Going to the sun, ทัณฑ์รักพยาบาท : บทนำ

Going to the sun, ทัณฑ์รักพยาบาท : บทนำ

โดย : ณารา

Loading

Going to the sun, ทัณฑ์รักพยาบาท นวนิยายแนวลึกลับฆาตกรรม โดย ณารา เรื่องราวของ คีรี แพตเตอร์สัน กับการเดินทางย้อนเวลาเพื่อกลับไปแก้ไขเหตุการณ์ในอดีตและวิญญาณของหญิงสาวที่พบเจอ เมื่อเขาได้เข้าพักในห้องหมายเลข 404 ห้องต้องห้ามที่ไม่มีใครอยากยุ่งเกี่ยว นวนิยายออนไลน์สนุกๆ เรื่องนี้ #มีให้อ่านที่อ่านเอา

****************************
– บทนำ –

ค.ศ.2000

 

ภายในล็อบบี้ของโรงแรมเกรท เกลเชียร์ในเวลาเกือบสามนาฬิกาของวันใหม่เงียบสงบ เป็นสิ่งที่พนักงานสาวแผนกรับรองแขกต้องการและภาวนาขอให้เงียบเช่นนี้ไปจนถึงเช้า…

โรงแรมห้าดาวขนาดสองร้อยสิบสี่ห้องติดทะเลสาบสวอน ในอุทยานแห่งชาติเกลเชียร์ รัฐมอนทานา ขึ้นชื่อว่ามีธรรมชาติที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งบนเทือกเขาร็อกกีของประเทศอเมริกา เป็นโรงแรมที่ถูกสร้างขึ้นใน ค.ศ.1914 และเปิดประตูต้อนรับแขกวันชาติอเมริกัน ค.ศ.1915

อาคารสี่ชั้นสถาปัตยกรรมแบบผสม โครงสร้างขนาดใหญ่ของอาคารเป็นแบบสวิส แอลไพน์ทาด้วยสีน้ำตาลเข้ม สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง จึงต้องตัดต้นไม้จำนวนมหาศาล ส่วนล็อบบีสูงสี่ชั้น ล้อมรอบไปด้วยระเบียงสามด้าน และราวระเบียงเป็นไม้ที่ออกแบบตามสถาปัตยกรรมแบบสวิสชาเลต์ในเทือกเขาแอลไพน์ ด้านในตกแต่งแบบคาวบอย ที่มีหนังหมีและกะโหลกควายไบซัน หากยังผสมผสานความอ่อนช้อยแบบตะวันออกด้วยการประดับด้วยโคมไฟหลายสิบดวง

อาคารหลังใหญ่แบ่งเป็นสองปีก คือฝั่งเมนและแอนเน็กซ์ ขนานไปกับริมทะเลสาบ ที่มองจากล็อบบีออกไปก็เห็นแต่เพียงเงาตะคุ่มของภูเขาที่มีหิมะปกคลุม และพื้นน้ำที่เงียบสงบสะท้อนแสงจันทร์วิบวับ

เวลานี้ ควรจะเป็นเวลาที่ทุกคนควรจะได้พักผ่อน เพื่อตื่นขึ้นมารับเช้าวันใหม่ที่แสนสดชื่น ทว่า…วันนี้เป็นวันหยุดยาวกลางฤดูใบไม้ผลิ ห้องพักถูกจองเต็มไปจนถึงเช้าวันจันทร์

และคืนวันศุกร์…รีเซปชันสาวก็จำต้องมอบห้องสุดท้ายให้กับแขกสามีภรรยาที่เข้ามาเช็กอินเป็นคู่สุดท้าย และภาวนาขออย่าให้เกิดเรื่องขึ้นเลยไปจนกว่าแขกจะคืนห้องในเช้าวันจันทร์

 

ห้อง 404 เป็นห้องสวีตสุดหรู และมีระเบียงร่วมกับห้อง 405 ที่อยู่ติดกัน ในอดีต ห้องทั้งสองมีประตูเชื่อมระหว่างกัน แต่เวลาผ่านไป ประตูถูกถอดออก และปิดเป็นผนัง ตัดขาดจากกันอย่างถาวร ยกเว้นระเบียงที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยจะกระทบต่อการออกแบบของอาคาร หากถ้าไม่จำเป็น ห้อง 404 จะเป็นห้องสุดท้ายที่เจ้าหน้าที่ต้อนรับจะมอบให้แขก ดังนั้น ระเบียงจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของห้องสวีต 405 ไปโดยปริยาย

สองสามีภรรยาในวัยห้าสิบเดินทางมาถึงโรงแรมเกือบสี่ทุ่ม และเจ้าหน้าที่แจ้งว่าทางโรงแรมได้อัปเกรดห้องพักให้เป็นห้องสวีต ทั้งสองก็ตอบรับด้วยความยินดี ได้ห้องดีขึ้นในราคาเดิม ใครจะไม่เอา

ลับหลังสองสามีภรรยา รีเซปชันสาวหันสบตาผู้จัดการหนุ่มใหญ่ สายตาที่ถ่ายทอดระหว่างกันมีอะไรซุกซ่อนอยู่มากมาย ก่อนที่ผู้จัดการจะตบไหล่เธอเบาๆ

“อย่าคิดมากน่า ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย” เขาบอก แล้วเดินกลับเข้าห้องพักพนักงานด้านหลังเคาน์เตอร์ หากคืนนี้ เธอจะต้องดูแลความเรียบร้อยตามลำพัง ขณะที่ผู้จัดการเก็บข้าวของกลับที่พักสบายใจเฉิบ

หากความหวังของเธอดับลงเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหลังสามนาฬิกาเล็กน้อย พนักงานต้อนรับสาวงัวเงียยกหูโทรศัพท์ และตาสว่างทันทีที่เห็นหมายเลขห้องบนแผงหน้าจอขนาดใหญ่บนเครื่องรับโทรศัพท์ของโรงแรม

“คะ” เธอกระซิบ

“นี่คุณ ช่วยบอกห้องข้างๆ ให้เงียบหน่อยได้ไหม พวกเราจะนอน นี่เล่นร้องไห้มานานเป็นชั่วโมงแล้วยังไม่หยุด ใครจะไปนอนหลับได้”

คนรับโทรศัพท์ขนลุกซู่ไปทั้งตัว และตอบ

“ได้ค่ะ”

“ขอบคุณ” แขกกระแทกเสียงบอก พร้อมกระแทกกระบอกหูโทรศัพท์ลงกับแป้น รีเซปชันสาวค่อยๆ เลื่อนสายตาขึ้นมองเพดาน ใจเต้นตึกตัก…แล้วเธอจะไปบอกใครล่ะ!

 

“บ้าเอ๊ย จะร้องไห้อะไรนักหนาวะ สามีบ่นอุบ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอน หากภรรยาขยับเข้ามาชิดและกระซิบหวาดๆ

“คุณคิดว่าเป็นเสียงของข้างห้องเหรอคะ”

“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าไม่ใช่ข้างห้องจะมีใครมานั่งร้องไห้ในนี้ ดูเอาเองสิ เปิดไฟดูแล้วก็ไม่เห็น ที่ระเบียงก็ไม่มี ในห้องน้ำก็ไม่มี”

“ฉะ…ฉันคะ…คิดว่า เสียงมันใกล้มาก มะ…เหมือนอยู่ใกล้ๆ พวกเราเลย”

“อย่าบ้าน่า ใครจะมานั่งร้องไห้ในห้องนี้” เขาตอบ หลังจากเปิดไฟดูหลายรอบ เสียงร้องไห้ก็เงียบไป แต่ก็ไม่เห็นใครในสายตา

“ฉะ…ฉันเคยได้ยิน…เค้าว่าโรงแรมนี้…”

“ไร้สาระ นอนๆ” เขาดึงภรรยาลงนอนและดับไฟหัวเตียงอีกครั้ง ฝ่ายหญิงขยับเข้าไปจนชิดสามี และพลิกตัวนอนหันหลังชนสามี เพราะแผ่นหลังเย็นวาบๆ มาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว หล่อนกังวลอยู่พักใหญ่ พอไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกก็ผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อยล้า หากหล่อนก็เริ่มฝัน และเป็นความฝันที่ไม่เป็นสุขเลย ภาพในความฝันไม่ปะติดปะต่อราวกับดูภาพยนตร์ขาดช่วง หากเหงื่อกาฬใต้ผ้าห่มแตกพลั่ก…

ภายในห้องมืดมิด มีเพียงแสงไฟจากด้านนอกอาคารผ่านกระจกตรงประตูออกไปสู่ระเบียง เสียงฝีเท้าเดินไปมาไม่เป็นสุข หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวคอยชะเง้อผ่านขอบระเบียงไปด้านล่างราวกับรอคอยการมาถึงของใครสักคน

พอเห็นเงาดำโผล่จากสวนด้านหลัง หญิงสาวโบกมือร้อนรน พอร่างใหญ่ก้าวข้ามราวระเบียง เธอก็โผเข้าไปกอด ร่ำไห้น้ำตาไหลพราก

แล้วภาพต่อมาในความฝัน ภายในห้องนอนร่างหนึ่งกำลังทุรนทุรายใต้ร่างของชายที่กำลังบีบคอเล็กๆ ด้วยความเคียดแค้น ร่างบางดิ้นพราด พยายามหนีจากเงื้อมมือของมัจจุราช ดวงตาเหลือกลาน มองชายที่กำลังจะปลิดชีวิตตนด้วยความหวาดกลัว คราบน้ำตาเกรอะกรังบนแก้ม ลิ้นปลิ้นออกมาจุกที่ริมฝีปากเมื่อลมหายใจสุดท้ายถูกบีบคั้นออกไปจากปอดและไม่มีอากาศเข้าไปอีก เท้าทั้งสองที่พยายามดีดดิ้นค่อยๆ หมดแรง…ดวงตาที่มองชายผู้นั้น เต็มไปด้วยแรงอาฆาต พร้อมกับวิญญาณที่หลุดลอยไปจากร่าง

 

เสียงร้องไห้ดังขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงตะเบ็ง เกรี้ยวกราด เสียงนั้นแหลมปรี๊ดเสียดแทงในโสตประสาท สองสามีภรรยาสะดุ้งตื่นพร้อมกัน โผเข้ากอดกันโดยไม่รู้ตัวและหันไปมองที่มาของเสียงนั้น

ที่ปลายเตียง…เงาร่างหนึ่งยืนอยู่ ชี้หน้าทั้งสองที่ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก

สารเลว…คนสารเลว…กรี๊ด!

เสียงกรีดร้องโหยหวนดังก้องในห้อง พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดลอยเข้ามาใกล้ ใบหน้าส่วนหนึ่งโผล่เข้ามาในแสงไฟจากระเบียง ใบหน้านั้นบูดเบี้ยว น่าเกลียดน่ากลัว เน่าเฟะ น่าสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง ริมฝีปากแสยะกว้าง ฟันทั้งปากแหลมราวกับผีดิบและเต็มไปด้วยน้ำเหลืองและเลือด มือทั้งสองที่ยื่นออกมาหมายจะขย้ำคอของฝ่ายชาย

ตอนนั้นเองที่ภรรยารู้สึกตัว หันมาเปิดไฟสว่างจ้าทั้งห้อง เงาดำหายวับไปพร้อมกับแสงสว่าง สองสามีภรรยาหันสบตากัน ดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัวสุดขีดเมื่อรู้ว่า สิ่งที่พวกเขาเห็นพร้อมกันเมื่อครู่ ไม่ใช่คน!

 

รีเซปชันสาวจำต้องจองโรงแรมอีกแห่งที่อยู่ในเขตอุทยานให้ทั้งสองแทนหลังจากทั้งสองยืนยันที่จะออกจากโรงแรมในตอนเช้ามืดนั่นเอง หลังจากแขกลงมาโวยวายลั่นล็อบบีจนทำให้แขกเหรื่ออื่นตกใจ เธอขอโทษขอโพยกับสิ่งที่เกิดขึ้น และยืนมองแขกทั้งสองรีบออกไปจากโรงแรมราวกับถูกผีไล่ตามหลัง…เธอถอนใจเฮือก…เงยหน้าขึ้นไปทางห้องเจ้าปัญหา…อีกครั้งที่อะมานดาออกมาทวงความยุติธรรม…แม้จะตายไปนานแล้ววิญญาณก็ยังวนเวียนตามหาฆาตกร…ไม่รู้จักจบสิ้น

พรุ่งนี้เธอจะขอร้องผู้จัดการ หากยังต้องการความสงบสุขในโรงแรม ห้อง 404 ควรจะต้องปิดตายตลอดไป!

 



Don`t copy text!