บันทึกญี่ปุ่นของสองตา : ท่องถนนหนังสือ

บันทึกญี่ปุ่นของสองตา : ท่องถนนหนังสือ

โดย : สองตา

Loading

อ่านสองตา คอลัมน์ที่ ‘สองตา’ เจ้าของเพจ “บันทึกของสองตา” จะพาคุณผู้อ่านเดินทางสู่โลกกว้างด้วยงบประมาณอันน้อยนิด เพราะเพียงแค่คลิกเดียวคุณก็จะได้ขึ้นเครื่องออนทัวร์อย่างเพลิดเพลินไปกับเรื่องราวต่างแดนที่เธอคนนี้ได้นำมาแบ่งปันให้ชาวอ่านเอาได้อ่านออนไลน์

มลกำลังอ่านหนังสือชื่อ ‘ฉันจะไม่ลืมร้านหนังสือโมราซากิ’ ได้แนะนำเมื่อรู้ว่าฉันจะไปโตเกียวว่า

“พี่ตาเคยไปย่านจิมโบโจ (Jimbocho) รึยังคะ เผื่อมีเวลาไปสำรวจ

“มลอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วเขาพูดถึงย่านจิมโบโจ เลยไปหาในกูเกิล (พร้อมกับแนบลิงก์มา) ในเรื่องพูดถึงร้านหนังสือไม่กี่ร้านค่ะ ร้านหลักๆ คือร้านโมริซากิ ที่นางเอกอกหักและตกงาน น้าชายเลยชวนไปกินไปนอนเฝ้าร้าน

“นางเป็นคนไม่อ่านหนังสือ ช่วงแรกเลยไม่ค่อยอินกับร้าน

“ระหว่างอยู่ที่ร้านก็เจอลูกค้าที่เป็นนักอ่าน และได้พบสังคมร้านค้าหนังสือเก่ารอบๆ ร้านโมริซากิ

“ในเรื่องมีร้านกาแฟด้วยชื่อ ซาบุรุ (Sabouru) ตั้งอยู่ในซอยลึก ท่ามกลางร้านหนังสือ คนเขียนบรรยายว่าเป็นร้านกาแฟเก่าๆ ในเรื่องมีเรื่องราวเกิดขึ้นที่นี่เยอะพอสมควร”

อ่านไลน์มลจบ เปิดดูลิงก์ และหาข้อมูลเพิ่มแล้ว ชอบๆ อยากไปๆ ดูเวลา การเดินทางแล้ว ไปง่าย นั่งรถไฟใต้ดินสายฮันโซมอน (Hanzomon Line) สายสีม่วงมาขึ้นที่ สถานีจิมโบโจ (Jimbocho) เลย

‘หนึ่งวันที่จิมโบโจ’ (ที่ไม่เคยได้ยินชื่อหรือรู้จักมาก่อน) จึงเกิดขึ้น

พอไปถึงสถานีฉันมองหาทางออก A 7 เพื่อไปร้านเครื่องเขียน Bumpodo ที่ตั้งอยู่ในอาคารสวยอายุ 120 ปี ตามที่หนังสืออีกเล่มแนะนำ แต่เปิดกูเกิ้ลแมป เดินหาร้านอยู่พักหนึ่งก็ไม่เจอ สุดท้ายวนกลับมาที่ทางออกสถานีที่เพิ่งขึ้นมา…เอาไงดี

หยิบลิสต์ร้านที่ต้องไปเยือนออกมาดู เลยเปลี่ยนใจว่าใช้เวลาเดินไปเรื่อยๆ ดีกว่า เดินผ่านแล้วชอบ สนใจร้านไหนก็แวะเข้าไป เพราะเท่าที่วนตามตรอกตามซอย ทุกอย่างตื่นตาไปหมด

จิมโบโจ คุณจะเจอชื่อนี้ในภาษาอังกฤษที่สะกดต่างกันคือ Jimbocho กับ Jinbocho ไม่ต้องสับสนค่ะ เพราะทั้งสองชื่อคือที่เดียวกัน เป็นย่านขายหนังสือมือสอง หรือ Book Town ของโตเกียว ไปแล้วเหมือนหลงอยู่ในเขาวงกต แม้ส่วนใหญ่จะเป็นร้านหนังสือเก่าอยู่ในตึกเก่า แต่ทุกร้านที่ส่องมองจากข้างนอก และเมื่อเปิดประตูเข้าไป ทุกอย่างจัดวางเป็นระเบียบ มีประเภทของหนังสือชัดเจน ไม่ได้กองเป็นขยะไร้ค่า เพราะหนังสือทุกเล่มล้วนมีราคา และคุณค่าในตัวเอง

แต่ละร้านมีความเชี่ยวชาญต่างกันไป จึงมีทั้งร้านขายหนังสือเล่มเล็ก นิตยสาร วารสาร สิ่งพิมพ์ทุกชนิด ทั้งภาษาญี่ปุ่น และต่างประเทศ  ไปจนถึงหนังสือเล่มใหญ่แบบที่เรียกว่าคอฟฟี่เทเบิ้ลบุ๊ค โปสเตอร์นิทรรศการ โปสเตอร์หนัง ภาพดารา ภาพถ่ายเก่าๆ ที่เล่าเรื่องได้อย่างน่าสนใจ

บางร้านมีคาเฟ่ บางร้านมีมุมให้ลูกค้ากดชา กาแฟ เครื่องดื่ม จากตู้ดื่มเองได้ วันนั้น ได้ลองกดกาแฟตู้ในร้านหนังสือ Sawaguchi ร้านหนังสือเล็กๆ ริมถนนใหญ่ที่ดึงดูดเราได้ด้วยกองหนังสือหน้าร้าน โปสเตอร์หนังต่างประเทศ ตรงทางเข้าบอกว่า ที่นี่มี Art Book, Photo Book และ Vending Machine

Photo : https://matcha-jp.com

ร้านมีสองชั้น ด้านหน้าร้านชั้น 2 เป็นกระจก ทำให้มีแสงจากภายนอกส่องเข้ามา มุมนี้จึงเป็นที่ตั้งของโต๊ะสูงสองตัว กับเก้าอี้สตูลสี่ตัว ด้านข้างมีตู้กดเครื่องดื่มร้อนเย็นให้บริการ สามารถหยิบหนังสือมาอ่าน มาดู ระหว่างจิบเครื่องดื่ม และมองไปข้างนอกพักสายตาได้ สบายๆ ราวกับอ่านหนังสือเงียบๆ ในห้องสมุดสักแห่ง สงบกว่านั่งในคาเฟ่เสียอีก

ร้านหนังสือเก่าหลายร้านอยู่ในตึกอายุเป็นร้อย ร้านหนังสือใหม่ก็มี ซึ่งต่างรวมอยู่ด้วยกันได้อย่างน่ารัก ทุกร้านมีคนเดินเข้าออก เราอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก ก็ยังเข้าออกทุกร้านที่ชอบ เข้าไปดมๆ กลิ่นกระดาษ เปิดดูหนังสือภาพ กดกาแฟดื่มเอง การใช้เวลาสบายๆ ท่ามกลางขุมทรัพย์ทางปัญญา และคนที่รักการอ่าน คือช่วงเวลาที่ดี

Photo : https://matcha-jp.com

สรุปพอเลือกเดินเรื่อยๆ ไม่ปักหมุดอะไร กลับเจอร้านที่ตามหาง่ายๆ คงเพราะไม่ได้เอาแต่ก้มหน้าดูแผนที่ จึงมองสิ่งที่เห็นตรงหน้าและตามรายทาง รวมถึงเจอร้าน Bumpodo ที่เดินหา แบบเดินเลี้ยวมาเจอร้านที่วินโดว์ดิสเพลย์ไม่ได้เป็นหนังสือ แต่เต็มไปด้วยเครื่องเขียน ข้าวของกุ๊กกิ๊กแบบที่เราชอบ พอเงยหน้ามองป้าย อ้าว…ที่นี่เอง

จะรออะไรล่ะคะ เข้าไปเลยค่ะ

 

หมายเหตุ : ร้านหนังสือส่วนใหญ่เปิดตั้งแต่เวลา 10.00-18.30 น. และมักจะปิดในวันจันทร์ หรือ วันอังคาร ขึ้นอยู่กับแต่ละร้าน

 

Don`t copy text!