เมฆพรางจันทร์ บทที่ 1 : แค่ความฝัน

เมฆพรางจันทร์ บทที่ 1 : แค่ความฝัน

โดย : คุณหญิง ร่ำรวยมหาศาล

เมฆพรางจันทร์ นวนิยายโครงการช่องวันอ่านเอาปีที่ 2 โดย คุณหญิงร่ำรวยมหาศาล กับเรื่องราวของว่าที่เจ้าสาวที่วิญญาณหลุดออกจากร่างกับข้อแม้ที่หากอยากฟื้นคืนชีวิตต้องทำภารกิจให้กับยมฑูตหนุ่ม แต่เอ๊ะ! ทำไมอยู่ๆ หัวใจเธอถึงรู้สึกแปลกๆ กับเขานะ มาร่วมลุ้นกับภารกิจและหัวใจที่สั่นไหวของเธอในอ่านเอากับนวนิยายออนไลน์สนุกๆ เรื่องนี้

มาสอาภานอนพลิกไปพลิกมา กระสับกระส่ายบนเตียงกว้าง เหงื่อซึมตามไรผม มือบางยกขึ้น คล้ายกับจะคว้าสิ่งที่กำลังมองเห็น ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนขยับ ก่อนจะเปล่งเสียงร้องออกมาดังลั่น

“อย่า !…”

ราวกับลมหายใจขาดห้วงไปพักหนึ่ง หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว ลุกขึ้นนั่งหายใจหอบกระชั้น ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบห้องนอนกว้าง ซึ่งมีกระถางต้นไม้ฟอกอากาศนานาชนิดตั้งเรียงรายกันอยู่ ทั้งต้นเดหลี ต้นยางอินเดีย ต้นเขียวหมื่นปี  ต้นลิ้นมังกร รวมไปถึงต้นมอนสเตอราด่างมินต์ พันธุ์หายาก ที่เธอเพิ่งซื้อมาในราคาค่อนข้างสูง ยังวางเก๋ๆ ในกระถางสีขาวที่ปลายเตียง จึงรู้สึกโล่งใจว่าสิ่งที่เห็นเมื่อสักครู่เป็นแค่–ความฝัน

เธอฝันร้ายแบบนี้มาสามปีแล้ว… สามเรื่อง สามรูปแบบเลยทีเดียว !

หรือจะเป็นเพราะใกล้วันเกิดครบอายุยี่สิบห้าปี ความฝันพวกนี้เลยตามมาหลอกหลอนให้เห็นรายละเอียดชัดเจนขึ้น

มาสอาภาจำได้ว่า ตอนใกล้ถึงวันเกิดครบรอบอายุยี่สิบสาม เธอเคยฝันเห็นผู้หญิงในชุดโบราณ… โบราณ จนไม่แน่ใจว่าเป็นยุคสมัยไหน ในฝันของเธอนั้น ผู้หญิงคนนั้นพร่ำพรรณนาเกี่ยวกับการถูกทรยศหักหลัง พร้อมกับใช้มีดแทงท้องตัวเอง

เมื่อปีที่แล้ว… ก่อนวันเกิดอายุยี่สิบสี่ปี มาสอาภายังฝันคล้ายแบบเดิม แต่วิธีการฆ่าตัวตายแตกต่างไป คือหลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นพร่ำพรรณนาถึงคนรักที่ทรยศตัวเองเสร็จ เจ้าหล่อนก็เดินลงน้ำ หายตัวไปไม่โผล่ขึ้นมาอีกเลย เธอร้องห้ามเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล

แต่ในฝันเมื่อสักครู่นี้ เธอเห็นผู้หญิงในชุดโบราณคนเดิมอีกแล้ว แต่ครั้งนี้คาดเดาได้ว่า น่าจะเป็นสมัยรัชกาลที่สี่ หรือ ห้า เจ้าหล่อนในชุดเสื้อผ้าแพรสีชมพูอ่อนโปร่งบาง คอเสื้อกว้าง แขนเสื้อสั้นประมาณต้นแขน นุ่งซิ่น ที่คอสวมสร้อยไข่มุก ต่างหูไข่มุกห้อยระย้าเข้าชุดกัน นั่งพับเพียบ ก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น พูดถึงคนรักที่ทรยศหักหลังอย่างเลือดเย็นอีกแล้ว

สักพัก ผู้หญิงคนนั้นหยิบมีดเล่มเล็กขึ้นมา แล้วกรีดลงบนข้อมือตัวเองเร็วๆ เลือดสดๆ ทะลักออกมาจากข้อมือขาวเนียนนั้นทันที

มาสอาภารู้สึกเจ็บแปลบ ราวกับมีดคมกริบเล่มนั้น บาดลงผิวเนื้อเธอจริงๆ ความฝันครั้งล่าสุด ค่อนข้างจะจริงมาก เหมือนไม่ใช่ฝัน

ยิ่งไอเย็นยะเยือกที่ได้รับความรู้สึกต่อเนื่องมาจากฝันเมื่อสักครู่ ทำเอาขนอ่อนทั่วร่างลุกเกรียว หญิงสาวมองไปรอบตัวอย่างหวาดหวั่น กลัวจะมี แขกไม่ได้รับเชิญ ออกมาทักทาย เธอกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะสวดมนต์พึมพำแบบส่งเดช แล้วรีบยกผ้าห่มคลุมโปงทันที

โดยไม่เห็นว่า ร่างสูงของใครบางคนปรากฏขึ้นรางๆ นั่งไขว้ขาเท้าคางบนอาร์มแชร์ตัวเขื่อง เหลือบตามองบนใส่ผู้หญิงบนเตียง พลางถอนหายใจระอา อยู่ในดงกระถางต้นไม้ฟอกอากาศที่ปลายเตียง !

 

เพราะถูกกวนด้วยความฝันเสมือนจริงเมื่อคืน มาสอาภาจึงตื่นสายกว่าทุกวัน

หญิงสาวกะพริบตา ตั้งสติสักครู่ แล้วจึงเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ข้างหัวเตียงมานอนดู ไล่เช็คข้อมูลจากโซเชียลต่างๆ ที่เป็นสมาชิกอยู่ ทั้งเฟซบุ๊ค อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ ก่อนจะนึกได้ว่าความฝันเมื่อคืนน่ากลัวเหลือเกิน พอนึกถึงยังรู้สึกเจ็บข้อมืออยู่นิดหน่อย จึงกดเข้าโปรแกรมกูเกิล ค้นหาความหมายของความฝันนั้น

‘ฝันเห็นคนกรีดข้อมือ หมายความว่า ผู้ฝันกำลังจะมีเคราะห์ใหญ่ คนรักอาจจะนอกใจ ตีตัวออกห่าง การเงินมีวี่แววจะถูกหลอกลวง ชักจูงไปในทางที่ผิด เลขนำโชค 759 845 32 01…’

“ไม่มีอะไรดีสักอย่าง…” มาสอาภาพึมพำ นิ่งคิดสักครู่ ก่อนจะเปิดแอปพลิเคชันธนาคารที่ใช้อยู่ประจำขึ้นมา กดหาช่องรับบริจาคเงินทำบุญ เพื่อสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาตัวเอง ตามรายชื่อมูลนิธิต่างๆ สมัยนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ที่ฝันร้ายต้องตื่นมาตักบาตรตอนเช้า

เธอตื่นไม่ไหวหรอก นอนดึกขนาดนั้น

“ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย” คนเพิ่งทำบุญเสร็จพึมพำเบาๆ ระหว่างนั้นก็โพสต์สลิปทำบุญสามสิบรายการที่โอนบริจาครัวๆ เมื่อสักครู่ลงบนเฟซบุ๊คและอินสตาแกรมส่วนตัว พร้อมกับใส่แฮชแท็กเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ชื่อ ‘เซเลนา วิงก์’ ที่ตัวเองเป็นเจ้าของลงไปด้วย พลางนึกไปถึงผู้หญิงในฝันเมื่อคืน แผ่นหลังบอบบางนั้นดูคุ้นตาเหลือเกิน เธอคนนั้นเจ็บปวดอะไรมา ถึงขนาดต้องจบชีวิตตัวเองแบบนั้นด้วย

คำถามนั้นกวนอารมณ์จนอาบน้ำเสร็จ วันนี้หญิงสาวเลือกแต่งตัวด้วยชุดเดรสสีฟ้าสั้นเหนือเข่า แขนพองๆ ดูน่ารัก ไม่วายโพสต์ท่าถ่ายรูป พร้อมกับถือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมของตัวเองที่หน้ากระจกบานยาว ให้ติดดงต้นไม้ฟอกอากาศ แล้วอัปลงอินสตาแกรมอีกครั้ง

ผู้คนมากมายที่มาสอาภารู้จัก และไม่รู้จัก กดหัวใจส่งให้รูปสลิปทำบุญ และรูปถ่ายของเธอเยอะมาก พร้อมแสดงความคิดเห็น เป็นไปในทางเดียวกันว่าชื่นชม ดูดี สวย ผ่องใส และสนใจผลิตภัณฑ์ที่เธอจำหน่าย

สาวสังคมคนสวยเห็นเรตติ้งแล้วแสนสบายใจ ส่งข้อความกระตุ้นให้แอดมินประจำเพจ ส่งข้อความทักทายลูกค้าผู้สนใจสินค้า ก่อนจะจัดแต่งผมม้าซีทรูของตัวเองให้เป็นทรง แล้วคว้ากระเป๋าสะพายสีขาวใบใหม่มาถือไว้ เดินลงไปชั้นล่างของบ้าน

 

“วันนี้ตื่นสายจังล่ะลูก”

มารดาซึ่งกำลังจัดแต่งแจกันดอกไม้อยู่ที่โต๊ะกลางบ้าน เงยหน้าขึ้นถาม เมื่อเห็นลูกสาวคนสวยกำลังเดินลงบันไดมา

มาสอาภาเดินเข้าไปกอดเอวผู้ให้กำเนิด หอมแก้มคุณอาภาแรงๆ สองที

“เมื่อคืนมาสฝันร้ายค่ะ สะดุ้งตื่นมากลางดึก แล้วกว่าจะนอนหลับได้ก็เกือบเช้ามืดเลย เลยตื่นไม่ทันพี่ดิน มาสว่าจะปรึกษาพี่ดิน เรื่องผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของมาสสักหน่อย”

“ตอนเย็น ค่อยกลับมาคุยกับพี่เขาก็ได้” คนเป็นแม่บอก นิ่งไปนิดแล้วถามกลับ “มาสฝันว่าอะไร เล่าให้แม่ฟังได้ไหมลูก”

“มาสฝันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกรีดข้อมือฆ่าตัวตายค่ะ มัน… เหมือนจริงมากเลยค่ะแม่” มาสอาภาครุ่นคิดถึงความฝัน บริเวณข้อมือยังรู้สึกเจ็บแปลบ จนเหลือบตาลงไปมองนิดหนึ่ง

“โบราณว่าฝันร้ายจะกลายเป็นดีนะคะคุณหนู” ป้าแสง คนรับใช้เก่าแก่ในบ้านที่ยืนอยู่แถวนั้น เอ่ยขึ้นอย่างอดเป็นห่วงเป็นใยคุณหนูของนางไม่ได้ “ขอโทษค่ะคุณผู้หญิง ป้าอดเป็นห่วงคุณหนูไม่ได้จริงๆ”

“ไปจัดหาข้าว หาปลามาให้คุณหนูของป้าก่อนเถอะจ้ะ” คุณผู้หญิงของบ้านครุ่นคิด กับสิ่งที่คนรับใช้พูด ท่านจึงหันมามองหน้าลูกสาวด้วยสายตากังวล “มาสกินข้าวเสร็จ เราไปวัดกันสักหน่อยไหมลูก อย่างน้อยทำสังฆทานสักหน่อยก็ดี”

“มาสโอนเงินทำบุญไปแล้วค่ะเมื่อตอนตื่นนอน” คนเป็นลูกรีบบอก รู้สึกเรื่องราวชักจะไปกันใหญ่ เพราะเธอแค่ฝันร้ายเอง ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นสักหน่อย

“แต่แม่ว่า…”

“แม่คะ เมื่อคืน มาสอาจจะกินเยอะไปก็ได้ อีกอย่างคืนนี้มีงานเลี้ยงรุ่นมหาลัย มาสอาจจะกลับดึกหน่อยนะคะ” หญิงสาวรีบตัดบทด้วยการหอมแก้มมารดาอีกสองที “มาสไปก่อนนะคะ เดี๋ยวต้องไปลองชุดแต่งงานที่ร้านวินด้วยค่ะ เอ้อ… ฝากแม่บอกพี่ดินด้วยนะคะว่าพรุ่งนี้มาสจะขอปรึกษาเรื่องบริษัทด้วย”

“เดี๋ยวสิลูก ยัยมาส ไม่กินข้าวก่อนเหรอ” คุณอาภาส่ายหน้าเบาๆ กับลูกสาวที่รีบวิ่งเร็วจี๋สตาร์ทรถตัวเองขับออกจากบ้านไปแล้ว

“เอาไว้อุ่นกินเถอะจ้ะ คุณหนูของป้าหนีไปโน่นแล้ว” คุณผู้หญิงบอกคนรับใช้เก่าแก่ด้วยน้ำเสียงระอาใจ บอกไม่ถูกว่าทำไมรู้สึกโหวงในอกแปลกๆ ก่อนจะเลิกคิด แล้วก้มหน้าลงจัดดอกไม้ใส่แจกันต่อ

 

มาสอาภาเป็นคนขับรถเร็ว ประกอบกับ บีเอ็มดับบลิว เอ็กซ์สาม สีน้ำเงินเข้ม ซึ่งรถคันนี้เธอซื้อด้วยกำไรก้อนแรกจากการขายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมของตัวเอง หญิงสาวเลือกรถเอนกประสงค์สัญชาติเยอรมัน เพราะมีสมรรถนะสูง และยังมีระบบความปลอดภัยดีเยี่ยม จึงไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่เวลาเหยียบคันเร่งเร็วตามใจ ทว่าสิ่งที่ทำให้เป็นกังวลและกวนใจในตอนนี้ คือความฝันนั่นต่างหาก สลัดอย่างไรก็ไม่หลุดไปจากสมองสักที

เธอกำลังจะมีเคราะห์จริงๆ หรือ ?

จะโดนหักหลังจริงๆ หรือ ?

จะโดนคนรักนอกใจหรือ ?

แหม… มันจะไม่มีอะไรดีสักอย่างเลยจริงๆ หรือ ?

หญิงสาวหัวเราะ ขณะครุ่นคิดถึงเรื่องการตีความหมายความฝันของตัวเอง คิดเพลินจนขับรถมาถึงร้านยอดชีวิน เวดดิง สตูดิโอ ซึ่งเป็นร้านตัดและเช่าชุดวิวาห์

มือบางดันประตูกระจกเปิดเข้าไปด้านใน อากาศข้างนอกค่อนข้างอบอ้าว มาสอาภาจึงใช้มือโบก-ลมไปมาสักครู่ แต่ร้อนแค่ครู่เดียว ไอเย็นที่ไม่รู้มาจากไหน ล้อมรอบตัวเธอไว้

มาสอาภารู้สึกสบายตัวขึ้น ดวงตากลมกวาดมองไปรอบร้าน ชุดแต่งงานถูกจัดแต่งไว้หน้าตู้กระจกดูสวยงาม ช่วงนี้ชีวินเลือกตกแต่งร้านในธีมสีพาสเทล ชุดเจ้าสาวสีชมพูหวาน กับสีฟ้าหวาน ถูกนำไปโชว์ด้านหน้า นับว่าไอเดียแปลกและแตกต่าง เธอจดจำ พร้อมกับตั้งใจว่าจะนำไปใช้กับสินค้าในบริษัทของตัวเองบ้าง

“มาแล้วเหรอมาส” ชีวิน เจ้าของร้านยอดชีวิน ซึ่งรับตัด เช่า ชุดวิวาห์ เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของหญิงสาวเอ่ยทักทาย

คนถูกทักหันไปพยักหน้าให้กับชายหนุ่มหน้าคมคาย เก๋ไก๋ เพราะลักยิ้มบุ๋มที่แก้มสองข้าง ผมยาวตรงถูกมัดรวบไว้หลวมๆ รูปร่างสูงเพรียว ที่ยืนอยู่หน้าตู้กระจกอีกด้าน

“ชุดแต่งงานสีชมพู น่ารักจังเลยนะวิน”

“มาสอยากได้ชุดแต่งงานสีขาวไม่ใช่เหรอ” ชีวินขำ เพราะเพื่อนสาวตัวดี เป็นคนแบบนี้เสมอ… แม้จะตั้งใจว่าตัวเองชอบอะไรแน่วแน่ แต่พอเจออะไรที่เหมือนจะดีกว่า เข้ากับตัวเองมากกว่า ก็อยากจะเปลี่ยนใจเสียดื้อๆ

“ก็ใช่… แหม แค่ชม ไม่ได้แปลว่าอยากเปลี่ยนสีสักหน่อย”

คนขี้เบื่อบ่นอุบ พลางชะเง้อมองหา “วินบอกมาสว่าตัดชุดให้มาสเป็นพิเศษไม่ใช่เหรอ อยู่ไหนล่ะ มาสอยากเห็นจะแย่แล้ว”

ชีวินอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “พอเห็นแล้ว ห้ามกรี๊ดอยากให้เราย้อมชุดเป็นสีชมพูนะ”

มาสอาภากัดริมฝีปากที่ถูกเพื่อนล้อเลียน มองหน้าเขาด้วยความปลาบปลื้มใจที่ชีวินเป็นเพื่อนคนเดียวที่คบกับเธอมานานที่สุด

“ขอบใจมากนะวิน”

“ขอบใจเราเรื่องอะไร”

จู่ๆ น้ำตาก็รื้นคลอดวงตาขึ้นมา ในชีวิตของมาสอาภา มีแค่คนสำคัญไม่กี่คนเท่านั้นที่เธอสนใจ “ขอบใจที่เป็นเพื่อนมาส ขอบใจที่วินดูแลมาสมาตลอด วินเป็นคนดีที่สุดเลย”

คนดีที่สุดอมยิ้มละมุนละไม “เราว่า เรามากกว่านะที่ต้องขอบใจมาส เพราะถ้าไม่มีมาส ทุกวันนี้คงจะไม่มีร้านยอดชีวิน เวดดิง สตูดิโอ แน่นอน”

มือบางเอื้อมไปจับมือเพื่อนรักไว้แน่น “มาสรู้ว่าวินทำได้ มาสเชื่อในฝีมือวิน เอาล่ะ… เรามาดูชุดแต่งงานกันเถอะ อยากเห็นจะแย่แล้ว”

ชีวินจึงเลื่อนหุ่นโครงเหล็กสวมชุดวิวาห์สีขาวบริสุทธิ์ออกมาปรากฏให้เห็น ว่าที่เจ้าสาวถึงกับยิ้มกว้าง น้ำตารื้นคลอด้วยความตื้นตัน เพราะชุดวิวาห์ชุดนี้ ตรงตามแบบที่ใจต้องการ คือเน้นความเรียบง่าย แต่ดูดี น่าค้นหา ด้วยการแหวกช่วงอกลงมาเป็นตัววีลึก ประดับด้วยลูกไม้ลวดลายแปลกตาอย่างละเมียดละไมตลอดแนว ส่วนช่วงเอวลงมา ชีวินเลือกใช้ผ้าไหมมันเงาแบบเรียบๆ และมีชายกระโปรงยาว

มาสอาภาพอใจมาก รีบขอเข้าไปลอง แล้วพบว่ามันพอดีตัว สวยงาม และเหมาะกับรูปร่างของเธอเหลือเกิน

ชีวินมองว่าที่เจ้าสาวด้วยสายตาชื่นชม รู้สึกยินดีกับเพื่อนรักที่จะได้แต่งงานกับผู้ชายที่ดูเหมาะสมกันอย่างภาณุรุจ

“มาสชอบมากเลยวิน” พูดพลางหมุนตัวไปมาหน้ากระจกบานใหญ่ “ดูดี เหมาะกับมาสจริงๆ แต่มาสรู้สึกเหมือนเคยเห็น…”

เจ้าของร้านควบตำแหน่งเพื่อนรัก พยักหน้าเบาๆ “ใช่ มันคือแบบชุดที่มาสชอบที่สุด ตอนที่เราเจอกันครั้งแรกไง แต่เราเอามาแก้ไข ปรับปรุงแบบนิดหน่อย เพื่อให้มันทันสมัยขึ้น”

หญิงสาวนึกถึงวันที่เจอชีวินกำลังโดนเพื่อนนักเรียนรุมทำร้าย เพียงแค่เพราะเขาชอบเก็บตัว ชอบวาดรูปแบบเสื้อผ้าต่างๆ เพื่อนผู้ชายคนอื่นจึงรวมหัวกันบอยคอต กล่าวหาว่าชีวินเป็นเพศที่สาม เป็นลูกแหง่ เป็นสารพัดอย่างที่ไม่ดี แต่เธอเองนี่แหละ ที่ออกโรงกางแขนปกป้องชีวิน พร้อมกับประกาศว่าชีวิน คือดีไซเนอร์ประจำตัวของเธอ ไม่ว่าใครก็ห้ามแตะต้องเขา

“มาสคิดยังไง ถึงกล้าเอาตัวไปขวางช่วยวินไว้” มาสอาภาพึมพำเบาๆ ตลกตัวเองในตอนนั้นที่สุด เพราะถือตัวว่าเป็นคนฐานะดี บิดามารดาสนิทสนมกลมเกลียวกับเจ้าของโรงเรียน และยังเป็นผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ มันจึงทำให้เธอ ‘กล้า’ ที่จะปกป้องเพื่อนคนนี้

มาสอาภาเคยมองหน้าผู้ชายผมยาวตรงหน้าด้วยสายตาพิจารณาหลายต่อหลายครั้ง แม้ว่าบางครั้งสายตาที่อีกฝ่ายมองเธอ มันเหมือนกับชายหนุ่มที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก แต่แล้วมาสอาภาก็บอกตัวเองว่า คงไม่ใช่ เธอคงคิดไปเอง แต่มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้คิดอะไรพิเศษลึกซึ้งกับเขามากเกินกว่าคำว่าเพื่อนเลย

เพราะเหตุนี้ ทั้งสองจึงรักษาความสัมพันธ์กันมาได้ยาวนานนับสิบปี



Don`t copy text!