ดวงใจภาดา บทที่ 2 : เด็กคนนี้เป็นน้องชายของผม

ดวงใจภาดา บทที่ 2 : เด็กคนนี้เป็นน้องชายของผม

โดย : ตวงทิพย์ ยุวชิต

ดวงใจภาดา โดย ตวงทิพย์ ยุวชิต เมื่อเด็กชายตัวเล็กทายาทมหาเศรษฐีรอดชีวิตจากการฆ่าล้างตระกูลและได้มาพบกับพี่ชายต่างสายเลือดที่รักกันราวพี่น้อง แต่ทุกอย่างไม่ง่าย เมื่อการกลับเข้าไปในบ้านน้องก็เหมือนเข้าถ้ำเสือร้ายที่พร้อมขย้ำ เขาจะปกป้องน้องต่างสายเลือดคนนี้ได้อย่างไร นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

“จริงๆ นะครับพ่อ ลมพูดความจริงนะครับ” เมื่อเข้ามาอยู่ในลิฟต์สองคนกับพ่อสายลมก็เล่าเรื่องที่เขาฉุกคิดขึ้นได้ซ้ำอีก หลังจากที่บอกไปแล้วพ่อไม่ยอมเชื่อ

“ลม พ่อรู้ว่าลมอยากมีน้อง ลมอยากได้เด็กคนนั้นเป็นน้อง แต่ลมจะแต่งเรื่องมาหลอกพ่ออย่างนี้ไม่ได้”

“พ่อครับ ลมไม่ได้หลอก ถ้าพ่อส่งน้องกลับบ้าน น้องต้องถูกฆ่าตายแน่ๆ”

ลิฟต์เปิดออกเมื่อเคลื่อนขึ้นมาถึงชั้นที่หมาย มีคนเดินสวนเข้ามา ศิลาจึงต้องตัดบท “พอเลยลม กลับบ้านแล้วค่อยคุยกัน”

สายลมอยากจะร้องไห้ เขาจะพูดอย่างไรให้พ่อเชื่อ

 

“พ่อ ลมไม่ได้โกหกนะ” เด็กชายสายลมยืนยันซ้ำๆมาตลอดทางตั้งแต่ออกจากลิฟต์จนเข้ามาในห้องคนไข้ โชคดีที่คนไข้เตียงข้างๆไปตรวจรักษาที่อื่น และอีกสองเตียงก็ว่างอยู่ เสียงโวยวายของเด็กชายจึงไม่รบกวนใคร

“พอเลยนะลม” ผู้เป็นพ่อพูดอย่างหมดความอดทน

ลูกชายตั้งหน้าตั้งตาจะเถียงกับพ่อ แต่เสียงร้องของแม่ขัดจังหวะขึ้น

“เด็กตื่นแล้ว”

เพชรลืมตาขึ้นมาด้วยความงุนงง รู้สึกแปลกแยก ไม่คุ้นชินกับบรรยากาศรอบตัว เด็กชายมองไปรอบตัวอย่างกล้าๆกลัวๆ เห็นผู้หญิงหน้าตาดุๆยืนอยู่ใกล้ก็กลัว แต่พอมองเลยไปเห็นคนที่คุ้นเคยก็รู้สึก    อุ่นใจจึงเอ่ยปากร้องเรียกแล้วยื่นมือออกไป

“พี่…”

สายลมรีบไปจับมือน้องไว้ทันที

“เป็นยังไงบ้าง เจ็บมากไหม” คนอยากเป็นพี่ชายถาม

“ปวดหัว..”

สายลมอยากจะปลอบใจน้องแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร พอนึกขึ้นได้เขาก็วกกลับมาพูดเรื่องที่ค้างคาใจอีก

“พ่อ พ่ออย่าไปแจ้งความนะครับ”

“ลม พ่อบอกให้เลิกพูดเรื่องนี้ไง”

โรยทองพยายามจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พ่อลูกกำลังทุ่มเถียงกัน ไม่มีใครสนใจฟัง

“แต่ลมไม่ได้โกหก ลมพูดความจริง…พ่อจะไปแจ้งความไม่ได้”

“ลมฟังพ่อนะ เด็กคนนี้ไม่ใช่น้องของลูก เราจะยึดเอาตัวเขาไว้เป็นของเราไม่ได้ ยังไงเขาก็ต้องกลับไปอยู่กับครอบครัวของเขา”

“ไม่ ลมไม่ยอมให้น้องไปตายหรอก”

“เหลวไหลใหญ่แล้ว คนในครอบครัวเดียวกัน เขาจะฆ่ากันได้ยังไง”

“แต่ลมได้ยิน”

“ลมอาจจะฟังผิดก็ได้นะลูก ตอนนั้นลูกกำลังกลัว”

ศิลารู้ว่าลูกชายของเขาไม่ใช่เด็กที่ชอบโกหก  แต่เขาก็รู้ว่าเวลาอยากได้อะไรสายลมไม่เคยยอมแพ้เขาจึงปักใจเชื่อว่าความอยากมีน้องทำให้สายลมยอมทำผิดเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ

“ลมฟังไม่ผิด ไม่ได้แต่งเรื่องด้วย ทำไมพ่อไม่เชื่อลม จะให้พูดยังไงพ่อถึงจะเชื่อ” เด็กชายไม่รู้จะพูดให้พ่อเชื่อได้อย่างไร อัดอั้นตันใจจนร้องไห้ออกมา

“พี่เล่าให้ฉันฟังได้หรือยังว่าเถียงกันเรื่องอะไร” โรยทองถามขึ้นหลังจากหาจังหวะมานาน

ศิลาจึงเล่าเรื่องที่เขาคิดว่าลูกชายกุขึ้นให้ภรรยาฟัง โรยทองฟังจบแล้วก็เลยออกความเห็นว่า “พี่ว่าลูกโกหก พี่รู้ได้ยังไง ก็เด็กนี่ฟื้นแล้ว พี่ก็ถามเลยสิ จะได้รู้ว่าลูกเราพูดจริงไหม”

“จริงสิ” ศิลารำพึงแล้วเอ่ยถามต่อไป “หนู หนูชื่ออะไร บอกลุงได้ไหม”

เด็กชายผู้บาดเจ็บมองหน้าชายแปลกหน้าอย่างไม่ไว้ใจ แล้วกำมือสายลมแน่น

“บอกพ่อสิ ว่าชื่ออะไร” ผู้รับบทพี่ชายบอก นั่นแหละเด็กชายตัวเล็กถึงยอมเอ่ยปากตอบ

“ชื่อ..” เด็กชายเพชรพยายามคิด “ชื่ออะไร ไม่รู้ครับ ผมไม่รู้ พี่ ผมชื่ออะไรอ่ะ” เด็กชายตัวเล็กหาที่พึ่ง ที่พึ่งก็งงไม่แพ้กัน

“แล้วจำอะไรได้บ้าง” ศิลาถาม เด็กตัวเล็กไม่ตอบ จนสายลมทวนคำถามอีกครั้ง

เพชรนิ่งคิดอยู่นานกว่าจะพูดออกมาว่า “สิบขวบ ผมอายุสิบขวบ ผมเกิดวันที่ยี่สิบสี่ ธันวาคม พอศอสองห้าสี่ศูนย์”

“พ่อ น้องเกิดวันเดียว ปีเดียวกับลมเลย”

ศิลานิ่งไป มองดูเด็กทั้งสองคนแล้วอดคิดไม่ได้ว่าหน้าตาของสายลมและเด็กน้อยคนนี้คล้ายกันราวกับเป็นพี่น้องร่วมอุทร นึกในใจว่าเรื่องบังเอิญไม่มีในโลก เรื่องทั้งหลายที่เกิดล้วนเกิดแต่บุญกรรมที่ทำกันมา

“ลมบอกให้น้องลองนึกดีๆ ซิว่าจำได้ไหมว่าทำไมถึงโดนทำร้าย”

สายลมทวนคำถามของพ่อให้เพชรฟัง เด็กชายเพชรพยายามคิด แต่แล้วก็ร้องโวยวาย

“คิดไม่ออก ปวดหัว ปวดหัว”

“โอ๋ ปวดหัวก็ไม่ต้องคิดนะ” สายลมรีบกอดโอ๋น้อง

“ตายๆ สงสัยโดนตีหัวจนความจำเสื่อมแล้วมั้งท่า นี่ถ้าเรื่องที่เจ้าลมบอกเป็นจริงล่ะก็ ส่งกลับไปบ้านเอ๋อๆ อย่างนี้ มีหวังถูกฆ่าฮุบมรดกแน่เลย ไอ้หนูเอ๊ย…”

คำพูดของโรยทองทำให้ศิลาตัดสินใจอะไรบางอย่างได้

 

หลังจากเด็กชายเพชรนอนดูอาการที่โรงพยาบาลต่ออีกหนึ่งคืน แพทย์ก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ และให้กลับมาตัดไหมแผลเย็บที่ศีรษะตามนัดหมาย แต่เมื่อถึงเวลาที่ครอบครัวของศิลาจะรับตัวเด็กชายตัวเล็กกลับบ้าน เรื่องกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด

“แม่ ทำไม หมอไม่ให้น้องกลับบ้านกับเราล่ะครับ ทำไมล่ะ” สายลมเดินไปเดินมา เซ้าซี้ถามแม่ไม่หยุด โรยทองเองถึงจะนั่งเฉยๆ อยู่ที่ม้านั่งหน้าห้องก็วุ่นวายใจไม่แพ้กัน

“ลม อย่าเซ้าซี้แม่ได้ไหม พ่อเขากำลังคุยกับหมออยู่ นั่งเฉยๆ แม่เวียนหัว” โรยทองอดไม่ไหวต้องเอ็ดลูก

เด็กชายสายลมได้แต่ภาวนาขอให้หมออนุญาตให้เขาพาน้องกลับบ้าน

 

ภายในห้องทำงานของอาจารย์แพทย์หนุ่มใหญ่เจ้าของไข้ เจ้าของห้องกำลังอธิบายให้ศิลาฟังถึงเหตุผลที่เขาปล่อยตัวคนไข้เด็กที่ประสบเหตุร้ายออกไปจากโรงพยาบาลไม่ได้ ถ้าไม่ทำให้ถูกต้องตามระเบียบกฎหมายเสียก่อน

“คุณศิลา คุณบอกว่าเด็กคนนี้ประสบเหตุร้ายมา ตามระเบียบเมื่อมีเรื่องแบบนี้ มันเป็นคดีอาญาทางโรงพยาบาลจะต้องแจ้งตำรวจ นี่คุณไม่ยอมให้ผมแจ้งตำรวจ แล้วยังจะให้ผมอนุญาตให้คุณรับตัวเด็กกลับไปอีก ตอนแรกที่คุณพาเด็กมาส่ง คุณบอกว่าคุณเป็นผู้ประสบเหตุผ่านไปเห็นเด็กถูกทำร้ายเลยช่วยไว้ แล้วพอตอนนี้คุณจะมาบอกว่าเด็กคนนี้เป็นลูกคุณ คุณจะให้ผมเชื่อได้ยังไง”

“โธ่หมอ เด็กคนนี้เป็นลูกผมจริงๆ” ศิลายืนกราน

“บอกตามตรงนะว่าผมไม่เชื่อคุณ ที่ผมไม่ได้แจ้งความตั้งแต่วันแรกก็เพราะอยากจะรอให้เด็กฟื้นก่อนค่อยถามเรื่องราว แต่นี่เด็กก็จำอะไรไม่ได้ คุณก็ยิ่งไม่น่าไว้ใจ”

“โธ่ หมอครับ ผมก็ลำบากใจที่จะต้องพูดน่ะครับ”

“ถ้าคุณอธิบายให้กระจ่างไม่ได้ ผมก็ต้องแจ้งความตามขั้นตอนนะครับ แล้วก็คงให้เด็กกลับไปกลับคุณไม่ได้จนกว่าจะมีการพิสูจน์ความจริง”

“เอ่อ.. คุณหมอครับ” ศิลาสูดหายใจลึก ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวแล้วพูดออกไป “ถ้าผมบอก หมออย่าไปบอกใครเชียวนะครับ”

“มันชักจะยังไงๆแล้วนะครับ” อาจารย์แพทย์ขยับแว่น มีท่าทีสนใจฟังมากกว่าตอนแรกที่ติดจะรำคาญญาติคนไข้คนนี้

“คือ เจ้าตัวเล็กนี่น่ะ มันเป็นลูกผม ลูกอีกเมียน่ะครับหมอ” ศิลาพูดรวดเดียวแทบไม่หายใจ

นายแพทย์หนุ่มใหญ่หลุดหัวเราะพรืดออกมา

“ผมเลิกกับแม่เด็กมานานแล้ว แม่มันขี้เหล้า ทีนี้ผมรู้ข่าวว่ามันชอบทุบตีลูก พอผมไปเยี่ยมดูลูก มันก็หาเรื่องทะเลาะกับผมแล้วตีหัวลูก ที่ผมไม่กล้าบอกหมอก็เพราะว่าลูกชายคนโตมันอยู่ด้วย เดี๋ยวเกิดมันไปฟ้องแม่มัน ผมก็โดนตีกบาลแยกน่ะสิหมอ เมียผมเหมือนคนอื่นที่ไหน”

“คุณพูดจริงเหรอเนี่ย”

“จริงสิครับหมอ เรื่องคอขาดบาดตายแบบนี้ใครจะมาล้อเล่นได้ ถ้าหมอไม่เชื่อจะให้ตรวจเลือดหรืออะไรก็ได้นะครับ”

ศิลากลั้นหายใจด้วยความระทึก กลัวว่าหมอจะให้เขาตรวจเลือดจริงๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาเองก็จนแต้ม คู่สนทนามองหน้าเขาเหมือนหยั่งเชิงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไร ศิลาจึงพูดต่อตามที่คิดไว้

“แต่แบบนั้นแม่โรยเมียผมมันต้องรู้แน่ๆ สู้ให้มันเข้าใจว่าเป็นเด็กหลงที่เก็บมาเลี้ยงยังดีกว่า ผมกลัวว่าถ้ามันรู้มันจะรังเกียจไอ้ตัวเล็ก แล้วไอ้คนพี่มันจะสิ้นนับถือผมเอาด้วย”

“คุณนี่ไม่เบาเลยนะครับ แอบลูกไว้ได้นานขนาดนี้”

“เห็นใจผมเถอะครับหมอ อย่าให้ครอบครัวผมต้องแตกแยกเลย”

นายแพทย์วัยกลางคนนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดใจตอบ “เอาเถอะ ผมเองก็ไม่อยากทำร้ายครอบครัวใคร ผมจะเซ็นอนุญาตออกให้ก็แล้วกัน”

“ขอบคุณมากครับหมอ ขอบคุณครับ” ศิลายกมือไหว้ท่วมหัว

“เด็กชายหมอก ศิระสอน”  นายแพทย์เจ้าของไข้อ่านทวนชื่อคนไข้ก่อนลงนามโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้น

ศิลาเพิ่งคิดได้เมื่อได้ยินชื่อนี้อีกครั้ง

เมื่อแรกที่ศิลาพาเด็กชายตัวเล็กมาส่งโรงพยาบาล เขาบอกเพียงว่าเด็กประสบเหตุร้ายมายังไม่ทันได้แจ้งชื่อ พอเด็กได้รับการรักษาแล้วก็มีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมาถามว่าเด็กชื่ออะไร ศิลายังไม่ทันจะตอบสายลมก็พูดโพล่งออกมาว่าเด็กคนนี้เป็นน้องผมชื่อหมอก ตอนนั้นศิลาไม่ได้ห้ามลูกเพราะคิดว่าถ้าเด็กได้สติค่อยถามชื่อแล้วแจ้งเปลี่ยนชื่อใหม่ก็ได้ เขาไม่อยากทำลายจินตนาการของลูกและเกรงว่าถ้าหากแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าไม่ทราบชื่อเด็กเรื่องจะยิ่งยุ่งยาก ไม่นึกว่าน้องในจินตนาการของสายลมจะกลายเป็นน้องชายจริงๆแล้ว

“เรียบร้อยครับ” นายแพทย์บอก “คุณไปรับลูกชายกลับบ้านได้เลยครับ”

ศิลาบอกขอบคุณนายแพทย์เจ้าของไข้อีกครั้งก่อนออกไป เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังจากปิดประตูห้องนั้นลงได้ ชายวัยกลางคนที่เคยสุขุมอดยกมือท่วมหัวไหว้ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยสร้างเรื่องโกหกเป็นตุเป็นตะอย่างนี้มาก่อนเลย



Don`t copy text!