เมฆพรางจันทร์ บทที่ 5 : ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว

เมฆพรางจันทร์ บทที่ 5 : ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว

โดย : คุณหญิง ร่ำรวยมหาศาล

Loading

เมฆพรางจันทร์ นวนิยายโครงการช่องวันอ่านเอาปีที่ 2 โดย คุณหญิงร่ำรวยมหาศาล กับเรื่องราวของว่าที่เจ้าสาวที่วิญญาณหลุดออกจากร่างกับข้อแม้ที่หากอยากฟื้นคืนชีวิตต้องทำภารกิจให้กับยมฑูตหนุ่ม แต่เอ๊ะ! ทำไมอยู่ๆ หัวใจเธอถึงรู้สึกแปลกๆ กับเขานะ มาร่วมลุ้นกับภารกิจและหัวใจที่สั่นไหวของเธอในอ่านเอากับนวนิยายออนไลน์สนุกๆ เรื่องนี้

ข่าวเรื่องโฆษณาสินค้าเกินจริงของผลิตภัณฑ์ เซเลนา วิงก์ ยังไม่ทันได้เผยแพร่ออกไป พสุธาก็จัดการ ‘เก็บกวาด’ ทุกอย่างจนหมดจดเรียบร้อย โดยที่เธอยังเดินทางไปไม่ถึงบริษัทของตัวเองเลยด้วยซ้ำ

มาสอาภาจึงต่อสายโทรศัพท์จากบลูทูธรถยนต์ ส่งข่าวให้ชีวินรับรู้ด้วยน้ำเสียงรื่นเริง ก่อนจะวนรถกลับไปที่ตั้งสำนักใหญ่ของ แสงสยาม เบฟเวอเรจ เพื่อขอบคุณพี่ชายด้วยตัวเอง

หญิงสาวจอดรถยนต์อเนกประสงค์คันหรูเข้าซองเรียบร้อย เธอก็เดินออกมา ฮัมเพลงไปด้วยอย่างอารมณ์ดี ยอมรับว่ารู้สึกโล่งใจระคนสบายใจอย่างมาก ถึงแม้ว่าชั่วโมงที่แล้วหัวใจจะร้อนรุ่มเป็นไฟก็ตาม

แต่ระหว่างที่เดินอยู่ในลานจอดรถ จู่ๆ สัญญาณกันขโมยของรถยนต์เธอร้องแจ้งเตือนขึ้น

มาสอาภาขมวดคิ้ว ขณะหันหลังกลับมามอง แล้วพบว่าไฟหน้ารถกะพริบถี่ๆ จึงเดินกลับไปดู แต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ มือบางกดรีโมตรถยนต์ซ้ำๆ เพื่อให้มั่นใจว่าล็อกเรียบร้อยแล้ว

“อะไรกัน สงสัยต้องส่งรถเข้าไปเช็กที่ศูนย์อีกรอบแล้วมั้ง” เจ้าของรถพึมพำเบาๆ ก่อนจะเก็บกุญแจเข้ากระเป๋าสะพาย แล้วเดินไปที่ลิฟต์ส่วนอาคารสำนักงานอีกด้าน

เงาเลือนรางของผู้ชายคนหนึ่งปรากฏขึ้น ดวงตาสีดำสนิทเหลือบมองรถยนต์สีน้ำเงินเจ้าปัญหา ก่อนจะถอนหายใจยาว…

 

 

มาสอาภาผลักประตูห้องทำงาน หลังจากส่งสัญญาณบอกคนข้างในเรียบร้อยแล้วตามประสาคนคิดเร็วทำเร็ว จนคนนั่งอยู่ในห้องวางสายแทบไม่ทัน

“พี่ยังไม่ทันบอกอนุญาตให้เข้ามาเลยนะยัยมาส” พสุธาชักสีหน้า พูดด้วยน้ำเสียงตำหนิชัดเจน

“โถ… พี่ดิน มาสดีใจไงคะ ต้องรีบมาขอบคุณพี่ดินถึงที่เลย ที่ช่วยจัดการเรื่องคดีกับเรื่องข่าวให้มาส ก่อนจะเสียหายใหญ่โต” คนเป็นน้องตรงปรี่เข้าไปกอดแขนคนตัวโตกว่าอย่างออดอ้อน ตั้งแต่เกิดมา เขาดูแลเธออย่างดีมาตลอด ตามใจทุกอย่าง ไม่เคยขัดใจ และเธอไม่เคยคิดว่าเขาเป็นลูกบุญธรรมของพ่อแม่เลยสักครั้ง

มาสอาภายอมรับ เทิดทูนบูชาหมดหัวใจว่า พสุธาคือพี่ชายของเธอจริงๆ

“อือ…พี่จัดการให้ตามสมควร อย่าลืมว่าพี่ก็ลงทุนไปด้วย พี่ไม่ปล่อยให้เงินสูญเปล่าหรอก” พสุธาบอกเสียงเข้มขรึม

มาสอาภาซบใบหน้าลงบนแขนแข็งแรงของพี่ชายที่เธอรัก “พี่ดินเป็นเทวดาประจำตัวมาสจริงๆ”

เทวดาประจำตัวทำเสียงอย่างหนึ่งในลำคอ “ตอนนี้เทวดาต้องเร่งทำงานนะจ๊ะ รบกวนเลิกเกาะแขน เลิกกวน แล้วออกไปสักที”

คนถูกไล่ออกจากห้องทำงาน ทำหน้ายู่ยี่ไม่ชอบใจ แต่ก็ปล่อยแขนออกแต่โดยดี “มาสไปก็ได้ค่ะ เดี๋ยวแวะไปกวนพี่รุจสักหน่อย”

“รุจไม่อยู่ที่ห้องทำงานหรอกวันนี้” พสุธาบอก

“อ้าว แล้วพี่รุจไปไหนล่ะคะพี่ดิน”

“ไม่รู้สิ” คนตอบยักไหล่เบาๆ ทำเอาคนรอคำตอบกลอกตาอย่างขัดใจ

“มาสบอกให้ช่วยเป็นหูเป็นตาให้หน่อยก็ไม่ทำ”

“ทำไมล่ะ มีอะไรเหรอ”

มาสอาภากำลังหงุดหงิดนิดหน่อย จึงไม่ได้สังเกตน้ำเสียงกระตือรือร้นของคนถาม

“ไม่มีหรอกค่ะ มาสไปก่อนก็แล้วกัน”

พสุธาจึงไม่รั้ง ปล่อยให้คนเป็นน้องเดินออกจากห้องทำงานไป และพอลับร่างบางแล้ว เขาจึงยกโทรศัพท์ขึ้น เพื่อคุย ‘ธุระ’ ที่ค้างอยู่ก่อนมาสอาภาจะเข้ามา

 

 

หญิงสาวหงุดหงิดกับเรื่องเกิดขึ้นในวันนี้ พลางถอนหายใจทิ้งเบื่อๆ รู้สึกว่าวันนี้ช่างเป็นวันที่ยาวนาน และน่าเบื่อหน่ายเหลือเกิน ถึงแม้จะคลี่คลายเหตุการณ์ปวดหัวเกี่ยวกับเรื่องบริษัทไปได้แล้วก็ตาม ดังนั้นก่อนจะสตาร์ตรถ จึงถ่ายรูปทำหน้าเครียด แต่ไม่ลืมถือผลิตภัณฑ์ตัวเองไว้ด้วย พร้อมกับพิมพ์ข้อความใต้ภาพว่า ‘เครียดจัง’ ลงไปบนโลกออนไลน์

กำลังใจและความห่วงใยมากมายมหาศาล ส่งเข้ามาจากคนที่รู้จักและไม่รู้จัก คนโพสต์ดูจำนวนหัวใจ พร้อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่เพียงครู่เดียว ก็วางโทรศัพท์ลงที่เบาะข้าง ตั้งใจขับรถออกไปห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ คิดว่าใช้เงินซื้อของสวยๆ งามๆ รักษาความเครียด น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

 

ราวสามทุ่มกว่า มาสอาภาจึงเดินมาที่รถเพื่อจะขับกลับบ้าน เธอขมวดคิ้วด้วยความงุนงงเล็กน้อยที่รีโมตร่วงจากมือถึงสามครั้งราวกับมีชีวิต แต่ก็ไม่ได้เชื่อมโยงไปที่เรื่องลี้ลับอะไรมากนัก เพราะเมื่อครู่เธอเพิ่งลองแฮนด์-ครีมมา อาจจะทำให้มือลื่นไปสักหน่อย

เมื่อเปิดรถได้ และวางของบริเวณเบาะหลังเรียบร้อย หญิงสาวที่ผ่อนคลายจากการบำบัดความเครียดด้วยการช็อปปิงก็อารมณ์ดีขึ้นมาก อีกไม่ถึงสองเดือน ก็จะถึงวันแต่งงานของเธอกับพี่รุจแล้วด้วย แทนที่จะเอาเวลามาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องความฝันและเรื่องบริษัท เธอควรจะไปเข้าคอร์สขัดผิว ทำสปา นวดหน้า อบตัว และออกกำลังกายกระชับหุ่น เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวแสนสวยจะดีกว่า…คิดแล้วมีความสุขจริงๆ

มาสอาภาสรุปกับตัวเองว่า…เธอช่างเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบเหลือเกิน ว่าแล้วก็เผลอยิ้มออกมาอย่างสุขใจ

ระหว่างกำลังขับรถกลับบ้าน ฟังเพลงเพราะๆ คิดอะไรเพลินๆ อยู่นั้น มาสอาภาก็ต้องตกใจ เพราะจู่ๆ ก็มีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งเปิดไฟส่องจี้ท้ายรถเธอมา ดวงตากลมโตเขม้นมองกระจกหลังก็เห็นลักษณะเป็นมอเตอร์ไซค์คันใหญ่

“อะไรของเขากันนะ” พึมพำแล้วกำลังจะตบไฟเลี้ยว เปลี่ยนเลนหลบให้บิ๊กไบค์ใจร้อนคันหลังได้แซง แต่แหม…บีเอ็มถูกบิ๊กไบค์แซง รู้ถึงไหนอายถึงนั่นจริงๆ

ด้วยนิสัยส่วนตัวที่ชอบขับรถเร็ว และเมื่อมองดูแล้วถนนช่วงเวลาเกือบสี่ทุ่มค่อนข้างโล่ง หญิงสาวจึงเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วรถมากขึ้น  ดวงตากลมโตเหลือบมองกระจกหลังและกระจกข้าง ก็โล่งอกที่สมรรถนะของรถที่ขับอยู่ไม่ทำให้ขายหน้า พ้นจากเจ้ารถบิ๊กไบค์ระห่ำท้านรกนั่นแล้ว เธอก็หันมามองทางหลัก ค่อยๆ ผ่อนเท้า ลดความเร็วลงจากเมื่อสักครู่

จากเร็วมากๆ เป็นเร็วเฉยๆ

ซึ่งก็ยังเร็วเกินกฎหมายจราจรกำหนดอยู่ดี ก่อนดวงตากลมโตจะเบิกกว้าง เพราะมีรถบรรทุกกำลังขับออกจากทางแยกด้านหน้า แต่ไม่คิดว่าจะมีรถเธอโผล่มาทางตรงอย่างเร็ว

มาสอาภาตกใจ กดแตรดังลั่นถนน พร้อมกับถอนคันเร่งแล้วรีบเหยียบเบรก คราวนี้เจ้าของรถถึงกับขมวดคิ้วด้วยความตกใจหนักขึ้น รู้สึกถึงไอเย็นยะเยือกที่คุ้นเคย และชาวาบไปหมดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

ทว่าเหตุการณ์จวนตัว กระตุ้นให้มาสอาภาหักพวงมาลัยหลบเข้าข้างทางตามสัญชาตญาณ แต่เพราะเบรกใช้งานได้ไม่เต็มที่ รถจึงไถลพุ่งลงข้างทางด้วยความเร็ว ปะทะเข้ากับต้นไม้ต้นใหญ่พอดิบพอดี

ร่างบอบบางถูกอัดกระแทกกับพวงมาลัย ถุงลมนิรภัยทั้งหมดทำงาน เธอรู้สึกว่าตัวเองกระเด็นออกมานอกรถ ก่อนจะหมดสติไป

คนประสบอุบัติเหตุไม่รู้ตัวเลยว่าเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาคมกริบของคนกลุ่มหนึ่ง ประกอบด้วยผู้ชายหน้าเข้มรูปร่างสูงใหญ่ อีกคนเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นหน้าใส และคนสุดท้ายเป็นหญิงสาวสวย ริมฝีปากอิ่มเคลือบไว้ด้วยลิปสติกสีกุหลาบ ทั้งหมดมองเหตุการณ์จากเฟอร์รารีสีแดงคันหรูที่จอดอยู่ริมทาง ราวกับจะรู้ว่ามาสอาภาจะมาประสบอุบัติเหตุตรงนี้

“บู้มเป็นโกโก้ครันช์เลยเฮีย” เด็กหนุ่มผิวใส หน้าหล่อเหลาอายุราวๆ สิบเจ็ดสิบแปดใส่ อยู่ในชุดเสื้อคอเต่าสีครีมคลุมทับด้วยสูทสีดำเอ่ยขึ้นมาจากเบาะด้านหลัง เขากลืนน้ำลายมองอุบัติเหตุอย่างสนอกสนใจ เพราะเพิ่งเคยเห็นเหตุการณ์สดๆ แบบนี้อย่างใกล้ชิด “ต้องไปจัดการเลยไหม…”

ผู้ชายตาคมนั่งหลังพวงมาลัยยกมือลูบปาก ราวกับกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนจะพูดกับสาวสวยที่นั่งคู่กัน เธอหัวเราะคิกคักอย่างไม่ใส่ใจนักเพราะกำลังจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์มือถือ

“นี่ อย่ามัวแต่เล่นมือถือ ไปเก็บงานได้แล้ว…”

“ไม่ต้องบ่นฉันในใจเลยนะคะลุงขา…” เสียงหวานใสที่ลอดออกมาจากริมฝีปากสีแดงสดปรามเบาๆ ราวกับล่วงรู้ความคิดอีกฝ่าย แต่ดวงตาสวยนั่นจ้องดูภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอ ก่อนจะหน้าแดงซ่าน “ฉันดูซีรีส์วายตอนนี้จบ เดี๋ยวก็จะไปเก็บเองนั่นแหละ แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งกวน ฉันกำลังอิน ผู้ชายน่ารักถูกผู้ชายหล่อกินอยู่ กำลังฟิน อย่าเพิ่งมาขัด!”

คนขับรถซึ่งดูยังไงก็หนุ่มแน่นและหล่อเกินกว่าจะเป็น ‘ลุง’ ของอีกฝ่าย รับหน้าที่ฝึกงานให้ทั้งสอง ถอนหายใจยาว ไม่ได้คัดค้านกับสรรพนามที่ถูกเรียก แต่ดวงตาคมเข้มมองร่างบอบบางในชุดสีดำระยิบระยับกรุยกรายด้วยความระอา

“เฮีย ทำใจเถอะครับ พูดไปเจ๊เขาก็ไม่ฟัง”

“ไอ้หนู แหม…นี่ถ้าไม่หล่อหน้าใสขนาดนี้ ฉันด่าแล้วนะยะ โปรดเรียกฉันว่าเจ่เจ้ มันฟังดูดีกว่าเจ๊…อีกอย่าง ถ้า ‘เรา’ ให้ ‘ฤทัยธุวา’ ไปแล้ว พอดอกไม้บาน ยังไงก็ไม่รอดอยู่ดี” เจ้าของริมฝีปากอิ่มแดงพึมพำเบาๆ อย่างเย็นชา “ฉันจะไปเก็บงานตอนไหนก็เรื่องของฉัน ตอนนี้ฉันกำลังฟิน อย่าเพิ่งยุ่งได้ไหม อ๊าย! ถอดเสื้อแล้วแก! โอ๊ย…สาธุบุญ หัวนมชมพูมากแม่ กำเดาไหล โอย…”

“มือถือนั่น…” คนที่นั่งหลังพวงมาลัยส่ายหัวไปมากับท่าทางรื่นเริงเกินขอบเขตของอีกฝ่าย “พี่ชายเธอสั่งแล้วไม่ใช่เหรอว่าเอาไว้ใช้ทำงานไม่ใช่มานั่งดูซีรีส์ แล้วก็มัวอย่ากรี๊ดกร๊าด ต่อมหื่นแตก นี่เรามาทำงาน แต่งตัวอะไรของเธอ  รองเท้าส้นเข็มนั่นอีก…”

“งานฉันก็ทำย่ะ! แล้วมือถือนี่ จะเอาไว้แค่ดูรายการคำสั่งจากพวกนั้นเหรอ…หึ พอไม่มีงาน ก็ควรจะเอามาทำให้เป็นประโยชน์ต่อหัวใจสิ” เจ้าหล่อนเถียงฉอดๆ พลางกระพือขนตาใส่คนพูดอย่างรำคาญ “ลุงอย่าทำตัวเป็นตาแก่ขี้บ่น อย่างว่า…อยู่มานานแล้วก็แบบนี้ แถมทำตัวเป็นพระเอก แอบช่วยเหลือเขาตลอด สรุปเป็นไงลุง…เขาเคยเห็นค่าไหม…ก็ไม่ เป็นฉันมูฟออนไปนานแล้ว ไม่มาตามเป็นสตอล์กเกอร์อยู่แบบนี้หรอก!”

“พูดมาก” คนโดนว่ายืดยาวทำหน้าตึง

เด็กหนุ่มหันไปมองผู้ชายตัวโตที่กำลังขบฟันกรอดอย่างโมโห

“ใจเย็นนะเฮีย…”

ดวงตาคมเข้มตวัดไปมองคนข้างกายนิดเดียว ก่อนจะขับรถออกตัวอย่างแรง กระชากจนคนพูดจี้ใจดำเมื่อกี้และยังไม่ได้ตั้งตัวกลิ้งโค่โล่ไปมา ร้องวี้ดว้ายโวยวาย พร้อมกับบ่นเสียงขรมไปตลอดทาง

 



Don`t copy text!