ตอนที่ 3

ตอนที่ 3

โดย : สำสา

Loading

เรื่องหลังโรงพยาบาล เรื่องสั้นโดย สำสา คุณหมอผู้ชื่นชอบการสื่อสารเเละถ่ายทอดเรื่องราวของชีวิตเเละธรรมชาติออกมาเป็นงานศิลปะ และครั้งแรกของเขากับงานเขียนในรูปแบบเรื่องสั้นที่อ่านเอานำมาให้ได้อ่านกัน เรื่องราวของ ‘หมอบุญเสก’ เพื่อนที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับและการตายที่อาจมีเงื่อนงำ

“บุญ…มาทำอะไร มึงตายไปเเล้วนี่”

ในความฝัน ผมเรียกชื่อเล่นของเพื่อน และทักทายเมื่อเห็นเขาเดินด้วยสีหน้าเรียบเฉยตรงมาที่ผม

ในความฝัน ผมก็รู้ว่าเขาตายไปแล้ว แต่ผมไม่ได้รู้สึกกลัวมากเท่ากับตอนที่ผมตื่นขึ้นมากลางดึก หลังจากที่ฝันเห็นเพื่อนในครั้งแรก

ความฝันหลายครั้งต่อๆ มาไม่ได้มีสาระอะไรที่ผมจะจดจำเรื่องราวในขณะฝันได้ ตื่นมาในตอนเช้าก็กลายเป็นความรู้สึกจางๆ เลือนๆ ว่าฝันเห็นเพื่อนคนนี้เท่านั้น ความรู้สึกกลัวหรือแอบขนลุกเล็กน้อยเหมือนกับเมื่อตอนฝันแรกนั้นหายไป กลับกลายเป็นความสงสัยว่าทำไมผมถึงฝันถึงเพื่อนคนนี้บ่อย หรือทำไมเพื่อนถึงมาเข้าฝันผมบ่อยเหลือเกิน

การเป็นนักเรียนแพทย์ เป็นแพทย์ การที่ต้องอยู่กับศพอาจารย์ใหญ่ ร่วมกับชีวิตการงานที่ต้องสัมผัสกับความเป็นความตายของผู้คนจนเป็นเรื่องปกติ ทำให้แพทย์ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นคนกลัวผี หรือกลัวสิ่งที่ลี้ลับกันเท่าไรนัก ประสบการณ์ตื่นเต้นและอธิบายไม่ได้ หรือจะเรียกว่าเป็นเรื่องผีๆ ที่สุดของพวกเราในสมัยเป็นนักเรียนแพทย์ อย่างมากก็คงเป็นเรื่องการเล่นผีถ้วยแก้ว ซึ่งก็คงไม่ต่างกับนักศึกษาคณะอื่นๆ ในช่วงยุคสมัยเดียวกัน แม้ว่าส่วนตัวผมมักจะมีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับผีในโรงพยาบาลไปเล่าให้กับน้องๆ ในคณะต่างๆ ที่เรียกร้องอยากจะฟังเรื่องราวแบบนั้น ซึ่งทั้งหมดก็เป็นเรื่องราวที่ผมแต่งขึ้นมาเองทั้งสิ้น

คนใต้มักจะถูกกล่าวหาว่ามีนิสัยนักเลง โดยแท้ที่จริงแล้วอาจเป็นบุคลิกภายนอกประกอบการพูดจาที่ค่อนข้างห้วนหรือเสียงดัง มีการใช้คำอุทานหรือการโพล่งถ้อยคำต่างๆ ออกมาที่บางครั้งอาจไม่เข้ากับกาลเทศะของการสนทนาเเบบคนกรุงเทพฯ หรือคนภาคอื่นๆ เเต่กับบุญเสกก็ไม่ใช่เด็กใต้ที่มีลักษณะแบบนั้นเสียทีเดียว

บางครั้งเขาอาจมีบุคลิกติดความเป็นผู้ใหญ่ที่ชอบสอนหรือตำหนิต่อว่าเพื่อนๆ ในเรื่องราวต่างๆ บวกกับลักษณะการแสยะปากที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ทำให้ถูกมองว่าเป็นตัวตึงคนหนึ่งในรุ่นนักเรียนแพทย์เหมือนกัน และรับรองได้ว่าไม่มีใครอยากจะโต้เถียงหรือขัดแย้งกับเขา เพราะบางครั้งเหมือนเขาจะตอแยเอาเอาชนะไม่เลิก เรียกได้ว่าเป็นคนไม่ยอมใครคนหนึ่ง

ประจักษ์พยานสำคัญที่เห็นได้ชัดคือ มีเพื่อนร่วมรุ่นอย่างน้อย 2 คนที่บุญเสกไม่ยอมคุยด้วย และ 1 ใน 2 คนนั้นอาจจะเป็นคนที่เคยมีเรื่องชกต่อยกันด้วย

ระยะเวลา 6-7 ปี ภายหลังจากที่เด็กนักเรียนมัธยมคนหนึ่งสอบติดคณะแพทยศาสตร์ แทนที่จะได้ใช้ชีวิตของความเป็นวัยรุ่นอยู่ในมหาวิทยาลัยเหมือนกับเด็กที่เรียนในคณะอื่นๆ กลับต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตวัยรุ่นนั้นกับการเรียนการฝึกฝน การอ่านตำรับตำรา การสอบ เพียงแค่ 2-3 ปีจากนั้นก็ต้องขึ้นวอร์ดหรือหมายถึงการฝึกการดูแลรักษาผู้ป่วย ต้องตื่นแต่เช้าบางครั้งก็เลิกค่ำ เสาร์อาทิตย์ยังต้องปฏิบัติงาน บางวันมีการอยู่เวร

นั่นเสมือนหนึ่งเป็นการเร่งโตให้เป็นผู้ใหญ่ ที่ต้องพร้อมรับกับสภาพงานหนัก พร้อมรับภาระผิดชอบในการดูแลชีวิตหรือกระทั่งความเป็นความตายของผู้อื่น

เด็กคนหนึ่งที่เข้าสู่ชีวิตวัยรุ่นเพียงไม่นาน กลับต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่ ทันใดที่เรียนจบไปเป็นแพทย์ในวัยยี่สิบต้นๆ โดยที่โรงเรียนแพทย์ลืมสอน ทั้งวิชาการบริหาร จิตวิทยา หรือการสื่อสาร ทั้งกับผู้ร่วมงาน คนไข้ ชุมชน และสังคมหลากหลายที่พวกเขาต้องไปพบเจอ

…หมอใหม่ก็เหมือนกับลูกนกที่ขนเพิ่งจะเต็ม ปีกเพิ่งจะเเข็ง แม่ฝึกให้บินได้ไม่กี่วัน ก็ถูกผลักไสออกจากรังไปสู่โลกกว้างโดยที่ยังไม่รู้ว่าโลกที่จะเผชิญข้างหน้านั้นเป็นอย่างไร…

Don`t copy text!