ประมวลรัก ประมวลร้าย บทที่ 1 : ไม่มีเวลาให้ตั้งตัว

ประมวลรัก ประมวลร้าย บทที่ 1 : ไม่มีเวลาให้ตั้งตัว

โดย : ขจรพัฒน์ สุขภัทราพิรมย์

Loading

ประมวลรัก ประมวลร้าย นวนิยายจากโครงการช่องวันอ่านเอาปีที่ 2 โดย ขจรพัฒน์ สุขภัทราพิรมย์ เมื่อวสินได้กลับมาอีกครั้งในร่างหนุ่มวัยยี่สิบสาม ความอลวนอลเวงก็เกิดขึ้น เพราะนอกจากเรื่องสืบคดีจะวุ่นวายแล้ว เรื่องหัวใจก็ทำเอาปวดหัว เมื่อเจ้าของร่างที่เขาใช้งานอยู่กำลังอินเลิฟกับมินตรา ลูกสาวของเขาเอง แล้วมันจะยังไงกันดีละเนี่ย

คืนนี้ขึ้น 15 ค่ำแสงไฟหน้ารถยังไม่ดับลง แม้วสินจะขยับตัวไม่ได้ แต่เขาก็พอมองเห็นสิ่งรอบตัวได้บ้าง ร่างของเขาหลุดออกมานอกตัวถังรถ นอนแผ่หลาจมกองเลือดท่ามกลางดงหญ้าสูงในป่าละเมาะข้างทาง แสงจันทร์เดือนหงายบดบังแสงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้าราวกับว่าฟ้าค่ำคืนนี้แม้ดวงดาราก็ไม่อาจส่องแสงได้เหมือนเคย

เมื่อตอนหัวค่ำวสินหรือที่ใครๆ ชอบเรียกเขาว่าท่านวสินกับภรรยาได้เดินทางไปกินมื้อค่ำที่เหล่าผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ศาลจัดต้อนรับเขาในฐานะผู้พิพากษาหัวหน้าศาลคนใหม่ เขาจำรอยยิ้มของงามตาได้ดีเมื่อหล่อนรู้ว่าจะมีการเลี้ยงต้อนรับเขาในคืนนี้ คืนที่อายุเขาครบ 53 ปีพอดี

‘ดีเลยค่ะ ถือว่าเป็นการเลี้ยงฉลองวันเกิดไปในตัวเลยนะคะท่านหัวหน้า’ งามตามักจะชอบแหย่เขาแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

เขาขยับตัวไม่ได้ แต่ก็พยายามใช้ตาที่เลอะไปด้วยเลือดเหลือบมองไปทั่วบริเวณ บนรถยับเยินคันนั้น ฝั่งคนนั่งข้างคนขับ หางตาวสินเห็นร่างของงามตานั่งจมกองเลือดอยู่บนรถ แม้เห็นไม่ชัดนัก แต่เขาก็พอจะเดาได้ว่าภรรยาเขาน่าจะจากไปแล้ว

เมฆก้อนใหญ่ลอยมาบดบังแสงของดวงจันทร์ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเลือดที่เปรอะเปื้อนในดวงตาเขาเจือจางลงบ้างจากน้ำตาที่เอ่อไหล ดวงดาวนับร้อยพันเริ่มพากันรีบเร่งส่องแสงประกาย คล้ายจะรู้ว่าเมื่อเมฆลอยหายไป แสงดาราเล็กๆ แม้จะมากมายสักเท่าไร คงไม่อาจต้านทางแสงจันทราได้

วสินหลับตา ภาพจำต่างๆ พร้อมใจพากันวิ่งเข้ามาในหัว

ภาพวันรับประกาศนียบัตรเกียรตินิยมอันดับหนึ่งของเนติบัณฑิต ภาพสมัยเขายังเป็นทนายว่าความ ภาพวันแต่งงาน

บางภาพชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้น ในขณะที่หลายภาพดูเลือนรางคล้ายฟิล์มหนังเก่าที่ตกสีและเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน

 

เมื่อไม่ถึงชั่วโมงที่ผ่านมา…เขากับภรรยายังนั่งหัวเราะชอบใจอยู่ที่ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยากับคนมากมาย แถมเขายังขึ้นไปเล่นกีตาร์ร้องเพลงที่แต่งให้กับงามตาสมัยจีบกันใหม่ๆ ด้วยสิ…

สวัสดีดวงตะวัน…ไม่ได้เจอกันมาทั้งคืน

เธอรู้ไหมว่าฉันรอแค่ไหน…

กลัวเธอไม่หวนมา…เริ่มวันใหม่อีกครั้ง

ฉันเดินลำพังเดียวดาย…ไม่เห็นใคร

แต่ละคืนที่ยาวนาน…กว่าจะผ่านคืนวันมืดมน

มันสับสน…บางครั้งทนแทบไม่ไหว

 

เวลาที่พ้นไป…ก็เดินผ่านไปช้าช้า

ฉันมองไปที่ขอบฟ้า อ่อนล้าไม่มีเรี่ยวแรงในความเงียบงัน

แล้วเธอก็มาส่องแสงกระซิบบอกฉัน พูดเบาๆ ว่าเช้าแล้วฟ้าเป็นสีครามสดใส

บอกกับฉันว่าไม่เป็นไรเราจะอยู่เคียงข้างกัน

โอบกอด…ให้ฉันหนาวคลาย ส่องใจให้ฉันเดิน

 

ไม่ต้องกลัวอะไร อาจมีวันที่เราเสียใจ

แต่เราก็เริ่มวันใหม่กันได้…เสมอ

แม้กลางคืน…จะมืดมิดเพียงใด

อย่าหวั่นไหวยังมีดวงดาวนับร้อยพัน…เป็นเพื่อน  

แล้วเธอก็มาส่องแสงกระซิบบอกฉัน พูดเบาๆ ว่าเช้าแล้ว…

จบเพลงงามตาถึงกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เพลงนี้วสินเขียนให้งามตาช่วงที่หล่อนมีปัญหา ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม เขาบอกกับหล่อนเสมอว่าแม้กลางคืนจะมืดมิดเพียงใด แต่ถ้ามองดีๆ เราจะเห็นดวงดาวมากมาย อีกอย่างถ้าเรามีความอดทนมากพอ ไม่นานก็จะถึงเช้าวันใหม่อีกครั้ง และนั่นละที่ทำให้งามตาหลงรักผู้ชายคนนี้…

 

เสียงปรบมือลั่นกันทั้งร้าน มีคนมากมายเข้ามาแสดงความยินดีกับตำแหน่งใหม่ของเขา หลายคนอวยพรพร้อมยกยอปอปั้นผู้พิพากษาหัวหน้าศาลคนใหม่อย่างออกหน้าออกตาทั้งๆ ที่เพิ่งเจอกันเพียงครั้งแรก

‘คืนนี้เป็นคืนของมึงจริงๆ นะเพื่อน’ ทนายบุญช่วยที่นั่งข้างๆ พูดแหย่เพื่อนรักเล็กน้อย

‘แบบนี้แหละไอ้ช่วย ลาภยศสรรเสริญเป็นของธรรมดา ลองกูไม่มีตำแหน่งสิ อยากรู้นักว่าจะมีใครจะมาอวยอย่างนี้รึเปล่า’ ท่านวสินพูดพลางยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มพลาง

เขาย้อนคิดจะว่าไปในงานเลี้ยงคืนนี้ถ้าไม่นับงามตาภรรยาของเขาแล้ว ก็มีไอ้ช่วยหรือทนายบุญช่วยนี่ละที่เขารู้จักสนิทสนมด้วย นอกนั้นวสินไม่เคยเจอตัวมาก่อนเลยสักคน เขาคิดถึงเพื่อนคนนี้ทีไรก็อดยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากเสียมิได้ ทนายบุญช่วยเป็นเพื่อนสนิทวสินตั้งแต่มัธยมฯ เรียนกฎหมายมาด้วยกัน

ตอนนั้นเขาคิดเสมอว่าพ่อแม่ของเพื่อนเขาคิดยังไงทำไมถึงตั้งชื่อลูกชายได้เชยขนาดนี้…

‘กูว่าเพลงที่มึงแต่งจีบเมียมึงเนี่ยแม่งเชยว่ะ สู้เพลงกูแต่งไม่ได้’ ทนายบุญช่วยโชว์เหนือ

‘เพลงนั้นน่ะเหรอ ชื่ออะไรๆ ขาดรักนะ’ วสินแหย่เพื่อนกลับ

‘ทนายความขาดรักโว้ย มาเดี๋ยวกูร้องให้ฟังเตือนความจำมึงอีกที’

ดูเหมือนว่าแอลกอฮอล์จะแทรกซึมเข้าไปในทุกอณูของเส้นเลือดทนายบุญช่วยแล้ว

เขาถึงกับลุกขึ้นยืนร้องเพลงที่เขาแต่งด้วยความภาคภูมิใจเป็นหนักหนา…

…อัยการผู้พิพากษาตำรวจ เขาอวดเรื่องแฟนวาบหวาม

ทำไมหนอทนายความ จึงหาแฟนได้ยากเย็น

มองเห็นสาวสาวเดินเดี่ยว จะเกี้ยวก็เกี้ยวไม่เป็น

จีบสาวมันยากมันเข็ญ ยากเย็นกว่าการว่าความ…

‘ไอ้ช่วยพอๆ เมาแล้วมึง นั่งเลย’ วสินดึงมือเพื่อนสนิทให้นั่งลง

‘ทำไมไม่เห็นมีใครปรบมือให้กูเหมือนมึงเลยวะ’ ทนายบุญช่วยนั่งลงพร้อมส่งเสียงบ่นอุบอิบ

‘ก็เพลงมึงลอกเพลงทหารอากาศขาดรักเขามา แต่งเองเหี้ยอะไร’

‘ลอกเลิกที่ไหนวะ แบบนี้เขาเรียกว่าซีแอนด์ดี มึงเข้าใจไหม ก๊อบปี้แอนด์เดวิลอปเมนต์ มันเป็นการพัฒนาจากของเดิมให้ดียิ่งขึ้นต่างหาก’ เสียงทนายบุญช่วยอู้อี้ขึ้นทุกที…

เขาเผลอยิ้มที่มุมปาก มันช่างคืนที่สมบูรณ์แบบเสียจริง แม้หลายคนในงานเพิ่งเจอตัววสินครั้งแรก แต่ทั้งท่าทางและคำพูดของคนเหล่านั้นทำทีเหมือนจะรู้จักเขาและภรรยามาเนิ่นนาน บางคนถึงขั้นทำตัวสนิทสนมถามหามินตราว่าทำไมไม่มาด้วย…

 

ภาพทารกน้อยแรกเกิดปรากฏขึ้นมาในความทรงจำ เสียงร้องไห้ของหนูน้อยยังคงแว่วอยู่ในโสตประสาทเขา เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำให้น้ำตาเขาไหลด้วยความปลาบปลื้มใจ มินตรา…

มินตราลูกสาวคนเดียวของงามตากับเขา มินตราบอกเสมอว่าเธออยากเป็นเหมือนพ่อแม่ของเธอ ลูกเพิ่งจะสอบเข้าคณะนิติศาสตร์ได้ ที่ไม่ได้มาคืนนี้ด้วยเพราะพรุ่งนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก

มินตราบอกกับแม่ว่าอยากนอนไวสักนิด พรุ่งนี้ตื่นมาจะได้รู้สึกสดชื่นและพร้อมที่จะเรียนหนักเพื่อจะได้เจริญรอยตามคุณพ่อ เขาจำได้ว่ายังหัวเราะกับคำตอบของลูกสาวอยู่เลย…

‘เก่งจริงนะเรา’ วสินพูดพลางเอามือขยี้หัวลูกสาว ก่อนออกจากบ้านมา

เหมือนมีลมโชยมากระทบใบหน้า น้ำตาหัวหน้าศาลคนใหม่ไหลรินอีกครั้ง เขาพยายามลืมตาแต่ครั้งนี้เขาทำไม่สำเร็จ คล้ายมีอะไรหนักหน่วงมากดทับเปลือกตาไว้ไม่ให้เปิดขึ้นมาได้ เขาคิดถึงมินตรา แต่ภาพงามตาสมัยสาวๆ กลับเด่นชัดขึ้นมาแทน

งามตามักจะทำหน้าที่ที่ไม่มีใครมอบหมาย อย่างเช่นช่วยประสานงานระหว่างทนายความ อัยการ ผู้พิพากษา งามตาเป็นทนายความที่ฉลาดใจเย็นและใจดีมาก หลายครั้งที่ทนายใหม่ๆ ทำอะไรผิดพลาด แม้ไม่ใช่เรื่องที่หล่อนต้องใส่ใจ แต่หล่อนก็ชอบที่จะแนะนำวิธีการต่างๆ ให้เสมอ ไม่เคยโกรธ ไม่เคยชักสีหน้า เรียกว่าเป็นขวัญใจของทนายใหม่หลายคน รวมถึงพวกแก่ๆ เขี้ยวลากดินในศาลด้วย

หล่อนอายุอ่อนกว่าเขา 4 ปี เป็นรุ่นน้องสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เขายังจำใบหน้าเล็กๆ ตาหวานๆ รอยยิ้มมีเสน่ห์ของผู้หญิงที่เขารักได้ดี เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเขาเพิ่งได้รับบรรจุเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษา ยังหนุ่มแน่น เนื้อหอม ยิ่งทุกคนรู้ว่าเขาสอบเข้ามาได้ที่หนึ่งของประเทศไทย ยิ่งทำให้สาวๆ มากมายทั้งทนาย อัยการ หรือแม้แต่ผู้พิพากษาหญิง ต่างหมายปองเขากันทั้งนั้น

แต่เขาไม่เคยสนใจใครเลยนอกจากรักแท้ของเขาคนเดียว…งามตา

 

อาจเป็นเพราะหยดน้ำจากฟากฟ้าตกลงมากระทบใบหน้าหัวหน้าผู้พิพากษาทำให้วสินฝืนลืมตาขึ้นมาได้ แสงจันทร์ที่ส่องสว่างเมื่อชั่วครู่ บัดนี้ถูดบดบังด้วยเมฆฝน สายน้ำเบาบางจากเบื้องบนทยอยหล่นเปาะแปะสู่เบื้องล่าง ในขณะที่ใบหน้ารับรู้ถึงความเปียกปอน ความรู้สึกต่างๆ ทั่วทั้งร่างกายกลับเริ่มถดถอยลดน้อยลง มินตรารออยู่ อีกไม่ไกลก็จะถึงบ้านแล้ว

ถนนแคบสองเลน ข้างทางคือป่าหญ้าคาสูงต่ำ เขาขับตามทางมาถึงสามแยกเล็กๆ ไม่ไกลจากที่พัก แยกที่ก่อนหน้านี้นานๆ ทีถึงจะมีรถใหญ่วิ่งเข้ามา ยิ่งช่วงกลางคืนถนนมักจะโล่งแบบนี้เสมอ เขารู้ เขาชำนาญเส้นทางนี้ดี เขาเปิดไฟเลี้ยวขวา ชะลอรถที่แยก เขาจำได้ชัดเจนว่าไม่มีรถสักคัน…

‘ถึงบ้านแล้วขอน้ำส้มคั้นเหมือนเดิมนะแม่ตาหวานของพี่’ น้ำส้มคั้นสดใส่เกลือนิดๆ คือของโปรดของท่านวสิน และเขาชอบที่จะให้ภรรยาของเขาคั้นให้คนเดียวเท่านั้น

งามตาเผลอหลับไปตั้งแต่ออกจากร้านอาหาร อาจเป็นเพราะฤทธิ์ไวน์แดงราคาแพงที่งานเลี้ยงก็เป็นได้ เขาแค่อยากให้หล่อนรู้ตัวสักนิดก่อนถึงบ้าน แต่ไม่ทันที่งามตาจะตื่นขึ้นมา รถเก๋งคันงามก็เคลื่อนตัวออกจากแยกเลี้ยวขวาไปตามทาง ไม่มีสัญญาณอะไรล่วงหน้า ทุกอย่างราบเรียบอย่างที่ควรเป็น

จู่ๆ ก็มีแสงไฟใหญ่คล้ายดวงตาของปีศาจวิ่งเข้ามากระแทกที่ข้างขวาของตัวรถเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

ทุกอย่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว กว่าเขาจะรู้ตัวอีกที…

วสินก็นอนอยู่กลางพงหญ้าในสภาพนี้แล้ว

……………………..

…สายฝนเบาบางในตอนแรก ถึงนาทีนี้เริ่มเม็ดหนามากขึ้น เสียงไซเรนดังแว่วมาแต่ไกล แสงไฟสีแดงกะพริบวูบวาบเข้าที่ปลายตาของวสิน เสียงฟ้าคำรามเบื้องบนปะปนกับเสียงวิทยุสื่อสาร เขาพยายามจับเสียงโหวกเหวกของผู้คน แต่ก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าพวกเขากำลังพูดอะไร

กระทั่งเสียงหนึ่งที่ดังแว่วเข้ามาที่หู

“ยังไม่ตาย” เสียงหน่วยกู้ภัยคนหนึ่งตะโกนลั่น

“ผู้หญิงในรถยังไม่ตาย” เจ้าหน้าที่กู้ภัยคนเดิมย้ำคำพูดของเขา

วสินรู้สึกโล่งในใจ อย่างน้อยคำพูดนี้สามารถทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายได้บ้าง ถึงตาเขาบ้างสินะ

“ผมก็ยังไม่ตาย ช่วยผมด้วย” วสินพยายามส่งเสียง

คล้ายจะได้ผล เจ้าหน้าที่กู้ภัย 2 คนรีบวิ่งมาที่เขา…

“ไม่ทันแล้ว น่าจะตายคาที่ตั้งแต่เกิดเหตุ” เจ้าหน้าที่คนแรกเอ่ยขึ้นมา

“มึงรออยู่กับศพตรงนี้ก่อน เดี๋ยวกูไปเอาถุงห่อที่รถมาให้” เสียงเจ้าหน้าที่อีกคนสั่งการ

“อะไรกัน ตายอะไร ผมยังไม่ตาย ช่วยผมก่อน ผมยังได้ยินเสียงพวกคุณอยู่เลย ช่วยผมด้วย ให้โอกาสผมอีกครั้งเถิด ได้โปรดช่วยผมด้วย ผมยังไม่ตาย ผมมีลูกมีเมียต้องดูแล มีเรื่องมากมายต้องแก้ไข ผมยังตายไม่ได้ ได้โปรดช่วยผมด้วย” วสินตะโกนสุดเสียงแต่ดูเหมือนไม่มีใครได้ยินเขาเลยสักนิด

เจ้าหน้าที่ช่วยกันเอาร่างยับเยินของท่านผู้พิพากษาหัวหน้าศาลคนใหม่ใส่ถุงห่อศพ ทันทีที่ซิปรูดปิดสนิท ทุกอย่างก็มืดลง ไม่มีเสียง ไม่มีแสง วสินไม่รู้สัมผัสใดๆ อีกต่อไป หรือว่าร่างในถุงพีวีซีสีขาวนั้นไม่มีลมหายใจแล้วจริงๆ



Don`t copy text!