บันทึกญี่ปุ่นของสองตา : ไปเดินเที่ยวนิงเงียวโจ

บันทึกญี่ปุ่นของสองตา : ไปเดินเที่ยวนิงเงียวโจ

โดย : สองตา

Loading

อ่านสองตา คอลัมน์ที่ ‘สองตา’ เจ้าของเพจ “บันทึกของสองตา” จะพาคุณผู้อ่านเดินทางสู่โลกกว้างด้วยงบประมาณอันน้อยนิด เพราะเพียงแค่คลิกเดียวคุณก็จะได้ขึ้นเครื่องออนทัวร์อย่างเพลิดเพลินไปกับเรื่องราวต่างแดนที่เธอคนนี้ได้นำมาแบ่งปันให้ชาวอ่านเอาได้อ่านออนไลน์

ระยะหลัง ถ้าเดินทางไปโตเกียวคนเดียว ฉันจะเปลี่ยนโรงแรมไปอยู่ตามย่านที่อยากไปสำรวจ โดยเลือกโรงแรมที่ค่อนข้างใหม่ และอยู่ใกล้สถานีรถไฟ จะได้ไปไหนมาไหนสะดวก

การไปพักโรงแรมในย่านอื่นๆ เปิดโอกาสให้เราได้รู้จักเมืองโตเกียวในมุมอื่นได้ดีที่สุด ครั้งหนึ่งฉันเลือกโรงแรมแถวตลาดสึกิจิ (Tsukiji)  อีกครั้งลองไปอยู่นิฮงบาชิ (Nihonbashi) ทริปที่แล้วอาซากุสะ (Asakusa) ครั้งนี้โรงแรมอยู่ใกล้สถานีนิงเงียวโจ  (Ningyocho) เดินแค่ 200 เมตร  มีรถไฟ ฮิบิยะ ไลน์ (Hibiya Line) สายสีเทา กับ อาซากุสะ (Asakusa Line) สายสีแซลมอน เป็นพาหนะ

คำว่า ‘นิงเงียว’ แปลว่าตุ๊กตา ชื่อ ‘นิงเงียวโจ’ จึงน่าจะเกิดจากการมีนักเชิดหุ่นมาอาศัยอยู่ที่นี่เป็นจำนวนมาก

นิงเงียวโจตั้งอยู่เขตจูโอ (Chuo) กรุงโตเกียว เคยเป็นถิ่นเดิมของการแสดงคาบุกิ ก่อนจะย้ายไปอยู่แถวกินซ่า แต่ก็ยังมีโรงละครอยู่ สังเกตได้จากใบปิดโฆษณาที่ยังมีให้เห็นตามถนน

จากข้อมูล ย่านนี้มีร้านขนมเก่าแก่หลายร้าน มีคิสสะเต็นอายุ 100 ปีที่ฉันไปกินอาหารเช้าถึง 2 วัน ชื่อร้านคิสสะโกะ ไคเซเค็น (Kissako Kaiseiken) เป็นร้านที่บังเอิญเดินไปเจอก่อนทางลงรถใต้ดิน ร้านเปิดตั้งแต่ 7 โมงเช้าเพื่อบริการคนทำงาน แค่เห็นหน้าร้านก็รู้สึกได้ถึงความขลัง

ร้านคิสสะโกะ ไคเซเค็น เปิดประตูร้านต้อนรับลูกค้าครั้งแรกเมื่อ ค.ศ.1919 นับได้ว่าเป็นหนึ่งในคิสสะเต็นที่เก่าแกที่สุดของโตเกียว ปัจจุบันดูแล โดยผู้สืบทอดรุ่นที่ 4 ร้านน่าจะยังคงบรรยากาศเดิมๆ หอมกลิ่นเก่าคลาสสิคด้วยการตกแต่งอย่างเรียบง่าย เคาน์เตอร์ โต๊ะ เก้าอี้ไม้สีน้ำตาลบุหนังสีแดง คู่สีที่สวย เข้ากับแสงธรรมชาติ แสงโคมไฟของร้าน และผนังลายอิฐที่มีรูปติดผนังเล็กน้อย

อีกข้อที่ทำให้อยากนั่งอยู่ในร้านนานหน่อย  คือเสียงเพลงเพราะๆ ที่เปิดคลอเบาๆ กับการไร้ควันบุหรี่ เพราะที่นี่ No Smoking

เมนูยอดนิยมตอนเช้าคือกาแฟกับขนมปังปิ้งที่มีสองแบบ คือชีสกับแยม โดยขนมปังเป็นของร้าน Pelican Brand ร้านขนมปังเจ้าดังจากย่านอาซากุสะ ที่ฉันเคยเดินผ่านตอนเช้าแล้วเห็นคนเข้าคิวหน้าร้านรอซื้อขนมปังที่อบเสร็จใหม่ๆ  กัน ยังคิดว่าเจ้านี้คงเด็ด พอทางร้านคิสสะโกะนำมาทำขนมปังปิ้ง เขาตัดชิ้นไม่หนามาก ปิ้งมากรอบกำลังดี ชีสที่ใช้ก็หอม อร่อยจนอยากจัดอีกสักที่ ฉันจึงไปที่ร้านนี้สองวัน สั่งขนมปังปิ้งชีสทั้งสองวัน แต่วันที่สองไปสายแล้วเลยเปลี่ยนเครื่องดื่มเป็นครีมโซดาแทนกาแฟ

ดื่มด่ำบรรยากาศคิสสะเต็นจนอิ่มใจแล้วก็ออกมาเดินหาหอนาฬิกาไม้ที่ตั้งอยู่ตามถนน อันเป็นสัญลักษณ์ของย่านนี้ที่มีมาแต่โบราณ ตามหาร้านขนมดังที่มีขายเฉพาะย่านนี้ แต่ละร้านอายุเป็นผู้อาวุโสเลยละ ทั้งร้านทั้งคนทำ

อีกร้านที่พลาดไม่ได้คือร้านอิตาคุระยะ (Itakuraya) ร้านขายขนมนิงเงียวยากิ (Ningyoyaki) หรือขนมเทพเจ้าแห่งความโชคดีทั้งเจ็ด เป็นขนมไส้ถั่วแดงเหมือนโดรายากิ  เหมาะสำหรับซื้อเป็นของฝาก ขนมเป็นแป้งอบสอดไส้ทำเป็นรูปร่างตุ๊กตาหลายแบบ คุณอาจจะเคยเห็นขนมหน้าตาแบบนี้ตอนเดินเล่นที่ถนนนากามิเสะ อาซากุสะ (Nakamise Asakusa) แต่ออริจินัลต้องที่นิงเงียวโจ

Photo : https://www.timeout.com/
Photo : https://www.timeout.com/

ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ แต่อยู่มากว่า 110 ปี (ก่อตั้งในปี 1907) เป็นหนึ่งในสามร้านขายขนมนิงเงียวยากิที่เหลืออยู่ ปัจจุบันทายาทรุ่นที่ 5 เป็นผู้ดูแล ได้ปรับรูปแบบขนมจากเทพเจ้าเต็มตัว เหลือเพียงใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุข 6 แบบ ส่วนใบหน้ายิ้มที่ 7 คงต้องเป็นใบหน้าของลูกค้าเมื่อได้ชิมขนมเก่าแก่นี้ ที่เปิดเตาอบตั้งแต่ตี 4 ก่อนเปิดขายตอน10โมงเช้าของทุกวัน

ฉันซื้อขนมสองชิ้นไว้ชิมตอนมีที่นั่งพัก เพราะมีเครื่องดื่มที่กดจากตู้อยู่ในกระเป๋าแล้ว

นอกจากนี้ยังมีร้านเซอิจูเค็น โดรายากิ (Seijuken Dorayaki) อีกร้านที่ขายโดรายากิเหมือนกัน แต่ทำรูปทรงกลมตามแบบดั้งเดิม เป็นร้านเก่าแก่อีกร้านที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1861 หรือตั้งแต่สมัยเอโดะ ในอดีต โดรายากิของร้านนี้เป็นของฝากขึ้นชื่อในหมู่พวกไดเมียว (ซามูไร) ยุคนั้นด้วยค่ะ กรรมวิธีที่ทำยังเป็นแบบโบราณ ทำด้วยมือทุกขั้นตอน

Ōban Dorayaki

โดรายากิในร้านมีให้เลือกสองขนาด สอดไส้แน่นเหมือนกัน แต่แนะนำขนาดใหญ่เพราะเต็มปากเต็มคำดี นอกจากโดรายากิแล้วก็ยังมีขนมญี่ปุ่นอื่นๆ อีกหลายชนิดให้เลือกซื้ออีกด้วย ร้านเปิดวันจันทร์ถึงศุกร์  09:00-17:00 น.วันเสาร์ 09:00-12:00 น. ปิดวันอาทิตย์

ปิดท้ายด้วยการไหว้พระที่วัดซุยเท็นกู (Suitengu) หรือวัดน้ำ เป็นศาลเจ้าประจำย่านนิงเงียวโจ เป็นอาคารไม้ที่อยู่บนชั้น 2 สูงกว่ากำแพงวัด มองลงมาเห็นจากถนน คนนิยมมาขอให้คลอดลูกปลอดภัย ป้ายขอพรของที่นี่จึงเป็นรูปสุนัขแม่ลูกที่น่ารัก ฉันหาที่นั่งในวัด หยิบนิงเงียวยากิออกมาชิม แป้งนุ่ม ไส้ถั่วไม่หวานเกินไป ทำให้ขนมสองชิ้นหมดอย่างรวดเร็ว

จากนั้นลองเดินลัดเลาะไปตามถนนด้านหลังวัด ที่มีร้านค้า ร้านอาหารอยู่เป็นระยะๆ  การได้กลับมาเดินละแวกนี้อีกครั้งในเช้าวันอาทิตย์ ทำให้เห็นว่าย่านนี้เป็นชุมชนที่น่ารัก ชาวบ้านยังอยู่กันแบบเกื้อกูล เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพราะวันอาทิตย์ที่ร้านค้าส่วนใหญ่ปิด ชาวบ้านก็มาช่วยกันกวาดถนนตามซอย โดยมีหัวหน้าชุมชนแจกไม้กวาด ที่โกยผงและถุงขยะ ดูทุกคนมีความสุขมากที่ได้มามาเจอกัน มาทำกิจกรรมจิตอาสานี้ด้วยกัน เป็นภาพประทับใจอีกภาพหนึ่งของทริปนี้

ถ้าคุณบังเอิญนั่งรถไฟใต้ดินสายที่ผ่านสถานีนิงเงียวโจและพอมีเวลา แนะนำให้แวะลงเดินเที่ยวสักครั้งค่ะ

 

Don`t copy text!