ฉัตรกนก บทที่ 2 : ฤทธิ์ ชาติสยาม

ฉัตรกนก บทที่ 2 : ฤทธิ์ ชาติสยาม

โดย : พงศกร

Loading

‘ฉัตรกนก’ โดย พงศกร เรื่องราวของโรงพิมพ์ผ้าตราฉัตรกนกของ มรว. ฉัตรกนก ที่กำลังเป็นที่นิยม เกิดเหตุฆาตกรรมขึ้น โดยมี ตวงฤทธิ์ ชายลึกลับเข้ามาเกี่ยวข้อง…ชายผู้ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นฆาตกรหรือโจรขโมยหัวใจกัน ได้ลงจนจบบริบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางผู้เขียนใจดีมอบ 5 บทแรกไว้ให้อ่านกันที่อ่านเอา

หากติดใจอยากอ่านต่อ สามารถหาซื้อ #ฉัตรกนก ฉบับรวมเล่มได้แล้ววันนี้ ในรูปแบบหนังสือที่ร้านนายอินทร์ และร้านหนังสือชั้นน้ำทั่วไป หรือสั่งซื้อกับสำนักพิมพ์ กรู๊ฟ พับลิชชิ่ง ได้โดยตรงที่ www.groovebooks.com  และในรูปแบบอีบุ๊ก สามารถดาวนโหลดได้ที่ Meb > https://bit.ly/2SS52RK

……………………………………………………………….

-2-

 

“ประเดี๋ยวนะ” คุณหญิงฉัตรกนกกะพริบตาถี่ๆ ขมวดคิ้วมุ่น จ้องมองคนตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“นี่ฉันฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า นายบอกว่าจะขอทดลองซ่อมเครื่องจักรใหม่ ถ้าทำเสียหายก็จะชดเชยเงินให้ แต่ถ้าซ่อมได้ ฉันต้องรับนายเข้าทำงาน…แบบนี้จะไม่เป็นการมัดมือชกไปหน่อยหรือ”

“แต่แบบนี้ก็ยุติธรรมดีไม่ใช่หรือครับ” คำตอบของอีกฝ่ายฉะฉาน ชัดเจน “เครื่องจักรเครื่องนี้ใครๆ ก็ทำให้เดินเครื่องไม่ได้ ถ้าผมทำได้ นั่นย่อมหมายความว่าผมมีฝีมือพอจะทำงานที่โรงงานแห่งนี้”

“เครื่องจักรไม่ใช่ถูกๆ ไม่ใช่เรื่องจะมาทดลองเล่น” คุณหญิงฉัตรกนกยังไม่เข้าใจความคิดของอีกฝ่ายดีนัก “เกิดเสียหายไปจะทำให้ผลิตผ้าไม่ได้ แบบนั้นแล้วใครจะรับผิดชอบ”

“แต่ถ้าไม่ให้ผมลองซ่อม เครื่องจักรก็ตั้งทิ้งเอาไว้เฉยๆ ยังผลิตผ้าไม่ได้ไม่ใช่หรือครับ” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว จ้องมองราชนิกุลสาวตรงหน้าด้วยสายตาไม่เข้าใจ “ถ้าคุณหญิงยอมเสี่ยงกับผม เครื่องจักรอาจจะกลับมาทำงานได้ และคุณหญิงก็จะผลิตผ้าส่งได้ทันตามกำหนด”

…ก็จริงของเขา…

คุณหญิงฉัตรกนกนิ่งคิด เธอเหลือบสายตามองไปที่นายเศวต ชายวัยกลางคนพยักหน้าให้คุณหญิงเป็นทำนองว่าเห็นด้วยกับอีกฝ่าย

“งั้นก็…ลองดู” คุณหญิงตอบอย่างไว้เชิง “แต่ถ้าไม่แน่ใจอะไรก็ถามกันก่อนนะ อย่าเพิ่งลุยไปเอง เดี๋ยวจะยุ่งกันใหญ่ ของไม่ใช่ถูกๆ อะไหล่ก็ต้องรอสั่งมาจากเยอรมนี”

“ครับ” ชายหนุ่มรับคำแข็งขัน ดวงหน้าคมสันของเขาปรากฏร่องรอยยินดี คุณหญิงฉัตรกนกเพิ่งเห็นตอนนั้น…สองข้างแก้มของชายหนุ่มมีลักยิ้มบุ๋ม ทำให้หน้าตาของเขาแจ่มใสแลดูน่ามอง

“ว่าแต่…” คุณหญิงถามอีก “เธอชื่ออะไรล่ะ”

“ฤทธิ์ครับ” เขาตอบ “ผมชื่อฤทธิ์ ชาติสยาม”

“เรียนจบช่างมาจากที่ไหน” คุณหญิงซัก

“เอ้อ…” คราวนี้เขานิ่งคิดนิดหนึ่ง “ผมไม่ได้เข้าเรียนโดยตรง อาศัยครูพักลักจำเอาน่ะครับ ถ้าคุณหญิงจะเอาใบประกาศนียบัตร ผมไม่มีให้หรอกนะ”

“อืม…” คุณหญิงพึมพำเสียงแผ่วในลำคอ รู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรแปลกๆ อยู่ แต่ยังบอกไม่ถูกว่าอะไร

“ตกลงว่าอย่างไรครับ” นายฤทธิ์ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “จะให้ผมลองดูหรือเปล่า”

“ยังจะมาถามอีก” คุณหญิงฉัตรกนกย้อนเข้าให้ “รีบไปซ่อมเลย รีบไปเสีย…ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ”

“รับรองว่าคุณหญิงจะต้องไม่ผิดหวังแน่นอน” นายฤทธิ์ ชาติสยาม ยิ้มกว้าง ก่อนจะหันหลังเดินตรงไปยังโรงงานที่ตั้งอยู่ทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาของทุกคนในห้อง ที่มองตามแผ่นหลังแข็งแกร่งไปด้วยความรู้สึกต่างๆ กัน

“ฤทธิ์ ชาติสยาม”

หม่อมเจ้าดำรงชาติตรัสทวนชื่อนั้น พร้อมกับกวาดเนตรมองกระดาษในมือไปมาเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน

“ไม่มีประวัติของคนชื่อนี้ในบัญชีพลเมืองสยาม”

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชดำริให้นับจำนวนประชากรไทยและทำทะเบียนพลเมืองขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.2448

การสำรวจในครั้งนั้น ครอบคลุมพื้นที่ 12 มณฑล จากทั้งหมด 17 มณฑล ที่สังกัดกระทรวงมหาดไทย การสำรวจกระทำโดยละเอียด มีการแจกแจงว่าใครเป็นใคร เพศใด ผู้ชาย ผู้หญิง อายุเท่าไร เป็นคนชาติพันธุ์อะไรบ้าง และจัดทำเป็นบัญชีขึ้นเรียกว่าบัญชีพลเมือง

หลังจากนั้นมา กระทรวงมหาดไทยก็จะมีการสำรวจพลเมืองเป็นช่วงๆ ครั้งล่าสุดครั้งที่ 3 เพิ่งทำไปเมื่อปี พ.ศ.2472 ที่ผ่านมา พบว่าบัดนี้สยามมีประชากรถึง 11 ล้านคน เพิ่มจากเดิมที่มีเพียงแค่ 8 ล้านคนในรัชสมัยของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง

“ดูละเอียดดีแล้วหรือฮะ”

คุณหญิงเปลวกนกชะโงกหน้ามามองบัญชีที่พระสวามีถืออยู่ แม้จะอภิเษกสมรสกันนานหลายปีจนคุณชายชาติกนกวิ่งได้คล่องแล้วก็ตาม หากคุณหญิงเปลวกนกยังชอบจะทำตัวแก่นๆ เป็นทอมบอยเหมือนเดิม

“ดูละเอียด ดูหลายรอบแล้ว” ท่านชายดำรงชาติถอนปัสสาสะ “ไม่มีคนชื่อฤทธิ์ ชาติสยาม ในทะเบียนพลเมืองสยามแน่นอน”

แม้จะลาออกจากราชการได้หลายปีแล้ว หากท่านชายยังมีเครือข่ายลูกน้องคนสนิท สามารถดึงข้อมูลสำคัญๆ ที่ทรงอยากรู้ออกมาให้ได้เสมอ หลายวันก่อนคุณหญิงฉัตรกนกติดตามท่านชายเปรมปุษาณมาพักผ่อนที่บางเบิด มีโอกาสได้เล่าถึงช่างซ่อมเครื่องยนต์คนใหม่ที่เพิ่งรับเข้ามาทำงาน คุณหญิงคนน้องรู้สึกว่านายฤทธิ์ ชาติสยาม มีพิรุธหลายอย่าง เธอจึงขอให้พี่เขยช่วยตรวจสอบประวัติความเป็นมาให้

“แปลว่านายฤทธิ์ ชาติสยาม เป็นใครสักคนปลอมตัวมา หรือไม่ก็เป็นคนเถื่อน” คุณหญิงฉัตรกนกพึมพำ

“ไล่ออกเลย” คุณหญิงเปลวกนกสรุป “คนไม่มีหัวนอนปลายเท้า หญิงฉัตรจะเก็บเอาไว้ทำไม อาจจะเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตายหนีคดีมาหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“แต่…” ใจหนึ่งคุณหญิงฉัตรกนกก็คิดเหมือนพี่สาว หากอีกใจก็กลับลังเล เพราะนายฤทธิ์ เป็นช่างเครื่องยนต์ที่มีฝีมือไม่น้อย

หลังจากที่เขาอาสาขอแก้ไขเครื่องจักรใหม่และได้รับอนุญาต นายฤทธิ์ก็หายหน้าไปเกือบหนึ่งวันเต็ม ก่อนจะกลับมารายงานด้วยหน้าตาและเนื้อตัวที่มอมแมมว่า เครื่องจักรสามารถทำงานได้แล้ว

‘เครื่องจักรทำงานได้แล้วหรือ’ คุณหญิงฉัตรกนกยังจำได้ว่าดีใจจนแทบจะกระโดดโลดเต้น ดีที่จำคำสอนสั่งของหม่อมอุ่นอรุณได้ จึงพยายามรักษากิริยาเอาไว้ให้สงบและสุขุม

‘ไหน พาฉันไปดูหน่อย’

นายฤทธิ์ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เขาเพียงแต่ยิ้มกว้างขณะเดินนำหญิงสาวร่างโปร่งบางไปยังโรงงานทางด้านหลัง เสียงเครื่องจักรใหม่ทำงานดังฉึกฉัก ดึงด้ายในกระสวยเข้าไปในเครื่อง ก่อนจะสานเข้าด้วยกัน เกิดเป็นแผ่นผ้าสีสันและลวดลายสวยงาม

คุณหญิงฉัตรกนกเบิกตากว้างด้วยความดีใจ ริมฝีปากบางราวกลีบกุหลาบแย้มรอยยิ้มยินดี นายฤทธิ์จ้องมองเธอแทบไม่กะพริบตา

‘นายฤทธิ์ซ่อมคนเดียวเลยหรือ’ คุณหญิงฉัตรกนกถาม จ้องมองชายหนุ่มรูปร่างสูงล่ำสันราวไม่เชื่อสายตา

‘ครับ…นายฤทธิ์ลงมือคนเดียวล้วนๆ’ เศวตเป็นคนตอบแทนชายหนุ่ม ‘ผมเห็นขยับนั่น ขยับนี่ ยกนั่น ย้ายนี่ เอาสายไฟมาต่อ มาตัด เสร็จเรียบร้อย ก็เดินเครื่องได้เลยครับ…ไอ้นี่มันแน่จริงๆ สมราคาที่คุยเอาไว้’

ชายวัยกลางคนตบหลังคนหนุ่มเสียงดังป้าบใหญ่ เล่นเอาฤทธิ์เซไปนิดหนึ่ง จากนั้นทั้งสองก็หัวเราะออกมาพร้อมๆ กัน

‘แล้วทำไมช่างของเราทำไม่ได้’ คุณหญิงนึกสงสัยมากกว่าจะตำหนิคนของเธอ

‘ช่างของคุณหญิงคงไม่รู้รายละเอียดน่ะครับ’ คุณหญิงฉัตรกนกจำได้ว่าฤทธิ์อธิบายเช่นนั้น ‘เครื่องจักรรุ่นใหม่ที่ส่งมาเป็นของเยอรมนี ยังไม่ได้ทำการแปลงไฟให้เข้ากับระบบไฟฟ้าของสยาม เมื่อต่อเชื่อมกัน…ระบบก็เลยไม่ทำงาน ผมจัดการดัดแปลงแก้ไขนิดหน่อยก็เลยใช้งานได้’

‘นายรู้เรื่องนี้ด้วยหรือ…รู้ได้อย่างไร’ นายฤทธิ์บอกว่าไม่เคยเข้าโรงเรียนที่ไหน ได้แต่ใช้วิธีครูพักลักจำเอา หากเป็นเช่นนั้นจริง เขาไม่น่าจะรู้ลึก รู้ละเอียดถึงเรื่องระบบไฟฟ้าของเครื่องจักรกล ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

‘ก็อ่านคู่มือเอาน่ะสิครับ’ ฤทธิ์ตอบรวดเร็ว ‘คู่มือเล่มใหญ่ๆ ที่เขาให้มาพร้อมกับเครื่องจักรนั่นอย่างไร’

‘คู่มือ’ คราวนี้คุณหญิงฉัตรกนกประหลาดใจจริงจัง จะไม่ให้ประหลาดใจได้อย่างไร ในเมื่อคู่มือเล่มหนานั้น พิมพ์ด้วยภาษาเยอรมันทั้งเล่ม!

‘นายอ่านออกหรือ’

‘เอ้อ’ ฤทธิ์หน้าเผือดสีไปนิดหนึ่ง ครั้นพอตั้งสติได้เขาก็รีบบอกว่า ‘อ่านไม่ออกหรอกครับ อาศัยดูรูปเอาน่ะ’

‘ดูรูป’ สายตาคู่คมของคุณหญิงฉัตรกนกจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าราวจะจับพิรุธ

‘ใช่ครับ…ดูรูป แล้วก็ทำตามนั้น’ ฤทธิ์หลบตาคุณหญิง

‘งั้นก็ต้องขอชมว่าเธอเก่งมาก’ คุณหญิงเอ่ยตรงๆ ตามนิสัย

‘สรุปว่าผมได้ทำงานที่นี่…ใช่ไหมครับ’ ฤทธิ์ทวงถามถึงสัญญาที่คุณหญิงให้ไว้ และคุณหญิงฉัตรกนกจะตอบอะไรได้ นอกจากต้องตกลงตามคำสัญญา

แม้จะรู้สึกคลางแคลงใจกับที่มาที่ไปของช่างเครื่องคนใหม่ หากคุณหญิงฉัตรกนกต้องยอมรับว่าฤทธิ์เป็นคนขยัน ทำงานดี เข้างานตรงเวลา ไม่เคยอู้ อีกทั้งยังมีความสามารถมาก ไม่เพียงแต่เขาจะสามารถซ่อมแซมเครื่องจักรได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มผู้นี้ยังมีความเป็นผู้นำสูงอีกด้วย เข้ามาทำงานไม่กี่วันก็ได้รับการยอมรับจากบรรดาคนงานทั้งหลายให้เป็นหัวหน้า

“ยังจะเรื่องที่เธอสงสัยว่านายฤทธิ์อ่านภาษาเยอรมันออก…ตกลงเขาเป็นใครกันแน่” คุณหญิงเปลวกนกวิเคราะห์จากข้อมูลที่รับฟังมาจากน้องสาว

“เขาอาจจะดูรูป แล้วทำตามก็เป็นได้” คุณหญิงฉัตรกนกไม่วายลังเล

“เธอคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือ” คุณหญิงคนโตจ้องหน้าน้องสาว และคุณหญิงฉัตรกนกรีบส่ายหน้า

“นั่นอย่างไร…ตกลงถ้าเธอไม่กล้าไล่นายฤทธิ์ออก ประเดี๋ยวตอนกลับพระนคร พี่จะกลับไปด้วย แล้วจะไปจัดการไล่นายคนนั้นให้เอง ตกลงไหม”

คุณหญิงเปลวกนกอาสา เธอรู้ดีว่าน้องสาวคนรองเป็นคนใจอ่อน เรื่องแบบนี้ต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม ปล่อยเอาไว้ไม่ได้

“อย่าเพิ่งเลยค่ะ ไล่นายฤทธิ์ออกตอนนี้ เราจะลำบาก” คุณหญิงฉัตรกนกรีบบอก “ถึงแม้เครื่องจักรใหม่จะทำงานได้แล้ว แต่ระบบแตกต่างกับเครื่องเก่าลิบลับ ปล่อยคุณเศวตคุมไม่ได้ มีแต่นายฤทธิ์นี่ละ ที่รู้เรื่องดีที่สุด”

“ถ้างั้น เอาแก่นกับกลอยไปช่วย”

คุณหญิงเปลวกนกวางแผนให้น้องสาว เธอชี้มือไปยังชายหนุ่มวัยฉกรรจ์สองพี่น้อง ที่เป็นสมุนคนสนิท คอยรับใช้มาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก บัดนี้นายแก่นและนายกลอยเติบโตเป็นหนุ่ม มีลูกมีเมียแล้ว แต่ก็ยังมาคอยรับใช้ใกล้ชิดเธออยู่ดังเช่นเดิม

“สองคนนั้นมันหัวไว…ฉันจะสั่งให้ไปเรียนรู้เรื่องเครื่องยนต์ ถ่ายทอดความรู้จากนายฤทธิ์ให้มากที่สุด พอแก่นและกลอยทำทุกอย่างเป็น ก็ไล่นายฤทธิ์ออกไปเสีย”

“แต่แก่นกับกลอยมีครอบครัวอยู่ที่นี่ เขาจะอยากย้ายไปอยู่ที่พระนครหรือคะพี่หญิงเปลว” คุณหญิงฉัตรกนกพึมพำ

เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ฟาร์มเปรมปุษาณ หลายปีที่ผ่านมา ต้นไม้ในไร่เติบโตจนสูงตระหง่าน แผ่กิ่งก้านใบให้ร่มเงาครึ้ม แปลงผักดูอุดมสมบูรณ์ วัว หมู และไก่ก็มีจำนวนมาก รวมถึงผึ้งที่คุณหญิงเปลวกนกเลี้ยงก็ขยายออกไปอีกหลายลัง ให้ผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์ สร้างรายได้ให้กับฟาร์มเป็นอย่างดี ไม่ใช่แค่เลี้ยงตัวได้ แต่เหลือผลกำไรไม่น้อย หลังจากคุณหญิงเปลวกนกแบ่งเงินปันผลให้กับลูกจ้างของเธอ ยังเหลือเงินสำหรับจับจ่ายใช้สอยได้อย่างสบายๆ

“คงไม่อยากไปเท่าไรนักหรอก” คุณหญิงเปลวกนกถอนใจเบาๆ “แต่แก่นและกลอย เป็นคนที่ฉันไว้ใจ…ขอร้องให้ไป พวกมันคงยินดี…ถ้าไม่อยากย้ายไปถาวร ก็ให้สลับกันไปอยู่คนละเดือนก็ได้ บอกตามตรง ฟังที่เธอเล่าแล้วพี่ไม่สบายใจ”

คดีที่เกิดขึ้นกับเพื่อนของคุณหญิงเปลวกนกเมื่อหลายปีก่อน ทำให้เธอระมัดระวังตัวมากขึ้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนั้น สอนคุณหญิงเปลวกนกว่าคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ คนหน้าตาดีอาจซ่อนพิษสงอันตรายเอาไว้ภายใต้หน้ากากที่ดูสวยงามก็เป็นได้

“ฉันออกจะเห็นด้วยกับหญิงเปลวในข้อที่ว่า นายฤทธิ์ดูน่าสงสัย” ท่านชายดำรงชาติตรัส เมื่อเห็นคุณหญิงฉัตรกนกมองมาด้วยสายตาขอความเห็น “แต่เราอาจจะยังไม่ต้องถึงขนาดให้แก่นและกลอยย้ายไปอยู่พระนครก็ได้ ตระหนักได้…แต่อย่าตระหนก”

ประโยคหลังท่านชายตรัสเป็นทำนองเตือนคุณหญิงเปลวกนกไปด้วย

“หญิงฉัตรลองสังเกตการณ์ไปก่อน ถ้าดูมีอะไรประหลาดกว่านี้ ค่อยตัดสินใจอีกที”

“แต่…” คุณหญิงเปลวกนกอดเป็นห่วงน้องสาวมิได้ ถึงจะเก่งและมีความสามารถขนาดบริหารโรงงานพิมพ์ผ้า มีลูกน้องหลายสิบคน แต่อย่างไรคุณหญิงฉัตรกนกก็เป็นสตรี

“ฉันจะบอกหลวงบูรณะ ขอร้องให้หมั่นไปดูแลแถวโรงงาน คงไม่ใช่เรื่องยากเพราะเขาเพิ่งย้ายมาเป็นสารวัตรอยู่ที่ป้อมปราบพอดี”

ท่านชายดำรงชาติทรงหมายถึงลูกน้องคนสนิทที่ชื่อ ร.ต.อ.หลวงบูรณะประชา

ก่อนลาออกจากราชการ พระองค์เป็นผู้สนับสนุนให้ทุนเล่าเรียนหลวงกับบูรณะ เพื่อไปเรียนวิชาตำรวจลับ – สกอตแลนยาร์ดที่ประเทศอังกฤษเหมือนพระองค์

เมื่อกลับมานายตำรวจหนุ่มผู้นั้นก็เข้ารับราชการอยู่กรมเดียวกันกับพระองค์ เมื่อท่านชายดำรงชาติทรงลาออกจากราชการ คุณหลวงบูรณะยังมียศแค่ร้อยตำรวจตรี แต่ด้วยความสามารถในการสืบคดีและปราบปรามโจรผู้ร้าย ทำให้เขาได้เลื่อนยศอย่างรวดเร็ว และล่าสุดคุณหลวงบูรณะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นร้อยตำรวจเอก และได้รับมอบหมายให้ไปปฏิบัติหน้าที่เป็นสารวัตรตำรวจประจำสถานีป้อมปราบ ซึ่งโรงงานพิมพ์ผ้าของหม่อมอุ่นอรุณก็ตั้งอยู่ในเขตนั้นพอดี

“ถ้าอย่างนั้นก็ค่อยเบาใจหน่อย” คุณหญิงเปลวกนกถอนใจ

และเมื่อได้ฟังเช่นนั้น คุณหญิงฉัตรกนกเองก็พลอยถอนใจด้วยความโล่งอกไปด้วย

คุณหญิงทั้งสองหันไปหัวเราะให้แก่กันเบาๆ พวกเธอไม่รู้เลยว่า ความยุ่งยากทั้งหลายเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น…



Don`t copy text!