พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 4.2 : เกาตัน ซับบา

พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 4.2 : เกาตัน ซับบา

โดย : พงศกร

Loading

พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้

“หายตัวไปที่ซัมเซ” เยชินิ่วหน้า “เขาไปทำอะไรที่นั่น”

ซัมเซไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว หนทางจะไปถึงนั้นยากลำบากมาก ขนาดคนภูฏานเองยังไม่นิยมเดินทางไปที่นั่น ยกเว้นแต่คนที่ตั้งใจจะไปจาริกทางศาสนา

รังเซ เน คือสถานที่มีชื่อเสียงที่สุดของซัมเซ เป็นสถานที่สำหรับปฏิบัติและภาวนา

รังเซ เน เป็นถ้ำขนาดมหึมา สามารถบรรจุคนได้เป็นพันคน มีความสำคัญเพราะเป็นสถานที่ซึ่งองค์คุรุปัมทสัมภวะเคยประทับเพื่อถือศีลภาวนาที่นั่น คนซัมเซจะหวงแหนถ้ำรังเน เซ มาก ด้วยถือเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพและเป็นประหนึ่งปูชนียสถานสำคัญ

“ล่องเมฆเป็นนักวิจัย” ลิ่วลมเล่าให้คินเซและเยชิฟัง “เขามาที่ซัมเซเพราะต้องการจะตามหาดอกอุทุมพร”

“อูดุมบารา” คินเซและเยชิพึมพำขึ้นพร้อมกัน

“จะหาเจอได้อย่างไร” เยชิว่า “อูดุมบาราไม่มีอยู่จริงหรอก เป็นแค่ดอกไม้ในตำนานเท่านั้น”

“นั่นสิ” คินเซพยักหน้า “ฉันเองเคยได้ยินปู่ย่าตายายพูดถึงอูดุมบารามาตั้งแต่เด็กๆ แต่ครอบครัวของเราไม่มีใครเคยเห็นดอกไม้ของจริงเลย”

“น้องชายของผมพบหลักฐานบางอย่าง ที่ทำให้เชื่อได้ว่ามีดอกอุทุมพรอยู่จริง…ที่ซัมเซ” ลิ่วลมอธิบาย

“หลักฐาน…” คินเซนิ่วหน้า ขณะที่ลิ่วลมยื่นโทรศัพท์มือถือให้อีกฝ่ายดูภาพถ่ายที่ล่องเมฆส่งมาให้ดูเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนที่เขาจะหายตัวไป

“เกาตัน ซับบา” เยชิพึมพำ

“ใครคะ” นารีญานิ่วหน้า

“ศิลปินที่วาดภาพนี้” เยชิว่า

“คุณดูออกเลยหรือคะ” นารีญาทำตาโต

“ดูออกสิครับ” เยชิหัวเราะเบาๆ เขารู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวช่างพูดคนนี้ขึ้นมาทันใด “เหมือนคุณเห็นภาพเขียนแล้วบอกได้ทันทีว่าเป็นผลงานของแวน โกะห์ไงล่ะครับ ศิลปินทุกคนมีลายเซ็นเป็นของตัวเอง เกาตัน ซับบาเป็นศิลปินชาวภูฏาน เขาเกิดและเติบโตที่ซัมเซ…อายุของภาพเขียนนี้น่าจะไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยปี”

“แค่รูปเขียน เราจะเชื่อได้อย่างไร รูปเขียนดอกไม้แบบนี้…ในภูฏานเรามีอยู่มากมาย” คินเซยังคงส่ายหน้า “เกาตันอาจจะจินตนาการขึ้นมาก็ได้”

“ไม่น่าจะใช่ภาพเขียนธรรมดา” เยชิวิเคราะห์ “น่าจะเป็น Plant Taxonomy มากกว่า…อืม…Plant Taxonomy ผมจะแปลว่าอย่างไรดีนะ”

“อนุกรมวิธานพืช” อัญญาวีร์ช่วยแปลความหมาย

“ใช่” เยชิมั่นใจ “นอกจากเป็นศิลปินแล้วเกาตัน ซับบายังเป็นนักจดบันทึกธรรมชาติอีกด้วย ภาพบนกล่องไม้ที่เขาวาดนี้ น่าจะตั้งใจให้เป็นบันทึกอนุกรมวิธานของพืชพรรณในภูฏาน…”

“ใช่ครับ น้องผมบอกว่า หลังจากได้เห็นภาพดอกไม้พวกนี้ เขาลงมือศึกษาอย่างละเอียด และพบว่าดอกไม้ทั้งหมดในภาพเขียนนี้เคยมีอยู่จริงที่ภูฏาน แม้บางชนิดในปัจจุบันอาจจะสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่ภาพวาดดอกไม้ทั้งหมดเป็นดอกไม้จริง ไม่มีดอกไหนเป็นดอกไม้ในจินตนาการเลยแม้แต่ดอกเดียว…นั่นแปลว่า อุทุมพรบนหีบไม้นี้ก็คือของจริง…คนวาดน่าจะเคยเห็นดอกอุทุมพรของจริงมาแล้ว”

ลิ่วลมพยายามอธิยายอย่างใจเย็น

“และที่สำคัญ…หลายเดือนก่อน เพื่อนชาวซัมเซของล่องเมฆเข้าไปในป่า แล้วพบดอกไม้ที่มีลักษณะคล้ายกับดอกอุทุมพร เธอยืนยันว่าเคยเห็นด้วยตาตัวเอง แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่ามันคือดอกอุทุมพร ด้วยเหตุนี้ น้องชายของผมจึงเดินทางไปซัมเซ”

“คุณพอจะทราบไหมคะว่า…กล่องไม้โบราณใบนี้อยู่ที่ไหน” อัญญาวีร์ถาม “ฉันอยากขอไปดูของจริง”

“ส่วนมากแล้ว กล่องไม้และภาพเขียนฝีมือวาดภาพของเกาตันจะเก็บไว้ในพระราชวัง ไม่เปิดให้ใครชมครับ” เยชิอธิบาย ดวงตาของเขาจ้องมองภาพในโทรศัพท์มือถือราวจะวิเคราะห์ “แต่กล่องใบนี้น่าจะเป็นสมบัติส่วนตัวของใครบางคน…น้องชายคุณได้ภาพกล่องใบนี้มาอย่างไรครับ”

“เพื่อนของเขาชื่อยังเชน พาไปที่วัดโบราณ แล้วน้องของผมก็ได้เห็นกล่องใบนี้” ลิ่วมพึมพำ “ผมก็ลืมถามว่าวัดนั้นชื่ออะไร”

“ใช่วิหารฟ้าคะนองไหมเยชิ” คินเซจ้องมองรายละเอียดในภาพถ่ายของล่องเมฆ ก่อนจะหันไปถามญาติผู้พี่ เธอชี้มือไปที่เสาไม้ขนาดใหญ่ทางด้านหลัง “ดูลายบนเสานี้สิ”

“ใช่แล้ว” ดวงตาของเยชิมีร่องรอยยินดี “วิหารฟ้าคะนองจริงๆ ด้วย”

ลิ่วลมใช้นิ้วถ่างขยายภาพ พยายามมองหารายละเอียด หากสำหรับเขาแล้วดูไม่ได้มีอะไรพิเศษ

“ลายวัชระบนเสา” คินเซยิ้ม และชี้ให้ลิ่วลมดูลายสายฟ้าที่ปรากฏบนเสาไม้ทางด้านหลัง “ลายนี้เป็นลายบนเสาของวิหารฟ้าคะนอง”

“พาเราไปที่นั่นได้ไหมคะ” น้ำเสียงของอัญญาวีร์ตื่นเต้น

เธอคิดว่าถ้าได้เห็นกล่องไม้ที่ล่องเมฆเคยเห็น ก่อนออกเดินทางไปซัมเว นั่นอาจจะช่วยให้การติดตามตัวน้องชายฝาแฝดของลิ่วลมง่ายขึ้น

“พาไปได้ครับ” เยชิพึมพำ “แต่ท่านเจ้าอาวาสจะยอมให้พวกคุณดูกล่องไม้โบราณหรือเปล่า…ผมไม่แน่ใจหรอกนะ”

“ก็ต้องลองเสี่ยงดูครับ” ลิ่วลมว่า “ไม่ได้ดูก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ถือว่าเราได้ลองแล้ว”



Don`t copy text!