
รู้กระจ่างอย่างเดียวแต่เชี่ยวชาญ : เซนอิทสึ
โดย : นกอัญชันหางดำ
กลั่นเกลาเล่าเพลิน โดย นกอัญชันหางดำ คอลัมน์ที่ได้แรงบันดาลใจจากโลกวรรณกรรมที่มีตัวละครมากมายโลดแล่นอยู่ในใจนักอ่าน และมีเรื่องราวให้กล่าวถึงได้
ปัจจุบันองค์กรส่วนมากต้องการคนมีทักษะที่หลากหลาย หรือ Multitasking Skill สามารถทำงานได้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน แต่สำหรับองค์กรนักล่าอสูรในการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง ดาบพิฆาตอสูร บางครั้งคนที่เข้ามาเป็นนักดาบเพื่อไล่ล่าปราบอสูร แม้จะต่อสู้โดยใช้กระบวนท่าเพียงท่าเดียวอย่าง อางาซึมะ เซนอิทสึ ผู้ใช้ปราณอัสนี ก็สามารถเอาชนะอสูรได้เหมือนกัน ดังคำสอนที่ว่า “… อันความรู้รู้กระจ่างถึงอย่างเดียว แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดคงเกิดผล …” *
ต่างจากทันจิโร่ที่เติบโตมาในครอบครัวใหญ่ซึ่งทุกคนรักและห่วงใยกัน เซนอิทสึเป็นคนที่ใช้ชีวิตมาโดยลำพัง ความสามารถไม่มี ความดีไม่ปรากฏ ไม่มีพ่อแม่พี่น้อง ไม่มีใครคาดหวังในตัวเขาว่าจะทำอะไรได้ดี ไม่มีคนปลอบเวลาทุกข์ใจ รวมทั้งตัวเขาเองก็มองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง คงเพราะเหตุนี้เขาจึงพยายามหาผู้หญิงมาสร้างครอบครัวด้วยเพื่อจะได้ไม่ต้องอยู่ตัวคนเดียว แต่ก็ผิดหวังตลอด ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะบุคลิกภายนอกเขาดูอ่อนแอ ขี้กลัวและขี้แย ชอบเอะอะโวยวาย (แต่ก็มักจะไปพูดจาแทะโลมจีบสาวตลอด ไม่เคยเข็ดกับการถูกสาวปฏิเสธเลย)
จุดเริ่มต้นที่ทำให้เซนอิทสึมาเป็นนักล่าอสูรเกิดจากการเป็นหนี้ เขาถูกสาวหลอกให้กู้เงินมา พอผู้หญิงได้เงินแล้วก็หนีไปกับผู้ชายอื่น เขาจึงต้องมาอยู่กับคนที่ช่วยจ่ายเงินชดใช้หนี้แทนให้ คือ อดีตเสาหลักคำรนของกลุ่มพิฆาตอสูร ซึ่งเกษียณแล้วมาเป็นอาจารย์ฝึกนักดาบผู้ใช้ปราณอัสนีเพื่อหาผู้สืบทอดตำแหน่ง เซนอิทสึไม่ใช่แค่มาอยู่รับใช้ในสำนัก แต่อาจารย์ให้มาเป็นลูกศิษย์เรียนรู้กระบวนท่าต่อสู้ด้วย ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะดีใจ แต่สำหรับคนมีปมด้อย ไม่กล้าสู้กับใคร กลัวไปเสียทุกเรื่อง ฝึกหนักแค่ไหนก็ทำไม่ได้ แถมเพื่อนในสำนักก็ยังไม่ชอบหน้า คงเป็นเรื่องทุกข์ใจมากทีเดียว เหมือนยิ่งตอกย้ำความเป็นคนไม่เอาไหนเลย
ที่จริงเซนอิทสึมีคุณสมบัติเด่นอย่างหนึ่งคือ หูมีประสาทสัมผัสดีเยี่ยม ฟังเพลงครั้งเดียวก็แกะโน้ตเล่นดนตรีได้เลย จำคนได้จากเสียง ได้ยินไปถึงข้างในกระทั่งเสียงหัวใจหรือเลือดไหลเวียน มักจะรับรู้ในสิ่งที่คนอื่นไม่ได้ยิน เช่น ฟังจากเสียงก็รู้ได้เลยว่าเป็นคนแบบไหนหรือเป็นอสูรปลอมตัวปะปนกับมนุษย์ (เหมือนที่ทันจิโร่จมูกดี ดมกลิ่นแยกแยะได้เก่ง) ดังนั้นการที่เขาถูกคนเอาเปรียบหลอกลวงจึงไม่ใช่เพราะรู้ไม่ทัน แต่เพราะอยากจะเชื่อในคนที่อยากเชื่อ เหมือนเป็นการได้ยินแต่ไม่ได้ฟัง รู้ว่าหลอกแต่ยังยอมให้เขาหลอก
แม้เซนอิทสึจะฝึกซ้อมอย่างหนักแต่ฝีมือก็ไม่ก้าวหน้า หากอาจารย์ก็ยังคอยพร่ำสอนคอยกระตุ้นให้กำลังใจอยู่เสมอ ใช้ทั้งไม้แข็งไม้นวม (และอาจใช้ไม้จริงด้วยเพราะเป็นเรื่องราวสมัยยุคไทโช ไม่ใช่ยุคที่ห้ามครูตีนักเรียน) ครั้งหนึ่งเขาท้อจนหนีขึ้นไปหลบบนต้นไม้แล้วถูกฟ้าผ่าหล่นลงมา ถ้าเป็นจอมยุทธ์เรื่องอื่นอาจจะได้รับพลังสายฟ้าจนเก่งขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่ไม่ใช่เซนอิทสึ นี่ฟื้นขึ้นมาก็ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเดิม ที่จริงเซนอิทสึเองก็อยากทำให้ได้ดีสมกับที่อาจารย์อุตส่าห์พามาทุ่มเทสั่งสอน เพราะคงเป็นครั้งแรกที่มีคนเชื่อมั่นในตัวเขา แต่ความพยายามก็ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวังเสมอไป ปราณอัสนีมีทั้งหมด 6 กระบวนท่า เขาทำได้เพียงกระบวนท่าที่ 1 เท่านั้น
ถึงอย่างนั้นอาจารย์ก็ยังเชื่อมั่นมากพอที่จะส่งเขาไปร่วมคัดเลือกรอบสุดท้าย และเขาก็ผ่านการคัดเลือกด้วย จากผู้เข้าร่วม 20 กว่าคน มีคนรอดตายได้บรรจุเป็นนักล่าอสูรในรุ่นนี้เพียง 5 คน รวมเซนอิทสึกับทันจิโร่ วิธีการต่อสู้ของเซนอิทสึออกจะแปลกประหลาดกว่าคนอื่นสักหน่อย คือ เขาจะต้องเกิดความกลัวจนหมดสติไปเสียก่อนจึงจะสามารถออกกระบวนท่าต่อสู้ได้ และแม้จะแสดงชั้นเชิงได้เพียงกระบวนท่าที่ 1 ท่าเดียวซ้ำ ๆ แต่เขาก็สามารถฟาดฟันได้ว่องไวปานสายฟ้าแลบทั้งที่ยังหลับตา (คงเพราะฝึกฝนจนร่างกายจดจำท่าทางได้เองโดยอัตโนมัติ) อสูรที่กำลังนึกประมาทเขาจึงมักจะโดนฟันคอขาดตายโดยไม่รู้ตัว … เรียกว่าไม่รู้ตัวทั้งสองฝ่ายเลยก็ได้ เพราะพอเซนอิทสึได้สติตื่นขึ้นมาก็จะจำเหตุการณ์ตอนสู้กันไม่ได้เลย
ไม่ว่ายุคไหนในโลกที่ต้องต่อสู้แข่งขันกัน บางครั้งคนเราอาจเกิดความรู้สึกเหมือนเป็น Loser จนท้อใจแบบเซนอิทสึ แต่ถ้าเชื่อในการทำซ้ำไปเรื่อย ๆ อย่างตั้งใจ ก็จะทำให้เกิดความชำนาญขึ้นมาได้ แม้ช่วงแรกอาจยังไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่หวังก็ตาม แต่ถ้าลองแค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ แล้วเลิกทำ คงไม่มีทางสมหวังแน่นอน ถึงมีโอกาสภายหลังก็ไม่ทันเสียแล้ว ดังนั้นการหมั่นฝึกตนจึงไม่เคยสูญเปล่า อย่างน้อยก็เป็นวิชาติดตัว และหากวันหนึ่งมีโอกาสผ่านเข้ามาให้คว้าไว้ แม้แต่คนที่เคยเป็นที่โหล่ก็สามารถแสดงผลงานให้ชื่นใจได้เหมือนกัน อย่าลืมว่าความสำเร็จของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรฐานของคนอื่นมาตัดสินความสำเร็จของตัวเรา เพราะคนที่บรรลุเป้าหมาย แต่ไม่มีความสุข ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ
นอกจากนี้การพาตัวเองไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน เซนอิทสึคงไม่เคยมีเพื่อนเลยจนกระทั่งได้มาเจอกับทันจิโร่ เพื่อนที่ช่วยเหลือกันโดยไม่ดูดาย มีมากมีน้อยก็แบ่งปัน เพื่อนที่คอยเตือนสติเวลาทำเรื่องไม่เหมาะสม ตำหนิแต่ไม่ทอดทิ้ง เพื่อนที่คอยให้กำลังใจเวลาท้อถอย และมุ่งมั่นหมั่นฝึกฝนไปด้วยกัน
การมีเพื่อนอย่างทันจิโร่ช่วยให้เซนอิทสึรู้สึกถึงในคุณค่าตัวเองมากขึ้น อย่างเช่นตอนที่สู้กับอสูรแมงมุม แม้ว่าเขาจะเอาชนะได้ หากก็ถูกพิษแมงมุมจนบาดเจ็บร่อแร่และนึกท้อว่าคงตายอยู่ลำพังแน่ แต่เมื่อนึกถึงหน้าของอาจารย์และเพื่อน เขาก็ฮึดขึ้นมาได้ใหม่ รวบรวมกำลังใจจนสามารถใช้ปราณชะลอการไหลเวียนของพิษไว้ได้ และอยู่รอดจนกระทั่งได้รับยารักษาจากชิโนบุ เสาหลักแมลง ซึ่งเป็นหนึ่งในเก้านักดาบระดับสูงของกลุ่มพิฆาตอสูร และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้พิษและยา
มีคำกล่าวว่า “The only way to have a friend is to be one.” ถ้าอยากมีเพื่อนก็ต้องทำตัวให้สมกับความเป็นเพื่อนที่อยากมี เซนอิทสึเองก็แสดงน้ำใจกับทันจิโร่ตั้งแต่ไปทำภารกิจด้วยกันครั้งแรกที่บ้านของอสูรกลอง ตอนนั้นเซนอิทสึยังไม่รู้ว่าทันจิโร่ได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษจากนายท่านที่เป็นผู้นำกลุ่มพิฆาตอสูร ให้น้องสาวที่เป็นอสูรอยู่ในกลุ่มด้วยได้เพราะเนซึโกะไม่กินคน โดยทันจิโร่จะให้น้องอยู่ในกล่องแล้วแบกสะพายหลังไปในช่วงกลางวันเพื่อไม่ให้โดนแสงอาทิตย์ ถึงจะยังไม่รู้เรื่องราวของสองพี่น้อง แต่เซนอิทสึ “ฟัง” แล้วก็รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องคืออสูรแม้ไม่ได้เห็นหน้า กระนั้นเขาก็ยังทำหน้าที่แทนตอนเพื่อนไม่อยู่ ช่วยปกป้องไม่ให้ใครมาทำร้ายผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ในกล่อง เพราะเคยได้ยินที่ทันจิโร่พูดถึงสิ่งที่อยู่ในกล่องว่าสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของทันจิโร่เอง เซนอิทสึจึงยอมเจ็บตัวเพื่อปกป้องสิ่งมีค่าของเพื่อน แม้ว่าเพื่อนไม่ได้เอ่ยปากฝากไว้ก็ตาม
ต่อมาในภายหลังเซนอิทสึสามารถเรียนรู้ที่จะต่อสู้ได้ในยามตื่นโดยมีสติครบถ้วน ไม่ได้ละเมอสู้อีกต่อไป (คงอารมณ์คล้าย ๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์ที่ใช้ความรู้สึกเศร้าเสียใจอย่างล้ำลึกเรื่องด๊อบบี้มาปลดล็อกสกิลการสกัดใจของตัวเองได้) การต่อสู้กับไคงาคุที่ปราสาทไร้ขอบเขตเป็นเรื่องที่กดดันเซนอิทสึอย่างหนักหนาสาหัส เพราะก่อนไคงาคุจะแปรพักตร์ไปเข้าพวกกับอสูร เขาเคยเป็นศิษย์พี่อาจารย์เดียวกันในสำนักดาบ เคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ใช้ปราณอัสนีเหมือนกัน เรียนรู้ทุกกระบวนท่ามาเหมือนกัน ต่างกันตรงที่เซนอิทสึทำได้แค่ท่าที่ 1 ท่าเดียว ในขณะที่ไคงาคุทำได้หมดทั้งกระบวนท่าที่ 2-6 ยกเว้นท่าที่ 1 ซึ่งเป็นท่าพื้นฐานของทุกท่า
แต่ตอนนี้เซนอิทสึสามารถดึงพลังที่แท้จริงออกมาได้อย่างเต็มที่แล้ว แม้จะยังใช้กระบวนท่าอื่นไม่ได้เหมือนเดิม แต่เขาก็สามารถคิดค้นกระบวนท่าของตัวเองขึ้นมาได้ใหม่ เป็นปราณอัสนีกระบวนท่าที่ 7 ซึ่งไคงาคุไม่เคยรู้จัก ด้วยความประมาทและคาดไม่ถึงจึงไม่สามารถรับมือได้ทัน และต้องพ่ายแพ้ให้แก่รุ่นน้องผู้อ่อนด้อยที่เขาเคยดูแคลน ส่วนเซนอิทสึเองแม้จะเศร้าใจที่ต้องทำ แต่ก็ถือว่าได้ตอบแทนบุญคุณอาจารย์ ด้วยการปราบศิษย์ทรยศของสำนักแทนอาจารย์ได้สำเร็จ อีกทั้งยังสามารถต่อยอดวิชา เพิ่มท่าต่อสู้ของปราณอัสนีได้ด้วย และที่สำคัญยังคงดำรงตนอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง ไม่หลงผิดไปเป็นอสูรให้ผู้คนก่นด่า ถือเป็นลูกศิษย์ที่อาจารย์ภูมิใจได้เลย
เซนอิทสึจึงเป็นตัวอย่างที่ดีที่ทำให้เห็นว่านอกจากความสม่ำเสมอในการฝึกฝนตนเองแล้ว ควรมีความรู้พื้นฐานแน่นด้วย เพราะหากเข้าใจในหลักการก็จะสามารถนำทักษะความรู้นั้นไปต่อยอดหรือประยุกต์ใช้ได้อย่างไม่จำกัด และสามารถเป็นคนเก่งในแบบของตัวเองได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องเด่นกว่าใคร
อ้างอิงจาก : ดาบพิฆาตอสูร เล่ม 3, 4, 6, 9, 17
หมายเหตุ * โดย พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) จาก https://vajirayana.org
- READ เมื่อลองเปิดใจและให้โอกาส : กิยู
- READ อภัยแต่ไม่ยกโทษ : ทันจิโร่
- READ รู้กระจ่างอย่างเดียวแต่เชี่ยวชาญ : เซนอิทสึ
- READ เพอร์ซิอุส : ก่อนจะได้เป็นดาว
- READ เบลเลอโรฟอน : บินสูงได้ก็ตกลงมาได้เช่นกัน
- READ เดดาลัส : เมื่อเลือกทางผิด ชีวิตจึงต้องวกวนวุ่นวาย
- READ ไซคี : ชีวิตคู่ไม่ได้มีกันแค่สองคน
- READ เอนิส : ชีวิตที่ไม่หมดหวังและยังก้าวต่อไป
- READ ยูลิสซิส : เมื่อมีความตั้งใจก็ย่อมหาหนทางไปได้เสมอ
- READ อะกาเมมนอน : ผู้ชนะศึกนอกแต่พ่ายศึกใน
- READ ปารีส : เพราะชะตากรรมหรือทำตัวเอง
- READ หนึ่งมิจ (ฉาชีพ) ชิดใกล้ : เคร้าช์ จูเนียร์
- READ คนที่คุณเองก็จะนึกถึงตลอดไป : ดัมเบิลดอร์กับสเนป
- READ อยู่และเรียนรู้
- READ รวมมิตรที่คิดไม่ถึง : ด๊อบบี้ กับ ครีเชอร์
- READ ทางที่เลือก : แฮร์รี่ vs โวลเดอมอร์
- READ มีแต่เพื่อนแท้เท่านั้นที่อยู่เหนือกาลเวลา
- READ ขมิ้นกับปูน : มัลฟอย
- READ เสาหลักที่แข็งแกร่งมั่นคงและตรงแบบแผน : มักกอนนากัล
- READ มีใครร้ายกาจกว่านี้อีกไหม : อัมบริดจ์
- READ อย่าตัดสินเนื้อหาจากปกหนังสือ : แฮกริด