
เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 14 : จีบจริงจัง
โดย : กุลวีร์
![]()
เทพารักษ์ภัสดา โดย กุลวีร์ นวนิยายสนุกๆ ที่อ่านเอานำมาให้อ่านใน www.anowl.co กับเรื่องราวของเทพารักษ์ผู้มีสัตย์ว่าจะรักเพียงหนึ่ง ต้องลงมาใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์เพราะหญิงสาวผู้เปลี่ยนหัวใจเขาตลอดกาล ภารกิจพิชิตใจจึงเริ่มต้น ท่ามกลางความวุ่นวายของเพื่อนบ้าน และบททดสอบของความรักที่ไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง
“เป็นยังไงบ้างล่ะ ตอนพบกับพ่อแม่ของนังหนู”
คำถามจากหญิงชราที่เขาเข้ามานั่งพูดคุยกันได้สักพักหนึ่ง
เวธัสนึกถึงเมื่อสองวันก่อน หลังจากเข้าใจกันเรียบร้อย หล่อนก็เรียกรถแท็กซี่พาคนทั้งหมดไปนั่งกินข้าวนอกบ้านที่ร้านอาหารซึ่งอยู่ไม่ไกล จากนั้นก็พาบุพการีไปส่งที่โรงแรมซึ่งทั้งสองทำการจองไว้ล่วงหน้า เพราะบ้านเช่าหลังนั้นไม่มีพื้นที่เพียงพอที่จะใช้หลับนอนด้วยกันได้
วันนั้นจึงเป็นวันแรกที่เขาได้ออกจากบ้านของหล่อน เห็นผู้คน เห็นสถานที่แปลกตา เห็นสิ่งต่างๆ มากมายบนโลกมนุษย์จนแทบจะปวดเศียรเวียนเกล้า
ก่อนจะแยกย้ายกัน บิดามารดาของหล่อนยังย้ำกับเขาให้คอยดูแลลูกสาวและอย่าทำให้ชอกช้ำใจกันก็พอ
เวธัสน้อมรับคำฝากฝังด้วยความยินดีเพื่อรอวันจะได้สมดังใจ
“พวกท่านคงรู้มากกว่าที่เห็น” เขาตอบหญิงชรา
“ถ้ารู้แล้วยังทำตัวดีกับพ่อหนุ่ม หนทางการเป็นลูกเขยก็แสนง่ายดาย”
“ลูกเขยรึ”
“ถ้าเป็นสามีของนังหนูคนนั้น พ่อแม่ของนังหนูก็จะได้พ่อหนุ่มเป็นลูกเขย” ยายเอี่ยมอธิบายทันทีที่เห็นสีหน้าชายหนุ่มแฝงด้วยความไม่เข้าใจคำคำนั้น
“อยากฟังเรื่องของตาบ้างไหม” หญิงชราถามขึ้นมาอีก
เวธัสล่วงรู้ทันทีว่าเรื่องที่เล่าขานจากปากผู้สูงวัยนั้นสามารถนำไปใช้เป็นแบบอย่างสำหรับการเป็นสามีที่ดีได้
“ตาชอบสร้างเสียงหัวเราะ คอยมอบรอยยิ้มให้กับยาย ยิ่งตอนที่เหนื่อยๆ มาจากโรงเรียน ตาจะสรรหาเรื่องขบขันมาเล่าให้ยายยิ้มได้ มันรู้สึกสบายใจนะ รู้ว่าตาคอยเป็นกำลังใจให้ยายเสมอ” ยายเอี่ยมถามเขาก่อนจะเล่าเรื่องต่อไป “พ่อหนุ่มจีบนังหนูยังไงล่ะ”
“จีบคือกระไร”
“ตอนที่พ่อหนุ่มคิดไว้แล้วว่าต้องได้นังหนูเป็นเมีย มันต้องเริ่มเข้าไปตีสนิท แล้วก็จีบหรือทำความรู้จักกันไว้ ก่อนจะคบกันจริงจัง อย่าบอกนะว่าพ่อหนุ่มไม่ได้จีบนังหนูมาก่อนเลย”
เขาเงียบปากเป็นคำตอบ
“เด็กสมัยนี้มันไวไฟ ไม่ค่อยคิดอะไร เห็นถูกตาต้องใจก็พากันขึ้นเตียง มันไม่เหมือนสมัยยายหรอก กว่าจะรักกันหรือเป็นผัวเมียกันได้ ต้องจีบแล้วจีบอีก จนกว่าจะแน่ใจว่าไม่คิดทิ้งกันไป ยายค่อยตกลง”
“ถ้าอยากจีบต้องทำยังไง” เวธัสหวังให้หล่อนยอมรับกันในฐานะสามีภรรยา ไม่ใช่แค่คนที่อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน
ยายเอี่ยมบอกเล่าสารพัดวิธีจีบของสามีที่ยังฝังใจไม่เคยลืม เขาคิดจะนำไปใช้กับหล่อน สำหรับการเบิกทางเพื่อสู่ความปรารถนาโดยง่าย
“ถ้าพ่อหนุ่มรักนังหนูก็ต้องบอกให้รู้ หรืออยากได้เป็นคู่ครองก็บอกไปตรงๆ” หญิงชรายังทิ้งท้ายให้เขารู้ “การที่ไม่ยอมบอกให้อีกฝ่ายรู้เลย บางทีอาจจะชวดก็ได้ ยายเห็นมานักต่อนักแล้ว”
“ชวดคือสิ่งใด”
“ก็ไม่ได้อะไรเลย แม้แต่ขาอ่อนยังไม่ได้เห็น หรือคนอื่นอาจได้ไปครอง คุยกับพ่อหนุ่มเหมือนสอนเด็ก คำง่ายๆ บางคำน่าจะรู้ แต่ก็ไม่รู้เลย แปลกจริงๆ”
เขาทำเป็นยิ้มโดยไม่พูดจา พลางนึกในใจว่าคงไม่ชวดง่ายๆ เพราะเคยเห็นขาอ่อนของหล่อนมาแล้ว
หญิงชราเอ่ยต่อด้วยเสียงเบาพร้อมทั้งมีท่าทีเกรงใจ
“ขอถามหน่อยสิ ที่ชาวบ้านลือกันว่าพ่อหนุ่มเกาะผู้หญิงกิน มันจริงไหม”
“ทำอะไรของคุณ เอาอะไรมาให้ฉัน”
หล่อนจ้องมองของในมือเขาซึ่งยื่นให้ทันทีที่ก้าวขาลงมาถึงชั้นล่าง
เวธัสรอให้ถึงวันหยุดทำงานของหญิงสาวเพื่อใช้เวลาดำเนินการตามที่ตั้งใจ
ก่อนจะถึงเวลาที่หล่อนออกจากห้องนอน เขารีบไปสรรหาบางสิ่งในบ้านหญิงชราเพื่อนำมามอบให้กัน
เมื่อแพรพิไลไม่ยอมรับสิ่งนั้นจากเขาโดยดี เวธัสก็เดินตามติดพลางยื่นของในมือไปทางหล่อนโดยไม่ละความพยายาม
“คุณว่างมากนักหรือไง มาเล่นเป็นเด็กไปได้” หล่อนยืนเท้าเอว เมื่อเขาตามมาถึงในห้องครัว
“รับไปสิ” เวธัสส่งยิ้มให้
“จะรับไปทำไมล่ะ ฉันไม่ต้องการ”
“รับหน่อยสิ ผมเก็บมาให้คุณแพร” เขายังไม่หยุดรบเร้า
“ดอกบานไม่รู้โรยสามดอกเนี่ยนะ คุณจะให้ฉันทำไม” หล่อนมองดอกไม้สีบานเย็นในมือเขาด้วยความไม่เข้าใจ
“ดอกไม้แทนใจ สื่อความหมายถึงใจคุณ” เวธัสจ้องไปในแววตาหญิงสาว
“คุณจะเล่นพิเรนทร์อะไรกับฉันอีกล่ะ อยู่ดีๆ ก็ทำเหมือนคิดจะจีบฉัน” แพรพิไลหลบตาเขา หลีกหนีความหวั่นไหวในใจ
“ถ้าคิดจะจีบจริงๆ ไม่ดีรึ” เขาคว้ามือหล่อนเพื่อให้รับดอกไม้ไปสักที
หญิงสาวยังขัดขืนไม่ยอมให้เขาทำตามต้องการง่ายๆ เขาจึงออกแรงดึงมือหล่อนมากขึ้น เป็นเหตุให้หล่อนเสียหลักจนเซเข้ามาซบอกเขา
แพรพิไลหน้าแดง รีบผละออกจากตัวเขา “แค่รับมาก็พอใจใช่ไหม”
เขายิ้ม ยามหล่อนก้มหน้าไม่มองเขา หลังจากฉวยดอกไม้ไปถือไว้
“แค่อยากให้รู้ ขออยู่ด้วยกันเช่นนี้แบบไม่โรยราร้างไกลเหมือนชื่อดอกไม้”
แม้คำพูดของเขาจะทำให้หัวใจสั่นไหวเพียงใด หล่อนก็ฝืนอาการเขินอาย เงยหน้าเจรจากับเขา
“คุณไปดูอะไรมาหรือเปล่า ถึงมาพูดมาทำกับฉันแบบนี้”
“ผมต้องการตัวคุณแพรจริงๆ โปรดเข้าใจกัน”
“อย่าคิดว่าฉันเป็นของใกล้มือ แล้วจะได้ง่ายๆ เหมือนที่เคยได้ ฉันขอบอกไว้ก่อน” หล่อนเชิดหน้า เพราะบางคำพูดของเขาเป็นเหตุให้อารมณ์เริ่มขุ่นมัว “ที่ฉันใจดีกับคุณเพราะคุณมีบุญคุณกับฉัน ฉันไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครง่ายๆ แม้แต่คุณ”
“ผมไม่ได้หวังแค่ตัว ผมยังหวังใจของคุณแพรด้วย”
เขายังไม่หยุดทำตามความต้องการ จากนั้นก็ยื่นซองจดหมายให้หล่อน
“อะไรอีกล่ะ” หล่อนยังไม่ยอมรับสิ่งที่เขาตั้งท่าจะมอบให้ “สมัยนี้แล้ว คุณไม่ต้องลงทุนเขียนจดหมายมาจีบฉันหรอก มีอะไรก็ส่งข้อความทางโทรศัพท์ หรือโทรมาพูดคุยกันได้ หรือจะเดินมาบอกกัน ฉันเองก็ไม่อยากเสียเวลาอ่านหรอกนะ”
“ไม่ใช่จดหมาย” แม้สิ่งที่กล่าวถึงจะเป็นวิธีหนึ่งที่ยายเอี่ยมถูกสามีจีบในวันวาน ตอนแรกเขาก็ตั้งใจจะทำเช่นนั้น แต่คนที่เจอหน้ากันทุกวัน การส่งจดหมายจึงไม่จำเป็น หากยังมีอีกหนึ่งวิธีที่เด็กนักเรียนใช้จีบกันในอดีตจึงลองนำมาใช้กับหล่อน
“ลองรับไปสิ จะได้รู้ว่าคือสิ่งใด” เขาไม่หยุดเซ้าซี้
แพรพิไลจำเป็นต้องรับซองจดหมายจากเขา เปิดดูข้างในก็พบแผ่นกระดาษแข็งเพียงใบเดียว
“บัตรอนุญาตจีบ ขอจีบคุณได้หรือไม่” หล่อนอ่านข้อความบนกระดาษ แล้วพูดกลั้วหัวเราะ “สมัยไหนแล้วคุณ เอาบัตรขอจีบมาให้ฉัน เดี๋ยวนี้ส่งข้อความจีบกันหมดแล้ว คุณรู้ไว้ด้วย”
“ผมจะรอคำตอบของคุณแพร บอกกันตอนนี้เลยก็ได้ หรือจะเอาปากกาติ๊กตรงช่องว่าง ได้หรือไม่ได้ ค่อยนำมาคืนให้ผม”
“ถ้าฉันทำเป็นไม่สนใจว่าเคยได้อะไรมาล่ะ”
“ผมก็จะส่งบัตรอนุญาตจีบให้ทุกวัน จนกว่าคุณแพรจะอนุญาตให้จีบ”
หล่อนเห็นความตั้งใจจริงทั้งวาจาและแววตาที่สื่อความหมายชัดเจน จนใจสั่นไหวมากยิ่งขึ้น จึงต้องรีบตัดบทเพื่อหลีกหนีสถานการณ์ตรงหน้า
“ขอเวลาคิดดูก่อน อย่าเพิ่งมาเร่งกัน คุณต้องเข้าใจผู้หญิงด้วย เรื่องอย่างนี้มันต้องคิดให้ดีให้รอบคอบ เคยได้ยินไหมล่ะ ถ้าเลือกผัวผิดก็คิดมากไปจนตาย”
“หากคุณแพรเลือกผม คงไม่ใช่เรื่องผิดและไม่ต้องคิดมากด้วย” เขาจ้องมองหล่อนไม่วางตา “คุณแพรลองถามใจตัวเองก็ได้ว่าต้องการผมบ้างไหม”
“ตัวคุณนั่นแหละคือปัญหา ตอนนี้คุณยังจำอะไรไม่ได้เลย แล้วฉันจะรู้ได้ไงว่าคุณไม่มีพันธะหรือคุณจะบริสุทธิ์ผุดผ่องแค่ไหน”
“คืนนั้นยังไม่รู้อีกรึว่าผมบริสุทธิ์เพียงใด แต่หน้าตาคุณแพรมีความสุขยิ่งนัก ผมจึงยอมให้ทำจนสุขสมภิรมย์หมาย”
แพรพิไลเข้ามาปิดปากเขา “หยุดพูดเรื่องคืนนั้นได้แล้ว มันผ่านมานานแล้ว”
เวธัสได้โอกาสฉวยมือหล่อน แล้วประทับริมฝีปากของเขาไว้บนหลังมือแสนอ่อนนุ่น จนหญิงสาวต้องรีบดึงมือกลับไปทันที
“ฉันควรอยู่ห่างๆ คุณไว้ เผื่อคุณจะคิดไม่ดีกับฉัน”
“ผมไม่ทำพรรค์นั้น ถ้าคุณแพรไม่ยินยอมหรือเป็นคนทำผมก่อน เชื่อใจกันได้” เขามองหล่อนที่หันหน้าไปทางอื่นราวกับไม่อยากเสวนากันอีก จึงต้องเรียกร้องความสนใจ “เมื่อคุณแพรเคยทำผมแล้ว ต้องรับผิดชอบด้วยสิ”
“คุณนั่นแหละที่ต้องรับผิดชอบ ฉันเป็นผู้หญิงต้องเสียหายมากกว่าคุณ” แพรพิไลหันมองหน้าเขา
“ผมรับผิดชอบโดยการขอจีบ คุณแพรจะให้ผมรับผิดชอบได้รึยัง”
“งั้นคุณก็บอกมาคำเดียว คุณหวังอะไรจึงทำกับฉันแบบนี้”
“ผมหวังจะเป็นสามีของคุณแพร” เวธัสเผยความปรารถนาหนึ่งให้หญิงสาวล่วงรู้ “เมื่อทราบแล้วจะทำยังไงกับผมรึ”
ภายในอกข้างซ้ายยิ่งสั่นไหว หลังจากทราบเจตนารมณ์ของชายตรงหน้า
เวธัสยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยเป็น ช่างสุขสมใจยิ่งนักที่เห็นหล่อนมีใบหน้าและหูสองข้างเจือด้วยสีแดงอ่อน อาจเป็นความโชคดีเหลือเกินที่เขาได้ครูดีอย่างยายเอี่ยมซึ่งเสนอแนะวิธีที่จะได้ความรักหมดทั้งใจจากหญิงสาวผู้นี้
“ถ้าคุณไม่คิดล้อเล่น ฉันอนุญาตให้คุณจีบกันได้ แต่มีข้อแม้ คุณต้องมั่นใจว่าคุณไม่มีใครก่อนจะมาเจอฉัน” แพรพิไลยอมตามน้ำไปกับเขา แม้ใจจะหวั่นไหวในหลายคราว แต่อีกใจหนึ่งก็ยังไม่เคยคิดจะเลือกเขาเป็นสามี
“ขอบคุณยิ่งนักที่ให้โอกาสกัน รับรองผมไม่มีใคร นอกจากคุณแพร” เวธัสเอ่ยด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
“พอใจแล้วใช่ไหม ฉันจะได้หาอะไรกินสักที แสบท้องมากแล้ว”
“ผมมีคำถาม” เขารั้งไว้
“อนุญาตให้จีบแล้วไง จะเอาอะไรกับฉันอีก” หล่อนมองบนพลางถอนหายใจ
“เกาะผู้หญิงกินคืออะไรรึ”
“คุณได้ยินมาจากไหน” แพรพิไลกลับมาให้ความสนใจเขา
“ชาวบ้านลือกันว่าผมเป็นผู้ชายที่คอยเกาะผู้หญิงกิน”
“สงสัยมีคนเห็นคุณอยู่แต่ในบ้านก็เลยบอกกันปากต่อปากน่ะสิ เราห้ามความคิดของคนไม่ได้หรอก แค่เรารู้ดีว่าไม่เป็นอย่างนั้นก็พอแล้ว”
“มนุษย์มีปากพูดกันไปเรื่อย จริงแท้แค่ไหนต้องมาไตร่ตรองกันอีกที” เวธัสยังไม่ได้รับคำตอบที่อยากรู้จึงถามย้ำ “ผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินคืออะไรรึ”
“ก็ผู้ชายที่ไม่ยอมทำงาน ปล่อยให้ผู้หญิงทำงานหาเงินอยู่คนเดียว แล้วจ้องจะใช้แต่เงินของผู้หญิง”
“ที่ชาวบ้านพูดกันคงจะจริง ผมไม่ได้ทำงานช่วยหาเงินให้คุณแพรใช้บ้างเลย” เวธัสพูดเสียงอ่อน เพราะเห็นความจริงที่เกิดขึ้นกับเขาโดยตรง
“คุณอย่าคิดมากเลยนะ ฉันเข้าใจว่าคุณยังจำอะไรไม่ได้เลย ก็อยู่อย่างนี้ไปก่อน มีคุณอยู่กับฉันก็ไม่ได้เปลืองเงินเลย ของกินคุณก็กินแค่หยิบมือ ของใช้ก็ได้จากแคนดี้ ฉันไม่ได้คิดเหมือนที่ชาวบ้านพูดกันหรอก คุณสบายใจได้”
“คุณแพรพูดจริงๆ ใช่ไหม ผมจะพยายามทำตัวให้ดีกว่านี้”
หญิงสาวพยักหน้ายืนยันกับเขา
“ถ้าคุณคิดจะสร้างครอบครัว อย่างแรกคุณต้องช่วยกันหาเงิน ดังนั้นคุณต้องทำงาน ไม่ใช่อยู่บ้านไปวันๆ แล้วไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย”
คำกล่าวนั้นได้จุดประกายความคิดของเขาที่ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อสมหวังในความปรารถนา
แพรพิไลมองคนตรงหน้าซึ่งยังนิ่งเฉยราวกับใช้ความคิด จึงพูดต่อ
“สามีที่ฉันต้องการคือต้องช่วยกันทำมาหากิน ไม่ใช่ปล่อยให้ฉันทำงานคนเดียว ถ้าคุณทำได้ ฉันอาจจะรับพิจารณา แต่ตอนนี้คุณจีบฉันให้ได้ก่อนแล้วกัน”
เวธัสจ้องมองหล่อน โพล่งถามออกไปพร้อมถามตัวเอง
“ผมควรทำงานอะไร”

- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 18 : ช่วยกัน ช่วยด้วย!
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 17 : มีแต่เรื่องพิกล
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 16 : มองไม่เบื่อ
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 15 : อยู่นานนาน
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 14 : จีบจริงจัง
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 13 : ดูไม่ออกเหรอ
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 12 : มีเรื่องให้ร้อนรน
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 11 : ของดีจริงจริง
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 10 : บอกให้รู้ไว้ก่อน
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 9 : เหตุใดมันจึงร้อง
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 8 : ฝากด้วยนะ
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 7 : อย่างนั้นก็แย่เลย
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 6 : เชื่อสิ!
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 5 : ขอไปทำไม
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 4 : เลิกพูดเถอะ
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 3 : ดีหรือไม่ดี
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 2 : ไม่ใช่ใช่ไหม
- READ เทพารักษ์ภัสดา บทที่ 1 : ขออยู่ที่นี่ได้ไหม
- READ เทพารักษ์ภัสดา : บทนำ







