พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 31.2 : เด็กหนุ่มนาม ‘สกาย’

พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 31.2 : เด็กหนุ่มนาม ‘สกาย’

โดย : พงศกร

Loading

พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้

“ลิ่วลม” ล่องเมฆตะโกนเสียงดังลั่น ต่อให้อยู่ไกลกันขนาดไหน ไม่มีทางที่เขาจะจำพี่ชายฝาแฝดไม่ได้

ลิ่วลมกับคนอีกหลายคนไหลมากับธารน้ำที่ไหลแรงรี่ พี่ชายของเขาถูกแรงของน้ำเหวี่ยงตกลงมาในทะเลสาบ อาการคอพับคออ่อนของลิ่วลมบอกให้รู้ว่าพี่ชายของเขาไม่ได้สติ ดูเหมือนมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังช่วยประคองศีรษะของลิ่วลมอยู่

“ช่วยด้วย ช่วยเพื่อนของฉันด้วยค่ะ” เธอคนนั้นตะโกนเสียงสั่น

ล่องเมฆมัวแต่เป็นห่วงลิ่วลม จึงไม่ได้สนใจ ‘นายท่าน’ และเด็กชายตาเดียวผู้เป็นบริวารอีกต่อไป หากเขาหันกลับมาสักนิด ล่องเมฆจะต้องตัวเย็นวาบด้วยความตกตะลึง เพราะร่างของนายท่านและเด็กชายตาเดียวค่อยๆ เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว ไม่ต่างอันใดกับละไอของน้ำค้างยามต้องแสงแดด

เพราะล่องเมฆไม่ได้หันกลับไป เขาจึงไม่ได้เห็นภาพอัศจรรย์นั้น

ชายหนุ่มกระโดดลงไปในทะเลสาบ ระดับน้ำลึกแค่อก เขาพุ่งตรงไปหาพี่ชายรวดเร็ว

“ลม…ลม” เขาตะโกนเรียก และหญิงสาวที่ประคองพี่ชายของเขาก็กำลังจะหมดแรงเช่นกัน

“อดทนไว้คุณ…” เขาร้องบอก

“ช่วยลมก่อน” เสียงของเธอสั่นเพราะความหนาว ริมฝีปากบางซีดขาวแทบไม่มีสีเลือด “ศีรษะเขากระแทกหิน…ท่าทางจะเสียเลือดไปมาก”

“โอ…”

เขาร้องตกใจเมื่อเห็นบาดแผลฉกรรจ์ที่กลางกระหม่อมของลิ่วลม เลือดสดๆ ยังไหลทะลัก

ลิ่วลมหลับตาไม่ได้สติ ลมหายใจของเขารวยริน มือสองข้างจับกระบอกโลหะอันหนึ่งเอาไว้แน่น ล่องเมฆพยายามแกะมือของพี่ชาย หากลิ่วลมไม่ยอมปล่อยมือจากกระบอกโลหะนั้น

“ลม…ลม ทำใจดีๆ ไว้”

“ล่องเมฆ…เดี๋ยวก่อน คุณคือล่องเมฆหรือคะ” หญิงสาวคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองเขา เธอละล่ำละลักถามด้วยความตื่นเต้น ดวงหน้าของเขาไม่เห็นจะเหมือนลิ่วลมอย่างที่เธอเคยคิด ปกติฝาแฝดต้องเหมือนกันมากกว่านี้ไม่ใช่หรือ

“ครับ” ล่องเมฆพยักหน้า “ผมชื่อล่องเมฆ เป็นน้องชายของลิ่วลม ถึงเราจะเป็นฝาแฝด แต่เราก็ดูไม่เหมือนกันเท่าไรนักหรอกครับ”

“ให้ตายเถอะ” นารีญาอุทานออกมา “บทจะเจอ ทำไมถึงเจอตัวได้ง่ายดายแบบนี้ รู้ไหมว่าพวกเราต้องผจญกับอะไรบ้าง”

“อย่าเพิ่งคุยอะไรเลย ช่วยกันเอาตัวของเขาขึ้นฝั่งก่อน”

ชายวัยกลางคนที่ตกลงมาพร้อมๆ กัน ตะโกนบอก ชายผู้นั้นโบกมือให้คนของเขาที่ตกลงมากับกระแสน้ำและตั้งหลักลุกขึ้นได้แล้ว ช่วยกันพาตัวลิ่วลมขึ้นฝั่ง

ส่วนตัวของเขาเองช่วยประคองหญิงสาววัยกลางคนอีกคนหนึ่งให้ลุกขึ้นยืน และเขาเพิ่งหันมาเห็นล่องเมฆในตอนนั้น ดวงตาของเชวัง ทินเลย์เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

“อ้าว…สกาย…นั่นคุณน่ะเอง ไหนยังเชนบอกว่าเก็บข้อมูลสมุนไพรแค่สองสามวัน ก็จะเดินทางกลับอังกฤษแล้ว”

“อาเชวัง” ล่องเมฆอ้าปากค้าง

เขาจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจเช่นกัน ไม่นึกว่าเชวัง ทินเลย์ อาของยังเชน ทินเลย์ จะมาปรากฏตัวพร้อมกับคณะของลิ่วลม

ใช่…เชวังเรียกเขาว่าสกาย เพราะยังเชนไม่ให้เขาบอกชื่อจริง ไม่ให้บอกรายละเอียดเรื่องที่เขาเป็นคนไทยกับอาของเธอ

ยังเชนให้เหตุผลว่าอาของเขาเคยไปเรียนที่เมืองไทย แต่ไมรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ก็ไม่อยากติดต่อกับคนไทยเสียยังงั้น ยังเชนเลยกลัวว่าเชวังจะไม่ยินดีต้อนรับ หากรู้ว่าเขาเป็นคนไทย ดังนั้นล่องเมฆจึงบอกกับอาของยังเชนว่าเขาชื่อสกาย ซึ่งเป็นชื่อฝรั่งที่อาจารย์ที่ปรึกษาปริญญาเอกเรียกเขา

ยังเชนแนะนำสั้นๆ ว่า สกายมาเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพืชสมุนไพรที่ซัมเซ เธอจะพาเขาไปที่หุบเขาเลือดมังกร เก็บข้อมูลแค่สองสามวัน สกายก็จะเดินทางกลับ ดูเหมือนว่าตอนนั้นเชวังมีเรื่องอื่นที่ทำให้กังวล อาของยังเชนจึงไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดของเขามากนัก

“ตกลงคุณคือล่องเมฆที่ทุกคนกำลังตามหาอย่างนั้นหรือ” เชวังส่ายหน้า

“ครับ” ล่องเมฆพยักหน้า “ชื่อจริงของผมคือล่องเมฆ…ยังเชนให้ผมบอกกับทุกคนที่ซัมเซว่าชื่อสกาย…แต่ผมไม่ได้โกหกนะครับ ตอนเรียนอยู่อังกฤษ ทุกคนเรียกผมว่าสกายจริงๆ”

“ล่องเมฆ…สกาย…ยังเชน” อัญญาวีร์นิ่วหน้า เธอหันไปทางเชวังแล้วถามว่า “ตกลงนี่มันอะไรกันคะ”

“ยังเชนเป็นหลานสาวของผมเอง” เชวังพึมพำ ขณะเดินลุยน้ำตามเยชิ คินซาและลูกหาบที่กำลังช่วยกันพยุงลิ่วลมไปที่ชายฝั่ง

“คุณไม่รู้เลยหรือว่าเขาเป็นคนไทย” อัญญาวีร์ต่อว่า “ถ้าคุณพูดสักนิดว่าหลานของคุณมีเพื่อนคนไทยมาทำวิจัยอยู่ด้วย เราคงรู้แต่แรกแล้วว่าล่องเมฆปลอดภัยดี”

“ยังเชนไม่ได้บอกอะไรผมเลย เธอบอกแค่ว่ามีเพื่อนจากอังกฤษมาทำวิจัย…เขาพักอยู่ที่บ้านผมในตัวเมืองซัมเซแค่ไม่กี่วัน พอดีตอนนั้นผมได้ข่าวเรื่อง Linn Plant เลยไม่มีเวลาได้สนใจอะไรอื่น แต่ต้องรีบเดินทางไปทิมพู เลยมีโอกาสเห็นสกายแค่แป๊บเดียว”

แม้ฝาแฝดทั้งสองจะไม่เหมือนกันสักเท่าไร แต่มาถึงตอนนี้ เชวังเพิ่งจะรู้สึกว่าล่องเมฆมีอะไรบางอย่างคล้ายกับลิ่วลมอยู่เหมือนกัน เขาจึงได้แต่ถอนใจยาว

“ผมไปทิมพู และยังเชนก็พาเพื่อนไปที่หมู่บ้านเชิงเขา เพื่อเก็บตัวอย่างสมุนไพร หลังจากนั้นไม่กี่วัน ยังเชนก็บอกผมว่าสกายกลับอังกฤษไปแล้ว…ส่วนพวกคุณ…ผมรู้แค่ว่าน้องของลิ่วลมหายตัวไปที่ซัมเซ เลยอยากมาตามหา..ผมรู้เท่านั้นจริงๆ พวกคุณไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรกับผมมากนัก ไม่เคยบอกว่าเพื่อนของล่องเมฆชื่อยังเชน ถ้ารู้รายละเอียดพวกนี้ตั้งแต่แรก พวกเราคงไม่ต้องวุ่นวายกันอย่างนี้…แต่เอาเถอะ…นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด…”

เชวังรีบเดินไปหาลิ่วลมที่นอนไม่ได้สติ

เยชิและคินซาพาเขาไปนอนบนโขดหินใหญ่ที่ ‘นายท่าน’ เคยยืนอยู่ก่อนหน้านี้

ดวงหน้าของลิ่วลมซีดเผือดไม่มีสีเลือด เขานอนกระสับกระส่ายไปมา แผลบนศีรษะยังมีเลือดไหลซึมออกมาตลอดเวลา

“ลิ่วลมเสียเลือดมาก” เชวังมีสีหน้าหนักใจ

“พาไปโรงพยาบาลสิคะ” นารีญาร้องเสียงสั่น

ตอนที่ถูกกระแสน้ำพัดมาในโพรงถ้ำที่เต็มไปด้วยหินงอกและหินย้อย เธอได้ยินเขาร้องเสียงดังลั่นเมื่อศีรษะกระแทกกับแง่งหินอย่างรุนแรง จากนั้นอีกไม่ถึงอึดใจเสียงร้องครวญครางของลิ่วลมก็เงียบไป

นารีญาใจหายวาบ เธอเรียกเขาหากเขาไม่ส่งเสียงตอบรับ

นารีญารีบเตะเท้าพาตัวเองพุ่งตัวไปหาร่างสูงใหญ่ที่ลอยสะเปะสะปะไปข้างหน้าอย่างไม่รู้ทิศทาง เธอเขย่าตัวเขาและเรียกชื่อ ทว่าลิ่วลมเพียงแต่ส่งเสียงร้องอืออา

นารีญาทำได้แต่ประคองตัวของเขาเอาไว้ไม่ให้จมลงไปในกระแสน้ำที่ซัดรุนแรง

เธอพยายามประคองให้ตนเองและลิ่วลมลอยอยู่ในน้ำให้ได้นานที่สุด

แล้วก่อนที่เธอจะหมดแรงไปอีกคน กระแสน้ำที่ไหลบ่าอย่างรุนแรง ก็พัดพาทุกคนมาโผล่ ณ สถานที่แห่งนี้

“รีบพาไปโรงพยาบาลตอนนี้เลย…เร็วเข้า” นารีญาเขย่าแขนเชวัง

“แถวนี้ไม่มีโรงพยาบาล” เชวังส่ายหน้า

คำพูดประโยคถัดมาของเขาทำให้นารีญาและอัญญาวีร์ถึงกับเข่าอ่อนหมดแรง

“…โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด อยู่ที่เมืองซัมเซ…ใช้เวลาเดินเท้าไม่ต่ำกว่าหนึ่งหรือสองวัน…”

 



Don`t copy text!