นักเขียนผู้กรีดเถือเนื้อหนังตนเอง
โดย : ไข่เจียวหมูสับ
อ่านเอาเล่าสนธยา เรื่องสั้นอ่านเพลิน โดย ไข่เจียวหมูสับ ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้เพลินไปกับเรื่องราวมากมายที่ยากจะคาดเดา พร้อมเก็บเกี่ยวแง่คิดดีๆ ผ่านทุกตัวอักษร เมื่ออ่านจบคุณจะพบว่า บางครั้งแค่เปลี่ยนมุมมองชีวิตก็เปลี่ยน ลองสัมผัสกับ อ่านเอาเล่าสนธยา ที่ anowl.co เว็บไซต์นวนิยายที่คัดคุณภาพมาให้คนรักงานเขียนได้อ่านกัน
ในวันอาทิตย์ที่แสนหนาวเหน็บ นิญาได้รับอีเมลจากบรรณาธิการชื่อลุงทูล
ภายในคือข้อเสนอให้เธอเขียนเรื่องสั้นแนวสืบสวนจำนวนหกเรื่อง โดยมีกำหนดส่งต้นฉบับในอีกสี่เดือนข้างหน้า เพื่อนำผลงานไปเสนอเข้าชิงรางวัล ‘นิยายสืบสวนในยุคโลกเสมือนจริง’ พร้อมรายละเอียดขอบเขตของตัวเรื่องสั้น
เวรแล้วสินะ เธอบ่นในใจ ปิดโน้ตบุ๊กที่วางอยู่บนตักลงแล้วนำไปไว้ที่ชั้นวางข้างหัวเตียง จากนั้นจึงพาร่างสอดเข้ามาในผ้าห่มหนา ซุกอยู่อย่างนั้นเพื่อรับไออุ่น
ในมุมมองของนักเขียนวัยสามสิบ เพราะเนื้อหนังที่กลางอกและต้นขานั้นแทบไม่เหลือแล้วจึงรู้สึกหนาวง่ายกว่าคนทั่วไปมาก
ใช่แล้ว นิญาเป็นนักเขียนประเภทที่เอาชีวิตตัวเองมาเขียน ที่ผ่านมาเธอประสบความสำเร็จในเส้นทางนักเขียนโดยแลกกับเลือดเนื้อของตนเอง อันที่จริงจะว่าตรงตามตัวก็ไม่เชิง จะว่าเป็นคำเปรยเปรียบก็ไม่ใช่ จะให้บรรยายก็คงประมาณได้ว่า เธอนำประสบการณ์ที่เกิดกับตนเองมาเขียนเป็นเรื่องราว ทั้งความทรงจำในสมอง สัญชาตญาณที่ฝังในจิตและกล้ามเนื้อ ล้วนถูกกลั่นออกมาเป็นชิ้นงาน
และมันก็เป็นข้อแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า นวนิยายเรื่องที่สองของนิญาได้รับรางวัลเจ็ดสาขา ตามมาด้วยยอดสั่งพิมพ์ซ้ำตลอดสองปีที่ผ่านมา เรื่องสั้นสองเล่มก่อนก็ได้ผลการตอบรับอย่างดี เรียกว่าเป็นหนึ่งในนักเขียนชื่อดังของประเทศ U เลยทีเดียว
แต่ทุกความสำเร็จแลกมาอย่างเต็มราคา เนื้อหนังมังสาของเธอถูกเถือออกไปทีละนิด ทีละหน่อย เพื่อเป็นวัตถุดิบแห่งชิ้นงาน
หากย้อนเวลากลับไปได้ก็ยังจะทำเช่นนี้อีก เธอยอมแลกบางสิ่งเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ และทำเช่นนั้นมาตลอด
แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นโดยไม่ทันคาดคิด ไม่สิ ต้องเรียกว่าแอบคาดไว้แล้วแต่ไม่สนใจจะแก้ไขต่างหากเล่า
ปัญหาที่ว่าคือเลือดเนื้อที่เป็นดั่งเชื้อเพลิงนั้นกำลังมอดลง ไม่ใช่ว่ากำลังจะตายหรืออะไรหรอก ร่างกายนั้นยังแข็งแรงดีทุกอย่าง แต่มันแทบไม่มีประสบการณ์ใดให้รีดเร้นออกมาอีกแล้ว รับรู้เลยว่าหากรีดไปมากกว่านี้ เธอจะเสียทั้งชีวิตและความสามารถในการเขียนไป
จะเรียกว่าวิกฤตก็คงน้อยเกินไปด้วยซ้ำ ผ่านมานับสิบปีที่ขีดเขียน นิญาไม่เคยฝึกฝน ไม่เคยศึกษา เพียงแค่เขียนสิ่งที่ร่างกายมันกลั่นกรองออกมา ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ราวกับเป็นธรรมชาติของตนซึ่งไม่ต่างอะไรกับการหายใจหรือกะพริบตา ทว่าเวลานั้นเดินจากไปอย่างเงียบเชียบ โดยไม่แม้แต่จะส่งคำอำลา
เวลานี้คือทางแยกของชีวิต นิญารับรู้โดยสัญชาตญาณที่ยังหลงเหลืออยู่ ลมหนาวของเครื่องปรับอากาศเคลื่อนทะลุผ่านรูกลวงตามเรือนร่าง เธอหนาวสั่นอย่างไม่อาจฝืนทน จะไม่เปิดเครื่องปรับอากาศก็ไม่ไหว เนื่องเพราะความร้อนที่หลับใหลหลบซ่อนอยู่ในอณูของอากาศนั้นก็เตรียมพร้อมจะแผดเผาร่างบอบบางได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าทางไหนก็น่าเวทนาไม่ต่างกัน
ใต้ผ้าห่มหนา ร่างของหญิงอีกคนหนึ่งพลิกตัวไปมาข้างกายของนิญา เธอไม่ทราบหรอกว่าหล่อนชื่ออะไร เพียงคุยกันถูกคอเมื่อคืน รู้สึกตัวอีกทีก็มีเพื่อนร่วมเตียงเสียแล้ว คงเพราะรสเหล้ามันกล่อนกัดเนื้อเยื่อคอที่ถูกเถือไปแต่งนิยายเมื่อสองปีก่อน จึงทำให้ครานี้เมาเป็นพิเศษกระมัง
ร่างนั้นอยู่ทางซ้ายมือ กำลังนอนตะแคงหันหลังให้กับนิญา
เธอมองดูหญิงปริศนาผ่านดวงตาที่ถูกคว้านไปทำเรื่องสั้นประกอบภาพยนตร์เมื่อเดือนมกราคม ร่างนั้นยังสวมเสื้อไหมพรมที่ตัดแต่งโชว์หัวไหล่ เมื่อถลกผ้าห่มออกก็พบส่วนท่อนล่างยังมียีนขาสั้นที่เห็นถึงง่ามก้นประดับอยู่ ชัดเจนว่าเมื่อคืนทั้งคู่คงยังไม่ได้ตกเป็นของกันและกัน
ตื่นสิ ตื่นได้แล้ว เธอออกเสียงพร้อมเขย่าตัวแต่กลับไร้การตอบสนองใด ๆ ร่างอวบแน่นของหญิงปริศนาเพียงสั่นไปมาเล็กน้อยเท่านั้น นิญาจึงตัดสินใจเลิกผ้าห่มลงบนพื้นห้องและใช้มือพลิกร่างตะแคงของหญิงปริศนาให้หงายตัวกลับลงบนเตียง
ทว่านิญาไม่ได้กล่าวปลุกซ้ำ อันที่จริงเธอเงียบลงในทันที ไม่ใช่เพราะลำคอเป็นรูโหว่หรือเพราะความสะสวยของหญิงตรงหน้า แต่เป็นสัมผัสที่ได้รับจากฝ่ามือต่างหาก
ฝ่ามือสีแทนของนิญารับรู้ได้ว่ากำลังดูดอะไรบางอย่างออกจากร่างของหญิงคนนั้น ราวกับเด็กน้อยที่ดูดดื่มน้ำนมอย่างกระหายหิว ยิ่งดื่มก็ยิ่งพบว่ารูโหว่บนร่างกายถูกเติมเต็มให้บริบูรณ์ดังเดิม ส่วนร่างของหญิงปริศนาน่ะหรือ บางส่วนเริ่มถูกคว้านเป็นรูในตำแหน่งเดียวกับที่เคยปรากฏบนร่างของนิญาไม่ผิดเพี้ยน
หญิงคนนั้นเริ่มตื่นพร้อมส่งเสียงสะลึมสะลือ จ้องมองเธอด้วยแววตาที่เป็นรูโหว่ไปถึงท้ายทอย
สวัสดีที่รัก นิญาทักทายอย่างเริงร่า รับรู้ว่าตนมีวัตถุดิบมากพอในการแต่งนิยายแล้ว
นับจากวันนั้นที่ทั้งสองคบหากัน ก็ล่วงผ่านสัปดาห์สาม หญิงคนนั้นมีนามว่าลินดา
ผลงานล่าสุดของนิญานั้นได้รับกระแสตอบรับท่วมท้นอลหม่าน ขายดีอย่างน่าตกใจ แม้ส่วนหนึ่งในใจจะแอบคาดเดาไว้อยู่แล้วก็ตาม นั่นเพระาเธอไม่ต้องพะวงกับการสูญเสียทรัพยากรกายภาพของตนอีกต่อไป หากขาดตรงไหน เพียงดูดกลืนจากลินดาก็พอเหลือเฟือแล้ว
ลินดาที่น่าสงสารไม่อาจรับรู้เลยว่าร่างกายของตนนั้นถูกเถือเนื้อหนังออกไปเป็นประจำ ยามที่ทั้งสองกอดก่าย กระดูกของนางถูกกร่อนเหลือเพียงเส้นเอ็น แก้มก้นถูกกรีดไปเป็นรอยถลำยาวลึก ทั้งหมดก็เพื่อเติมเต็มร่างกายของนิญาสุดที่รัก
เงินตรามากมายไหลเวียนเข้ามาพร้อมชื่อเสียง มันมากกว่าสมัยที่เธออยู่เพียงลำพังเสียอีก นั่นแสดงว่าการเถือเนื้อของผู้อื่นมาโปะลงบนเรือนร่างนั้น จะส่งผลให้เรื่องราวถูกกลั่นออกมาอย่างมีคุณภาพมากกว่าเถือจากเนื้อหนังของนิญาเอง
ทว่าวันหนึ่ง เมื่อลองสัมผัสกับเพื่อนคนอื่นในวงสุรา ก็พบว่าไม่อาจดูดกลืนเข้ามาได้
นั่นทำให้เธอสงสัยที่ตนดูดกลืนลินดาสำเร็จ เป็นเพราะทั้งคู่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งงั้นหรือ ไม่มีทาง เธอได้รับเนื้อหนังมาก่อนจะมีอะไรกันคืนแรก หรือจะกล่าวว่าเพราะเป็นคนรักกัน ถ้าเช่นนั้นก็เป็นไปได้อยู่อยู่ แต่สิ่งที่ทำให้กังวลยิ่งกว่า นั่นคือความคิดที่ว่า ลินดาอาจเป็นคนเดียวที่เธอสามารถดูดกลืนได้…
แค่คิดก็หนาวสั่นแล้ว มันมิใช่เรื่องตลก เธอรักและเอ็นดูลินดาที่อ่อนเยาว์กว่าหลายขวบปี แต่ก็มองเห็นชัดเจนว่าเนื้อหนังของหญิงสาวนั้นเริ่มเหลือน้อยลงทุกที วันหนึ่งก็คงไม่มีส่วนดีมากพอให้ดูดมาไว้กับตัว หากเป็นเช่นนั้นจริง แล้วเธอจะเอาเนื้อหนังของใครมาเป็นวัตถุดิบอีกเล่า
แค่คิดก็ร้อนใจ จึงรีบหาทางผลักไสลินดาให้พ้นทางและเริ่มหาคนรักใหม่
ความสุขใจกลับมาเยือนอีกครา เมื่อนิญาพบว่าสามารถดูดกลืนเนื้อหนังจากคนรักใหม่ที่แอบคบหาลับหลังลินดาได้ เท่านี้ก็ทราบดีแล้ว ขอแค่ตกลงรักกัน จะใครเธอก็ล้วนดูดกลืนได้ทั้งนั้น และเมื่อหมดสิ้นมังสาและแกนกระดูก ก็ถึงเวลาที่ต้องแยกทาง
สองปีต่อมา นิญาผ่านความรักครั้งแล้วครั้งเล่า เสพสมกระทั่งพอใจแล้วจึงร้างลา ในวันที่พวกนั้นไร้ค่าไร้ความหมาย น้ำตาของหญิงชายที่เสียให้กับเธอช่างสร้างความเจ็บปวดนัก แต่เพื่ออนาคตของผลงานแล้ว มันคือสิ่งที่ต้องกระทำ นิญาทราบดีว่าตนเกิดมาเพื่อช่วงชิงบางสิ่งจากคนอื่น แต่โลกใบนี้ก็ได้รับสิทธิในการเสพสมผลงานของเธอเป็นการตอบแทนมิใช่หรือ
และในวันที่เธอพบว่าร่างของชายวัยกลางคนนั้นเดินทางมาถึง ‘จุดสิ้นสุดของการเป็นวัตถุดิบ’ นิญาก็ทราบทันทีว่าการจากลาเดินย้อนมาทำร้ายตนอีกครั้งแล้ว
ร่างที่เคยอวบหนาและพลุ้ยล้น บัดนี้กลวงโบ๋ บริเวณน่องทั้งสองนั้นว่างเปล่าเหลือเพียงแกนกระดูกร้าว เขาที่ตนเคยมอบดวงใจให้ บัดนี้ไม่มีเนื้อหนังที่จำเป็นต่องานเขียนอีกต่อไป กายหยาบเกือบเจ็ดส่วนที่เคยเปล่งปลั่ง ถูกแปรสรรค์กลายเป็นนวนิยายที่เพิ่งถูกซื้อไปดัดแปลงเป็นแอนิเมชันหมดแล้ว
หลังจากเลิกกันอย่างทรมานทรวง นิญาต้องฝืนใจไปทำหน้าที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบทละครเวทีที่หอประชุมแห่งหนึ่งใจกลางเมืองหลวง และที่นั่นเอง เธอผู้กำลังว่างเว้นจากความหวานหอมของจิตปฏิพัทธ์ กลับได้พบกายชื่อธรัณ หนุ่มหล่อผู้วิเศษเกินกว่าจะมีอยู่จริงบนโลก
เธอและเขานัดพบกันที่บาร์แห่งหนึ่งในซอยแคบอันเงียบสงัด
ธรัณบอกว่าเขาอายุสิบเก้า ทว่าโครงหน้าคมคายของเขานั้นแฝงไว้ซึ่งความเติบใหญ่ในแนวคิดและประสบการณ์ ไม่แปลกใจเลยที่ละครเวทีเรื่อง ‘แมวสีขาวและกางเกงยีนส์’ จะโด่งดังถล่มทลายทั้งที่เป็นผลงานสร้างสรรค์เรื่องแรกในชีวิต
ผมก็แค่ทำในสิ่งที่อยากทำ หนุ่มน้อยพูดอย่างเอียงอาย หน้าที่เปลี่ยนเป็นสีชาดนั้นมาจากฤทธิ์และรสสุราในแก้วหรือมาจากความขวยเขิน เรื่องนั้นนิญาไม่อาจตรัสรู้ สิ่งเดียวที่คำนึงถึงคือความเป็นไปได้ที่ทั้งสองจะเป็นคนรักกัน และความเป็นไปได้ที่เธอจะดูดกลืนเลือดเนื้อของเขา
เมื่อทราบว่าธรัณเพิ่งลาร้างจากแฟนหนุ่ม และยังคงอยู่ในสภาวะถนอมรักษาใจ นิญาจึงอาสาว่าตนจะทำกับข้าวมื้อเย็นไปให้ที่ห้องพักทุกวัน ผู้กำกับและเขียนบทละครเวทีซึ่งมิได้อ่อนต่อโลกเข้าใจในเจตนาขั้นต้น จึงตกปากรับคำด้วยความยินดี
สามเดือนแรกที่คบกัน นิญาแทบไม่เคยลิ้มรสเนื้อหนังของเขา เพราะยังดำรงอยู่ในช่วงพักสมองจากงานใหญ่ ส่วนความสัมพันธ์นั้นเรียกว่าราบรื่น ทั้งสองให้เกียรติและเชื่อใจอีกฝ่าย อย่างน้อยก็จากสายตาของนิญาเอง ตัวธรัณไม่เคยปิดปังข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ บางครั้งก็วางบนเตียงขณะที่เขากำลังอาบน้ำราวกับไม่มีสิ่งใดให้ปิดปัง เธอเองก็ไว้ใจและไร้ซึ่งอารมณ์หึงหวงถึงขั้นต้องตามไล่ดูประวัติการสนทนาในแอปพลิเคชันทั้งหลายแต่อย่างใด
แต่นิญาก็ยังเป็นนิญา ไม่กี่สัปดาห์ต่อมาเธอก็ทนไม่ไหวและเถือเนื้อแน่นส่วนอกของเขามาดูดกลืน มันช่างหวานหอม ทั้งสองกอดรัดฟัดกันยันเช้า โดยเธอพยายามเต็มที่ที่จะเถือแค่เพียงส่วนอกเท่านั้น
เช้าวันต่อมา ธรัณลืมมือถือไว้ตรงหัวเตียง ส่วนร่างกายนั้นเดินทางไปทำงานเรียบร้อย
นิญาไม่ต้องการจะนำไปส่งถึงที่ทำงาน ด้วยรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเท่าไร เรียกว่าเป็นไข้ก็ไม่ผิด จึงติดต่อไปยังที่ทำงานของธรัณแทน ซึ่งเขาก็ไม่ได้แสดงความกังวลแต่อย่างใด นอกจากนั้นยังบอกอีกว่า ฝากเธอรับสายให้ด้วย หากมีใครโทรติดต่อเข้ามา
นิญารู้สึกหงุดหงิดโดยมิทราบสาเหตุ ทั้งที่ควรยินดีที่ไม่มีพิรุธอะไรให้เหนื่อยใจเหมือนคู่รักอื่น แต่การที่เป็นเช่นนี้ อาจมองได้ว่าเขาไม่ได้ใช้มือถือเครื่องนี้เพียงเครื่องเดียว หรืออาจมีการพบปะกับชู้รักผ่านทางเครื่องมืออื่น
ฟุ้งซ่านแล้ว ไร้สาระฉิบหาย เธอบอกกันตนเองเช่นนั้น นิญาไม่ใช่คนขี้หึงหวง เรื่องพวกนี้มันไร้สาระ
รู้สึกตัวอีกครา เธอก็กำลังนั่งไล่ดูข้อความสนทนาในมือถือของธรัณอยู่ ส่วนรหัสเข้าเครื่องนั้น ธรัณเคยบอกให้เธอทราบอยู่แล้ว
ในประวัติการโทร มีรายชื่อมากมาย ส่วนใหญ่เธอจะรู้จัก และรายชื่อที่ทำให้ใจไหวหวั่นนั้นมีเพียงคนเดียว นั่นคือ ‘ธีโอ’
มันคือชื่อของชายหนุ่มวัยยี่สิบสี่ คนรักเก่าของธรัณ
เมื่อเปิดบทสนทนาออนไลน์ขึ้นดู ก็พบว่าล่าสุดที่ติดต่อกันคือหกเดือนก่อน เป็นการนัดทานข้าวกับถามไถ่การงาน ไม่มีประโยคเรื่องการบอกเลิก คงเพราะธีโอถูกธรัณตัดสัมพันธ์ที่ร้านอาหารแห่งนั้นนั่นเอง
เมื่อไล่ขึ้นไปดูบทพูดหวานหอมที่เขาเคยมอบให้ชายหนุ่มหน้าใสคนนี้ หัวใจก็เริ่มรู้สึกถูกบิดเป็นคลื่นเกลียว ไม่ใช่ความเจ็บหรือจุก เรียกว่าออกอารมณ์อึดอัดคงจะตรงกว่า
แต่ทว่า เมื่อเลื่อนไปเรื่อยก็พบภาพในอดีตของเขากับธีโอ น่าจะเป็นโรงแรมที่เขาชอบไปทานมื้อเย็น ทั้งสองนอนซุกกันบนเตียงสีขาว ร่างบางแต่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งของธีโอนอนทับพิงอกแน่นของธรัณที่กำลังยกตัวขึ้นมาถ่ายรูปจากด้านหน้า ท่อนล่างนั้นคงซุกอยู่ในผ้าห่มของโรงแรมนั่นแหละ
นั่นมิได้ทำร้ายหัวใจนิญาเท่าไรหรอก ไม่ใช่เพราะไม่หึงหวง แต่เพราะภาพนั้นมีบางสิ่งที่ผิดแผกไปจากภาพคู่รักทั่วไป ต่างออกไปอย่างไม่น่าเชื่อ
ภาพของธีโอที่กำลังยิ้มร่าพลางพิงอ้อมอกของธณัณนั้น… เมื่อดูให้ดีจะพบว่ามีรูที่หัวและตัว รูที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกินสองเซนติเมตร กระจายกันไปอย่างไร้ระเบียบ บ้างมองเห็นด้านในเป็นรูกลวงดำ บ้างมองทะลุไปถึงด้านหลัง
มือข้างที่ถือโทรศัพท์สั่นเกร็ง รับรู้เรื่องที่ไม่ควรจะรู้
ธีโอ… ถูกธรัณดูดกลืนงั้นหรือ คนรักของเธอ… มีความสามารถแบบเดียวกัน
ต้องหนี… นั่นคือสิ่งที่สมองกลั่นออกมาจากประสบการณ์ แต่ในขณะที่กำลังจะยืนขึ้นมา ก็พบว่ามีมือของใครมาแตะที่หัวไหล่ สัมผัสที่คุ้นเคยนั้นทำให้ใจกระตุก
มันเป็นมือของธรัณ
ธิญาค่อยๆ หันศีรษะมาด้านข้าง เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาปล่อยมือจากหัวไล่ แล้วเดินเอี้ยวมายืนจ้องหน้ากับเธอ ใบหน้านั้นเปื้อนยิ้มบวกแววเอ็นดูตามประสา
ผมเปลี่ยนใจน่ะ เลยกลับมาเอามือถือ
นิญาไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะทำอย่างไรในช่วงเวลานี้ เธอไม่เคยประสบพบเจอกับคนที่เหมือนกับตัวเองมาก่อน ไม่รู้เลยว่าเขาจะทำร้ายเธอหรือไม่ จะดูดกลืนเพื่อนำไปเป็นไอเดียละครเวที หรือจะสังหารทิ้งเพื่อเก็บความลับ แต่ทว่าธรัณกลับหัวเราะออกมาเบาๆ
“อย่ากลัวไปเลย ผมไม่คิดจะคว้านคุณหรอก”
เขาใช้คำว่าคว้าน ดูมีรสนิยมและสะท้อนความเป็นตัวของธรัณ แต่นั่นมิใช่ประเด็น
ธรัณผายมือให้นิญาไปนั่งบนเก้าอี้ไม้สีเบจเข้ม เธอทำตามอย่างว่าง่าย ส่วนเขาไปนั่งลงบนเตียง จ้องมองมาโดยไร้ซึ่งรังสีอำมหิตหรือความตั้งใจจะทำร้ายใดๆ
มีเพียงความรักเท่านั้นที่ฉายจากแววตาเขา
อันที่จริงผมทราบมาสักพักแล้วว่าคุณเป็นเหมือนกับผม แต่เพราะรักคุณมากจึงยอมให้คุณคว้านไปเมื่อคืน
ใช่แล้ว เขามองเห็นจริงๆ ด้วย
ธรัณเริ่มถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวออกช้าๆ เผยให้เห็นกล้ามเนื้ออกเปล่งปลั่ง ไม่ได้กำยำเหมือนนักกีฬา แต่ดูสมส่วนและสวยงามในแบบของเขาเอง และมันไม่มีร่องรอยการถูกดูดกลืนเหลืออยู่แล้ว ไม่มีรอยเถือ ไม่มีรู ไม่มีรอยแผลใดบนเรือนร่างขาวโพลนนั่น
“ทำไม ร่างของคุณถึงฟื้นฟูกลับมาได้”
เขาหยิบมือถืออีกเครื่องจากกางเกง เปิดรูปหนึ่งและยื่นมาให้ดู มันคือภาพของแฟนเก่าของเขา ทว่าไม่ต้องพิจารณาก็ทราบทันทีมีอะไรที่ต่างออกไป ใช่แล้ว รูที่ส่วนหัวและลำตัวของธีโอ มันขยายตัวมากกว่าเดิม
ผมมีเรื่องจะสารภาพหลายเรื่อง เรื่องแรกคุณคงทราบแล้วว่าเราเหมือนกัน ส่วนเรื่องที่สองคือธีโอ… ผมยังไม่ได้เลิกกับเขา
ฉันควรจะโกรธไหม เธอถามออกไปอย่างใสซื่อ
ผมรู้จักคุณดี คุณมองออกว่าทำไมผมถึงยังคบกับเขาอยู่
นั่นแหละจึงทำให้นิญายิ้มออกมาอย่างเปี่ยมสุข ชมตนเองว่าช่างฉลาดเลือกนัก
คุณจะคว้านผมไปเท่าไรก็ตามสบาย แต่เหลือลมหายใจของผมเอาไว้สำหรับไปดูดกลืนจากพวกโง่เง่าอย่างธีโอก็พอ
เธอโผเข้าประทับจูบดูดลิ้นกับเขา ประโยคนั้นคือคำบอกรักที่หวานซึ้งที่สุดเท่าที่เคยฟังมาในชีวิต
เมื่อทั้งคู่แน่ใจว่าอีกฝ่ายมีความสามารถเหมือนกัน ความรักยิ่งผลิบานและเกาะกุมไปทุกส่วนไม่เว้นแม้แต่เงา นั้นไม่เกี่ยวกับเงินตราและการงาน เธอยังคงดูดด่ำจากเนื้อเยื่อของธรัณ สร้างสรรค์ผลงานเลืองชื่อออกมาไม่หยุด ในขณะเดียวกันกับที่เขาอิ่มเอมจากเลือดเนื้อของคู่รักจอมปลอมทั้งหลายแหล่
เมื่อนิญากรีดลูกตาเขาออกมาชิม ชายหนุ่มก็คว้านดวงตาของบาร์เทนเดอร์สาวมาสวมใส่แทน เมื่อเธอฉีกลิ้นของเขามากลั่นกรอง เขาก็นำลิ้นของนักธุรกิจชายวัยกลางคนมาประดับตำแหน่งเดิม
ในทุกวันเสาร์ที่ตกลงกันว่าเป็นวันหยุด ทั้งคู่จะถกกันในเรื่องที่สนใจ ทั้งการเมือง มังงะ ไปกระทั่งถึงความสามารถปริศนาเหล่านี้ นั่นทำให้นิญาทราบว่าธรัณเข้าใจมันมากว่าเธอ
งั้นหรือ การดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยเร่งประสิทธิภพาพในการดูดกลืน
ใช่แล้ว ผมสังเกตเรื่องนี้ได้เมื่อสามปีก่อน
คุณดูดกลืนคนอื่นมาหลายปีแล้วสินะ
ผมมีแนวคิดว่าพรสวรรค์นี้จะลืมตาตื่น เมื่อตัวเราเองไม่มีเนื้อหนังพอให้คว้านได้แล้ว มันจึงพัฒนาไปเป็นการคว้านชีวิตอื่นๆ แทน
งั้นหรือ เธอตอบสั้นๆ
ดูเหมือนพวกเราจะอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารนะ คุณว่าไหม
ไม่รู้สิ ชั้นไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้น อาจเพราะมันไม่ช่วยให้อิ่มท้อง แค่ทำให้มีวัตถุดิบในการเขียนมากขึ้นเท่านั้น เธอพูดพลางลูบไล้ก้นกลมกลึงของธรัณ
แล้วคุณรู้หรือเปล่า เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้นิญาซึ่งนอนหงายอยู่บนเตียง เลือดเนื้อที่เราคว้านมาเสพนั้น… มันไม่ได้ซ่อมแซมเราให้กลับเป็นดังเดิม
นั่นต่างจากที่คิดไว้มาก และทำให้นิญาใคร่รู้ทันที
เมื่อเลือดเนื้อของคนที่เราคว้านเข้ามาสู่ร่างกายเรา มันมิได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอให้กลับเป็นดังเดิม ทว่ามันทำการเติมเต็มต่างหาก สองคำนี้ต่างกันมาก เพราะการเติมเต็มนั้นมิจำเป็นต้องอยู่ในลักษณะเดิม สายตาของเราอาจมองว่าเนื้อต้นขาของผมนั้นมีสภาพไม่ต่างจากที่คุณเคยลูบไล้ แต่เปล่าเลย มันมีความเป็น ‘ธีโอ’ แฝงอยู่เต็มไปหมด”
เขาลุกขึ้นคร่อมร่างของนิญา สองแขนแกร่งกล้ายันกายไว้อย่างมั่นคง สายตาจับจ้องอย่างยั่วเย้า เราอาจคิดว่าจะใช้ประสบการณ์ที่ได้มาจากร่างนั้นเพื่อการงานเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีบางสิ่งที่ทอดกายอยู่ในร่างเรา บางสิ่งที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงตัวตนของเราจากด้านใน
แสดงว่า ชั้นเองก็มีความเป็น ‘คนรักเก่า’ แฝงอยู่ภายในสินะ
หากมันไม่ได้ถูกกรองออกไปเป็นไอเดียหมดเสียก่อนนะ รูปกายเหล่านี้มันไม่ได้อยู่เฉยหรอก อย่าคิดเช่นนั้นเชียว สิ่งที่เติมเต็มจะส่งผลต่อร่างกายเราอย่างเงียบเชียบ จ้องตะครุบโดยที่เราไม่ทันตระหนักตัว ไม่นานเราก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของมันโดยไม่อาจขัดขืน
นั่นเป็นเรื่องแปลกใหม่ทีเดียว พอคิดดูก็เริ่มมองเห็นกระบวนการและผลลัพธ์ ในช่วงเวลาแห่งรักของนิญาและลินดา น้ำหนักเธอขึ้นมาสองปอนด์ เนื้อส่วนแขนที่เคยลีบก็อวบขึ้นมาพอควร จากนั้นรอบวงแขนจึงลดลงเมื่อเลิกรา
ยอดเลย คุณช่างอัจฉริยะ
ยังมีอีกมากที่ผมยังไม่รู้… เกี่ยวกับพลังที่พวกเรามี สายตานั้นคือสายตาแห่งนักค้นคว้า
งั้นหรือ ที่ผ่านมามัวแต่หลงใหลไปกับการสร้างสรรค์ กระทั่งลืมสำรวจความเปลี่ยนแปลงของตนเองสินะ
แล้วคุณเคยดูดกลืนใครกระทั่งหมดสิ้นเลยไหม นิญาถามอย่างสนใจ เพราะถึงแม้จะดูดมาหลายต่อหลายคน แต่ทั้งหมดนั้นจะถูกเธอผลักไสจากชีวิตก่อนที่กายหยาบจะเหลือน้อยเกินกว่าจะมีชีวิตได้ ราวกับว่าหากดูดกลืนต่อแม้เพียงขนสักเส้น ชีวิตตรงหน้านั้นก็จะดับสิ้นไป
นั่นคงเป็นสิ่งที่น่ากลัวเกินกว่าจะปล่อยใจไปคำนึงถึงเลยล่ะ
ธรัณไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น และหันมาโลมเล้าร่างของนิญาแทน
นิญาตอบสนองต่อเทคนิคของเขาอย่างฉับไว แต่ทว่าในปลายสุดของเซลล์สมอง มันสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่กำลังจะตามมา ราวกับแรงกระเพื่อมจากที่ไหนสักแห่งอันห่างไกลเกินกว่ากาลเวลา
ความรักของนิญาแสนเปี่ยมสุข แต่ในความสัมพันธ์ล้วนต้องมีสิ่งที่มิสอดคล้องกันอยู่ หนึ่งอย่าง หรือสองอย่าง หรือมากกว่านั้น
ผลงานของทั้งสองต่างพัฒนาก้าวกระโดด ต่างฝ่ายต่างเป็นแรงบันดาลใจให้กันและกัน มีภาพสะท้อนความเป็นนิญาในผลงานของธรัณ มีภาพสะท้อนความเป็นธรัณในผลงานนิญา ผลงานของแต่ละคนล้วนส่งผลอีกฝ่ายอย่างเห็นเด่นชัด
เมื่อมองย้อนดูก็พบว่าชื่อเสียงของทั้งคู่มิแตกต่าง ทว่าตัวเธอเองใช้นามปากกาแฝงมาตลอดชีวิต การเป็นที่รู้จักทางกายภาพจึงเป็นสิ่งที่ผิดแผกจากกัน ในเวลาที่เดินสู่โลกภายนอก คนมักเข้ามาขอถ่ายรูปกับธรัณ โดยมิทราบเลยว่าแฟนสาวที่ควงแขนนักเขียนบทนั้นก็เป็นผู้ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน แต่นั่นมิใช่ประเด็นที่นิญาสนใจเท่าไรนัก
สิ่งที่มิสอดคล้อง คือมุมมองต่อชีวิตต่างหาก
ธรัณพึงพอใจในสถานะตนเองเป็นอย่างยิ่ง ชื่อเสียงเงินทอง และผลงานที่สรรสร้างนั้นมอบความปีติพึงใจตามที่เขาพึงปรารถนาแล้ว
ตรงข้ามกับนิญา เธอมองว่าตนยังปราศจากสิ่งนั้น ยังเดินทางไปมิถึงจุดที่ฝันไว้ ผลงานของเธอยังไม่มีชิ้นใดที่สะท้อนถึงความปรารถนาส่วนลึก ผลงานที่ควรจะไปถึงนั้นต้องงดงามและอัปลักษณ์แฝงในส่วนเดียวกัน สูงส่งและต่ำต้อย ควรประดับไว้ในโลกและควรลบหายไปในความทรงจำ
สักวันหนึ่ง นิญาปรารถนาว่าจะขีดเขียนมันออกมาให้จงได้
แล้ววันหนึ่งที่สายลมพัดพาไออุ่นมาสู่ห้องนอน ธรัณก็จูบแก้มของนิญา จูบที่บ่งหมายความถึงการลาเลิก ทั้งสองมิใช่คนรักกันอีกต่อไป เธอมิได้เจ็บปวด มิได้ยินดี เพียงแค่เปลี่ยวเหงาแม้ว่าเขากำลังกอดร่างเธออยู่ในห้องเดียวกัน
ด้วยความโศกเศร้า หึงหวง เคียดแค้น และรักใคร่ เธอดูดกลืนเรือนร่างของธรัณผ่านการประกบจูบ ดูดอย่างรุนแรงกระทั่งต้องหักห้ามใจมิให้จูบต่อ หากช้าไปเพียงนิด ชายที่เคยรักเธอคงเหือดแห้งตายลงในอ้อมกอดนี้
เมื่อครองความโสดอีกครั้ง แรงกระเพื่อมนั้นหวนมาเยี่ยมเยือนในวันพุธต่อมา
มีตำรวจบุกเข้ามาในบ้านของนิญาจำนวนสองคน ท่าทางเร่งรีบและร้อนรน ขณะนั้นเป็นช่วงบ่ายที่เธออยู่เพียงลำพัง ใช้เวลาไม่นานถูกพาตัวมายังห้องสอบปากคำ พร้อมกุญแจมือสองเส้นแน่นหนา
ผมชื่อมาโฮน และผมมีคำถาม คุณพอจะรู้จักคนในรูปไหม ตำรวจหน้าดุในชุดเสื้อยืดสีขาวถามเธอ
ภาพที่ถูกโยนลงมาบนโต๊ะ คือภาพแฟนเก่าของธรัณ
ชายร่างบางนอนคว่ำอยู่บนเตียงสีขาว ร่างเปลือยเปล่านั้นหากมองด้วยสายตาของนิญาแล้ว จะพบว่าเต็มไปด้วยรอยคว้านสาหัส กระดูกส่วนที่ยังหลงเหลือนั้นผุกร่อน ไม่ต่างอะไรกับก้อนฝุ่นที่ถูกบีบมารวมกันอย่างลวก ๆ
ชัดเจนว่าธีโอถูกสังหารโดยการดูดกลืนกระทั่งเสียชีวิต เพราะไม่เหลืออะไรที่เพียงพอจะให้วิญญาณดำรงอยู่แล้ว
ทว่าสายตาของตำรวจทั้งสองนั้นคงมองว่าร่างนั้นไร้ซึ่งบาดแผล เป็นการตายอันแสนปริศนา
เหยื่อถูกสังหารในที่พักส่วนตัวเมื่ออาทิตย์ก่อน เราเชื่อว่าคุณเป็นคนทำ นั่นคือประโยคที่ตำรวจตราใส่หน้าของนิญา ไม่เหมือนเช่นดั่งละครตะวันตก ไม่มีการใช้กลวิธีในการสืบสวน มีเพียงการตะโกนกดดันให้สารภาพ
นิญาหัวหมุน เธอมั่นใจว่าเกิดมาไม่เคยลงมือสังหารใคร อันที่จริงยังไม่เคยพบหน้าคนชื่อธีโอเลยด้วยซ้ำ
เราพบข้อความเหล่านี้ในมือถือของผู้ตาย ตำรวจหน้าดุเปิดมือถือให้เธอดู
เมื่อเธอได้อ่านข้อความบนหน้าจอ ใจที่สั่นระรัวก็แหลกสลาย
‘วันนี้ผมจะไปบอกเลิกกับเธอ’ ‘ธีโอ คุณคือคนเดียวที่ผมต้องการ’ ‘ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับนิญาแล้ว’
ส่วนใหญ่จะเป็นการพร่ำพรรณนาอยู่ฝ่ายเดียวของผู้ส่ง นั่นก็คือธรัณ และในขณะที่กำลังอ่านข้อความอื่นๆ ย้อนกลับไป ตำรวจก็ทำท่าราวกับว่า ‘ฉันพอจะเดาเรื่องราวออกแล้ว’
คุณถูกบอกเลิกความสัมพันธ์จากคุณธรัณ จึงแค้นและเข้าไปทำร้ายคุณธีโอ ตำรวจร่างสูงที่ยืนถัดออกไปจากตำรวจหน้าดุกล่าวเสียงเย็นชา แววตาที่มองมานั่นดูเกลียดชังอย่างเห็นชัด
เราตรวจร่องรอยที่รองเท้าคุณแล้ว มันตรงกับรอยที่พื้นบ้านคุณธีโอ
ฉันไม่ได้ทำ มีคนอีกมากที่มีรองเท้าแบบเดียวกัน และอีกอย่างฉันไม่ได้ออกไปไหนมาตั้งหลายวันแล้ว คุณไปตรวจกล้องวงจรปิดของคอนโดก็ได้
เราไปมาแล้ว คุณอยู่ชั้นสามของอาคาร จะแอบปีนจากหน้าต่างก็ไม่ใช่เรื่องยาก
นิญาเริ่มสงบ รู้ดีว่าหลักฐานเท่านี้ไม่พอจะจับกุม ไม่มีลายนิ้วมือ ไม่มีคราบเลือดที่อยู่ตามเสื้อผ้า ไม่อย่างนั้นคงหยิบเอามาพูดแล้ว หากที่ประสบการณ์เคยเขียนนิยายแนวสืบสวนนั้นไม่ผิดพลาด เธอยังเป็นฝ่ายได้เปรียบ
คุณธีโอ ตายเพราะอะไรคะ
ตำรวจตรงหน้านิ่งไป จากนั้นจึงแค่นหัวเราะ มาแนวนี้สินะ แต่ก็นั่นแหละ เราไม่ได้มีประเด็นเดียวที่ต้องการคำตอบจากคุณ
ไม่นานก็มีชายร่างผอมในชุดไปรเวตเดินเข้ามาในห้องสอบสวนแคบๆ นี้โดยไม่ขออนุญาต จากนั้นจึงยื่นเอกสารที่หนาประมาณสิบหน้าให้ตำรวจหน้าดุที่สุดในห้อง พร้อมผงกหัวทำความเคารพ
ชายหน้าแข็งกร้าวพลิกอ่านไปมาสองรอบจึงสบถออกมาเบาๆ
ตรงตามที่คาด คุณเป็นพวกกินมนุษย์ที่เขาเล่าลือกันงั้นหรือ เพิ่งเคยเจอคดีแบบนี้กับตัว
ระยะหลังคดีแบบนี้มีมากขึ้นเรื่อยๆ ยังดีที่นวัตกรรมใหม่ๆ มันเดินตามทันครับ ชายร่างผอมกล่าวเสริม
ส่วนนิญาหน้าซีดไป พวกนี้รู้เรื่องที่เธอทำได้แล้วงั้นหรือ
เราเช็กจากมือถือและร่องรอยในโลกออนไลน์ของคุณ ดูท่าคุณจะมีคู่นอน ไม่สิ มีคนรักมากมายทีเดียว
นั่นไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย เธอเค้นเสียง
ขอโทษที่ไปตัดสิน ผมเสียใจจริงๆ ตำรวจหน้าดุก้มหัวแสดงความรู้สึกผิดแบบแสร้งทำ แต่เมื่อนำลำดับของการออกผลงานมาเรียบเทียบกับระยะความสัมพันธ์ของคุณก็พบสิ่งนี้
เขาหยิบกระดาษออกมาใบหนึ่ง ข้อมูลบนนั้นเป็นตารางอะไรสักอย่างที่ดูไม่รู้เรื่อง
ช่วงเวลาที่คุณคบกับคนรัก จะมีผลงานออกมาไม่ขาดสาย แต่ในช่วงที่เลิกรากันกับคนข้างกาย ไม่ว่าจะกินระยะเวลาเท่าไรก็ตาม ระหว่างนั้นคุณแทบจะไม่มีผลงานออกมาเลย
และนั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เขาพูดแทรกก่อนที่นิญาจะเปิดปากโต้
ยี่สิบสี่คน ยี่สิบสี่การเลิกรา หากไม่นับคุณธรัณแล้ว งานของคุณจะเว้นช่วงที่เลิกราทุกครั้ง แม้แต่งานเขียนรายสัปดาห์หรือรายเดือนก็จะหยุดช่วงไป
มั่วซั่วกันไปใหญ่แล้ว ไร้สาระ ฉันก็แค่เสียใจเกินกว่าจะทำงาน ก็เลยไม่มีแก่ใจจะเขียนอะไรก็เท่านั้น เรื่องพวกนี้ใครๆ ก็เป็นไม่ใช่หรือ…
การที่เธอใช้นามปากกามาโดยตอด นั่นทำให้แทบไม่มีคนรู้จักตัวจริง แตกต่างกับธรัณ นั่นคือสาเหตุที่ตำรวจให้ความเชื่อถือเขามากกว่าสินะ แต่สาเหตุมีแค่นั้นจริงๆ หรือ
และจากเอกสารนี้ ทำให้ผมมีสิทธิตรวจอีกอย่าง ซึ่งน่าเชื่อถือกว่ารอยเท้ามาก คุณจะถูกส่งฟ้องหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลการตรวจเลือดแบบพิเศษนี้
เธอไม่เข้าใจสิ่งที่ตำรวจพูดถึง แต่เมื่อทราบว่าการตรวจเลือดจะช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ได้ เธอจึงยินดีให้ความร่วมมือ ทว่าในใจก็เริ่มคิดขึ้นมาได้ว่า คนพวกนี้ไม่น่าไว้ใจ แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่น
นิญาถูกส่งฝากขัง ไม่มีทนาย ไม่มีการติดต่อสู่ภายนอก เวลาผ่านไปราวกับนิทาน
ในวันที่สองของการจองจำ นิญาลืมตาขึ้นมาเพราะเสียงก้องของหญิงคนหนึ่งดังสะท้อนไปในห้องคุมขังชั่วคราว เป็นเสียงของเจ้าหน้าที่ร่างหนา เป้าหมายคือการเรียกเธอไปฟังผลการตรวจเลือด
ในห้องสอบสวนห้องเดิม คราวนี้ตำรวจคนเดิมกำลังทำหน้าราวกับผู้มีชัย
เราพบดีเอ็นเอของเหยื่อ… หมายถึงคุณธีโอ อยู่ในเลือดของคุณ
โลกพังทลาย เธอรู้แล้วว่าการตรวจครั้งนั้นหมายถึงอะไร
‘เขาขโมยรองเท้าของเธอไปสร้างหลักฐานเทียมขึ้นมา พร้อมกับสังหารธีโอ จากนั้นจึงย้อนกลับมาบอกเลิกกับเธอ’
‘และเธอรับความเป็นธีโอผ่านทางร่างกายของธรัณ การจูบในวันนั้นคือแผนของเขา’
ที่ผ่านมาธรัณยอมให้เธอดูดกลืนเรือนร่าง มิใช่เพราะรักและจริงใจ แต่เขาเพียงต้องการหาโอกาสสังหารแฟนหนุ่มแล้วโยนความผิดมาให้เธอต่างหาก
แน่นอนว่าการตรวจเลือดของธรัณก็คงไม่พบอะไร แน่ล่ะ เพราะส่วนของธีโอในตัวธรัณนั้นมาอยู่กับเธอเสียหมดแล้ว
(ตำรวจชื่อมาโฮนก็คงเป็นคนรักของธรัณสินะ ถึงได้ช่วยกันขนาดนี้) นั่นคือสิ่งที่นิญานึกออกเมื่อสาย หากคิดไม่ผิด เมื่อเปลื้องเสื้อผ้าราคาแพงนั้นออกไป หัวไหล่และเนินกล้ามอกของมาโฮนนั้นคงเต็มไปด้วยรอยคว้านจากธรัณเป็นแน่ เธอไม่มีหลักฐานใดชี้ชัดหรอก หากแต่เป็นสังหรณ์ของนักเขียน
และหากเป็นไปตามคาดอีก ไม่ว่าจะพูดแย้งอย่างไร มาโฮนคงไม่รับฟังทั้งนั้น และอีกไม่นานเธอก็คงถูกแจ้งให้เตรียมตัวเข้าห้องขังเพื่อรอไต่สวน
จากนั้นก็ตามรูปแบบที่คุ้นเคย กระบวนการทางกฎหมายลื่นไหลและรวดเร็วเสมอเมื่อจับผิดตัว ได้สติอีกทีก็ได้ยินเสียงทุ้มของผู้พิพากษา ตัดสินให้นิญารับโทษจำคุกยี่สิบปี
เธอเคยประสบอารมณ์นี้มาครั้งหนึ่งในวัยเยาว์ สิ่งที่ขโมยมาคือถุงเท้าข้างหนึ่ง มิใช่คู่หนึ่ง เหตุผลเดียวคือใจร้องร่ำจะเข้ามารับประสบการณ์ของการติดคุก ทว่าเมื่อถูกส่งเข้าฝากขังในกรงเพียงสองวันก็ได้รับการประกันตัวออกมา ร่างกายยังไปไม่ถึงเรือนจำด้วยซ้ำ
ทว่าครานี้ต่างออกไป ต่างออกไปมากทีเดียว
ค่ำคืนแรกผ่านไปตามที่เคยหวาดกลัว การตรวจร่างกาย สายตาเขม่นจากเพื่อนร่วมคุก อาหารที่เหม็นสาบ ทั้งหมดคือสิ่งที่นิญาไม่เคยคาดว่าจะประสบในช่วงเวลาที่ควรจะรุ่งโรจน์นี้เลย
สิ่งที่น่าสะพรึงที่สุดในโลกไร้อิสรภาพนี้มิใช่อันตรายจากผู้ประสงค์ร้าย แต่หากเป็นสายตาปริศนาที่แต่ละคนคอยส่งมาให้ต่างหาก แม้แต่ผู้คุมหญิงร่างสูงใหญ่ก็ไม่พ้นมองเธอหัวจรดเท้า
แต่นิญาไม่มีอารมณ์จะสนใจสายตาเหล่านั้น ในหัวของเธอมีแค่ความฉงนปนโกรธแค้น สมองตั้งคำถามไม่หยุดหย่อนว่าธรัณที่เคยรักจะทำเช่นนี้กับเธอได้ลงคอจริงๆ หรือ หรือเขาอาจถูกใครบังคับให้ใส่ร้ายป้ายสีเธอหรือไม่ หรืออาจจะเป็นการจัดฉากของตำรวจชั่ว ทั้งหมดเพื่อต้องการทำลายชื่อเสียงของเธอ
อีกใจหนึ่งก็แสนทรมานจากความแค้น จินตนาการและเฝ้าฝันถึงสภาพศพของธรัณในแทบทุกวินาทีที่หลับใหล ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอารมณ์ใดกันแน่ที่เป็นของจริง
ไม่นาน… เวลาในเรือนจำก็ผ่านไปสองสัปดาห์ นิญายังไร้ซึ่งภยันตรายมาถึงตัว
ได้ยินว่าเวลาในนี้จะเดินช้าและสร้างความทรมานใจ แต่กับนิญาแล้วตรงกันข้าม กะพริบตาครั้งเดียวก็พบว่าตนเองกำลังยืนที่ตรงหน้าลูกกรงแล้ว
สาเหตุที่เธอกำลังยื่นมือออกนอกช่องเหล็กให้ผู้คุมสาวผมยาวดัดปลายใส่กุญแจมือให้ นั่นเพราะมีคนติดต่อขอเยี่ยมในบ่ายวันนี้ และเมื่อแอบถามถึงชื่อผู้เข้าเยี่ยม ผู้คุมหญิงก็กระซิบบอกว่าเป็นนักเขียนบนละครเวทีที่โด่งดัง
ธรัณมาหาเธอแล้ว นิญารู้ดีว่าวันนี้ต้องมาถึง ใจหนึ่งแอบเตรียมรับมือกับข้ออ้างสารพัดที่เข้าจะพ่นออกมา แต่อีกใจหนึ่งก็พร้อมจะเชื่อ
เมื่อเข้ามาในห้องเยี่ยม ไม่ได้มีกระจกกั้นเหมือนที่เคยเห็นในภาพยนตร์แต่อย่างใด แต่หากเป็นห้องเล็กๆ ที่มีโต๊ะกลมและเก้าอี้สองตัว ผู้ต้องโทษจะนั่งคุยกับผู้เข้าเยี่ยมโดยถูกสวมใส่กุญแจมืออยู่ ผู้คุมหญิงจะยืนดักที่ประตูพร้อมไม้กระบองและอาวุธสีดำที่เหน็บตรงเอว
ธรัณนั่งอยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว
ชายคนที่เคยรัก (หรือยังรักอยู่) มาในชุดเสื้อสูทลำลองสีฟ้าอ่อน กางเกงสีครีม และรองเท้าแบรนด์เนมหัวแหลมที่เธอเคยซื้อให้ ในขณะที่นิญาสวมชุดหมีของนักโทษที่เป็นสีฟ้าตุ่นทั้งตัว ช่องเก็บของที่ก้นซ้ายก็ตุงอย่างน่ารำคาญใจ
ธรัณยกมือขวาขึ้นและกำบนอากาศ ผู้คุมที่มองเห็นก็พยักหน้าแล้วเดินออกจากห้องไป
นั่นสินะ อำนาจของเงิน นิญาได้แค่รำพึง ทำไมช่วงแรกตนถึงไม่ได้ใช้เงินฟาดพวกผู้รักษากฎหมายนะ คงเพราะแอบหวังว่าตนจะได้พบกับความยุติธรรมกระมัง
ชายตรงหน้าทรงเสน่ห์กว่าเดิมพอควร นิญานึกไปว่าเขาจะตรอมใจในสิ่งที่ทำกับเธอ แต่คงไม่ใช่อย่างที่คาด
นิญานั่งลงพร้อมรับคำถามจากอดีตคนรัก
คุณสบายดีไหม
…ฉันควรตอบว่าอย่างไร เธอสับสน แต่ก็กัดฟันบอกไปว่าสบายดี
เมื่อสอบถามสารทุกข์เล็กน้อย ก็ได้ทราบว่าเขากำลังมีโครงการละครเวทีเกี่ยวกับนักดนตรีหูหนวก มีปัญหาสุขภาพเรื่องเกาต์ แต่ไม่มีประเด็นไหนที่เกี่ยวข้องกับสาเหตุที่ทำให้เธอต้องมานั่งตรงนี้เลย
เมื่อบทสนทนาเรื่อยเปื่อยเริ่มซาลง นิญายื่นคำถาม คุณฆ่าธีโอทำไม
เสียงดังชัดเจนและบีบคั้น แต่กลับไร้ผลต่ออดีตคนรัก ธรัณเพียงทำหน้าตาสงสัย
นิญา… คุณต้องเลิกหลอกตัวเองได้แล้วนะ
ทันใดนั้นเองที่บางสิ่งเกือบจะขาดผึง แต่ทว่าประสบการณ์ในชีวิตคุมให้สตังและสติเธอกลับมาได้ทัน
ใครกันแน่ที่หลอกตัวเอง คุณสร้างหลักฐานเท็จ จัดฉากเรื่องทั้งหมด
ผมจะทำอย่างนั้นให้มันได้อะไร ทั้งคุณ ทั้งธีโอ ล้วนแต่เป็นคนสำคัญของผม
เท่านั้นเองแหละที่เธอตวาดลั่น คำหยาบทุกคำที่รู้จักถูกอัดกระแทกใส่ธรัณ แต่สิ่งที่สะท้อนกลับมามีเพียงแววตาเวทนาและหวาดกลัว
ผม… ผมไม่เคยโทษคุณเลยนะนิญา ได้โปรดเถิด หยุดทำร้ายตัวเองได้แล้ว แพทย์ในเรือนจำแจ้งว่าคุณมีความเครียดสูงมาก หากเป็นอย่างนี้ต่อไป คุณจะแย่เอานะ
ทั้งหมดก็เพราะมึงไม่ใช่เรอะ ไอ้เฮงซวย! กูจะบอกทุกคนว่ามึงก็เหมือนกู เป็นพวกที่แดกคนอื่นเพื่อเอาไอเดียมาใช้
ใบหน้าแสนฉงนปนน่ารังเกียจปรากฏขึ้น นิญา เรื่องนี้พวกตำรวจรู้ตั้งแต่ที่มาสอบปากคำผมแล้ว แต่ผมมีพยานและที่อยู่ชัดเจน พวกเขาจึงไม่เอาความ เพราะความผิดของพวกเรานั้นมันตัดสินยากและยังไม่มีกฎหมายออกมาครอคลุม หากไม่ใช่การฆาตกรรมแล้วก็ไม่มีความผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่งหรอกนะ
นิญาชะงัก เธอถูกรุกฆาตแล้ว ไอ้ชายชั่วนี้วางแผนดักไว้ทุกทางแล้ว นอกจากนี้มันยังโด่งดังและเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ U ย่อมมีความน่าเชื่อถือมากกว่าตัวเธอที่ใช้แต่นามปากกาและไม่เคยออกสื่ออยู่แล้ว
เมื่อรับรู้ชัดเจนแล้วว่าตนจะไม่มีทางสลับตำแหน่งกับชายคนนี้ได้เลย เธอจึงตัดใจยอมแพ้
ก่อนจะหมดเวลาเยี่ยม เธอจงใจกล่าวเบาๆ ใส่เขา คุณไม่ได้รู้ไปหมดทุกอย่างหรอก ธรัณ… คาดหวังว่าจะพบความหวั่นไหวในสายตาคู่นั้น
แต่ก็ไม่มี… ธรัณลุกเดินจากไป เหลือไว้เพียงนิญาที่นั่งปวดร้าวในห้องแคบ เจ้าหน้าที่หญิงเปิดประตูเข้ามาบอกว่าต้องกลับแล้ว เมื่อลุกขึ้นอย่างเหนื่อยล้า เธอคว้าเครื่องอัดเสียงออกจากช่องเก็บลับของชุดนักโทษ
นิญาใช้เส้นสายกับฝ่ายตัดเย็บให้มีช่องว่างบริเวณบั้นท้ายไว้ใส่ของ และใช้เส้นสายอีกครั้งในการได้มาซึ่งเครื่องอัดเสียง แต่มันสูญเปล่า บางที… ธรัณอาจจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
นิญา… ไปกันเถอะ เสียงหวานจากพัศดีตอกย้ำว่าเธอควรให้ความสำคัญกับคนที่อยู่ในนี้มากกว่า
วันเวลาผ่านไปอย่างเงียบเชียบ ไม่รวดเร็วเท่าสมัยก่อน แต่ก็ไม่เชื่องช้าอย่างทรมาน ปวดร้าวแต่ไม่ทุรนทุราย เคียดแค้นแต่เปี่ยมไปด้วยรัก
นิญาเริ่มเขียนอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นเรื่องสั้นเกี่ยวกับชีวิตก่อนจะมาพักอาศัยในเรือนจำ ไม่ใช่ของตัวเธอเองเพียงคนเดียวหรอก แต่เธอเขียนจากประสบการณ์ของเพื่อนร่วมห้องขัง คู่อริที่ไม่ชอบหน้า พัศดีที่แสนดี ไปถึงเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดที่แอบพบปะ
เหล่าหญิงชายที่เธอพบรักภายในเรือนจำต่างเวียนสรรกันถ่ายทอดความหลังให้แก่เธอ หลายครั้งที่คนเหล่านั้นลาจากไป ทั้งจากความตาย หรือเพราะพ้นจากทัณฑ์โทษที่ถูกระบุไว้โดยศาล แต่นิญาก็ไม่เคยอิ่มเอม
ผ่านไปสี่ปีครึ่ง นิญาได้รับหมายในซองขาว กล่าวว่าตนกำลังจะได้รับการปล่อยตัวในอีกหกเดือนข้างหน้า คงเพราะพฤติกรรม หรือเพราะสาเหตุใดที่ไม่จำเป็นต้องคาดเดา แต่เธอพร้อมรับอิสรภาพแล้ว
ข่าวนอกเรือนคุมขังในช่วงนี้มักกล่าวถึงธรัณอยู่บ่อยครั้ง ส่วนหนึ่งเพราะชายหนุ่มมีท่าทีจะหันเข้าสู่วงการภาพยนตร์ อีกส่วนหนึ่งคือเขาที่แสนทรงเสน่ห์ประกาศจะแต่งงานกับหญิงงามนอกวงการ แต่ข่าวที่ใหญ่โตที่สุดคงเป็นผลงานที่เขาทุ่มแรงกำลังมาหลายปีนั้นกำลังไปได้สวย โดยได้รับความร่วมมือจากนานาชาติ และกำลังกลายเป็นละครเวทีที่จะสร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก
บทละครของธรัณจะมีการปรับปรุงเรื่องย่ออย่างสม่ำเสมอ ราวกับว่าจงใจรอให้ทุกอย่างลงตัวแล้วจึงสร้างออกมา แม้ที่ผ่านมาจะใช้เวลาหลายปีโดยยังไม่เป็นชิ้นอัน แต่ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง ข่าววงในก็พร้อมจะกระหึ่มว่าบทของมันนั้นแสนวิเศษขึ้นทุกที
ในขณะนั้นนิญากำลังเขียนเรื่องสั้นเรื่องใหม่ โดยทั้งหมดเริ่มวางขายในเว็บนิยายออนไลน์ เธอใช้เวลาว่างสร้างสรรค์ผลงานภายในห้องคอมพิวเตอร์ของเรือนจำ ไม่นานนัก แปดเรื่องแรกก็ถูกสำนักพิมพ์เล็กๆ ติดต่อไปวางจำหน่ายในรูปแบบรวมเล่มเมื่อปีก่อน ยอดขายทั้งสองช่องทางไม่ได้สวยหรูเทียบเท่าก่อนรับโทษ แต่ก็พอยืนยันได้ว่าชีวิตนอกเรือนจำจะไม่เลวร้ายเกินไปนัก นอกจากนี้ ในหัวของนิญายังมีโครงการใหญ่สำหรับนวนิยายเรื่องใหม่อยู่ มันอัดแน่นไปด้วยแรงบันดาลใจที่ได้รับจากภายในเรือนจำนี้
ลึกๆ แล้ว เธอหวังจะได้พบกับธรัณอีกครั้ง แต่เส้นทางของทั้งสองคงไม่อาจบรรจบกันอีกแล้ว เขาอยู่ไกลเกินกว่ามือเธอจะเอื้อมคว้ามาได้
ร่างของธรัณถูกพบอยู่บนเตียงในโรงแรมหรู สภาพศพนอนหงายเปลือย โดยมีแผลฉกรรจ์ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอยู่ที่คอ ไม่ต้องวิเคราะห์ก็พอมองออกว่าถูกปาดด้วยวัตถุมีคม
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ไม่มีร่องรอยการรื้อค้น ไม่มีร่องการการต่อสู้ ไม่มีทรัพย์สินใดเสียหาย ผู้ต้องสงสัยนั้นถูกจับในวันต่อมาที่บ้านของตัวเอง เธอชื่อว่าเธีย เป็นคู่หมั้นของธรัณ
นิญาฟังข่าวนี้ด้วยใจสั่นหวั่นไหว ได้ยินข่าวนี้ครั้งแรกจากวิทยุในรถประจำทางขาออกจากเรือนจำ มันเป็นวันแรกที่เธอได้รับอิสระ
เธียเป็นสาวงามที่น่าหลงใหล ผมยาวนุ่มสลวย หญิงสาววัยยี่สิบห้านั้นรับสารภาพหมดทุกข้อกล่าวหา โดยแจ้งว่าสังหารธรัณพราะกลัวว่าเขาจะปันใจให้คนอื่น
โครงเรื่องแรกสุดของละครเวทีที่ธรัณเขียนไว้นั้น เกี่ยวข้องกับหญิงหูหนวกที่พยายามหลบหนีจากที่ใดสักแห่ง
ใช่แล้ว นิญาทราบในภายหลังว่าเขามิได้เข้าเยี่ยมตนเพราะห่วงหา แต่มาค้นคว้าแรงบันดาลใจต่างหาก และนิญาก็ตอบรับ เธอเริ่มเขียนผลงานเพื่อกระตุ้นแนวคิดของเขาจากภายในที่แห่งนี้
เมื่อเธอสร้างเรื่องสั้นเกี่ยวกับพัศดีหญิงที่มีน้องสาวติดแอลกอฮอล์ และวางขายในเว็บนิยายออนไลน์ ตัวละครตัวนี้ก็ไปปรากฏในเรื่องย่อของบทละครในเวลาต่อมา และเป็นเช่นนี้ในทุกเรื่องสั้น
เรื่องราวของเขาจึงยังไม่อาจลงตัวเสียที
สิ่งหนึ่งที่ธรัณยังไม่ทราบเกี่ยวกับความสามารถนี้ คือ ‘ผู้มีความสามารถนี้มักเป็นที่รักของคนอื่นอยู่เสมอ’
ไม่ว่าจะไปยังหนแห่งใด คนประเภทเธอกับเขาก็สามารถหาคนรักได้อย่างง่ายดาย อย่างกับดอกไม้ที่ผีเสื้อมาดอมดม คนทั่วเรือนจำในทุกรูปแบบ พร้อมจะเข้าใกล้นิญาเพื่อให้เธอสลับดูดกลืน ยิ่งในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียด พลังแห่งเสน่หายิ่งกล้าแกร่ง
แต่ก็มีข้อยกเว้นบางอย่าง เช่น ไม่อาจเป็นที่รักของคนที่มีเจ้าของอยู่แล้วได้ คำว่าเจ้าของนั้นหมายถึงคนที่มีความสามารถเช่นเดียวกับเธอและธรัณ นั่นคือสาเหตุที่ไม่อาจเรียกร้องความรักจากตำรวจชื่อมาโฮนได้
แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ระหว่างถูกคุมขังหลายปี นิญาส่งสาวจากในเรือนจำ (รวมถึงญาติสนิทของคนพวกนั้น เท่าที่เธอมีสิทธิพบในห้องเยี่ยม) เพื่อไปหว่านเสน่ห์ใส่เขา ทุกคนล้วนมีคำตอบที่ธรัณอยากค้นหาและดูดกลืน นั่นเพราะพวกนั้นล้วนมีตัวตนอยู่ในเรื่องสั้นของเธอนั่นเอง
นิญาติดต่อทุกคนได้อย่างสะดวกผ่านทางพัศดีที่รัก
และเมื่อเขายอมเป็นคนรักกับใครสักคนที่เธอส่งไป ยอมร่วมเตียงเพื่อหวังดูดกลืนเนื้อหนังของเหยื่ออันโอชะ…
คนที่รักเธออย่างสุดใจก็ดำเนินการปาดคอเขาตามแผนที่วางไว้
ตัวธรัณไม่มีทางรู้ว่าเธียเป็นหนึ่งในคนรักของนิญาสมัยอยู่ในเรือนจำ นั่นเพราะเธอจงใจดูดกลืนร่างของเธียเฉพาะบริเวณที่ตาเปล่ามองไม่เห็น เศษเสี้ยวลำไส้ กล้ามเนื้อภายในหัวใจ เส้นเลือดฝอย รวมไปถึงไขกระดูกและไรผม ไม่ปรากฏร่องรอยบนผิวกายภายนอกแต่อย่างใด
และก่อนที่ธรัณจะมีโอกาสดูดกลืนเธียไปถึงระดับที่จะมองเห็นรอยโหว่ภายใน เขาก็คงถูกสังหารเสียก่อนแล้ว นั่นคือสิ่งที่นิญาเดิมพันไว้ และเธอก็ชนะ
ข่าวที่รายงานนั้นมีข้อตกหล่นไปหนึ่งจุด เพราะมีทรัพย์สินสูญหายไปจากห้องพักหรูหนึ่งอย่าง นั่นคือไฟล์ที่ถูกเก็บไว้ในแล็ปท็อปของเขา เธียเป็นคนเปิดขึ้นมาโดยใช้รหัสที่นิญาบอก ธรัณไม่เคยเปลี่ยนมันหรอก เขาไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น
อันที่จริงนิญาไม่คิดจะยุ่งกับไฟล์ของผู้ที่ตายไปแล้วหรอก เพียงต้องการรู้ว่ามีส่วนใดบ้างที่จะเอามาใช้งานได้ จึงได้ไหว้วานให้เธียลองค้นดู แต่แล้วเธียก็บังเอิญพบว่ามีไฟล์ที่ถูกตั้งชื่อว่า ‘นิญา’ อยู่ จึงตัดไฟล์ดังกล่าวออกมาก็เท่านั้น
ไม่ถึงสองวันก็มีอีเมลเข้ามาถึงนิญา เป็นไฟล์ที่ถูกส่งมาจากเธีย ดูท่าคงจะตั้งเวลาส่งไว้
นิญาไม่ได้สนใจไฟล์นั้นเท่าไรนัก บัดนี้เธอล้างแค้นเสร็จสิ้นแล้ว และมีใจจะสร้างสรรค์ผลงานชิ้นถัดไปเสียที ผลงานที่กลั่นกรองมาจากประสบการณ์ร้ายดีของเธอเอง และเพิ่มรสชาติด้วยชีวิตของธรัณ… กำลังจะถูกขีดเขียนขึ้นแล้ว
แต่ทว่าในใจกลับส่งสัญญาณเบาๆ ออกมา เป็นข้อความสั้นๆ ที่ไม่อาจลบจากหู
เนื้อหาภายในไฟล์คืออะไรกัน
เมื่อไม่อยากทะเลาะกับจิตของตนเอง นิญาตัดสินใจเปิดแล็ปท็อปของตนเองบนโต๊ะทำงาน เปิดไฟล์นั้นดูอย่างไม่รีบร้อน คิดว่าคงเป็นอะไรที่น่าเบื่อไม่ต่างจากคำโกหกของเขา แต่เมื่อเริ่มอ่านก็ต้องตกใจ เกร็งนั่งหลังตรงโดยไม่อาจหักห้าม และตั้งใจซึมซับทุกกระบวนเนื้อหาที่ถูกเขียนเอาไว้
จากธรัณถึงนิญาที่รัก
ผมหวังว่าคุณจะได้อ่านไฟล์นี้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม
วันที่คุณได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ทั้งโดยตั้งใจหรือบังเอิญก็ตามแต่ นั่นแสดงว่าผมคงไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว อภัยให้ผมด้วยที่ต้องขึ้นต้นจดหมายด้วยประโยคที่แสนจะพิมพ์นิยมเช่นนี้ ด้วยเพราะตัวผมมิสามารถหาประโยคที่เหมาะสมกว่านี้ได้แล้ว
ขออนุญาตเข้าเรื่องนับแต่บรรทัดนี้ คุณคงโกรธในสิ่งที่ผมทำกับคุณ นั่นไม่ผิดแม้สักนิด ผมสมควรได้รับความเกลียดชังนี้แล้ว แต่ผมทราบดีและชื่นชมที่คุณสามารถนำความเกลียดชังนี้มากลั่นกรองเป็นผลงานที่สร้างชื่อในระดับสากล โดยไม่จำเป็นต้องนำเลือดเนื้อของผู้อื่นมาเป็นวัตถุดิบเกินงาม
คุณคงแปลกใจในสิ่งที่ผมพูด แต่มั่นใจเลยว่าจดหมายนี้เขียนขึ้นมาก่อนกาลเล็กน้อย อีกไม่นานคุณจะได้ไอเดียชั้นเลิศ และประสบผลในสิ่งที่ตั้งเป้าหมายไว้ ขอเพียงตั้งใจอ่านต่อไปเท่านั้น
ด้วยเพราะผมทราบดีถึงศักยภาพในการเขียนของคุณ และรักคุณมากพอจะทราบว่าสาเหตุที่คุณยังก้าวไม่ถึงฝั่งฝันคือสิ่งใด แต่หากบอกกล่าวไปเป็นภาษามนุษย์สากลนั้น เกรงว่าผลที่ได้จะไม่รุนแรงและไม่มีนัยยะมากพอจะสร้างความแตกต่าง และจะเป็นเหตุให้โลกสีฟ้าใบนี้พลาดโอกาสจากงานล้ำค่าที่คุณจะสร้างสรรค์ขึ้น
ผมจงใจให้คุณดูดกลืน (ใช่แล้ว คำว่า ‘ดูดกลืน’ นั้น เหมาะสมกับคำว่า ‘คว้าน’ มากนัก แต่ผมไม่กล้าจะยอมรับออกมาเป็นลมปากหรอก) ร่างกายของธีโอจากตัวผม ก็เพื่อให้คุณได้เข้าไปอยู่ในเรือนจำ ไปหาประสบการณ์เพื่อนำมาเป็นส่วนผสมร่วมกับความเคืองแค้นที่มีต่อผม จากนั้นจึงทำอะไรจิปาถะอีกมากเพื่อความสมบูรณ์แบบ ทั้งย่องเข้ามาขโมยรองเท้าคุณ เรียกร้องความรักจากมาโฮน และอีกมากที่ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง
คุณอาจจะสังเกตได้แล้วว่า ผู้ที่มีความสามารถเช่นเราสองคน จะเป็นที่รักของคนอื่นได้อย่างง่ายดาย เป็นเหมือนพรสวรรค์ที่สามารถดึงดูดเหยื่อมาให้ดูดกลืนอย่างไม่สิ้นสุด ทว่าคุณอาจมองพลาดไปว่า ‘ตัวผมนั้นมีพลังมากเกินกว่า ฝ่ายที่ติดชนักหลงรักหนักหนาจึงเป็นคุณ’ ขอบอกไว้ตรงนี้เพื่อความกระจ่างว่า ‘ผมต่างหากที่พ่ายแพ้ต่อพลังนี้ และหลงรักคุณมากกว่านับพันทวี’ จึงเป็นเหตุให้ต้องใช้แผน ใช้เล่ห์ ใช้กลและใช้ชีวิตเข้าแลก เพื่อให้คุณบรรลุความฝัน และการแลกเปลี่ยนนี้ก็ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบ
บัดนี้คุณคงมีไอเดียสำหรับงานเขียนอันแสนวิเศษแล้ว จงทำมันให้สำเร็จเถอะ ถือเสียว่าบทละครเวทีที่ไม่ได้รับการสร้างของผมนั้นเป็นเครื่องสังเวยให้งานของคุณไปถึงฝั่งฝันแล้วกัน
ขอให้คุณภาคภูมิใจในตนเอง และนำความโศกเศร้าที่มีต่อผมมากลั่นกรองเป็นผลงานชิ้นต่อๆ ไป กลั่นกรองกระทั่งไม่เหลือความทรงจำเกี่ยวกับตัวผม นั่นคือสุดยอดปรารถนา แค่นี้ก็มีความสุขมากแล้ว
รักเกินกว่าที่คุณจะนึกฝัน รักเกินกว่าจะดูดกลืน
ธรัณ
นิญาอ่านทวนซ้ำอีกสองรอบ เผยรอยยิ้มออกมาทั้งน้ำตา เมื่อไอเย็นของเครื่องปรับอากาศกระทบถูกตัว เธอเดินไปหยิบเสื้อคลุมที่แขวนอยู่ในตู้ออกมาสวม ชงกาแฟใส่แก้วสีขาว จากนั้นจึงลอยชายไปมาในห้องอยู่พักหนึ่ง
เมื่อกาแฟในแก้วหมดลง นิญาเดินกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานอีกครา ตรงหน้าคือหน้าจอของแล็ปท็อป
เธอกวาดสายตาไปมาโดยไม่ได้เจาะจงอ่านประโยคใดเป็นสำคัญ ยิ้มออกมาอีกครั้ง ก่อนจะลบอีเมลฉบับนั้นทิ้งไปอย่างถาวร