พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 1.1 : Udumbara – อุทุมพร ดอกไม้สวรรค์

พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 1.1 : Udumbara – อุทุมพร ดอกไม้สวรรค์

โดย : พงศกร

Loading

พยับฟ้าโพยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้

https://www.groovebooks.com/blog/นิยายใหม่จาก-groove-next-anowl-ลูกองุ่น-เปิดให้สั่งจอง-25-มี-ค-67/62

ยอดเขาสูงที่ปรากฏอยู่ทางด้านซ้ายมือของเครื่องบินลำเล็กคือเอเวอร์เรสต์…ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก ยอดเขาที่นักผจญภัยเฝ้าฝันอยากพิชิตสักครั้งในชีวิต

บัดนี้ มันอยู่ใกล้แค่เอื้อม…

ยอดแหลมปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน ยืนท้าทายสงบนิ่งอยู่ในหมู่เมฆและท้องฟ้าคราม

ตอนที่เครื่องบินกำลังร่อนลงสู่รันเวย์ตรงหน้า ลิ่วลมถึงกับต้องหลับตานิ่ง อดหวาดเสียวไม่ได้ ด้วยสองข้างที่ตระหง่านขนานอยู่นั้นเป็นหุบเขาสูงชัน นักบินจะต้องเก่งฉกาจเพียงใดจึงสามารถบังคับเครื่องให้ลงสู่จุดหมายได้อย่างแม่นยำ

ไม่เคยคิดว่าในชีวิตนี้จะมีโอกาสมาภูฏาน

ไม่ใช่มาเที่ยวแต่มาเพื่อตามหาล่องเมฆ…น้องชายฝาแฝดผู้มีอายุน้อยกว่าเขาแค่สองนาที

ล่องเมฆเดินทางมาภูฏานเมื่อตอนต้นปีเพื่อทำวิจัยเกี่ยวกับพืชพื้นถิ่น น้องของเขากำลังเรียนปริญญาเอกทางด้านชีววิทยา ล่องเมฆสนใจเรื่องพืชในดินแดนหิมาลัยเป็นพิเศษ เขารู้มาว่าในหุบเขาของภูฏาน มีสมุนไพรล้ำค่าอยู่เป็นจำนวนมาก ล่องเมฆจึงตั้งใจเดินทางมาทำวิจัยที่นี่ ทั้งที่สามารถเลือกประเทศที่เดินทางสะดวกสบายกว่าภูฏานได้ไม่ยาก

เขากับน้องชายติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอ จนกระทั่งสองสัปดาห์ก่อน จู่ๆ ล่องเมฆก็หายตัวไป

ข้อมูลสุดท้ายที่ได้รับก็คือ ล่องเมฆเพิ่งได้ข้อมูลเกี่ยวกับพืชลึกลับชนิดหนึ่ง น้องบอกว่าจะตามไปให้ถึงต้นตอของ Udumbara ไปให้เห็นกับตาว่ามันมีอยู่จริง…

Udumbara เป็นดอกไม้ลึกลับในตำนานของคนภูฏาน เล่าสืบต่อกันมาว่า Udumbara ขึ้นอยู่ในหุบเขาลึก นานนับร้อยปีกว่าจะปรากฏให้คนเห็น น้องของเขาจึงตั้งใจเดินทางไปที่หมู่บ้านแห่งนั้น เพื่อดูว่าเป็นแค่ข่าวลือ หรือเป็นเรื่องจริง

‘อูดุมบารา’ ล่องเมฆออกเสียงให้พี่ชายฟัง ‘ถ้าจะเรียกให้ง่ายๆ ก็เรียกว่าดอกอุทุมพร’

‘อุทุมพร’ ลิ่วลมทวนชื่อประหลาดนั้น

‘ใช่ อูดุมบาราหรืออุทุมพร…ในตำนานของภูฏานเล่ากันว่า ลามะรูปหนึ่งได้เมล็ดพันธุ์มาจากสวรรค์ และปลูกมันไว้ในหุบเขาลึกของภูฏาน ใช้เวลานับร้อยปีกว่าจะมีดอก และใช้เวลานับร้อยปีกว่าดอกจะบาน…อุทุมพรจะขึ้นได้แต่ในสถานที่ที่ผู้คนเป็นคนดีเท่านั้น ถ้าผู้คนที่นั่นเป็นคนชั่ว อุทุมพรจะแห้งเหี่ยวตาย ตำนานเล่าว่า จากหุบเขาในภูฏาน อุทุมพรได้ขยายพันธุ์ไปจนทั่วโลก…ตำนานเล่าอีกด้วยว่า สมัยก่อนมีดอกอุทุมพรบานอยู่ทั่วทุกพื้นที่ในโลกใบนี้ แต่ต่อมาเมื่อจิตใจของมนุษย์เต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด อุทุมพรก็ค่อยๆ สูญพันธุ์ไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายเหลืออยู่ที่ภูฏานที่เดียว แต่ว่าไม่มีใครเคยเห็นอุทุมพรมานานหลายสิบปีแล้ว’

‘มันมีจริงๆ ด้วยหรือ ดอกไม้แบบนั้น’ ลิ่วลมถามตัวเอง ก่อนจะพึมพำตอบตัวเอง ‘ก็คงจะมีแหละ ตำนานส่วนใหญ่ก็มีที่มาจากเรื่องจริงกันทั้งนั้น’

และถ้าเป็นเรื่องจริง ดอกอุทุมพรก็เหมาะแล้วที่จะขึ้นอยู่ในภูฏาน…ประเทศที่ใช้ความสุขมาวัดเป็นดัชนีสำคัญของประชาชน แทนดัชนีมวลรวมทางเศรษฐกิจอย่างประเทศอื่นๆ

‘ตอนแรกฉันก็สงสัย’ ล่องเมฆพึมพำ ‘จนกระทั่งได้เห็น…’

‘เห็นดอกอุทุมพรใช่ไหม’ ลิ่วลมพลอยตื่นเต้นไปด้วย

‘เปล่า’ น้องของเขาปฏิเสธ

‘อ้าว แล้วเห็นอะไร’

‘เห็นภาพเขียน’ น้องชายตอบเสียงหนักแน่น ‘ฉันไปที่วัดโบราณแห่งหนึ่ง ยังเชนพาฉันไปดูหีบไม้โบราณ เป็นสมบัติของวัดที่ตกทอดกันมาหลายร้อยปี บนหีบมีภาพเขียนสีน้ำมัน เป็นภาพดอกไม้พื้นถิ่นของภูฏานหลายชนิด หนึ่งในนั้นคืออุทุมพร’

‘มันอาจจะเป็นภาพจากจินตนาการของศิลปิน’ ลิ่วลมตั้งข้อสังเกต ‘เหมือนดอกปาริชาตในไตรภูมิพระร่วงที่ไม่มีใครเคยเห็นของจริง’

‘ฉันว่านั่นเป็นภาพที่เขียนขึ้นมาจากดอกไม้จริง’ ล่องเมฆออกจะมั่นใจ ‘เพราะดอกไม้อื่นๆ ในภาพ…ทุกดอกเป็นดอกไม้จริง เคยมีอยู่จริงๆ ถึงแม้ว่าหลายชนิดจะสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่ก็มีหลักฐานว่ามันเคยมีอยู่…ดังนั้นอุทุมพรที่เห็นในภาพก็ควรจะเป็นของจริง มีอยู่จริงเช่นกัน’

‘ตกลงหน้าตาของมันเป็นไง ไอ้ดอกอุทุมพรของนายน่ะ’ ลิ่วลมเริ่มสนใจขึ้นมาบ้าง

‘เป็นดอกไม้สีขาว คล้ายระฆัง ไม่มีใบ ไม่มีต้น…ก้านดอกจะชูขึ้นมาจากดินเหมือนกับเสาไฟ’ ล่องเมฆบรรยายข้อมูลที่รู้มา ‘ตอนที่ดอกบานจะส่งกลิ่นหอมไปทั่วทั้งหุบเขา แต่ของจริงจะเป็นแบบที่เขาบรรยายไว้ในเอกสารหรือเปล่าก็ไม่มีใครกล้ายืนยัน’

‘แล้วไม่เคยมีนักพฤกษศาสตร์คนไหนพูดถึงอุทุมพรบ้างเลยหรือ’ ลิ่วลมพึมพำ

‘มีสิ’ ล่องเมฆว่า ‘เป็นหนึ่งในดอกไม้ลึกลับที่ผู้คนตามหากันแทบพลิกแผ่นดิน…ไม่ต่างอะไรกับกุหลาบสีน้ำเงิน เอื้องแสนเพ็ง กล้วยไม้ดินที่ตำนานเล่าว่าที่จริงไม่ใช่ดอกไม้ แต่เป็นผู้หญิงที่ถูกสาป…และดอกไม้ในตำนานอีกหลายๆ ชนิด…เคยมีคนโพสต์รูปดอกไม้คล้ายๆ กับที่ฉันบรรยายให้นายฟังอยู่เหมือนกัน โพสต์มาจากอินโดนีเซีย ปานามา ออสเตรเลีย ลิทัวเนีย และจากอีกหลายประเทศทั่วโลก ต่างคนต่างก็อ้างว่านั่นคือดอกอุทุมพรในตำนาน แต่สุดท้ายพอมีนักสำรวจตามไปถึงสถานที่ที่อ้างถึง แต่กลับไม่พบ’

‘แล้วที่นั่น…นายแน่ใจว่าจะพบอย่างนั้นหรือ’ เมืองอะไรนะ ที่น้องชายบอก…ซัมเซ…

‘ยังเชนบอกว่ามีคนเข้าไปเก็บสมุนไพรในป่าแล้วเจอดอกไม้ ที่ดูคล้ายกับอุทุมพร’ น้ำเสียงของล่องเมฆมีร่องรอยตื่นเต้น

‘ยังเชน’ ลิ่วลมเลิกคิ้ว น้องชายเอ่ยชื่อนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว

‘เพื่อนชาวภูฏานของฉันน่ะ’ ล่องเมฆรีบบอก ‘เพื่อนจริงๆ’

‘ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย’ ลิ่วลมหัวเราะ ‘ตกลงจะไปเมื่อไหร่’

‘พรุ่งนี้เช้า’ น้องชายบอก ‘ซัมเซเป็นเขตปกครองพิเศษ อยู่ทางตอนใต้ของภูฏาน เป็นพื้นที่ห่างไกลความเจริญ…สัญญาณโทรศัพท์อาจไม่มี เราอาจติดต่อกันลำบากหน่อยนะลม’

‘เหรอ’ น้ำเสียงยั่วเย้า ‘ติดต่อกันยากเหรอ’

‘น่ะ’ ล่องเมฆหัวเราะบ้าง ‘ก็บอกไว้ก่อน เผื่อโทรศัพท์ไม่ติด’

‘ไม่ติดแล้วไง ไม่มีสัญญาณแล้วไง’ ลิ่วลมว่า ‘ถึงยังไงเราก็คุยกันได้’

…มีตั้งหลายวิธีที่เขากับน้องชายจะติดต่อสื่อสารกัน แม้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์…

 



Don`t copy text!