ดาราอรุณ บทที่ 5 : พินทุบาทว์

ดาราอรุณ บทที่ 5 : พินทุบาทว์

โดย : กฤษณา อโศกสิน

Loading

ดาราอรุณ โดย กฤษณา อโศกสิน เรื่องของ ‘ลมเย็น’ หญิงสาวที่เกิดในช่วงเวลาที่ดาวประกายพรึกปรากฏบนฟากฟ้าและ ‘หิ้ง’ ชายหนุ่มที่โชคชะตาพัดพามาให้ได้ใกล้ชิดกัน…เมื่อดาวศุกร์ ดารายามแรกอรุณได้นำทางความรักให้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ดาวศุกร์จึงพาให้ชีวิตของเธอเปล่งประกายไม่ต่างไปจากดาราอรุณและนี่คือนวนิยายที่อ่านเอาภูมิใจนำเสนอ

หิ้งเองก็ตกใจ จึงรีบปลดมือลมโชยออกจากแขน พลางพยักหน้า

“ดูตานายเหินหน่อยปะไร…เดี๋ยวมันก็ได้ฆ่าพี่ซะร็อก”

นายชัดจึงเดินออกมายืนหน้าประตูห้องรับแขก หากก็ไม่แปลกใจในอาการของลูกคนเล็กเมื่อนึกถึงดวง

‘ดวง’ อีกแล้ว…ก็ใช่…ทุกครั้งคราที่ใครมีอาการพลิกผัน มิว่าทำให้ผู้คนฝันร้ายหรือฝันดี เขาก็อดกระหวัดไปถึงตัวเลขตามช่องต่างๆทั้ง 12 ราศีมิได้

ลมโชยจะไม่เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรในเมื่อดวงจันทร์ 2 ซึ่งเป็นเจ้าเรือนลัคน์ของหล่อนอยู่เรือนอาทิตย์ 1 ซึ่งเป็นเรือนกาลกิณี มีราหู 8 กุมลัคนา ดาวศุกร์ก็เป็นประในเรือนพิจิก

หล่อนน่ะหรือจะถือสากับคำนินทาว่าร้าย ตรงกันข้าม ลมโชยไม่เคยแยแสหวั่นไหวในวาจาของใครทั้งหลายตลอดมา ปักหลักจังก้าเป็นตัวเอง ไม่เกรงสายตาและครหาใดๆ

‘ขืนมีชีวิตอยู่แล้วกลัวใครจะว่านั่นว่านี่ ก็เสียชาติทั้งทีที่เกิดมาแล้วละ’

จริงดังคาด เหินปราดเข้ากระชากแขนหล่อนออกมา ชวนให้สาแก่ใจ ด้วยว่าพอใจมากที่มีชายสองคน พี่กับน้องจ้องแย่งกันเป็นเจ้าของตนเอง

แต่จะทำอย่างไรได้ แต่ละดวงก็แต่ละความเป็นไป นายชัดได้แต่นึกเมตตาเห็นใจลูกคนเล็กตลอดมา จึงคล้ายกับว่าเขาลำเอียง เข้าข้างแต่ลมโชย จนกระทั่งหลายหน นางยาใจเคยต่อว่าขณะที่อยู่ด้วยกันตามลำพัง

‘พ่อก็รักมันซะจังเลย…ไงๆก็ต้องเห็นใจเย็นมันมั่ง นี่ถ้าไม่ได้มัน…เราจะทำยาขายยาได้ขนาดนี้เหรอ…แล้วนี่มันก็ยังจะมาแนะให้ขยายงาน มันจะวิ่งเต้นให้เอง’

จริงดังที่อีกฝ่ายบอกกล่าว แต่นายชัดก็แก้ว่า

‘รู้แล้ว…ฉันน่ะรู้ยิ่งกว่ายัยแม่อีก ถึงได้ใช้แต่มันไงล่ะ…ก็ดวงคนนึงพึ่งได้ อีกคนพึ่งไม่ได้ แล้วจะให้ทำยังไง…ครั้นมาคบกับลูกเจ้าหัน ก็ดันพูดยากพึ่งยากเหมือนกันซะอีกแน่ะ…เพราะงั้นถึงได้ต้องปะเหลาะไงล่ะ พูดกะมันดีๆ ไม่ให้มันโต้แย้งต่อต้านได้ก็เอาละนะ’

เมียเขาก็เลยต้องนิ่งพร้อมกับเห็นจริงตามนั้น…ที่ว่า…ถึงอย่างไรก็ต้องยอมให้ทั้งสองพร้อมใจกันว่าง่าย โดยเฉพาะเรื่องสำคัญ นั่นก็คือ เอาน้ำเย็นเข้าลูบ

เมื่อทั้งสามเดินมาถึงตรงที่นายชัดยืน เจ้าของบ้านจึงเอ่ยยิ้มๆ

“เหินก็ตกหลุมเจ้านี่จนได้เห็นไหม”

หิ้งผู้เพิ่งได้สัมผัสกับผู้หญิงบ้านนี้ ก็เริ่มรู้แล้วว่าใครคือใคร นิสัยประมาณไหน เขาควรจะทำอย่างไรจึงพอเหมาะพอดีกับน้องชายผู้ทำตัวคล้ายเข้ามาเป็นเขยเรียบร้อยแล้ว

ดังนั้น จึงเอ่ยถาม

“เย็นอยู่ข้างในยังไม่ได้ไปธุระไหนใช่ไหมฮะอา” ทั้งๆเขาก็เห็นรถจอดอยู่นี่แหละ แต่ก็แกล้งเอ่ยถึงลูกคนโตของบ้านไปอย่างนั้น เพื่อสะกิดให้น้องตนเองตื่นจากภวังค์อันมืดมิดด้วยหวงแหนที่เขาคิดว่าคำที่เหมาะน่าจะเป็นหวงก้างมากกว่า

“อยู่…ยังต้องบรรจุน้ำมันนวดลงขวดอยู่นั่นเพราะเขาสั่งมาเป็นร้อย แล้วยังต้องทำเกินไว้เผื่อมีคนสั่งมาอีก”

“อื้อฮือ…ขายดีจังครับอา…” ว่าพลางเขาก็ก้าวเลยไปถึงเตียงที่ทั้งนางยาใจ น้าเยี่ยมเยือนและลมเย็นยังคงช่วยกันกรอกน้ำมันจากเถาเอ็นอ่อนลงขวดแก้ววางเรียงไว้เตรียมปิดฉลากพร้อมกับอาสา “มา…พี่ช่วยทำ…บอกละกันว่าทำยังไงจะได้ทำไม่ผิด”

“พี่หิ้งนั่งโน่นดีกว่าค่ะ” ลมเย็นพยักหน้าไปที่โต๊ะดูดวง “พ่อ…ช่วยดูดวงพี่หิ้งให้หน่อย ไหนๆก็ได้งาน ใกล้จะต้องไปทำแล้ว ดูซิว่าต่อไปจะได้เป็นเจ้าของบริษัทหรือเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญข้ามชาติมั่งไหม”

“โธ่เอ๊ย…เย็น…ยังไม่ลงมือเป็นแม้กระทั่งเสมียนเขียนตั๋วกะเขาเลย ก็นึกไปถึงโน่น…โน่นน่ะมันที่นั่งของเหล่าเจ้าสัวเขาตังหาก”

แต่นายชัดก็กวักมือเพื่อตัดบทมิให้ลมโชยแสดงท่าทีอี๋อ๋อล่อตะเข้ยั่วคู่รักเจ้าอารมณ์ผู้เดินหน้าบอกบุญไม่รับตามมา โดยแยกหล่อนกับพี่ชายเรือนกายสูงโปร่ง ผ่าเผยผิวสองสี มีคาวหวานเสร็จสรรพกำกับไว้ในวงหน้าแววตา ออกมาเสียจากวิวาทะ

“มาดูดวง อาดูให้ เคยดูไว้เมื่อเด็กๆก็เลยไม่ได้หยิบมาดูอีก”

“ดีเลยครับ ขอบคุณอามากฮะ…ผมเองก็อยากทราบทางเดินข้างหน้าของตัวเองเหมือนกัน แต่คิดว่าเรียนสาขานี้ก็ถือว่ามาถูกทางแล้วนะฮะ”

นายชัดล่วงรู้เรื่องราวเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของสังคมจากลมเย็นสม่ำเสมอ เพราะลูกคนโตเป็นผู้ตื่นตัวตื่นตากับความเป็นไปสมัยปัจจุบันชนิดที่เรียกได้ว่าตามทันความสมัยใหม่แทบทุกสาขา โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับอาชีพของบิดานั่นก็คือความก้าวหน้าของพืชเศรษฐกิจไทยอันรวมด้วยสมุนไพรหลายหลาก ควบคู่ไปกับแพทย์แผนไทยที่ยังอยู่ยั้งยืนยงจนบัดนี้

“ถูกแล้ว” นายชัดยืนยันเต็มเสียง พลางก้มลงเปิดลิ้นชักโต๊ะ หยิบสมุดหนาเล่มล่างขึ้นมาเปิดดูดวงครอบครัวนายหันครั้งยังรักกันดีกัน โดยเรียงดวงชะตาไว้เป็นลำดับจากพ่อแม่ มาถึงลูกชายทั้งคู่ที่เขาเคยดูมาแล้วครั้งหนึ่งในอดีตแล้วลืมไป เนื่องด้วยไม่อยากหวนรำลึกถึงเสียงกราดเกรี้ยวของสหายที่ด่าเขาอย่างหยาบคายจนเกิดอาการสะเทือนเลื่อนลั่นผุดพล่านขึ้นมาในความทรงจำอีกต่อไป ดังนั้น ดวงนายหันนางพริ้งจึงผ่านสายตาเขาโดยเร็วอย่างไม่มีเยื่อไย แลเลยไปยังดวงลูกชายสองคนที่อยู่อีกหน้า “อ้อ…เจอแล้ว…หิ้งอยู่ราศีพฤษภ ศุกร์เกษตรกุมลัคน์”

“คือยังไงหรือฮะอา”

“ก็คือดี มีหลักการหลักฐานมั่นคง ไม่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย เพราะอยู่ธาตุดิน แต่องศาศุกร์ไม่เข้มข้นก็ถือว่าไม่ใช่คนขี้เหนียว”

ทั้งเหินและลมโชยต่างก็พร้อมใจกันหยุดหาเรื่อง หากแต่นั่งลงที่เก้าอี้รับแขก นิ่งฟัง

“แล้วคู่พี่หิ้งล่ะพ่อ ใคร” ลูกคนเล็กของเขาเองซักถามแทนเจ้าตัว

“ไม่บอก” นายชัดหยอกเอินแกมยั่วนิดหนึ่ง

“พ่อน่ะ…หนูไม่ยอมนะ” อีกฝ่ายกระเง้ากระงอด หากก็แค่บิดตัวอยู่ในเก้าอี้ ขณะที่เหินจ้องหน้าอย่างหมั่นไส้

“ไม่ยอมก็ไม่ยอมไป อา…อย่าตามใจ” เหินสวนขึ้นมาทันใดนั้น

หิ้งก็เลยหันมาปราม

“พี่จะดูดวง เหินไม่เอาน่า ไม่หาเรื่องกัน”

หากแต่ยังไม่ทันที่ใครจะเอ่ยต่อ ก็ได้ยินมือถือด้านในดังขึ้น เสียงลมเย็นตอบข้างโน้นไปว่า

“ยังไม่ทราบราคาเลยค่ะ วันจันทร์คงทราบนะคะ…กรุณาโทร.มาวันจันทร์ดีกว่า ขอบคุณมากค่ะ”

“เฮอ…” ลมโชยส่ายหน้า “รำคาญคนมาถามซื้อที่จังเลย ร่ำรวยอะไรกันซะนักซะหนา”

แต่ลมเย็นยิ้มๆ พยักหน้ากับผู้อาวุโสเชิงบอกกล่าวให้รู้ถึงอารมณ์พาลของอีกฝ่าย ขณะที่มือก็เริ่มบรรจุน้ำมันลงขวดต่อไป

ถ้าพ่อได้ค่าที่ดินมาไว้เป็นเงินทุนในคราวนี้ หล่อนควรจะแนะแนวพ่อให้ต่อยอดทรัพย์จำนวนมากไปกับเรื่องใดถ้ามิใช่ไปกับสมุนไพรที่พ่อเชี่ยวชาญชำนาญดีมาช้านาน อีกประการหนึ่ง ตัวหล่อนเองก็แสนสนิทชิดชอบกับพืชสมุนไพรหลายชนิด มิต้องเอ่ยถึงพันธุ์ที่ปลูกง่ายขึ้นง่ายซึ่งปลูกไว้รายรอบบ้านก็ได้ แม้แต่สมุนไพรจากกลางป่าที่ต้องสั่งซื้อจากนักค้าพืชเหล่านี้ก็รวมอยู่ ด้วยว่าใช้เป็นยารักษาอาการป่วยหลาย โรคของคนไทยมานานครัน จนกระทั่งบัดนี้ ก็ยังเก็บไว้เป็น ‘พืชทางเลือก’ ไม่หลุดหายไปจากความนิยมยินดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่เหล่าของผู้มีรายได้น้อย ที่ไม่มีเงินทองพอจะรักษาหมอสมัยใหม่ ก็จำต้องใช้พืชทางเลือกทุกชนิดที่บรรพบุรุษเคยใช้แล้วหายชะงัดดีงาม ไว้เป็นความอุ่นใจสืบต่อ

ลมเย็นก็เลยตั้งใจจะสนับสนุนพ่อให้เดินหน้าในงานนี้…ขยายตลาดยากินและยาทาที่ผ่านการตรวจสอบและผ่านการขึ้นทะเบียนจากกระทรวงสาธารณสุขเรียบร้อยแล้วออกสู่โลกที่กว้างขวางยิ่งๆขึ้นไป

“ก็ถ้าขายได้ โชยลองนึกดูว่าพ่อจะมีกำลังใจทำยามากกว่านี้อีกกี่เท่า”

“เบื่อคำว่ายาจัง” น้องสาวยังคงหงุดหงิดเมื่อเห็นชายผู้พี่กำลังตั้งใจฟังคำพยากรณ์จากบิดา แม้เสียงเบาๆของลมเย็นจะผ่านจากด้านในมาถึงหู ทั้งคู่ผู้กำลังเจรจากันอยู่ ณ โต๊ะดูดวง ก็หาได้ยินไม่

ในที่สุด พี่สาวก็ถึงแก่ยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปาก ครั้นแล้วก็ก้มหน้าบรรจุยาลงขวดต่อไป

ฝ่ายเหินนั้นอยู่นิ่งไม่ไหว จึงลุกขึ้นพลางพยักหน้ากับคู่ควง

“ออกไปกินกาแฟกันดีกว่าโชย”

“ไม่ไป” อีกฝ่ายมักจะชัดเจนเช่นนี้เสมอ

“ถ้างั้นเค้าไปนะ…จะได้ไม่คอยกวนคนดูดวง”

“รอดูมั่ง…ดูซิว่า เค้าจะพบคู่อีกมั้ย”

เมื่ออีกฝ่ายประกาศโดยไม่เกรงใคร เหินก็เลยชูกำปั้น

“แล้วอย่าหาว่าใจร้ายนะเว้ย”

สามหญิงผู้บรรจุยาไปฟังไปต่างก็ซุบซิบ

“มันพอกันเลยคู่นี้”

 

หิ้งดูเสร็จแล้ว เหินจึงขอดูบ้าง เนื่องด้วยนายชัดไม่เคยเอ่ยเรื่องดวงของเขาเลยไม่ว่าเมื่อใด ด้วยว่าไม่อยากจะเปิดสมุดจนถึงหน้าที่มีดวงของครอบครัวนี้ พูดง่ายๆก็คือ ‘ไม่อยากสะกิดให้เสียเวลา’

ครั้นมาถึงนาทีนี้ จึงจำเป็นจำยอม

แต่พอเห็นตัวเลขตามช่องต่างๆ ก็ให้นึกเวทนาขึ้นมาครามครัน

หมอนี่มันก็ดีแต่ใช้เงินถลุงบำรุงบำเรอตัวมันเองโดยไม่เกรงใจใคร การงานก็เอาดีไม่ค่อยจะได้ ทำทำไปอย่างนั้นเอง หากจะได้ดีก็ได้เพราะคู่…ที่มิรู้ว่าคือลูกสาวเขาหรือใครคนใดที่อาจผ่านเข้ามาในเวลาต่อไป ครั้นแล้วข้างนั้นก็ ‘เอาไว้อยู่’

นายชัดก็เลยบอกเหินเพียงคร่าวๆ

“ใช้เงินน้อยๆแล้วกันเหิน…ในดวงเรานี่ใช้จ่ายมากจัง”

“โอย…อารู้ได้ยังไงฮะเนี่ย…ผมน่ะคอยปิดแล้วเชียวนะ” เจ้าตัวพูดไปหัวเราะไปให้คนฟังรู้ว่าแกล้ง “อาคิดว่าเงินเดือนผมมากมายแค่ไหนเหรอครับ…ชักหน้าไม่ถึงหลังก็เห็นๆอยู่ ไม่เชื่อถามโชยก็ได้…เดือนๆผมไถแม่ตั้งเท่าไหร่”

“เจริญทั้งคู่ก็เห็นๆอยู่ไงพ่อ” เสียงลมเย็นแกมหัวเราะผ่านมา

หิ้งผู้นั่งตรงข้ามกับน้องสาวผู้พูดจึงพิจารณาทั้งน้องเขาและน้องหล่อน พลางก็กลุ้มใจแทน

นายชัดเองก็ต้องขยักความจริงในดวงชะตาเหินไว้ ไม่ขยายให้เขาฟังจนทั่วถ้วน ด้วยว่าล้วนแล้วฟังไม่ไหว มีเพียง ‘ดาวปัตนิ’ หรือดาวคู่ครองเท่านั้นที่ดีทีเดียว ซึ่งก็ไม่น่าจะใช่ลมโชย

แล้วนี่ จะไม่แอบดีใจอย่างเงียบๆได้ไฉน

ลมโชยผู้เกิดในยามค่ำ…ขณะที่ดาวพระศุกร์ที่เรียกว่าดาวประจำเมืองปรากฏดวงก็จริง หากก็แค่ 0 องศา นั่นก็คือดาวดวงนี้เพิ่งยาตราเข้าสู่ราศีพิจิกเมื่อเช้าตรู่ในวันที่ลมโชยเกิดนี่เอง จึงมิอาจบรรเลงเพลงแห่งอานุภาพของความรักและความมั่งคั่งอันใดได้ แม้กระทั่งดาวคู่มิตรใหญ่ของดาวศุกร์คือดาวอังคาร ก็พลันพลัดไปอยู่เรือนมรณะ กลายเป็น ‘พินทุบาทว์’ อีกต่างหาก เช่นนี้สิ นายชัดจึงมีแต่สงสารเมตตาลูกคนเล็กเป็นอย่างยิ่ง แต่จะให้ติงเตือนใดใดก็มิอาจทำได้ เนื่องด้วยอีกฝ่ายไม่รู้โหราศาสตร์ บอกไปก็เท่านั้น มิหนำซ้ำ ลูกผู้ยึดมั่นถือมั่นว่าตนเองมีดี ก็อาจจะขึ้นเสียงเถียงถี่ยิบอย่างที่เคยเป็นมา รังแต่จะหาความร้อนใจมาให้ไม่จบสิ้น

บิดาอย่างเขาจึงเงียบเสียได้อย่างตัดใจว่า

‘กรรมใครกรรมมัน’

หันมาใส่ใจกับธุรกิจค้ายาไทยแบบ ‘บ้านๆ’ อันมีแต่คุณไม่มีโทษ แม้ยังถือว่าเป็นการค้าเล็กๆ แต่มีผู้นิยมใช้จากหลายทิศทาง ก็นับได้ว่าคือย่างก้าวที่ดีที่น่าจะมีช่องทางการขายอันได้ผลเป็นลำดับ

อีกทั้งผู้คนปัจจุบันก็เปิดใจกว้าง ยอมรับความแตกต่างระหว่างยาไทยกับยาฝรั่งกันได้มากขึ้น หลังจากโควิด-19 แพร่ระบาดไปทั่วโลก ดังนั้นที่บ้านนี้จึงมี ‘ฟ้าทะลายโจร’ ชนิดแคปซูลติดบ้านไว้อย่างไม่ประมาท เพราะไม่รู้ว่าวันใดวันหนึ่งใครคนใดคนหนึ่งจะนำโรคนี้เข้ามาแพร่เชื้อถึงในบ้านหรือไม่ แม้แต่ละคนจะฉีดวัคซีนถึงเข็มที่สี่และสวมหน้ากาก หากแต่ละคนก็ต้องออกไปทำกิจนอกบ้าน นางยาใจไปซื้อกับข้าวประจำสัปดาห์พร้อมลมเย็น ลมโชยมีนัดกินอาหารกลางวันกับเพื่อนหรือไม่ก็กับชายบางคน เหินไปทำงานก็จริง แต่คนที่ทำงานด้วยกันบางรายก็ติดโควิด เข้าโรงพยาบาลไปบ้าง โรงพยาบาลก็ทวีความเต็มมากขึ้นตามวันเวลาที่ผ่านไป จึงยังนับว่าโชคดีที่ครอบครัวนี้ไม่มีใครติดโรค แม้ว่าเมื่อต้นปี น้าเยี่ยมเยือนไปตลาดแทนนางยาใจ กลับมาไม่นานจะเกิดอาการตัวร้อนควบคู่ไปกับไอและเจ็บคอ นายชัดจึงให้กินยาฟ้าทะลายโจรไปพลาง พร้อมกับสังเกตอาการ ครั้นวันรุ่งขึ้นไข้ก็เริ่มหาย แม้ยังไอและเจ็บคออยู่บ้างก็ไม่มาก เมื่อตรวจ ATK ก็ไม่พบ ‘สองขีด’ ในหลอดแก้ว จนถึงวันที่สามก็กลับมาเป็นปกติ

ทุกคนก็เลยรู้ว่า ถ้าอาการไม่หนักมาก ฟ้าทะลายโจรช่วยได้ ชะงัดด้วย

ด้านหนึ่งของพื้นที่ 200 ตารางวาบ้านนี้ นายชัดจึงเลือกปลูกสมุนไพรแทนไม้ดอกสวยงาม นอกเหนือไปจากขิง ข่า ดีปลี กระเพรา สะระแหน่ โหระพา ไพล มะกรูด เสลดพังพอน เถารางจืด จึงมีไม้พุ่มขนาดกลางอีกหลายชนิดที่ล้วนแล้วนำมาใช้ปรุงเป็นยารักษาโรคได้

ส่วนไม้จากป่าหรือไม้หายากอื่นๆ ก็ต้องสั่งจากเอเย่นต์ค้าพืชสมุนไพรโดยเฉพาะ รวมทั้งเถาเอ็นอ่อนที่เขานำมาทำน้ำมันใช้นวดทาแก้โรคปวดเกร็งกล้ามเนื้อเส้นเอ็นนี้ด้วย แม้จะดูล้าสมัยเนื่องจากยังมิได้เปลี่ยนจากขวดแก้วมีฝาเกลียวที่ใช้บรรจุตั้งแต่สมัยนายเชิดยังมีชีวิต แต่บัดนี้เมื่อเข้ายุคลดพลาสติกลง ก็ถือว่าเหมาะสมแล้ว

“อาน่าจะจดทะเบียนเป็นบริษัทนะฮะ…” ในที่สุดหิ้งก็เอ่ยขึ้นเชิงแนะนำ “เพราะความรู้ความสามารถขนาดอาสมัยนี้มีไม่มากหรอกครับ…เราจะได้มีโอกาสต่อยอดออกไปเป็นธุรกิจขนาดกลางขนาดใหญ่ ผมคิดว่าสมัยนี้ช่องทางเปลี่ยนจอมปลวกให้เป็นภูเขา ไม่ใช่ความฝันลมแล้งอีกต่อไปแล้ว”

 



Don`t copy text!