้นเขาแทบไม่มีโอกาสได้ลืมตามาดูโลกด้วยซ้ำ เนื่องจากอะคริซิอุส ตาของเขาซึ่งเป็นเจ้าเมืองอาร์กุส ได้รับคำทำนายว่าจะต้องสิ้นชีวิตด้วยน้ำมือหลานชายตนเอง อะคริซิอุสจึงต้องการตัดไฟแต่ต้นลมโดยไม่ยอมให้ลูกสาวคือดาเนได้มีโอกาสมีลูก ขังนางไว้ที่ยอดหอคอยสูง (บ้างก็ว่าขังในห้องใต้ดิน) วางเวรยามอย่างแน่นหนา ไม่ให้ออกไปไหนหรือพบเจอใครเลย แต่การป้องกันทั้งหมดก็ไม่ได้ผลเมื่อผู้ที่เข้ามาหาดาเนคือ มหาเทพจูปิเตอร์ (หรือซีอุส ตามชื่อกรีก) ว่ากันว่ามหาเทพได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญทุกข์ใจในโชคชะตาของนางนั่นแหละจึงได้เข้ามา

อะคริซิอุสคงไม่ได้มาเยี่ยมลูกเลย พอมาเจออีกทีก็พบว่าดาเนคลอดเพอร์ซิอุสออกมาแล้ว ด้วยความโกรธและกลัวจึงได้สั่งให้จับดาเนกับเพอร์ซิอุสลงเรือลอยทะเลไป คิดว่าทำแบบนี้ทั้งคู่คงไม่รอดแล้ว แต่สองแม่ลูกยังโชคดีที่คลื่นซัดเรือมาขึ้นฝั่งที่เกาะเซอริฟัส และได้รับการช่วยเหลือจากดิคติส ชาวประมงผู้อารี ทั้งสองจึงได้อาศัยอยู่ที่เกาะแห่งนี้จนเพอร์ซิอุสเติบโตขึ้นมา มีความองอาจแกล้วกล้าสมวัย

ดิคติสมีพี่ชายชื่อโปลีเดกตีส เป็นเจ้าเมืองที่ปกครองเกาะนั้น แต่มีนิสัยตรงกันข้ามกับน้องชาย เจ้าเมืองได้มาพบและหมายปองในตัวดาเน ติดอยู่ที่นางไม่ตกลงยินยอมด้วย โปลีเดกตีสเห็นว่าเพอร์ซิอุสเป็นก้างขวางคอจึงคิดจะกำจัดเสีย เขาออกอุบายหาเรื่องให้เพอร์ซิอุสไปตาย โดยทำเป็นเชิญไปร่วมงานเลี้ยงและพูดถึงอสุรกายกอร์กอนที่ผู้คนหวาดกลัวขึ้นมา แล้วบอกว่าอยากได้หัวของเมดูซาเป็นของขวัญ ล่อหลอกให้เพอร์ซิอุสเอ่ยปากรับอาสาเพราะเป็นคนเดียวที่ไม่มีของล้ำค่ามามอบให้เขาเหมือนคนอื่น

เมดูซาเป็นหนึ่งในสามพี่น้องอสุรกายกอร์กอน ตัวหุ้มด้วยเกล็ดแข็ง มีปีกมีเขี้ยวยาว มีเส้นผมเป็นงู ที่สำคัญมีดวงตาที่ใครมองแล้วจะกลายร่างเป็นหิน (จริงๆ แค่มีฝูงงูพันกันยั้วเยี้ยเต็มหัวบางคนก็กลัวจนตัวแข็งก้าวขาไม่ออกหนีไม่รอดแล้ว ไม่ต้องสบตาจนตัวกลายเป็นหินหรอก)

การจะเอาชนะเมดูซาไม่ใช่เรื่องง่าย เริ่มจากต้องรวบรวมของวิเศษต่างๆ ให้ครบ ทั้งดาบกายสิทธิ์ที่จะช่วยให้ฟันผ่านผิวที่เป็นเกล็ดแข็งและเหนียวได้ หมวกวิเศษที่สวมแล้วหายตัวได้ รองเท้ามีปีกที่ช่วยให้เหาะได้ โล่พิเศษสำหรับใช้กำบังตัวและใช้เป็นกระจกสะท้อนเพื่อจะได้ไม่ต้องมองเมดูซาตรงๆ และสุดท้ายคือถุงวิเศษสำหรับบรรจุหัวเมดูซา (คงคล้ายกับกระเป๋าลูกปัดของเฮอร์ไมโอนี่ในเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่มเจ็ด ที่ใช้คาถาขยายพื้นที่จนพกติดตัวได้ไม่เกะกะ เก็บของชิ้นใหญ่แค่ไหนก็ได้ไม่รู้สึกหนักด้วย) เพราะแม้จะฆ่าไปแล้วแต่หัวก็ยังไม่สิ้นฤทธิ์ จึงต้องเก็บให้มิดชิดและเคลื่อนย้ายได้สะดวก

ของวิเศษเหล่านี้บางอย่างเทพีมิเนอร์วา (หรืออะธีนา ตามชื่อกรีก) กับเทพเมอร์คิวรี (หรือเฮอร์เมส ตามชื่อกรีก) เป็นผู้ให้ยืมมา แต่บางอย่างเพอร์ซิอุสก็ต้องเดินทางไปขอยืมเองจากนางอัปสรเฮสเพอริดีส นอกจากนี้ยังต้องไปตามหานางเฒ่าสามพี่น้องซึ่งมีตาดวงเดียวคอยผลัดเวียนกันใช้งานเพื่อสอบถามเส้นทางไปด้วย จากความช่วยเหลือและคำชี้แนะจากเทพีมิเนอร์วาและเทพเมอร์คิวรี เพอร์ซิอุสก็สามารถทำภารกิจนี้สำเร็จ โดยในขณะที่ตัดหัวเมดูซาออกไป ได้เกิดมีม้ามีปีกบินออกมาจากคอของนาง ซึ่งคือเพกาซัสนั่นเอง

ระหว่างเดินทางกลับในขณะที่ผ่านดินแดนเอธิโอเปีย เพอร์ซิอุสได้พบกับแอนโดรเมดา สาวงามที่ถูกมัดอยู่กับโขดหินเพื่อรอให้มังกรมาจับกิน (ความรู้สึกตอนนั้นคงบีบคั้นกดดันมาก เหมือนเป็นนักโทษที่หลักประหารเลย) เนื่องจากแม่ของนางไปพูดจาลบหลู่นางอัปสรทะเลเข้า เมืองนี้จึงถูกเทพลงโทษโดยส่งมังกรมากินชาวเมือง และพ่อของนางซึ่งเป็นเจ้าเมืองได้รับคำพยากรณ์ว่าจะต้องให้แอนโดรเมดาเป็นเหยื่อสังเวยมังกร เมืองจึงจะพ้นภัยครั้งนี้ เมื่อได้ฟังเรื่องราวเพอร์ซิอุสก็อาสาช่วยเหลือ อยู่รอจนมังกรโผล่ขึ้นมาแล้วก็เข้าไปต่อสู้และปราบมังกรนั้นได้ในที่สุด จากนั้นจึงเอ่ยปากขอแอนโดรเมดามาเป็นชายา ซึ่งเจ้าเมืองก็ยินดีที่ลูกสาวจะได้มีคู่ครองที่เก่งกล้าและเป็นที่พึ่งได้ จึงเต็มใจยกให้ โดยที่สองหนุ่มสาวเองก็ตกหลุมรักซึ่งกันและกัน

แต่งานวิวาห์กลับมีอุปสรรคเมื่อคู่หมั้นเก่าของแอนโดรเมดายกทัพมาทวงขอนางจากเจ้าเมือง ทั้งที่ตอนมีเหตุร้ายกลับไม่มาสนใจช่วยเหลือ แล้วพ่อคนไหนจะไว้ใจให้ลูกสาวไปอยู่กับผู้ชายแบบนี้ เมื่อทิ้งกันไปตอนมีภัย ตอนนี้ก็หมดสิทธิ์เรียกร้องแล้ว ช่วงที่เริ่มต่อสู้กันพวกเจ้าเมืองกับเพอร์ซิอุสค่อนข้างเสียเปรียบเพราะไม่ทันได้เตรียมตัว ทั้งอาวุธและกำลังคนก็มีน้อยกว่า เพอร์ซิอุสจึงใช้หัวของเมดูซาให้เป็นประโยชน์ โดยตะโกนบอกให้พวกพ้องของตนหันหน้าหนีไปก่อนหยิบหัวมาชูให้ผู้บุกรุกดู พวกศัตรูก็เลยพ่ายแพ้กลายเป็นหินกันไปทั้งหมด

เมื่อจบเรื่องวุ่นวาย เพอร์ซิอุสได้พาชายาเดินทางกลับมาหาแม่ที่เกาะเซอริฟัส พอมาถึงก็พบว่าช่วงที่เขาไม่อยู่ ดาเนต้องหนีการคุกคามจากโปลีเดกตีส โดยดิคติสช่วยพาไปซ่อนที่วิหารบูชาเทพีมิเนอร์วา ด้วยความโกรธเพอร์ซิอุสจึงไปหาโปลีเดกตีสเพื่อจะจัดการขั้นเด็ดขาด ส่วนโปลีเดกตีสเมื่อได้เห็นเพอร์ซิอุสกลับมาก็ไม่เชื่อว่าเขาได้ไปเจอกับอสุรกายกอร์กอนมาจริงๆ จึงเอ่ยทวงของขวัญที่เคยขอไว้ เพอร์ซิอุสก็เลยชูหัวเมดูซาขึ้นมาให้โปลีเดกตีสและบริวารคนสนิทที่อยู่พร้อมหน้าในที่นั้นได้เห็นกันแบบเต็มตาไปเลยทุกคน กลายเป็นหินกันโดยถ้วนหน้า จากนั้นเขาก็แต่งตั้งให้ดิคติสเป็นผู้ปกครองเมืองนั้นแทนโปลีเดกตีส

หลังจากจบเรื่องทั้งหมดเพอร์ซิอุสได้ไปคืนของวิเศษต่างๆ ที่ยืมมาใช้ (นับว่าเป็นตัวอย่างที่ดี ยืมแล้วก็ต้องคืน ไม่ได้ละเลย ทำเป็นลืมหรือยึดไว้เป็นของตัวเอง) และถวายหัวของเมดูซาแด่เทพีมิเนอร์วา ซึ่งได้นำหัวไปติดไว้ที่โล่แห่งมหาเทพจูปิเตอร์ จากนั้นเขาก็ตั้งใจจะพาแม่กลับไปยังเมืองอาร์กุสซึ่งเป็นบ้านเกิด โดยคิดว่าผ่านมานานหลายปีขนาดนี้ อะคริซิอุส ตาของเขาคงจะเลิกกลัวคำทำนายเก่าแก่นั้นแล้ว ตัวเขาเองไม่เคยคิดร้ายกับตาอยู่แล้วก็คงอยากไปทำความรู้จักกันเอาไว้

ระหว่างทางในขณะที่แวะอยู่ที่เมืองลาริซซามีการแข่งขันขว้างจานเหล็ก (ซึ่งคงคล้ายกับกรีฑาขว้างจักรสมัยนี้) เพอร์ซิอุสสนใจจึงเข้าร่วมการประลองด้วย แต่กลับเกิดเหตุไม่คาดคิด จานเหล็กที่เขาขว้างได้ลอยร่อนไปตกกระทบของแล้วกระเด็นไปถูกผู้เข้าชมการแข่งคนหนึ่งจนเสียชีวิต ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ตาของเขานั่นเอง เพราะอะคริซิอุสได้ข่าวว่าลูกสาวกับหลานชายกำลังจะกลับไปหา ด้วยความกลัวฝังใจกับคำพยากรณ์ หรืออาจจะกลัวถูกเอาคืนด้วยก็ได้เพราะทำไม่ดีกับลูกกับหลานไว้มาก จึงได้ทิ้งเมืองอาร์กุสหนีมาอยู่กับเพื่อนที่เป็นเจ้าเมืองลาริซซานี้ แล้วโชคชะตาก็ชักนำให้มาอยู่ในสถานที่เดียวกันพอดี

เพอร์ซิอุสเสียใจในเหตุสุดวิสัยอันน่าเศร้าสลดที่เกิดขึ้น และไม่ยอมรับสิทธิ์สืบทอดปกครองเมืองอาร์กุสต่อจากอะคริซิอุส เขาไปสร้างบ้านเมืองใหม่ของตนเองชื่อว่าไมซีนี และปกครองเมืองนั้นด้วยคุณธรรม มีความเจริญรุ่งเรืองสืบต่อมา อยู่กันอย่างสงบสุขจนเขาสิ้นอายุขัย ภายหลังเพอร์ซิอุสและแอนโดรเมดาได้รับการแต่งตั้งเป็นดาวสองกลุ่มที่เคียงคู่อยู่ใกล้กันอยู่บนท้องฟ้าตราบเท่าทุกวันนี้

แม้จะมีเชื้อสายเทพครึ่งหนึ่งผู้ปกครองเมืองอีกครึ่งหนึ่ง ชะตาชีวิตของเพอร์ซิอุสก็ไม่ได้สะดวกสบายกว่าใคร แต่เขาก็ไม่ได้เอามาคิดน้อยเนื้อต่ำใจหรือไปทำตัวแย่ๆ เพื่อประชดชีวิต อย่างน้อยมีโอกาสได้เกิดมาแล้วก็ใช้ชีวิตให้ดี เขาไม่ใช่คนกระหายอำนาจ ถึงสู้ชนะในแต่ละครั้งก็ไม่ได้ยึดสิทธิ์ปกครองไว้เอง แต่เลือกที่จะออกไปสร้างเมืองใหม่ของตนเองแทน การที่ได้รับคำชี้แนะช่วยเหลือจากเบื้องบนก็คงไม่ใช่เพราะว่าเป็นลูกครึ่งเทพเท่านั้น เพราะคนธรรมดาก็มีสิทธิ์ได้รับความเมตตาจากเทพเหมือนกัน อย่างเช่นยูลิสซิสหรือเบลเลอโรฟอนหรือไซคี ตามที่เล่าถึงในตอนก่อนๆ ดังนั้นหากใครได้รับการช่วยเหลือก็คงเป็นเพราะบุคคลนั้นสมควรได้รับ และมีกรรมสัมพันธ์ที่จะเกื้อกูลกันได้ นอกจากนี้เรื่องราวในตำนานกรีกส่วนมากก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับเหล่าเทพอยู่แล้ว

เรื่องของเพอร์ซิอุสทำให้เห็นว่าก่อนจะประสบความสำเร็จในบั้นปลายได้นั้นก็ต้องลงมือลงแรงทำเองด้วย ไม่มีใครที่อยู่เฉย ๆ แล้วจะทำให้ตัวเองดีขึ้นพัฒนาขึ้นได้ ไม่ว่าจะมีคนสนับสนุนหรือให้คำแนะนำระดับเทพปานใด ถ้าเจ้าตัวไม่ยอมขวนขวายลงมือทำเองก็ไม่เกิดผลอันใด และการที่คนจะยกย่องนับถือจากใจนั้นก็อยู่ที่การประพฤติปฏิบัติตัวดีอย่างสม่ำเสมอของผู้นั้นเอง ไม่ใช่แค่ที่วงศ์ตระกูล

 

อ้างอิงจาก :

  • เทวดาฝรั่ง กรีก-โรมัน โดย อ. สายสุวรรณ
  • เหตุแห่งอีเลียด กับตำนานปรัมปรากรีก โดย นายตำรา ณ เมืองใต้
  • เทพนิยายและตำนานกรีกโบราณ โดย ดารณี เมืองมา

Don`t copy text!