ตอนที่ 8

ตอนที่ 8

โดย : สำสา

Loading

เรื่องหลังโรงพยาบาล เรื่องสั้นโดย สำสา คุณหมอผู้ชื่นชอบการสื่อสารเเละถ่ายทอดเรื่องราวของชีวิตเเละธรรมชาติออกมาเป็นงานศิลปะ และครั้งแรกของเขากับงานเขียนในรูปแบบเรื่องสั้นที่อ่านเอานำมาให้ได้อ่านกัน เรื่องราวของ ‘หมอบุญเสก’ เพื่อนที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับและการตายที่อาจมีเงื่อนงำ

เป็นเช้าวันจันทร์ที่ยุ่งเหยิง...

เริ่มต้นจากชายสองคนในเงามืดที่มาซุ่มอยู่หน้าบ้านไม่รู้ด้วยวัตถุประสงค์ใด เป็นเหตุให้คนขับรถพาหมอไปที่โรงพักเพื่อขอคำแนะนำจากตำรวจที่รู้จักกัน แต่กลับไม่มีการลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานอะไรเป็นหลักฐาน ร้อยเวรซึ่งยังอยู่ที่บ้านพูดคุยผ่านสายโทรศัพท์กับหมอหนุ่ม รับปากว่าจะส่งคนแวะไปตรวจสอบที่บ้านพักให้

กว่าที่จะเสร็จธุระทุกอย่างที่โรงพักก็ใกล้เวลานัดหมายกับหมอใหญ่ที่สาธารณสุขจังหวัด ซึ่งเขาต้องกลับมาเปลี่ยนรถเป็นรถกระบะของโรงพยาบาลขับรถย้อนเข้าไปในตัวเมืองอีกครั้งหนึ่ง

ซึ่งนั่นเป็นเหตุให้เขาไปถึงห้องทำงานของหมอใหญ่หลังจากเลยเวลานัดหมายไปเล็กน้อย แต่นั่นยังไม่น่าผิดหวังเท่ากับสิ่งที่ได้ยินจากเลขาฯ หน้าห้องว่าเจ้าของห้องไม่รอพบและฝากบันทึกเอาไว้ให้หมอหนุ่ม  ผมพอทราบว่าเป็นเรื่องอะไรมีคนฟ้องผมมาเหมือนกันขอให้ใจเย็นๆ เอาไว้ก่อน ผมรับฟังทั้งสองข้าง แล้วจะนัดหมายให้มาคุยกัน

อ่านจดหมายน้อยเสร็จแล้ว บุญเสกไม่รู้ควรจะดีใจหรือเสียใจกับเนื้อหาในบันทึกนั้น

“ท่านเเพทย์ใหญ่จะกลับมาอีกทีตอนไหนครับ เผื่อผมจะรอ”

“ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ อาจจะเป็นบ่ายแก่ๆ หรือไม่วันนี้อาจจะไม่เข้ามาอีกเลย” คำตอบที่ได้กลับยิ่งสร้างความกังวลให้แก่หมอหนุ่ม วันนี้เขาตั้งใจมาคุยกับหมอใหญ่เรื่องขอย้ายพื้นที่ด้วย

เขาตัดสินใจเดินทางกลับโรงพยาบาลเนื่องด้วยในช่วงบ่ายมีคนไข้นัดผ่าตัดรออยู่หลายราย

 

บุญเสกจงใจไม่กลับเข้าบ้านพัก เขาเดาใจตัวเองไม่ถูก ข้างเหตุผลบอกตัวเองว่าอยากให้ตำรวจเข้ามาตรวจให้เรียบร้อยเสียก่อนเผื่อจะหาหลักฐานอะไรได้ แต่เขารู้ว่าจิตใต้สำนึกของเขายังมีความกังวลกับจดหมายซองสีขาวที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารตอนนี้ ซึ่งชักจะเริ่มไม่แน่ใจว่ามันเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องราวของชีวิตคู่ที่ยุ่งเหยิงอยู่ฝ่ายเดียวของเขาหรือเปล่า น้อยหน่าจะระแคะระคายหรือทราบเรื่องอะไรที่เกิดขึ้นหรือไม่ เขาไม่อยากกลับไปเปิดมันแล้วพบว่ามันคือเรื่องที่เขาสงสัยอยู่จริงๆ

บุญเสกเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องทำงาน เสร็จแล้วรีบเข้าไปดูคนไข้ในหอผู้ป่วยสี่ห้าราย พอดีกับที่มีเสียงโทรศัพท์จากห้องผ่าตัดโทร.มาตามหมอซึ่งเป็นทั้งผู้อำนวยการ หมอตรวจคนไข้นอก ดูคนไข้ใน และหมอผ่าตัดในคนคนเดียว

“ข้าวเที่ยงหมอวางไว้ในห้องกินข้าวนะคะ”

เจ้าหน้าที่ธุรการเดินมาบอกผู้อำนวยการ ทำให้บุญเสกเพิ่งรู้ตัวเองว่าจนบ่ายสองเขายังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อตอนบ่ายวันวาน

คิดถึงการคลอดที่มีปัญหาเมื่อคืน เด็กทารกที่ตายในมือเขา และแม่เด็กที่ตายที่โรงพยาบาลจังหวัด ทำให้เขากินข้าวไม่ลง เขาวางช้อนลงเเล้วรีบลุกออกไปจากห้อง ตรงไปยังห้องผ่าตัด

“หมอได้พักหรือยัง” พยาบาลอีกคนทราบข่าวเรื่องเมื่อคืนทักทายทันทีที่พบหน้ากัน

“หมอผ่าไหวไหม ไม่ไหวเราเลื่อนเคสไปก่อนก็ได้”

หมอหันกลับมองตรงต้นเสียง แล้วตอบว่า

“ไม่ดีหรอกพี่ คนไข้กว่าจะได้ผ่าตัดเตรียมตัวมาตั้งนาน เสียค่ารถมาโรงพยาบาลตั้งเท่าไหร่”

ความทุ่มเทที่บุญเสกมีให้กับคนไข้ทุกรายคือความดีที่เป็นเกราะคุ้มกันเขาตั้งแต่แรกที่มาอยู่โรงพยาบาลแห่งนี้ ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือและพูดต่อกันไปถึงความมีน้ำใจของแพทย์ท่านนี้ และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้โรงพยาบาลมีคนไข้มาใช้บริการเป็นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ที่เขามาทำงาน

เคสผ่าตัดเคสสุดท้ายเป็นเด็กอายุ 10 ขวบมีฝีขนาดใหญ่ตรงใกล้กับสะดือ สิ่งที่เขาทำก็เพียงแค่ฉีดยาชากรีดฝีเดรนออกแล้วล้างด้วยน้ำยา จากนั้นก็ใส่สายยางเล็กๆ เข้าไปทำหน้าที่เป็นเดรนให้น้ำเหลืองน้ำเลือดที่อาจจะยังค้างอยู่ออกมาในสองสามวันหลังผ่าตัด

มันเป็นเวลาสองทุ่มตรง ตอนที่เขาเดินออกมาจากโรงพยาบาล เจอกับพนักงานขับรถอีกคนหนึ่งที่ถูกฝากมาดูแลผู้อำนวยการในคืนนี้

“ไม่เป็นไรหรอก พี่เดินไปส่งผมแค่หน้าบ้านก็พอแล้ว”

 

ไฟนีออนสีขาวหน้าบ้านดับมืดไปเเล้ว

“หมอเอาไฟฉายอันนี้ไปด้วยครับ มีอะไรก็โทรเรียกผมนะครับ คืนนี้ผมเฝ้าอยู่โรงบาล”

ชายอายุรุ่นลุงที่หมอเรียกว่าพี่กล่าวด้วยความเป็นห่วง สักพักก็เดินจากบ้านพักไปหลังจากเห็นหมอเปิดประตู

เข้าไปในบ้านแล้ว โชคดีที่มีไฟฉาย ไฟอีกดวงตรงเพดานห้องน้ำก็เสียเหมือนกัน บ้านพักแพทย์ผู้อำนวยการใช้งานมาหลายปี หลอดไฟโคมไฟรวมทั้งสายไฟน่าจะเก่าทรุดโทรมมากเเล้ว

คืนนี้บุญเสกรู้สึกหิว หลังอาบน้ำเสร็จเขาใช้กระทะไฟฟ้าต้มมาม่ากิน อาหารที่น้อยหน่าฝากมาให้ถูกวางลืมไว้นอกตู้เย็นซึ่งก็คงเสียหมด ชายหนุ่มเพียงแค่หยิบจดหมายซองสีขาวนั้นออกมา ยังไม่กล้าอ่านแต่เสียบไว้กับกระเป๋าเสื้อนอนตรงหน้าอกและเดินขึ้นชั้นบน เปิดสวิตช์พัดลมแล้วเอนตัวลงบนเตียงสปริงเบาะเเข็งๆ เอื้อมมือซ้ายไปกดปุ่มโคมไฟหัวเตียง ไฟไม่ติด มีเสียงดังเเกร๊ก และทันใดนั้นเสียงพัดลมเพดานก็เบาลง

บุญเสกตกใจเล็กน้อย แต่น่าจะเป็นเพราะฟิวส์ขาดทำให้มีการลัดวงจรตรงไหนสักที่ เอื้อมมือไปหาไฟฉายอันเมื่อครู่แต่ไม่พบ คว้าดูอีกทีนึงปรากฏว่าแขนพลาดไปโดนตกกระเเทกลงบนพื้น ถ่านไฟฉายหลุดกระจายออกมาจากกระบอก

เขาตัดสินใจไม่ประกอบไฟฉายกลับขึ้นมาอีกเพราะพื้นห้องก็ดูมืดมองอะไรไม่เห็น เปิดประตูห้องนอนออกไปมองหาแผงเบรกเกอร์ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับประตูนั่นเอง มองเห็นสวิตช์เบรกเกอร์สีขาวในความมืด เขายื่นมือขวาขึ้นไปเพื่อที่จะดันสวิตช์ ทันใดนั้นก็มีเสียงปั้งดังขึ้นพร้อมกับร่างของบุญเสกที่หมดสติ และร่วงลงไปตรงบันได

Don`t copy text!