Once Upon A Time in Hollywood
โดย : ปิยะพร ศักดิ์เกษม
นั่งหน้าจอ คอลัมน์ที่ ปิยะพร ศักดิ์เกษม เล่าถึงเรื่องราวที่ตรึงให้นั่งติดอยู่หน้าจอ ทั้งภาพยนตร์และภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์ เล่าแบบไม่มียั้ง!! เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่กลัวการรู้เนื้อเรื่องล่วงหน้า นอกจากจะเขียนเล่าเรื่องแล้ว ยังเขียนเล่าความคิดความเห็นและความรู้สึกเมื่อได้ดู ดังนั้นผู้เขียนจะพาออกทะเลไปบ้างอย่างแน่นอน
“Once Upon A Time in Hollywood”
ภาพยนตร์ ปี 2019
ผู้กำกับ : เควนติน ทารันติโน
ผู้แสดงนำ : ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ, แบรด พิตต์, มาร์โก ร็อบบี
วันที่ 9 สิงหาคม ปี 1969 โลก… โดยเฉพาะอย่างยิ่งโลกบันเทิงสั่นสะเทือนด้วยข่าว ชารอน เทต สาวผมบลอนด์แสนสวย สดใสและอ่อนหวานถูกฆาตกรรมพร้อมกับเพื่อนๆ ภายในบ้านพัก เธอเป็นดาราสาวดาวรุ่งที่กำลังตั้งท้องได้แปดเดือนครึ่ง เด็กชายในท้องเป็นลูกของ โรมัน โปลันสกี ซึ่งเป็นผู้กำกับคนดังและเป็นผู้ทรงอิทธิพลอย่างยิ่งในฮอลลีวูดยุคนั้น
แม้ตอนนั้นจะยังเด็กแต่ก็เป็นเด็กที่ชอบนั่งหน้าจอ แถมเป็นแฟนหนังสือ Star Pics, Star Bright รู้เรื่องดาราฮอลลีวูดมากกว่ารู้เรื่องคนข้างบ้านเสียอีก จำได้ว่าตกใจ เศร้าใจกับข่าวนี้มาก โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ที่ตำรวจยังมืดแปดด้านไม่สามารถตามจับตัวคนร้ายได้ แต่หนังสือพิมพ์และนิตยสารในยุคนั้นลงข่าวอย่างละเอียด บรรยายถึงสภาพศพที่น่าเวทนาและการถูกทารุณกรรมอย่างรุนแรงของเหยื่อทุกคน
ในที่สุดตำรวจก็จับผู้ร้ายได้ ผู้ก่อเหตุคือ ชาลส์ แมนสัน และกลุ่มสาวกผู้มีแนวคิดบิดเบี้ยววิปริต พฤติกรรมเต็มไปด้วยความรุนแรง คดโกง ติดทั้งยาเสพติดและเซ็กซ์ เขายกพวกเข้าไปในบ้านพักของผู้กำกับ โรมัน โปลันสกี ด้วยความตั้งใจจะไปฆ่าโปรดิวเซอร์ผู้เคยปฏิเสธเพลงของเขา ไม่ยอมทำงานร่วมกับเขา แต่เมื่อบุกเข้าไปถึงก็พบว่าโปรดิวเซอร์ผู้นั้นย้ายออกไปแล้ว และผู้เช่าคนใหม่ก็ไม่อยู่บ้าน อยู่แค่ภรรยาที่กำลังท้องแก่และเพื่อนๆ …แต่เมื่อคนวิปริตตั้งใจมาแล้วว่าจะ ‘ฆ่า’ เขาจึงฆ่า
หนังเปิดเรื่องในฮอลลีวูดยุคนั้น ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ แสดงเป็นริก ดาลตัน ดาราที่กำลังจะรักษาความนิยมของตนเองไว้ไม่ได้ ทิศทางของภาพยนตร์ก็กำลังเปลี่ยน เขาถนัดเล่นหนังในแนวคาวบอยมากและปรับตัวไม่ค่อยได้กับความเปลี่ยนแปลงที่ภาพยนตร์คาวบอยสไตล์ฮอลลีวูดกำลังอิ่มตัว ไม่ค่อยมีใครสร้างอีกและเขาก็หางานไม่ได้จนต้องยอมเดินทางไปอิตาลีเพื่อแสดงหนัง… ในยุคนั้นจำได้ว่านักข่าวและคอลัมนิสต์ชาวไทย เรียกกันว่า ‘คาวบอยมักกะโรนี’… เขาไปด้วยความไม่เต็มใจเพราะมันเป็นตลาดรองและไร้รสนิยมในสายตาของคนทั่วไป แต่เขาก็ต้องไปเพื่องานและเงิน
ส่วนแบรด พิตต์ นั้นแสดงเป็น คลิฟฟ์ บูธ สตันต์แมนที่หากินอยู่ในฮอลลิวูด เขาเป็นทั้งเพื่อน ทั้งคนขับรถ ทั้งเบ๊ คอยดูแลรับใช้ลีโอทุกด้าน เขาอยู่อาศัยในรถเทรลเลอร์ เลี้ยงหมาพิตบุลตัวใหญ่เอาไว้ตัวหนึ่ง มันเป็นหมาที่น่ารักมาก เมื่อเจ้าของฝึกให้มันกัดตามคำสั่งโดยใช้คำแบบรหัสลับมันก็ทำตามได้อย่างไม่มีที่ติ และมันนี่แหละที่ทำให้ตอนจบที่แสนจะรุนแรง กลายเป็นตลกเป็นบ้าเป็นหลัง ตลกร้ายสไตล์ผู้กำกับเควนติน ทารันติโน
ถ้าใครที่เคยดูหนังกำกับโดยผู้กำกับคนนี้มาก่อนคงทราบดีนะคะว่า หนังของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงและตลกร้ายแบบ Dark Comedy ถ้ารับจุดนี้ไม่ได้ก็ไม่แนะนำ แต่ถ้ารับได้และยิ่งถ้าเป็นคนร่วมสมัยก็อยากให้ดูค่ะ ส่วนตัวชอบหนังเรื่องนี้มาก
ในที่สุดลีโอก็กลับจากอิตาลี หนีบเมียชาวอิตาเลียนกลับมาด้วยคนนึง แม่สาวคนนี้คืออีกแรงหนึ่งที่ช่วยกันกับหมาพิตบุลของแบรดเปลี่ยนฉากรุนแรงเลือดสาดตอนท้ายเรื่องให้เต็มไปด้วยความตลกและโกลาหล
หนังมีทั้งเรื่องจริงกับเรื่องแต่ง ตัวละครที่แสดงโดยลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ กับแบรด พิตต์ ไม่มีจริง แต่โรมัน ชารอน เพื่อนๆ ดารา ผู้กำกับ ดีไซเนอร์ที่ปรากฏตัวในหนังมีจริงหมด สภาพแวดล้อม สังคมต่างๆ ก็เป็นจริง หนังเสนอทั้งภาพและบรรยากาศในยุคนั้นได้สมจริงมาก โดยเฉพาะฉากที่แบรดบุกเดี่ยวเข้าไปในรังของชาลส์ แมนสัน คนดูต้องลุ้นจนตัวโก่ง ทั้งหลอนทั้งสยองที่สุด
เรื่องจริงกับเรื่องแต่งที่ว่านั้นมาผูกเข้าด้วยกันอย่างเก๋ไก๋ที่สุด… ผูกเข้าด้วยกันด้วยการให้ลีโอกลับมาและมาเช่าบ้านอยู่ติดกับบ้านของโรมัน โปลันสกี กับชารอน เทต ค่ะ แล้วก็ให้นายชาลส์ แมนสัน บุกเข้ามาผิดบ้าน! บุกเข้ามาในบ้านที่มีลีโอกำลังเมาไวน์ มีเมียของเขาม้วนโรลเต็มหัวแถมยังกรี๊ดกร๊าดอยู่ตลอดเวลา แบรดผู้เริ่มเมายาที่เสพเข้าไปด้วยความบังเอิญ แถมด้วยพิตบุลตัวใหญ่หน้าตาซื่อบื้อนั่งจ้องฟังรหัสลับจากนายอีกตัว… เป็นฉากยาวๆ ที่ตลก โหด และเฟอะฟะวุ่นวายที่สุด ก่อนจะจบลงด้วยรถตำรวจเปิดหวอมาล้อมบ้าน
และแล้วตัวหนังทำให้น้ำตารื้นเบาๆ ตอนจบ เมื่อได้ยินเสียงของชารอน ผู้แสดงโดยมาร์โกต์ ร็อบบี ดังออกมาจากเครื่องติดต่อภายในที่หน้าบ้านของเธอ
“เกิดอะไรขึ้น ทุกคนปลอดภัยดีไหมคะ”
แล้วก็เชิญทุกคนเข้ามาดื่มเครื่องดื่มในบ้าน
ตอนจบแบบนี้ทำให้ใจฟูมากแม้จะรู้ว่าในโลกของความจริงไม่ใช่อย่างนั้น