เจาะเวลาหานายฮ้อย บทที่ 1 : ระทึกขวัญวันออกค่าย

เจาะเวลาหานายฮ้อย บทที่ 1 : ระทึกขวัญวันออกค่าย

โดย : นาคเหรา

Loading

เจาะเวลาหานายฮ้อย นวนิยายโรแมนติกคอมเมดี้ อารมณ์ดีเรื่องล่าสุดจากปลายปากกาของ นาคเหรา นักเขียนรางวัลชนะเลิศจากโครงการช่องวันอ่านเอา เรื่องราวของพลอยจำปาที่ย้อนเวลากลับมาตามหานายฮ้อยคนเก่ง ผู้คุมฝูงควายจำนวนมหาศาลเดินทางไปสู่เมืองใหญ่ เมื่อเขาหายตัวไป เรื่องอลวนวุ่นวายจะเกิดขึ้น เธอจะทำให้สำเร็จไหม ไปลุ้นกันเลยตอนนี้

“พลอย ฉันว่าเธออย่าคิดมากเลยน่า ลุงเอกคงเห็นแล้วละว่าเธอทำได้”

เสียงของเด็กสาวอายุราว 18 ปี เอามือตบบ่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน ในระหว่างนั่งรถของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่เพิ่งเสร็จจากการออกค่ายในจังหวัดอุดรธานี คนที่ถูกพูดปลอบพ่นลมออกมาจากจมูกราวกับจะผ่อนเอาเรื่องหนักใจออกมาด้วย พลอยหรือพลอยจำปาก็พยายามที่จะไม่คิดเรื่องรายงานที่อาจารย์สั่ง แต่รายงานที่ได้หัวข้อมามันก็ยากสำหรับเธอจริงๆ

ทำรายงานเดี่ยวมาสามครั้งนี่มันออกจะเกินไป ที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรหรอก แต่เพราะในภาควิชาที่เธอเรียนมีนักศึกษาจำนวนคี่ เมื่อมีการจับกลุ่มทีไร เธอก็ได้อยู่คนเดียวทุกที เจ้าของใบหน้ารูปไข่นั้นมีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก เธอคิดถึงเรื่องรายงานจนปวดหัว จนกระทั่งเพื่อนรักที่ชื่อมยุรีก็พูดขึ้นมาอีกว่า

“จริงๆ นะพลอย ถ้าอาจารย์ไม่มั่นใจคงไม่กล้าให้พลอยทำคนเดียวหรอก” แต่พลอยจำปากลับทำหน้าเซ็งๆ เจ้าของดวงตาคู่โตมองมายังเพื่อนรักเพียงครู่ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นๆ

“ทำรายงานคนเดียวมาสามครั้งเนี่ยนะ นี่นกยูงถ้าเธอไม่แกล้งพูดชมฉัน ฉันจะขอบใจเธอมากกว่านี้พันครั้ง…ลุงเอกน่ะ เล่นให้ฉันทำงานเดี่ยวมาสามครั้งแล้ว มันเหนื่อยนะ ทีคนอื่นน่ะได้ทำด้วยกันเธอเองก็ได้ทำรายงานกับวรุณ แล้วฉันก็ทำคนเดียวทุกที รู้สึกว่าฉันเนี่ยจะเป็นนักโทษคดีถูกขังเดี่ยวตลอดปี” เธอพูดเสียยืดยาวพลางเอามือเสยผมที่ปรกหน้าออกก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกรอบ

“ก็เธอไปเถียงอาจารย์วรรณพรทำไมล่ะ เธอก็รู้นี่ลุงเอกน่ะกำลังปิ๊งๆ กันอยู่ อยู่ดีไม่ว่าดี ขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ คิดเหรอว่าอาจารย์จะไม่พูดไม่คุยกัน” มยุรีเอ่ย

คำพูดนั้นยิ่งทำให้พลอยจำปาไม่ชอบใจหนักขึ้น เพราะคิดว่าเพื่อนไม่เข้าข้าง สุดที่จะทนเธอจึงพูดออกมาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวกว่าปกติ

“แต่ฉันก็ไม่ได้เถียงนะ ก็แค่ถามเกี่ยวกับพงศาวดาร แต่อาจารย์ก็งอนๆ บอกว่าเธอจะเชื่อหนังสือเล่มไหนก็ตามใจเธอ!”

พลอยจำปาทำเสียงเลียนแบบอาจารย์  ถ้าเป็นเวลาปกติมยุรีคงหัวเราะ เพราะขำท่าทางของเพื่อนสนิท แต่เวลานี้สมควรยิ่งที่เธอจะต้องตีสีหน้าเคร่งขรึมเข้าไว้เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ดวงตาคู่นั้นมองหน้าเพื่อนสาวนิ่งๆ เหมือนรอเหตุผลสนับสนุน แต่แล้วทั้งคู่ก็ไม่ได้สนทนากันต่อเพราะว่ามีคนเดินมาหาเด็กสาวหันไปมองวิวหน้าต่างรถทันที เพราะไม่อยากให้ผู้มาใหม่มาร่วมหัวข้อถกเถียงด้วย

“คุยอะไรกันน่ะ นกยูง ยายพลอยน่ะหน้ายุ่งเหมือนถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเลย”

คนถูกเรียกชื่อเหลือบมองชายหนุ่มเพียงครู่และทิ้งร่องรอยไม่ไยดีไว้ในแววตา เพราะเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว วรุณกำลังนินทาเธอในระยะเผาขน

“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่คุยเรื่องรายงานของลุงเอกน่ะ พลอยเขาเซ็งๆ ที่ต้องทำงานคนเดียว”

“โอ๊ย เธอจะบ่นทำไมพลอย ทำคนเดียวก็ได้ A+ อยู่แล้ว จำวิชาโบราณคดีเบื้องต้นได้ไหม รายงานตั้งร้อยกว่าหน้าเอสี่ไม่รวมคำนำกับหนังสืออ้างอิงอีก มนุษย์ที่ไหนเขาทำได้กัน เออ…นี่ว่าแต่เธอจะทำเรื่องอะไรเหรอ พลอย”

วรุณเอ่ยถามในขณะที่พลอยจำปาส่ายหน้าไปมา และตอบออกไปด้วยสีหน้าเซ็งๆ เหมือนเดิมว่า

“ยังไม่รู้เลย ดีหน่อยที่อาจารย์ให้เลือกทำเรื่องอะไรก็ได้ ที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมของภาคอีสาน เมื่อวานฉันเห็นรูปเก่าๆ เกี่ยวกับคนสมัยก่อน หรือไม่ก็คงทำเกี่ยวกับวัฒนธรรมพื้นถิ่น หรือไม่ก็เรื่องหมอลำ ร่างทรง ผีฟ้าอะไรประมาณนี้ ตอนนี้ก็คิดไว้คร่าวๆ แล้ว” พลอยจำปาพูดพลางเอามือรวบผมข้างหน้าที่กำลังจะแหย่ตาอยู่รอมร่อ ด้วยหนังยางที่เพิ่งเก็บได้ในกระเป๋าเสื้อ

ฝ่ายวรุณก็ยิ้มน้อยๆ เฝ้าคิดคนเดียวในใจว่าที่จริงถ้าไม่ดูหน้าตาของพลอยจำปา เพื่อนเขาคนนี้นิสัยเหมือนเด็กหนุ่มมากกว่าเด็กสาว เพราะเธอตัดผมสั้นระต้นคอกับสไตล์การแต่งตัวที่ออกแนวแมนๆ มากกว่าสวย นี่ไม่รวมความสามารถด้านอื่นที่เธอเหนือกว่าผู้ชายบางคน แม้แต่เขาบางทีก็ต้องระวังตัว เพราะพลอยจำปาเป็นนักเทควันโดของมหาวิทยาลัย

แถมตอนแข่งกีฬามหาวิทยาลัยโลกยังได้เหรียญเงินเสียอีก

วรุณคิดในใจว่าช่างเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่น่ากลัวชะมัด แม้ดูภายนอกพลอยจำปาจะเป็นเด็กสาวตัวเล็ก ผิวขาวๆ มันช่างขัดกับสายดำและฝีไม้ลายมือของเธอมาก ตัวเขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่กล้ามีเรื่องกับเธอไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ อย่างไรก็ตามแม้เธอจะมีความสามารถด้านกีฬามาก แต่เรื่องเรียนพลอยจำปาก็ไม่ได้ด้อย เพราะในชั้นปีของเขาเธอเป็นคนที่เรียนเก่งที่สุดแล้ว

แต่พลอยจำปาก็เป็นคนที่ไม่ยอมเชื่ออะไรง่ายๆ แม้แต่ตำราที่เขียนไว้มากมาย เธอชอบอ่านและค้นหาคำตอบ แม้กระทั่งการโต้เถียงกับอาจารย์ในบางครั้งก็ตาม ชายหนุ่มหันมาหามยุรีที่นั่งมองพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว

“เห็นไหม ฉันบอกเธอแล้วนกยูง ที่ลุงเอกไม่ให้ยายพลอยเข้ากลุ่มกับเรา เพราะกลัวเรากินแรงยายพลอยไง อีกอย่างบางทีลุงเอกอาจจะกลัวพวกเราสบายไป เพราะยังไงถ้าใครได้พลอยไปอยู่ด้วยไม่ต้องทำอะไร”

“งั้นฉันทำคนเดียวก็ได้ ไม่อยากหักขาคนขี้เกียจ”

“โอ๊ย ต่อให้สู้กันจริงๆ ฉันก็สู้เธอไม่ได้หรอก ถึงฉันจะเคยต่อยมวยวัดมา แต่นักกีฬา อบต.อย่าไปหวังว่าจะสู้นักกีฬาเหรียญเงินงานกีฬามหาวิทยาลัยโลกเลย แล้วนี่เธอไม่คิดอยากไปคัดทีมชาติเหรอพลอย”

“ก็เคยคิดอยู่นะ แต่ฉันไม่อยากย้ายที่เรียน ที่นี่อากาศดี ถ้าฉันอยากอยู่กรุงเทพคงไม่เลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยต่างจังหวัดหรอก ฉันชอบชีวิตสงบๆ น่ะ…”

ยังไม่ทันที่เด็กสาวจะได้พูดอะไรต่อ ก็มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นบนรถที่ทุกคนนั่งมา ร่างของชายหนุ่มไหววูบ มยุรีเผลอจับมือเพื่อนชายไว้แน่น ก่อนจะมองมาพลอยจำปาแบบตื่นๆ แต่เธอเองไม่ได้พูดอะไร เสียงเอะอะดังขึ้นพร้อมกับความโกลาหล

“เฮ้ย…รถเป็นอะไร”

“ทำไม มันวิ่งไม่เหมือนเดิมวะ”

“วรุณ…พลอย!! ฉันกลัว”

“เฮ้ย! รถตกถนนแล้ว!”

เสียงนักศึกษาชายคนหนึ่งตะโกนเสียงดังก้อง จนนักศึกษาที่อยู่ในรถต้องมองสิ่งที่เกิดในตอนนี้ด้วยความขวัญเสีย วรุณพยายามจับมือเพื่อนทั้งสองไว้ แต่เขาก็คว้าได้แค่ข้อมือของมยุรีได้เท่านั้น ด้านพลอยจำปาก็มองสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวแล้วภาพในอดีตก็ตามมาหลอกหลอนเธออีกครา

ราวกับฝันร้ายในวันที่ฝนตกหนักตามมาหลอกหลอน เธอถูกเพื่อนหลายคนรังแก ถูกตีด้วยของแข็งจนหัวแตก แต่ที่น่าสมเพชกว่านั้นคือไม่มีใครเอาผิดเพื่อนๆ ที่เกเรพวกนั้นได้ นั่นเป็นครั้งแรกที่พลอยจำปาตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เข้มแข็ง แต่แม้ว่าจะเข้มแข็งยังไง เธอก็ไม่มีวันที่จะลืมเรื่องวันนั้นได้อย่างสนิทใจ และยิ่งในวันที่เธอรู้สึกกลัวมากที่สุด ภาพในเหตุการณ์นั้นก็จะกลับมาอีกครั้ง

ใช่…ตอนนี้เธอกำลังกลัวสุดขีด ด้วยสัญชาตญาณที่จะเอาตัวรอด หญิงสาวพยายามหาที่ยึดเกาะไว้

แต่แล้วรถก็เหมือนกับจะเสียหลักเพราะมันไม่ได้วิ่งในทางที่มันควรจะวิ่ง ร่างของพลอยจำปาไหววูบ เพราะน้ำหนักตัวของเพื่อนทั้งสองทิ้งลงมาที่เธอ หัวก็ไปชนกับกระจกจนมึนไปหมด พอลุกขึ้นจะมองว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ร่างของมยุรีก็เซมาทับเธออีกรอบ ทั้งๆ ที่เพิ่งจะเงยหน้าขึ้นมาได้ กลับไปกระแทกจุดเดิมอีกจนคราวนี้กลับมึนยิ่งกว่าเก่า

“พลอย…วรุณ ฉันกลัว…รถเป็นอะไร”

“นกยูง ไม่เป็นไรนะ เธอจับรถไว้แน่นๆ”

“พลอย เธออย่าปล่อยมือฉันนะ”

“ฉัน…” ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรอีก มือข้างหนึ่งของวรุณฉุดแขนมยุรีไว้ แต่เสียงผู้หญิงที่นั่งข้างหลังกรีดร้องด้วยความตกใจ

“กรี๊ด!!”

นั่นคือเสียงสุดท้ายที่เธอได้ยิน พลอยจำปาได้แต่ลืมตามอง แต่สิ่งที่เธอเห็นคือเงาของใครบางคนตรงเข้ามาหาเธอ เด็กสาวคนนั้นมีดวงตากลมโตสีดำสนิท ภาพรอบตัวที่วุ่นวายและโกลาหลนั้นกลับกลายเป็นภาพของทุ่งหญ้ากว้าง มีดอกไม้ลอยไปในอากาศราวความฝัน พลอยจำปามองเห็นตัวเองกำลังเดินจูงมือกับเด็กสาวคนหนึ่งที่เธอไม่รู้จักมาก่อน

“นี่เธอกำลังจะพาฉันไปไหน”

ไม่มีคำตอบจากคนที่จับจูงเธอไป ไม่มีเสียงโกลาหลของรถที่กำลังจะตกถนน แต่เธอได้ยินเสียงของคนร้องไห้มากมาย จนกระทั่งบรรยากาศมืดมิดและเหลือเพียงความว่างเปล่า…ไม่มีใครรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้…

“คิดว่าฝันไปนะ…คิดว่าเฮาสองคนแลกความฝันกันเด้อ”

เด็กสาวคนนั้นเอ่ย

 



Don`t copy text!