ปราการแสงจันทร์ : จิลลา
โดย : ภัสรสา
ปราการแสงจันทร์ โดย ภัสรสา เมื่อนิชฌานที่เปรียบเหมือนต้นไม้ใต้เงาจันทร์ที่ไม่เคยรู้ว่าโลกในยามกลางวันเป็นอย่างไรต้องมาใช้ชีวิตร่วมกับจิลลาที่ดุจว่าวตัวน้อยที่เรียนรู้การลอยตัวท่ามกลางแรงลมทุกรูปแบบ ทั้งคู่จะอยู่ด้วยกันไปได้ตลอดชีวิตจริงหรือ โดยเฉพาะเมื่อนิชฌานเป็นคนฆ่าจิลลาด้วยมือตัวเอง นิยายออนไลน์ที่อ่านได้ในอ่านเอา
****************************
จิลลาอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวพันผ้าขนหนูเข้ากับตัว ก้าวออกจากห้องน้ำแล้วเดินไปยังห้องนอนอีกห้องที่เชื่อมกันก่อนตามความเคยชิน เธอไปดูว่าป้าตื่นหรือยัง มันกลายเป็นกิจวัตรไปแล้วในทุกๆ เช้า ตื่นนอน เดินไปดูป้า อาบน้ำ เดินไปดูป้า แต่งตัว และใช่… เดินไปดูป้า
วันนี้จิลลาแต่งตัวประณีตเป็นพิเศษเพราะต้องไปทำงานสำคัญ สำคัญกับทุกๆ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานนี้เลยทีเดียว จิลลาเป็นนักเขียนบทความอิสระ เป็นอย่างที่หลายๆ คนเรียกกันว่ามือปืนรับจ้าง คือใครจ้างก็ทำ แต่องค์กรที่เธอทำงานด้วยบ่อยที่สุดคือเดอะคอนเทนิก ซึ่งเป็นสำนักข่าวออนไลน์ที่กำลังมาแรงในหมู่คนรุ่นใหม่ที่สนใจเรื่องการบ้านการเมือง เพราะมีการนำเสนอข้อมูลทั้งเศรษฐกิจ การเมือง การบันเทิงในรูปแบบที่ทันสมัย ทันเหตุการณ์อย่างที่เรียกได้ว่าเกาะทุกกระแส ส่วนงานสำคัญวันนี้เป็นงานที่จิลลาถนัด คือการนำเสนอชีวประวัติของใครสักคน โดยอาจมีประเด็นที่ทางคอนเทนิกจั่วหัวไว้ว่าต้องมี หรือไม่ก็เป็นทางผู้ให้สัมภาษณ์เองนั่นแหละที่กำหนดมา
จิลลาถนัดการสัมภาษณ์พูดคุยกับคน จับประเด็นที่น่าสนใจในสิ่งที่คนคนนั้นเล่าแล้วนำมาตีแผ่ในแง่มุมที่แตกต่าง ไม่ซ้ำกับที่เคยเผยแพร่มาแล้ว งานสำคัญที่ว่านี้ทางผู้ให้สัมภาษณ์เป็นคนขอทางเดอะคอนเทนิกมาว่าต้องการให้เธอเป็นผู้สัมภาษณ์เนื่องจากชอบผลงานที่ผ่านๆ มา
จิลลาต้องสัมภาษณ์แขดรุณ ทายาทรุ่นสามของทีจีแอลเรียลเอสเตต ซึ่งเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่หากมีการพูดถึงคนทั่วไปจะรู้จัก หรือถ้าไม่รู้จักก็ต้องคุ้นหู ปีนี้บริษัทจะครบรอบหกสิบปี เป็นปีที่แขดรุณจะก้าวเข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารของทีจีแอลเต็มตัว ปกติแล้วแขดรุณเป็นที่รู้จักในวงสังคมอยู่แล้วเพราะคุณสมบัติอันเพียบพร้อมของหญิงสาว รูปร่างหน้าตา การศึกษา ฐานะ รวมไปถึงความรักอันสุดแสนโรแมนติกเจือดราม่าที่น่านำไปเขียนเป็นนวนิยาย แต่ไม่มีเลยสักครั้งที่มีการพูดถึงการทำงานของแขดรุณอย่างจริงจัง นี่จะเป็นครั้งแรก…
จิลลาถึงได้บอกว่ามันสำคัญมาก สำคัญสำหรับเธอ สำหรับเดอะคอนเทนิก สำคัญสำหรับแขดรุณและทีจีแอลเรียลเอสเตตด้วย
จิลลากระชับเสื้อสูทให้เข้าที่ ตรวจดูว่ากางเกงสวมใส่เรียบร้อยหรือไม่ สำรวจอีกครั้งว่าใบหน้าที่ตกแต่งไว้อย่างดีไม่มีตรงไหนบกพร่อง ตรวจอุปกรณ์ทำมาหากินของตนว่าจัดลงกระเป๋าถือเรียบร้อยแล้ว กล้องถ่ายรูป กระดาษ ปากกา จึงเดินไปดูป้าอีกครั้ง… ป้าเธอตื่นแล้ว หญิงสาวส่งยิ้มกว้างให้คนที่ลืมตามองมา ถามน้ำเสียงร่าเริงขณะเดินไปรูดม่านเปิดช่องให้แสงแดดสาดส่องเข้ามาภายใน “ตื่นแล้วเหรอป้าลิน”
เป็นเรื่องปกติที่นลินจะมองตอบอย่างเลื่อนลอย จิลลาเปิดม่านจนครบแล้วจึงเดินมาประคองให้ป้าลุกขึ้นนั่ง แล้วนั่งลงไปข้างๆ ถามต่อ ยังมีรอยยิ้มกระจ่างบนใบหน้า “ป้าลินหิวหรือยัง อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม เดี๋ยวแจ้วให้ป้าศรีทำให้”
แม้อีกฝ่ายไม่ได้ตอบ ทว่าจิลลาก็ถามต่อ เพราะรู้อยู่แล้วว่านลินไม่ตอบแน่ อย่างน้อยๆ ก็สักสามสี่เดือนมาแล้วที่อาการอัลไซเมอร์ของนลินเข้าสู่ระดับนี้ ป้าไม่ขยับตัว ไม่พูดไม่จา จิลลากังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมันแสดงได้ว่าอาการป้าเริ่มหนักขึ้น แต่ก็พยายามหาข้อดี ซึ่งคืออย่างน้อยจิลลาก็ไม่ต้องหวาดระแวงกลัวป้าจะหายออกไปจากบ้านเหมือนช่วงปีก่อนที่ป้ายังเดินเหินได้ปกติ “เอาส้มตำปูปลาร้าที่ป้าลินชอบดีไหม หรือก๋วยเตี๋ยวน้ำตกเนื้อตุ๋นดี น้ำพริกกะปิล่ะอยากกินไหม”
จบคำถามนี้จิลลาก็ต้องยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เธอยังอยู่กับป้าได้อีกราวๆ ห้าถึงสิบนาที แต่อีกเดี๋ยวศรีก็น่าจะมาแล้ว เพราะเธอนัดไว้ล่วงหน้าว่าวันนี้ต้องการให้ศรีมาอยู่เป็นเพื่อนป้าตั้งแต่เช้า
คิดถึงศรี ศรีก็มา… จิลลาได้ยินเสียงประตูบ้านเปิด จึงหันไปบอกนลิน “เพื่อนซี้ป้าลินมาแล้ว จะเอาอะไรบอกป้าศรีเลยนะ”
ว่าแล้วก็หันไปส่งยิ้มให้ศรีที่เดินยิ้มร่าเข้ามาเช่นกัน “เลยต้องกวนป้าศรีแต่เช้าเลย”
ศรีโบกไม้โบกมือไปมาเป็นการปฏิเสธ “กวนอะไรที่ไหน เดี๋ยวข้าก็มาหลับต่อแถวนี้แหละ เอ็งไปทำงานเถอะไป”
จิลลาจึงหันไปหาป้าตน “ป้าลิน แจ้วไปทำงานก่อนนะ มีอะไรก็โทรหาแจ้ว มื้อเย็นถ้าอยากกินอะไรนอกบ้านก็บอกแจ้วนะ เดี๋ยวแจ้วซื้อมาให้”
ศรีเห็นอาการนั้นแล้วยิ้มน้อยๆ ปนเปไปหมดทั้งเอ็นดูและสงสาร จิลลายังคงปฏิบัติกับนลินราวกับอีกฝ่ายยังมีสติสมบูรณ์พร้อม ยังคงดูแลนลินอย่างดีตั้งแต่นลินเริ่มมีอาการอัลไซเมอร์เมื่อสักห้าปีก่อนกระทั่งตอนนี้ ส่วนศรีก็เป็นผู้ช่วยดูแลนลินมาตั้งแต่แรก เพราะบ้านใกล้ไปมาหาสู่สะดวกด้วย แล้วเธอยังเป็นเพื่อนสนิทของนลินมาตั้งแต่สมัยรุ่นๆ กับจิลลาเองศรีก็เห็นมาตั้งแต่พ่อแม่ของจิลลาเอามาทิ้งไว้กับป้านี่แหละ ศรียังต้องมาช่วยเลี้ยงจิลลาในบางทีเพราะนลินเป็นสาวโสด ไม่เคยมีลูกเล็กมาก่อน ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นจิลลาสักห้าหกเดือนได้
จิลลาบีบมือป้าตนแผ่วเบา อยากลองหอมแก้มป้าเหมือนที่เคยทำตอนป้ายังดีๆ แต่ครั้งล่าสุดที่ทำมันทำให้ป้าตกใจกลัวจึงไม่อยากเสี่ยงทำอีก หญิงสาวลุกขึ้นยืน หันไปยิ้มขำกับศรีที่ส่งเสียงมา คงเพราะได้เห็นเธอเต็มตัวแล้ว
“แหมโว้ย วันนี้แต่งตัวสวยเช้ง”
“ไม่ได้สิป้า วันนี้แจ้วไปทำงานในคฤหาสน์ร้อยล้าน ไม่แต่งแบบนี้เดี๋ยวเขาแยกแจ้วกับคนใช้บ้านเขาไม่ออก”
ศรีหัวเราะร่วน โบกมือเป็นทำนองบอกให้จิลลาไปทำงาน จิลลาไม่ลืมย้ำว่าให้โทรศัพท์หาเธอได้ตลอดเวลาหากมีเรื่องด่วนเกิดขึ้น แล้วเดินไปยังรถยนต์คันเล็กของตน ขับออกถนนได้ครู่เดียวก็มีสายเข้า เห็นชื่อที่ขึ้นหน้าจอเป็นวรรณวลี เพื่อนรักของตนจึงรีบกดรับ คงไม่ต้องรีบมากถ้าไม่เพราะเพื่อนรักคนนี้เป็นบรรณาธิการของเดอะคอนเทนิก ซึ่งก็คือเป็นเจ้านายเธอด้วย ไม่รู้ว่ามีอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานให้เธอต้องเตรียมตัว หรือต้องย้อนกลับไปเอาของที่บ้านหรือเปล่า ดีว่าหูฟังไร้สายพร้อมใช้งานอยู่แล้วจึงไม่ลำบากนัก
“ว่าไงคะคุณวรรณวลี”
“ไม่ว่าไงค่ะคุณจิลลา แค่อยากทราบว่าคุณย้ายก้นออกจากบ้านหรือยังคะ”
คุณจิลลาหัวเราะร่วน รู้ว่าเพื่อนไม่อยากให้ไปสาย ปกติเธอไม่เคยสายเพื่อนรู้อยู่แล้ว แต่ที่โทรมาเตือนอีกทีก็เพราะครั้งนี้มันเป็นงานสำคัญมากจริงๆ “ไม่ได้ย้ายแค่ก้น ฉันย้ายทั้งตัวแล้วย่ะ อีกสองชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัด ถ้าสายนี่ก็ไม่ใช่ความผิดฉันหรอกนะ โทษความห่วยของการจราจรในกรุงเทพฯ เถอะ”
“จากบ้านแกไปบ้านคุณแคลร์ ถ้ารถไม่ติดไม่เกินสี่สิบห้านาทีก็คงถึง ถ้ารถติดแบบที่ติดปกติ ก็คงสักชั่วโมงครึ่ง ถ้าแกซวย แกสายแน่นังแจ้ว ฉันภาวนาให้แกไม่ซวยเพราะไม่อย่างนั้นฉันกับเดอะคอนเทนิกจะซวยไปด้วยย่ะ”
“ย่ะ เดี๋ยวถึงบ้านคุณแคลร์แล้วฉันส่งข้อความบอก แกจะได้สบายใจ”
“โอเค แล้วนี่ป้าศรีไปช่วยดูป้าลินแล้วใช่ไหม”
“เรียบร้อย” จิลลากำลังจะบอกลาเพื่อวางสาย ทว่ามีหนึ่งคำถามผุดขึ้นมาในหัวเสียก่อน “แกๆ ถามหน่อย สรุปแกรู้หรือยังว่าคุณแคลร์ชอบงานชิ้นไหนของฉัน ถึงได้ระบุให้ฉันเป็นคนสัมภาษณ์”
“ยัง ฉันไม่มีโอกาสถามเลย วันนี้แกเจอคุณแคลร์ก็ลองถามดูแล้วกัน”
จิลลาตอบรับแล้ววางสาย ขับรถมุ่งหน้าสู่คฤหาสน์หรูเกือบๆ จะอยู่ใจกลางเมืองของตระกูลกัญจน์ธรา วันนี้เธอโชคดี และใช่ พลอยทำให้วรรณวลีและเดอะคอนเทนิกโชคดีไปด้วย เพราะการจราจรไม่ได้ติดวินาศสันตะโรไปกว่าทุกวัน เธอมาถึงก่อนเวลานัดราวสิบนาที สำหรับจิลลาแล้วเป็นเวลาที่ถือว่าไม่มากไป ไม่น้อยไป เธอมีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมทำงาน เจ้าของบ้านมีเวลาเตรียมรับแขก
จิลลาส่งข้อความบอกเพื่อนว่าตนถึงจุดหมายแล้ว แล้วก้าวลงจากรถ ยกมือไหว้หญิงวัยกลางคนที่เดินเข้ามาใกล้ เอ่ยปากถามเธอ
“นักข่าวจากเดอะคอนเทนิกใช่ไหมคะ”
จิลลายิ้มนิดๆ ไม่ชินเสียทีกับการถูกเรียกว่านักข่าว ทว่าแก้ไขไปก็รังแต่จะสร้างความสับสนจึงพยักหน้าก่อนตอบรับ “ค่ะ”
“คุณแคลร์มีงานด่วนเข้ามาค่ะ ฝากขอโทษแล้วก็ขอให้รอสักครู่ค่ะ”
คราวนี้จิลลายิ้มกว้าง บอกไปง่ายๆ “แจ้วมาก่อนเวลาด้วยค่ะ บอกคุณแคลร์ว่าไม่ต้องรีบนะคะ แจ้วรอได้”
แน่ละ ต่อให้ต้องรอไปอีกสามวันเธอก็รอได้ ถ้าถึงวันที่สี่ค่อยมีปัญหา เพราะเดอะคอนเทนิกจ่ายค่าเวลาของเธอสำหรับงานชิ้นนี้ในอัตราเต็มวันคูณสาม เพราะเธอต้องสัมภาษณ์แขดรุณสามวันเต็ม
จิลลาออกเดินตามหญิงวัยกลางคนเมื่ออีกฝ่ายออกปากเชื้อเชิญ ในใจยังครุ่นคิดอย่างสงสัยตัวเองเหมือนกันว่าในเวลาสามวันนี้เธอจะทำให้ลุล่วงไปได้ด้วยดีหรือเปล่า ปกติแล้วงานสัมภาษณ์ครั้งที่ผ่านๆ มา เวลาในการทำงานของเธอมักเป็นหน่วยชั่วโมง มากสุดก็อยู่ราวๆ สามถึงสี่ชั่วโมงเท่านั้น แต่ครั้งนี้คล้ายกับว่าเธอกำลังทำรายการตามติดชีวิตแขดรุณอย่างไรอย่างนั้นเลย…
“นั่งรอในนี้ก่อนนะคะ”
จิลลาส่งเสียงตอบรับ ก้าวเข้าไปในกาเซโบกลางสวนสวยอย่างว่าง่าย นึกดีใจที่แม้จะเป็นกาเซโบชมสวนที่วางกลางแจ้งแต่มีการกรุกระจกรอบด้านและเปิดเครื่องปรับอากาศไว้เย็นฉ่ำ หญิงสาวนั่งลงได้เพียงครู่เดียวก็มีคนนำของว่างและเครื่องดื่มมาให้ เอ่ยขอบคุณเรียบร้อยจิลลาก็หยิบเอกสารที่เตรียมไว้ออกมาอ่าน
จิลลาชอบที่มาของชื่อแขดรุณ ครั้งแรกที่ได้ยินเธอคิดว่ามันฟังไทยแท้อย่างมาก แต่จิลลาไม่คิดว่ามันเชย เธอว่ามันเก๋ พอรวมเข้ากับหน้าตาสวยคมของเจ้าของชื่อเธอก็ยิ่งคิดว่ามันเข้ากันดี แต่พอรู้ว่าแขดรุณแผลงมาจาก Clair de lune ออกเสียงว่าแคลร์ เดอ ลูน เป็นภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่าแสงจันทร์ แล้วยังมีความหมายใกล้เคียงกับชื่อภาษาไทยเพราะคำว่าแขก็แปลว่าดวงจันทร์ จิลลาก็ไม่แปลกใจที่ทุกบทสัมภาษณ์ต้องมีการพูดถึงที่มาของชื่อ และเธอสัมผัสความภาคภูมิใจได้ผ่านตัวอักษร หรือน้ำเสียงแล้วแต่ว่าเสพบทสัมภาษณ์ช่องทางไหน ยิ่งกว่านั้นคือเธอรู้สึกเลยว่าแขดรุณชอบชื่อตัวเอง ยิ่งชอบเป็นพิเศษเพราะปู่เป็นคนตั้งให้
งานที่เธอต้องทำนั้น ทางเลขานุการของแขดรุณแจ้งมาว่าทั้งสามวันที่มีการสัมภาษณ์จะแยกชัดเจนว่าให้สัมภาษณ์เรื่องใด โดยวันแรกจะเป็นการสัมภาษณ์ด้านการใช้ชีวิตทั่วไป โดยจะมีเพื่อนสนิทของแขดรุณมาร่วมการสัมภาษณ์ด้วย จิลลาอ่านโจทย์แล้วเดาได้ไม่ยากว่าในวันนี้ประเด็นสำคัญคือการศึกษาไลฟ์สไตล์หรือการใช้ชีวิตของแขดรุณ วันที่สองจะเป็นการสัมภาษณ์ที่สำนักงานของทีจีแอลเรียลเอสเตต จิลลาต้องตามแขดรุณไปทำงาน ก็พอเดาได้แหละว่าเป็นการบอกว่าแขดรุณทำงานอะไรบ้าง และวันที่สามเป็นวันที่จิลลาตื่นเต้นนิดๆ เพราะเธอจะได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อดูโครงการใหม่ของทีจีแอลเรียลเอสเตต ซึ่งริเริ่มและดูแลโดยแขดรุณ จิลลาคาดว่าวันสุดท้ายนี้ต้องเทน้ำหนักให้กับตัวองค์กรมากกว่าสองวันแรก
เป็นการเก็บข้อมูลที่ยาวนาน และเมื่อบทสัมภาษณ์ออกไปคงทำให้ใครหลายคนรู้จักแขดรุณและทีจีแอลเรียลเอสเตตดียิ่งขึ้น… ซึ่งนั่นทำให้จิลลาสงสัย อันที่จริงแขดรุณควรเลือกใช้ผู้สัมภาษณ์ที่สนิทสนม หรืออย่างน้อยก็ต้องใกล้ชิดกว่าจิลลา ให้บอกว่าแขดรุณไม่รู้จักนักเขียนบทความหรือนักข่าวคนอื่นๆ เลยจิลลาคงไม่เชื่อ ตัวจิลลาเองนั้นนอกจากเห็นชื่อและรูปของแขดรุณผ่านๆ ในข่าวสังคมแล้ว เธอไม่รู้จักแขดรุณเลย พอรู้ว่าจะได้สัมภาษณ์แถมต้องใช้เวลายาวนานถึงสามวันจึงเริ่มหาข้อมูล ซึ่งก็ทำให้โล่งใจไปในเบื้องต้นเพราะหลายๆ ข่าวทำให้พอเดาไปในทางที่ดีได้ว่าแขดรุณเป็นคนน่ารัก จิตใจดี มีมนุษยสัมพันธ์ดี สามวันต่อจากนี้คงไม่ใช่เรื่องแย่
จิลลาหวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี ไม่อยากทำให้ใครต้องผิดหวังกับงานชิ้นนี้ เพราะก็อีกนั่นแหละ ถ้ามีคนผิดหวังนั่นหมายถึงมันกระทบกับหน้าที่การงานของเธอด้วย…
หญิงสาววางเอกสารลง หันมองรอบตัวแล้วอดยิ้มไม่ได้… ดูก็รู้ว่าสวนกว้างใหญ่นี้ได้รับการออกแบบอย่างดี นอกจากการออกแบบแล้วก็ยังได้รับการดูแลอย่างดีด้วย ใช่สิ ก็บ้านคนมีเงินนี่ ไม่ใช่แค่มีธรรมดา มีมากด้วย ทีจีแอลเรียลเอสเตตเป็นบริษัทจำกัดมหาชน กำไรสุทธิต่อปีไม่เคยต่ำกว่าห้าพันล้านบาทอย่างน้อยก็ห้าปีมาแล้ว จิลลาหันไปมองอีกทางเมื่อสมองเริ่มประมวลผลได้ว่ากำลังได้ยินเสียงน้ำไหล เห็นหินก้อนใหญ่วางทับสลับกันไปมาอยู่ลิบๆ กลายเป็นน้ำตกจำลอง ความน่าสนใจของมันทำให้จิลลาลุกขึ้นไปยืนเกาะกระจกฟากที่จะทำให้เห็นความน่าตื่นตาตื่นใจนั้นชัดที่สุด เห็นความใหญ่โตโอ่อ่าของมันแล้วคิดไปว่าเฉพาะน้ำตกนั่นใช้งบประมาณในการสร้างเท่าไรกันหนอ มีหวังแพงกว่าบ้านที่เธออยู่ตอนนี้อีก…
“นักข่าวยังไม่มาเหรอคุณ”
จิลลาหันขวับกลับไปมองต้นเสียง เห็นผู้ชายคนหนึ่งในชุดกีฬากำลังทำหน้าตกอกตกใจ ก่อนเธอจะทันคิดอะไรออกอีกฝ่ายกลับบอกออกมาก่อน
“ขอโทษทีครับ นึกว่าแคลร์”
นึกว่าแคลร์… จิลลาพินิจชายหนุ่มตรงหน้า พอจะนึกออกแล้วว่าเขาเป็นใคร เธอเห็นภาพเขากระจายทั่วอินสตาแกรมของแขดรุณราวกับเป็นเจ้าของบัญชีร่วมด้วยก็ไม่ปาน ถ้าเธอจำไม่ผิด เขาคือนิชฌาน หนุ่มลูกครึ่งไทยอังกฤษ สามีของแขดรุณ จิลลายกมือไหว้เพราะแน่ใจว่าเขาอาวุโสกว่า เขารับไหว้เธอแล้วเอ่ยถาม
“ที่จะมาสัมภาษณ์แคลร์ใช่ไหมครับ”
“ค่ะ”
เกิดความเงียบงันอันน่าอึดอัดขึ้นอยู่ราวสองอึดใจ คล้ายกับทั้งคู่ทำอะไรไม่ถูกจึงได้แต่มองหน้าอิหลักอิเหลื่อของแต่ละฝ่ายอยู่แบบนั้น ที่สุดก็เป็นฝ่ายชายที่มีสติ พูดออกมาได้ก่อน
“ตามสบายนะครับ เดี๋ยวแคลร์คงมา”
จิลลาตอบรับเสียงเบาขณะมองร่างสูงหันหลังเดินห่างไป ได้แต่คิดในใจ… ทักเธอเป็นภรรยาตัวเองเนี่ยนะ เขามีปัญหาด้านสายตาหรือเปล่า!