มาลัยใบพฤกษ์ บทที่ 1 : รสชาติอาหารป่า
โดย : เนียรปาตี
มาลัยใบพฤกษ์ นิยายออนไลน์สนุกๆ มีให้อ่านออนไลน์ที่อ่านเอา โดย เนียรปาตี เรื่องของแพทย์หนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้าน ชอบช่วยเหลือผู้ป่วยด้วยจิตใจเมตตา หากโลกอีกใบของเขากลับตรงข้าม ความรักที่มีต่อเพศเดียวกันกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่พาชายหนุ่มออกเดินทางไปในเส้นทางที่โลดโผน ซับซ้อน ซ่อนเร้น สุดท้ายแล้วความรักที่แท้จริงคืออะไรกันแน่
นายแพทย์สาธิตมาร่วมงานวิวาห์ของเอกอนงค์ด้วยความรู้สึกเกือบโล่งใจ ในที่สุดหล่อนก็ทลายกำแพงอคติที่ก่อไว้ เปิดประตูให้พฤกษ์ได้เข้ามาเยียวยาจิตใจที่หมกมุ่นจ่อมจมอยู่กับฝันร้ายมานานปี จนวันนี้ แทบจะพูดได้เต็มปากว่า เอกอนงค์หายเป็นปกติ ฝันร้ายไม่มากล้ำกรายหล่อนอีกเมื่อมีพฤกษ์อยู่เคียงข้าง แต่สาธิตยังวางใจไม่สนิท กังวลว่าอาการอาจจะกำเริบเมื่อถึงเวลาส่งตัวเข้าหอ (1)
งานฉลองวิวาห์จบลงเกือบสี่ทุ่ม แขกเหรื่อทยอยกลับ
สาธิตตามเจ้าบ่าว-เจ้าสาว คือพฤกษ์และเอกอนงค์ไปที่ห้องพัก อวยพรให้กันแล้วจากมา ทว่ายังไม่ไปไหนไกล คงนั่งลงที่เก้าอี้รับแขกตรงทางเดิน ตาจับจ้องไปที่ประตูห้องของคู่วิวาห์ใหม่ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเอกอนงค์ เขาจะได้ช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
พนักงานโรงแรมคนหนึ่งประคองถาดอาหารและเครื่องดื่มออกมาจากลิฟต์…แขกที่พักคงจะสั่งขึ้นมาดื่มบนห้อง…ไม่ใช่ห้องของพฤกษ์และเอกอนงค์ แต่ถัดไปอีกสองสามห้อง สาธิตมองแล้วไม่สนใจอีก จนกระทั่งพนักงานผู้นั้นเดินกลับมา หยุดตรงหน้าเขา
“คุณผู้ชายมีอะไรให้รับใช้ไหมครับ?”
เงยหน้ามองก็เห็นเด็กหนุ่ม แม้จะอยู่ในชุดพนักงานโรงแรม แต่ก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นนักศึกษาทำงานพาร์ทไทม์ ส่ายหน้าว่าไม่ต้องการอะไร แต่ถามว่า
“บาร์ที่โรงแรมเปิดถึงกี่โมงล่ะ?”
“ตีหนึ่งครับ แต่ตอนนี้กำลังพีคเลย คุณผู้ชายลองไปดูสิครับ”
“ไม่เป็นไร ผมถามไปอย่างนั้นเอง ขอบใจนะ”
พนักงานหนุ่มลงลิฟต์ไปแล้ว สาธิตจึงหันมาสนใจประตูห้องพักดังเดิม หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับเอกอนงค์ พฤกษ์ไม่เปิดประตูผางออกมาเรียกหาคนช่วยเพราะเจ้าสาวคลุ้มคลั่ง สาธิตจึงวางใจ โล่งอกอย่างแท้จริงว่าเขาไม่ต้องกังวลเป็นห่วงหล่อนแทบทุกวินาทีเช่นตลอดห้าปีที่ผ่านมา
ลังเลว่าจะกดไปที่ชั้นห้องพักหรือลงไปที่บาร์ของโรงแรมเมื่ออยู่หน้าลิฟต์ เขาอยากพักผ่อน อยากสลัดความเครียดที่สะสมมาตลอดทั้งวันด้วยความเป็นห่วงและระแวงอาการป่วยของเอกอนงค์ ภายใต้ท่าทีเป็นปกติในฐานะพี่ชายที่แสนดีของเจ้าสาว
ตัดสินใจกลับห้องพัก เปิดเบียร์ในตู้เย็นมาดื่มเติมความชื่นซ่าให้อารมณ์ หยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดแอปพลิเคชั่นที่รู้กันเฉพาะกลุ่ม มันเป็น ‘แอป’ ประเภทหาเพื่อน ทว่าบนหน้าจอโทรศัพท์ขณะนี้ปรากฏรูปใบหน้าและเรือนร่างเฉพาะของบุรุษเพศ มุมเล็ก ๆ มีข้อความแนะนำตัวและระยะทางที่คนผู้นั้นอยู่ ในขณะที่รูปโปรไฟล์ของสาธิตเป็นแมวตัวหนึ่ง
แม้ว่าโดยรูปลักษณ์ของนายแพทย์หนุ่มจะสามารถหว่านเสน่ห์ให้ใครสักคนสนใจได้ไม่ยากนัก แต่เขาก็แสวงหาความตื่นเต้นเล็ก ๆ น้อย ๆ จากโปรแกรมหาคู่สำหรับ ‘นัดบอด’ หรือ ‘นัดด่วน’ ไม่ว่าจะเป็นไอซีคิว เพิร์ช เอ็มเอสเอ็น หรือแคมฟรอก เขาก็ผ่านมาแล้วทั้งนั้น
พัฒนาล่าสุดมาถึงยุคของสมาร์ตโฟน โปรแกรมหาคู่ต่าง ๆ พัฒนาควบคู่กันไป สาธิตโหลดไว้ในมือถือ ทุกแอป ทั้งสีส้ม สีฟ้า สีแดง เพื่อไว้ ‘ส่อง’ ดูว่า มีใครอยู่ใกล้ ๆ พิกัดที่ตนอยู่บ้าง
กดไปที่ภาพเรือนร่างหนึ่งซึ่งเห็นว่าอยู่ห่างจากเขาไม่ถึงร้อยเมตร พิมพ์ทักทาย
‘สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณอยู่ที่ไหน มีรูปไหมครับ?’
ผ่านไปสิบห้านาทีก็ยังไม่มีข้อความตอบกลับ สาธิตจึงเลิกสนใจ
ระหว่างรอคำตอบ แม้จะเลื่อนดูภาพคนอื่น ๆ ก็ไม่รู้สึกวาบหวามเป็นพิเศษ สงสัยว่าวันนี้เขาคงเหนื่อยเต็มที เบียร์หมดกระป๋องแล้วจึงลุกไปเปิดน้ำอุ่น ลงแช่ในอ่างให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย กลิ่นสบู่อ่อน ๆ ช่วยให้สบายอารมณ์ กำลังเคลิ้มดิ่งก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณข้อความเข้า
ด้วยลึก ๆ ยังห่วงอาการป่วยของเอกอนงค์ จึงรีบลุกจากอ่างไปดูที่หน้าจอก็พบว่า มันคือข้อความตอบกลับจากผู้ที่เขาทักไป
‘ขอโทษที่ตอบช้า ผมชื่ออาร์ม นายชื่ออะไรครับ มีรูปไหม?’
‘มีครับ แต่ไม่สะดวกแลก’
สาธิตตอบกลับไป ครู่หนึ่งฝ่ายนั้นก็ตอบมาด้วยรูปเรือนร่างกำยำล่ำสันได้ทรงงามอย่างผู้ออกกำลังกายเพื่อฟิตหุ่นโดยเฉพาะ ตบท้ายด้วยข้อความ
‘หุ่นผมเอง’
‘ไม่มีที่เห็นหน้าเหรอ?’
‘ถ้านายมีแลก ผมก็มี’
‘ไม่สะดวกแลกจริง ๆ แต่จะมาพบตัวจริงเลยก็ได้ เหมือนว่าเราจะอยู่ใกล้กัน’ สาธิตตอบกลับ
‘ขอโทษนะครับ นายเป็นแขกพักที่โรงแรมเหรอครับ?’
‘ถ้าใช่แล้วเป็นไง มาเจอไม่ได้เหรอ หรือว่านายทำงานที่นี่’
ไม่มีคำตอบส่งมาอีก สาธิตจึงกลับไปแช่น้ำในอ่าง หากไม่วายวางโทรศัพท์ไว้ใกล้ ๆ น้ำในอ่างคลายความร้อนลงไปมากเมื่อฝ่ายนั้นก็ตอบกลับมาอีกครั้งด้วยคำถาม พร้อมเปลี่ยนสรรพนาม
‘พี่พักห้องไหนครับ ตอนนี้ผมออกงานแล้ว’
สาธิตลังเลใจชั่วครู่ก็พิมพ์หมายเลขห้องตอบกลับไป
ไม่กี่นาทีต่อมาเสียงเพลงเบา ๆ จากกริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้น สาธิตจึงลุกจากอ่างอาบน้ำ พันผ้าขนหนูไว้ลวก ๆ เดินไปส่องที่ประตู เห็นใครคนหนึ่งยืนอยู่หน้าห้องแล้วจึงแง้มให้เห็นถนัดขึ้น จำได้ว่าเป็นพนักงานที่ทักทายเขาตรงทางเดิน ทว่าไม่ได้อยู่ในยูนิฟอร์มแล้ว
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้สั่งอะไร” สาธิตบอก
“ตอนนี้ผมออกงานแล้ว”
เด็กหนุ่มตอบกลับ รอยยิ้มและนัยน์ตาพราวระยิบด้วยนัยที่รู้กัน จงใจจะเตือนให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาคือใคร แล้วก็ได้ผล สาธิตจ้องนิดหนึ่งอย่างเข้าใจความหมายทะลุปรุโปร่ง เปิดประตูกว้างขึ้นให้เด็กหนุ่มก้าวเข้ามาข้างใน
“รูปที่ส่งมา หุ่นเราจริง ๆ เหรอ?”
“จริงสิครับ พี่จะดูไหม?” เด็กหนุ่มยิ้มกริ่ม “พี่อาบน้ำอยู่เหรอ ผมอาบด้วยคนสิ วันนี้เหนื่อยมาก เหงื่อออกจนเหนียวตัว พี่จะได้เห็นชัด ๆ ไง ว่ารูปที่ส่งให้น่ะ ใช่หุ่นผมจริง ๆ หรือเปล่า”
สาธิตจำไม่ได้ว่าหลังจากนั้นใครเป็นคนจูงมือใครไปที่อ่างอาบน้ำ ในสำนึกรับรู้เพียงว่า เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นยาขนานวิเศษที่แก้ไขความเซ็งเบื่อซังกะตายในอารมณ์ตลอดวันนี้ ให้เปลี่ยนเป็นแช่มชื่นรื่นรมย์ จะหมุนพลิกตัวไปทางใด ความซาบซ่านสะท้านกายก็แผ่ไปทุกขุมขน
ร่างกายของเขาและเด็กหนุ่มผู้นั้นปะทะเบียด เสียดสีสอดคล้องต้องใจไปทุกท่า กว่าจะหมดเรี่ยวแรงไปทั้งคู่ก็ล่วงเข้าสู่วันใหม่
ห้องอาหารในตอนสายไม่คึกคักเท่ายามเช้าที่แขกหลายคนรีบกินเพื่อจะออกไปเที่ยวตามโปรแกรมอัดแน่นให้คุ้มเวลาที่สุด สาธิตเพลินจิบกาแฟ ไม่รีบร้อนจะลุกไปตักอาหารเช่นเดียวกับพฤกษ์ ส่วนเอกอนงค์เดินดูอาหารที่จัดไว้เป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ แล้วมาหยุดที่หน้าเคาน์เตอร์ครัว สั่งออมเล็ตสำหรับตนเองและสามี ไข่ดาวสำหรับพี่หมอสาธิต
“สองฟองแบบไข่แดงสุกค่ะ”
สาธิตเห็นว่าเอกอนงค์คงยังไม่กลับมาในนาทีนี้จึงถามชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าบ่าวในชีวิตจริงของน้องสาวที่เปราะบางของเขา
“เมื่อคืนยายเอกเป็นยังไงบ้าง คุณพฤกษ์ มีอาการอะไรไม่น่าไว้ใจหรือเปล่า?”
“ทีแรกผมก็กังวลเหมือนกัน แต่เราก็ผ่านมันไปได้ด้วยดี ผมคิดว่าหมอไม่ต้องกังวลเรื่องนี้อีกต่อไปแล้วละ” พฤกษ์มองนายแพทย์หนุ่มอย่างรู้และเข้าใจ “มีเรื่องอื่นที่หมอต้องกังวลมากกว่า”
สาธิตเลิกคิ้วเอียงคอแทนการถาม ยังไม่ทันที่พฤกษ์จะตอบ เอกอนงค์ก็ถือจานสลัดผักกลับมาที่โต๊ะ พนักงานเดินตามมาเสิร์ฟอาหารที่หล่อนสั่งไว้
“ไข่ดาวสองฟอง ไข่แดงสุก ของพี่หมอค่ะ”
“ขอบใจนะที่ยังไม่ลืมว่าพี่ชอบหรือไม่ชอบอะไร” สาธิตตอบเย้า ๆ แต่เอกอนงค์กลับคิดว่าเขางอน
“อะไรที่เกี่ยวกับพี่หมอ เอกไม่เคยลืมค่ะ พี่หมอดูแลเอกมาตั้งนาน เป็นเหมือนพี่ เหมือนพ่อ เหมือนคนรัก เอกจะลืมได้อย่างไรคะ”
พฤกษ์กระแอมราวมีอะไรติดคอเมื่อเอกอนงค์เอ่ยว่าสาธิตเป็นเหมือนคนรัก เย้ากลับสนุกสนาน
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมไม่กล้าถามนะ แต่ตอนนี้แต่งงานแล้ว ผมกล้าถามแล้ว”
“ถามว่าอะไรคะ?”
“ก็ถามว่า ระหว่างผมกับคุณหมอสาธิตนี่ ถ้าต้องเลือกคนใดคนหนึ่ง คุณเอกจะเลือกใคร”
“เลือกพี่หมอค่ะ” คำตอบทันที
“แหม…รีบตอบจัง คุณจะไม่ลังเลสักนิด คิด ๆ สักหน่อยว่าควรจะตอบยังไงดีน๊า…มั่งเลยเหรอ”
“ไม่เลยค่ะ ฉันตอบได้ทันที ถ้าคุณพฤกษ์น้อยใจ กินข้าวเสร็จจะไปหย่าเลยก็ได้นะคะ”
“อูย…ไม่ ๆ ๆ คุณเอกล่ะก็ ผมหยอกเล่นแค่นี้เอง เอาจริงเสียจนผมตกใจ”
สาธิตขำน้อย ๆ ขณะตัดไข่ดาวส่งเข้าปาก
“หัวเราะอะไรครับหมอ หรือว่าผมเผลอปล่อยไก่อะไรอีก”
“คุณยังไม่รู้หรอกว่ายายเอกตัวจริงเป็นยังไง ที่คุยเคยพบเคยเห็นที่เรือนไม้หอม อาจจะเป็นแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้นละ” ยิ้มกว้างขึ้นเมื่อบอกว่า “คุณยังต้องทำความรู้จักยายเอก…อีกมาก”
“ผมมีเวลาทั้งชีวิตละครับ ที่จะเรียนรู้และเข้าใจว่า ภรรยาผมเป็นอย่างไร”
ประโยคสุดท้ายมีผลให้เอกอนงค์หน้าแดง มือไม้พาลเกะกะทำอะไรไม่ถูก หล่อนยังเขินอายแม้ว่าจะผ่านคืนแรกในฐานะภรรยาของเขามาแล้วก็ตาม
“เมื่อกี้ คุณพฤกษ์จะบอกอะไรผมนะครับ?” สาธิตถาม
พฤกษ์แปลกใจ ไม่คิดว่าสาธิตจะถามออกมาขณะที่เอกอนงค์ร่ววมวงอยู่ด้วย เขารอว่าถ้าเอกอนงค์ลุกออกไปเติมอาหารอีกครั้งจึงจะบอกเรื่องนี้ แต่เหมือนว่าสาธิตและเอกอนงค์ไม่มีความลับใด ๆ ต่อกัน ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือใหญ่ เมื่อเขาถามขึ้นมาเอง พฤกษ์จึงบอกตรง ๆ
“วันนี้ไอ้โพธิ์ทองคงมาแจมกับพวกเราไม่ได้แล้วละ ที่พ่อของมันเร่งให้กลับบ้านเมื่อวาน เป็นแผนการล่อลวงมันกลับไปดูตัวว่าที่เจ้าสาว เห็นทีคราวนี้คงไม่รอด”
ทั้งเอกอนงค์และสาธิตเข้าใจตรงกัน ว่าหมายถึงหนีไม่พ้นถูกจับแต่งงานกับผู้หญิงสักคน ทั้งที่ตอนนี้สาธิตกับโพธิ์ทองคบหากันอยู่อย่างคู่รัก แม้ไม่เปิดเผยแต่ก็มิได้ปิดบังมิดเม้นเร้นลับ
สาธิตเงียบไป พฤกษ์จึงเข้าใจว่าความเงียบนั้นเกิดจากความผิดหวัง
ตามแผนเดิม โพธิ์ทองต้องค้างที่โรงแรมด้วยกัน แต่ในระหว่างงานวิวาห์กำลังดำเนินอยู่ ก็มีโทรศัพท์จากบ้านแจ้งข่าวด่วนว่าบิดาของเขาเข้าโรงพยาบาล เขาจึงต้องรีบกลับไป แต่สัญญาว่าจะกลับมาสมทบกับทุกคนในเช้าวันนี้
“โพธิ์ทองมันโทร.หาผมตอนเช้า บอกว่าติดต่อหมอแล้วแต่ไม่มีคนรับสาย ส่งข้อความไปก็ยังไม่อ่าน” พฤกษ์แก้ต่างแทนเพื่อนกลาย ๆ
“อ้อ…” สาธิตครางออกมาอย่างนึกได้ “โทรศัพท์ผมคงจะแบตหมด แล้วก็ไม่ได้ชาร์จ”
พฤกษ์คิดว่าสาธิตคงผิดหวังเรื่องนี้อยู่ จึงมีอาการเหมือนซึมไป เมื่อจบมื้ออาหารและแยกย้ายไปพักผ่อน เขาจึงไม่ถามให้กวนอารมณ์อีก เพียงแต่นัดหมายกันตามแผนที่ปรับเปลี่ยนใหม่เล็กน้อยเท่านั้น
สาธิตปิดประตูห้องแล้วมองสำรวจไปจนทั่ว ถอนหายใจพรืดออกมาอย่างระอาในอารมณ์
อาร์ม…เด็กหนุ่มนั้นคนรูปโฉมเหมือนอาหารชั้นดีมีราคา ทว่าเมื่อกินเข้าไปกลับพบว่ารสชาติจัดจ้านแซ่บลิ้น เป็นอาหารป่าที่ปรุงมาอย่างถึงเครื่อง แต่ละคำแม้จะทำให้เผ็ดร้อนจนปากพอง แต่ก็หยุดกินไม่ได้…เขาเพิ่งกลับไปเมื่อตีสี่นี้เอง
กลับไปทั้งที่เด็กหนุ่มฉอเลาะว่า…วันนี้ผมไม่มีเรียน ผมอยู่กับพี่ได้ทั้งวัน
กลับไปเมื่อสาธิตบอกว่า…เพื่อนพี่จะมาหาตอนเช้า ให้เขาพบเราแบบนี้ไม่ได้
เดินไปที่โต๊ะเพื่อจะดูว่าโพธิ์ทองติดต่อมาเมื่อไร ส่งข้อความอะไรมาบ้าง ก็หาโทรศัพท์ไม่พบ
เอะใจตั้งแต่วินาทีที่พฤกษ์บอกว่าโพธิ์ทองติดต่อเขาไม่ได้ สาธิตไม่เคยปิดเครื่อง เพราะตั้งแต่เอกอนงค์ยังมีอาการไม่ปกติ และด้วยอาชีพของเขา ทำให้โทรศัพท์พร้อมเสมอสำหรับการติดต่อ ๒๔ ชั่วโมง
หาจนทั่วก็ไม่พบว่าตกหล่นไปที่ใด จนในที่สุดก็ยอมรับว่า มันคงติดมือเด็กหนุ่มคนนั้นไปแล้วตอนที่เขาแต่งตัวออกจากห้อง มองไปนอกหน้าต่างอย่างกังวลใจ โทรศัพท์เครื่องนั้นแม้จะยี่ห้อดัง ราคาแพง แค่หายไปซื้อเครื่องใหม่ก็ไม่กระเทือนเงินในกระเป๋า
ทว่า ‘ข้อมูล’ ที่อยู่ในเครื่องนั้นต่างหาก…ที่สำคัญ
เขามิใช่คนที่นิยมถ่ายภาพวาบหวิวหรือถ่ายคลิปเก็บไว้เวลาทำกิจกรรมพิเศษ แต่มันก็มี…บ้าง และไอ้ที่มีบ้างนั้น มันก็เห็นชัดเสียด้วย…ว่าเป็นใคร
หนึ่งชั่วโมงหมดไปที่สระว่ายน้ำและห้องอบซาวน่าของโรงแรมระหว่างรอให้แม่บ้านทำความสะอาดห้อง เมื่อกลับมาอีกครั้ง ทุกอย่างจึงเรียบร้อยเหมือนวันแรกที่เข้าพัก ไม่มีอะไรหลงเหลือเป็นหลักฐานว่าเมื่อคืนวานเกิดอะไรขึ้นบ้างในห้องนี้ ความเหนื่อยล้าและนอนไม่เต็มอิ่มตลอดทั้งคืน บวกกับความเย็นฉ่ำของ เครื่องปรับอากาศที่ทำงานเงียบไม่ส่งเสียงรบกวน ทำให้สาธิตหลับไปในไม่กี่นาทีที่ล้มตัวลงนอน
เรื่องโทรศัพท์หาย…ช่างมัน
ข้อมูลในโทรศัพท์…ช่างมัน ถ้าอะไรมันจะเกิด ก็ถือว่าเป็นคราวซวยก็แล้วกัน
สาธิตไม่ฝัน ไม่กระสับกระส่าย หลับได้ลึกและเต็มอิ่มแม้มิใช่การนอนยาวหลายชั่วโมง รู้สึกตัวอีกทีกึ่งหลับกึ่งตื่น เมื่อมีสัมผัสลูบไล้ใบหน้าเขาอย่างสำรวจพิจารณา ตามมาด้วยริมฝีปากอ่อนนุ่มจูบลงบนหน้าผาก ลืมตาขึ้นก็พบว่าเป็นคู่ขาหรือคนรัก แล้วแต่ใครจะมอง
“กลับมาแล้วเหรอ ไม่คิดว่าจะกลับมา” สาธิตครางออกไปเบา ๆ
โพธิ์ทองแตะหลังมือกับหน้าผาก ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายเป็นหมอ
“ก็ไม่ป่วยนี่นา แสดงว่างอนเราละสิ พฤกษ์มันบอกว่านายขอถอนตัวจากทุกโปรแกรม โกรธเราแล้วเอาคืนกับนายพฤกษ์งั้นสิ”
“คิดเป็นเด็ก ๆ ไปได้ ไร้สาระ” สาธิตบ่นงึมงำพลิกตัวหลบไปอีกทาง
“พฤกษ์บอกว่า โทรศัพท์หายเหรอ?”
“อือ คงตกหายไปตอนงานเลี้ยงเมื่อคืน แล้วก็โชคร้ายพอที่คนเก็บได้จะไม่ตามหาเจ้าของ”
น้ำเสียงเขาไม่ทุกข์ร้อนที่อุปกรณ์สื่อสารหายไป เช่นเดียวกับเมื่อถามถึงเรื่องสำคัญของอีกฝ่าย
“ที่บ้านเป็นไงบ้าง อาการคุณพ่อหนักไหม?”
“โรคสำออยน่ะ เจ็บสิบบอกว่าร้อย เจ็บร้อยบอกว่าพัน”
โพธิ์ทองนึกถึงเมื่อคืนนี้ที่มารดาโทรศัพท์ตามเขาขณะงานฉลองวิวาห์กำลังเริ่ม บอกว่าบิดาป่วยอาการสาหัส โพธิ์ทองทำหน้าเบ้ว่าไม่เชื่อถือ แต่จะทำไงได้ พ่อบังเกิดเกล้านะนั่น จำต้อง ‘เล่น’ ไปตามเกมทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็น ‘แผน’ ของอีกฝ่าย
‘เราเก็บของไปเลยนะ เผื่อไม่ได้กลับมา’ นิ่งไปนิดหนึ่งเขากลับรับปาก ‘แต่คิดว่าจะกลับมาแน่ ๆ’
โพธิ์ทองบอกแล้วกลับขึ้นไปเก็บของในห้องที่เขาพักกับสาธิต ข้าวของมีไม่มาก ใช้เวลาไม่นานก็หิ้วกระเป๋าโยนไว้ท้ายรถ ขับออกไปจากโรงแรมเพื่อดูอาการป่วยของบิดา
“แล้วก็เป็นไปตามคาด”
คนเล่ายักไหล่เหมือนพูดถึงนิทานก่อนนอนของเด็กอนุบาลที่แค่เปิดหน้าแรกก็รู้ว่าตอนจบจะเป็นอย่างไร
“พอไปถึงก็อยู่กันพร้อมหน้า ยังกะงานรวมญาติ แถมมาอีกบ้านหนึ่ง ว่าที่ลูกสะใภ้ที่เขาจะจับเราแต่งงานด้วยไงละ”
“แล้วเป็นยังไง โอเคมะ?”
“ดีลดีเกินคาด”
โพธิ์ทองบอก แต่ยังไม่เล่ารายละเอียด บ่นว่าหิว ชวนสาธิตให้ลุกขึ้นแต่งตัวแล้วหามื้อค่ำกินกันให้อร่อยสองคน ชดเชยที่เขาทิ้งสาธิตไป ‘เจรจาธุรกิจ’ เมื่อคืนนี้
บาร์ของโรงแรมดีอย่างที่เด็กหนุ่มคนนั้นโฆษณา
วันนี้แขกค่อนข้างบางตา ทว่าสาธิตกลับพอใจว่าไม่วุ่นวาย วงดนตรีจากฟิลิปปินส์บรรเลงอยู่บนเวทีที่เป็นยกพื้นเตี้ย แม่นักร้องร่างใหญ่เสียงสากน้อย ๆ ทว่าสำเนียงฝรั่งไม่ขัดหู สาธิตมีรสนิยมละเมียดละไมในการฟังเพลง ถ้าเป็นเพลงสากล นักร้องต้องออกเสียงได้ถูกต้องชัดเจนตามแบบฉบับเจ้าของภาษา หลายครั้งเมื่อสังสรรค์กับเพื่อนในร้านที่วงดนตรีเล่นห่าม ๆ นักร้องร้องเพลงสากลแบบท่องจำ แต่ไม่รู้ความหมาย สักแต่ว่าพ่นออกไปให้เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น บางท่อนก็ดำน้ำฟังไม่รู้เรื่อง สำหรับคนอื่นอาจจะครึกครื้นเพียงว่าได้ฟังดนตรี แต่สำหรับสาธิตมันชวนรำคาญหูเป็นที่สุด แล้วเขาก็จะขอตัวแยกออกไป
เพื่อน ๆ ก็จะรู้กันว่า…ร้านนี้ดนตรีห่วย ไอ้หมอบาสไม่ปลื้ม
ค่ำวันนี้โพธิ์ทองมีธุระมาก สั่งเครื่องดื่มมาจิบยังไม่ทันไรก็เดินเข้า-ออกบาร์หลายหนเพื่อคุยโทรศัพท์เจรจาธุรกิจ หรือหากจะเป็นเรื่องส่วนตัวสาธิตก็ไม่สงสัยใคร่รู้ เพราะเขาคบกับโพธิ์ทองมาระยะหนึ่งแล้ว เสพกินรสชาติของกันและกันถึงขั้นทะลุปรุโปร่งว่าเกมนั้นจะเริ่มและจบอย่างไร…ท่าไหน รสชาติที่เคยใหม่กลายเป็นซ้ำซากจำเจ
ในวันนี้เมื่อโพธิ์ทองบอกว่า ‘ดีล’ สำเร็จ แปลว่างานวิวาห์ของเขาจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
โพธิ์ทองพยายามเอาใจไม่ให้สาธิต ‘งอน’ ที่จะตัดช่องน้อยไปมีครอบครัว แม้จะเป็นการแต่งงานที่เป็นกึ่งเจรธุรกิจก็เถอะ
ทว่าในความรู้สึกของสาธิตไม่มีความหึงหวงอาลัยอาวรณ์แต่อย่างใดเลย
ไม่มีเลย…แม้แต่นิดเดียว
โพธิ์ทองกลับจากคุยโทรศัพท์ครั้งล่าสุด ทิ้งตัวลงอย่างแรงบนเก้าอี้นวมหุ้มหนังอย่างดี บ่นพึมเรื่องติดต่องานกับต่างประเทศที่เวลาไม่ตรงกัน ทำให้เขาต้องคอยตื่นดึก ๆ เพื่อคุยกับทางโน้นในเวลาทำงาน สาธิตยกจินโทนิกดื่มหมดแก้วแล้วบอกว่า
“สั่งเพิ่มให้อีกที่หนึ่งสิ เราขอไปห้องน้ำหน่อย”
แสงไฟในบาร์สลัว หากสาธิตจำดวงหน้าของพนักงานหนุ่มคนนั้นได้แม่น เช่นเดียวกับฝ่ายนั้น อาร์มสวนออกมาจากห้องพนักงาน ทักเขาอย่างยินดี
“พี่นะเอง ผมคิดว่าพี่เช็คเอาท์ออกไปแล้ว ดีใจจังที่ได้เจอพี่อีก”
สาธิตยิ้มน้อย ๆ พยักหน้าเป็นการตอบ ไม่ถามถึงโทรศัพท์ที่หาย เข้าไปหยุดยืนที่โถปัสสาวะ อาร์มก็ยังจับตามองไม่ไปไหน สาธิตจึงเปลี่ยนใจเดินเข้าห้องน้ำ หากอาร์มคิดว่านั่นเป็นการเชิญชวน พอสาธิตจะปิดประตู อาร์มก็ดันไว้ได้ทัน เบี่ยงตัวเองเข้าไปในห้องเดียวกันก่อนลงกลอน
โดยไม่ให้ตั้งตัว อาร์มรวบร่างสาธิตเข้ามากอดดุจเด็กเจอผู้ใหญ่ที่คิดถึง เสียงเขาครึมครางเบา ๆ อย่างออดอ้อน
“ผมคิดถึงพี่จัง ไม่รู้ทำไม”
สาธิตพยายามผลักออก แต่วงแขนของอาร์มยังรัดแน่นราวโซ่เหล็ก เขาจึงต้องบอก
“ปล่อยเถอะ พี่ไม่ชอบแบบนี้”
“แบบนี้…คือแบบผม หรือไม่ชอบในห้องน้ำแบบนี้” อาร์มยิ้มยั่ว “ถ้าไม่เคยก็ลองดูสักครั้งสิพี่ ตื่นเต้นออก”
“อย่าเลย ตอนนี้พี่ยังไม่มีอารมณ์”
อาร์มยอมปล่อยสาธิตจากการเกาะเกี่ยว นึกขึ้นได้ก็ล้วงของสิ่งหนึ่งจากกระเป๋าเสื้อกั๊กส่งให้
“โทรศัพท์ของพี่ มันติดมือผมไปได้ยังไงก็ไม่รู้ ผมคงรวบ ๆ กวาด ๆ ไปตอนแต่งตัว ไม่ทันได้ดูให้ดี แบตหมด ผมไม่ได้ชาร์จให้นะพี่ คนละรุ่น ผมไม่มีปัญญาซื้อยี่ห้อนี้”
สาธิตรับโทรศัพท์คืน ไม่แสดงท่าทีว่าเขาเชื่อคำพูดของเด็กหนุ่มหรือไม่ มันเป็นไปได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะตั้งใจหยิบหรือเผลอหยิบไปจริง ๆ ปลดกลอนจะออกจากห้องน้ำ ก็ต้องรีบดึงประตูปิดอีกครั้งเมื่อเห็นโพธิ์ทองเดินเข้ามาล้างมือ และฝีเท้าของเขาก็มาหยุดที่โถปัสสาวะ
ในห้องน้ำนั้นไม่มีใครอีก มีห้องที่ปิดประตูแค่ห้องเดียว โพธิ์ทองจึงเคาะพร้อมกับเรียก
“บาส! นายอยู่ในนี้ไหม หายมานานแล้ว เป็นอะไรหรือเปล่า?”
ใจหล่นวูบลงไปที่เท้า แล้วเต้นรัวถี่จนแทบต้องกดหน้าอกตัวเองไว้ไม่ให้โลดออกมา
“เราอยู่ในนี้ เดี๋ยวออกไป ไม่ต้องคอย”
สาธิตร้องตอบ พยายามสะกดเสียงมิให้สั่นทั้งที่ใจเต้นตึกตักราวรัวกลอง หวังว่าโพธิ์ทองจะจับความผิดปกติในน้ำเสียงไม่ได้ เพราะฝ่ายนั้นมิใช่คนละเอียดหรือช่างสังเกต ก้มลงมองลอดใต้ประตูเห็นว่าเขาล้างมือและเดินออกไปแล้วก็โล่งใจ หันมาหาคนที่อยู่ด้วยกันในห้อง อาร์มดีดตัวขึ้นไปนั่งบนชักโครกได้รวดเร็ว เผื่อว่าหากใครแอบมองข้างล่างจะได้ไม่เห็นเท้าสองคู่อยู่ในห้องเดียวกัน
“พี่ชื่อบาสเหรอ ไม่ยักบอกผม” อาร์มถาม “แล้วเมื่อกี้ใครน่ะ แฟนพี่เหรอ เสียดายจังไม่ทันเห็นหน้า”
สาธิตคิดว่าเขาไม่ควรต่อล้อต่อเถียงกับเด็กหนุ่มคนนี้อีก แววตาที่มีประกายเต้นพราวอยู่ในนั้นเหมือนสะเก็ดไฟที่เต้นใส่เนื้อตัวให้สะดุ้งผวาตลอดเวลา
ออกจากห้องน้ำเขาก็ดื่มต่อราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชาร์จโทรศัพท์เมื่อกลับถึงห้อง จำไม่ได้ว่าบอกโพธิ์ทองอย่างไรเรื่องที่ได้โทรศัพท์คืน เหตุผลฟังขึ้นหรือไม่ก็ไม่รู้ ทว่าเมื่อโพธิ์ทองไม่ซักไซ้อย่างติดใจสงสัยหรือเห็นความผิดปกติ ก็ถือว่าเรื่องนี้จบกันไป นิสัยไม่ติดใจกับเรื่องหยุมหยิมนี้เองที่ทำให้สาธิตคบหากับโพธิ์ทองได้นานกว่าคนอื่น ๆ ที่เป็นแบบคู่นอนคืนเดียวหรือ One night stand
เพราะเป็นความสัมพันธ์แบบ FWB หรือ Friend with benefit ที่ผูกพันกันอย่างเพื่อน หากก็สามารถมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันได้เมื่อต้องการ โดยที่ไม่ตามหึงหวงเมื่ออีกฝ่ายจะควงคนอื่นขึ้นเตียง
“เราจะลงไปสูบบุหรี่ข้างล่างหน่อย ถ้าง่วง ก็หลับไปก่อนเลย ไม่ต้องคอยเรา”
โพธิ์ทองเดินมาจูบหน้าผากสาธิตก่อนจะคว้ากระเป๋าใบเล็กออกจากห้อง
สาธิตลืมตาในแสงสลัว ใจเต้นอีกครั้งเมื่อนึกภาพตนกับอาร์มเบียดกันในห้องน้ำ อารมณ์หวามก่อตัวขึ้นพร้อมกับบางส่วนในร่างกายที่อ่อนเปียกกำลังขยายและแข็งแกร่งขึ้นมา ร่ำ ๆ คิดอยู่ว่า จะหาโอกาสเจออาร์มอีกครั้งได้อย่างไร
‘รสชาติ’ ที่อาร์มฝากไว้ ยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น อยากจะกินอีกสักครั้งหนึ่ง
เชิงอรรถ :
(1) เรื่อง เรือนไม้หอม