อลวนคนธรรพ์ บทที่ 1 : คนใจบุญ

อลวนคนธรรพ์ บทที่ 1 : คนใจบุญ

โดย : ตรี อภิรุม

Loading

อลวนคนธรรพ์  จินตนิยายสุดสนุกเรื่องล่าสุดของ ตรี อภิรุม นวนิยายที่จะทำให้คุณตระหนักถึงบาปบุญคุณโทษ และสนุกสนานไปกับจินตนาการอันสุดแสนตระการตา ได้จบลงอย่างสมบูรณ์แล้ว แต่คุณตาตรีใจดี มอบไว้คุณผู้อ่านได้อ่านกัน 5 บท ซึ่งหากใครติดใจและอยากซื้อเก็บเป็นเล่ม สั่งซื้อกันง่ายๆ เพียงแจ้งชื่อหนังสือที่ต้องการทางกล่องข้อความของแฟนเพจ > m.me/read.groove.publishing  และหากต้องการซื้อเป็น e-book ก็ คลิก ที่นี่ ได้เลย

 

*************************

– 1 –

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่

คุณหญิงยุพาพรจับตามองลูกสาวคนสวย มณทินีกำลังจัดแจกันกุหลาบแย้ม

“พ่อเริงเขาชอบนุ้ย ลูกจะว่ายังไงจ๊ะ?”

“ไม่ไหวแล้วล่ะค่ะคุณแม่ เริงธวัชอ่อนกว่านุ้ยตั้งสามปี”

มารดาถอนใจน้อยๆ มณทินีวัยสามสิบห้า  ยังสาวสวยพริ้งแลดูอ่อนกว่าอายุจริงสักเจ็ดหรือแปดปี ท่านมีบุตรธิดาสามคน มณทินีเป็นทายาทคนโต

“สมัยนี้เขาไม่ถือกันหรอกจ้ะ ความแก่หรืออ่อนอายุเป็นเพียงตัวเลข จำได้ไหม เมื่อหก-เจ็ดเดือนก่อน นุ้ยไปเดินเล่นห้างดิสเคาน์ สโตร์ พวกแมวมองทาบทามให้เข้าประกวดนางงาม”

“นุ้ยชอบชีวิตโสด สะดวกสบายทุกอย่างค่ะ เราไม่เป็นเจ้าของใคร และก็ไม่พร้อมจะให้ใครเป็นเจ้าของเราด้วย”

นี่มิใช่ครั้งแรกที่คุณหญิงยุพาพรพูดเชิงแนะนำให้มณทินีแต่งงาน หากนับเป็นสิบครั้ง บุตรสาวผัดผ่อนเรื่อยมา มีข้ออ้างสารพัดเฉพาะแต่ละบุคคล ไม่ค่อยจะซ้ำแบบเท่าใด

วาจาอันเป็นสูตรสำเร็จก็คือ…

“เรื่องคู่ครองละเอียดอ่อนค่ะ เมื่อถึงเวลาก็จะมาเอง”

คุณธณพบิดาเสียอีก ไม่เคยเร่งรัดหล่อน มองลูกสาวด้วยความเข้าใจโลกและชีวิต

ครอบครัวมณทินีเป็นมหาเศรษฐี อันดับต้นๆ ของประเทศ เป็นเจ้าของบริษัท โรงงาน โรงแรม ขยายสาขาเครือข่าย ตามจังหวัดหัวเมืองใหญ่

บรรพบุรุษของคุณธณพเป็นชาวจีนอพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร อาศัยความขยันหมั่นเพียรบุกเบิก กล้าได้กล้าเสีย รักลูกน้อง กิจการค้าขายจึงเจริญขึ้นตามลำดับ

ส่วนคุณหญิงยุพาพรสืบเชื้อสายขุนนางเก่า มารดาของท่านเป็นหม่อมราชวงศ์

มณทินีจบโทบริหารธุรกิจจากต่างประเทศ ไม่ได้ช่วยเหลือธุรกิจครอบครัวเท่าใดนัก เพราะคุณธณพวางแผนงานไว้ลงตัวหมด ส่งญาติหรือลูกน้องไปคุมเครือข่ายสำคัญ

“นุ้ยอยากจะเปิดศูนย์อาหารราคาถูกค่ะ”

สองสามีภรรยาวัยทองตาปริบๆ คุณธณพสงวนท่าทีสงบเฉย ปล่อยให้คุณหญิงยุพาพรนำร่อง

“ราคาถูกแค่ไหนจ๊ะ?”

“จานหรือชามละสิบบาท บริการน้ำดื่มฟรี” สาวสวยแจ้งรายละเอียด “ยุคไอเอ็มเอฟ.คนยากจน ตกงานเยอะแยะ เราขายกึ่งช่วยเหลือเขาถือเป็นการกุศลค่ะ”

“อันที่จริง เรากันกำไรไว้ส่วนหนึ่ง ก่อตั้งมูลนิธิสงเคราะห์เด็กที่ด้อยโอกาส มันก็น่าจะเพียงพอแล้วนะจ๊ะ”

“ไหนๆ เราก็พร้อมจะบริจาคเพื่อสังคมอยู่แล้ว นุ้ยขอแบ่งเงินสักเล็กน้อย กระทำการตรงนี้ให้ซึมถึงรากหญ้าเลยทีเดียว คุณพ่อคุณแม่คงจะไม่ขัดข้องใช่ไหมคะ?”

คุณหญิงยุพาพรชำเลืองไปทางสามีอาวุโสเชิงขอความคิดเห็น เขาพยักหน้าเนิบ

“ตกลง”

“สถานที่เปิดศูนย์อาหาร ลูกกำหนดไว้แล้วหรือยังจ๊ะ?”

มณทินีนิ่งตรึกตรองชั่วประเดี๋ยว

“ที่ว่างในกรุงเทพฯ ตลอดจนตามชานเมือง คุณแม่ซื้อสะสมไว้ตั้งหลายแปลง นุ้ยขอบริจาคสักแปลงนึง เปิดเป็นปฐมนิทัศน์แห่งแรก ถ้ามันไม่ขาดทุนมากนัก ก็จะสร้างขึ้นอีกหลายแห่งในกรุงเทพฯ รองรับคนจนที่ทิ้งภูมิลำเนา บ่ายหน้ามาหางานทำ”

มารดาตามใจลูกสาว ถือเป็นการตอบแทนสังคม ที่ช่วยให้ธุรกิจเติบใหญ่รากฐานมั่นคง ทำนองน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ลดช่องว่างระหว่างคนยากจนกับคนรวย

สตรีสาวผู้เลอโฉมเสียเวลากับการควบคุมการก่อสร้าง ออกแบบแปลนโรงอาหารโล่ง โอเพ่นแอร์  สร้างสถานสุขาไว้ด้านหลังสุด

ให้พวกพ่อค้าแม่ค้าเช่าแผงราคาถูก แต่มีเงื่อนไขให้ขายจานหรือชามละสิบบาท เริ่มขายตั้งแต่กลางวันจนถึงบ่ายเย็น

ตนเองนำร่องแห่งแรก ลงทุนขายก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง

เพื่อนฝูงไฮโซรู้ข่าวตบอกผาง

“ต๊ายตาย นุ้ยคลุกคลีกับพวกรากหญ้า ไม่กลัวเสียภาพพจน์หรือจ๊ะ?”

“ไม่กลัวจ้ะ ฉันถือว่าความเป็นมนุษย์ของคนเราเท่าเทียมกัน ถ้าพวกเขาประสบชะตากรรมจนถึงขั้นอยู่ไม่ได้ พวกเราก็อยู่ไม่ได้ด้วยจ้ะ เกิดเป็นคนเมื่อมีโอกาสต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน”

“แหม, แม่นักอุดมคติ” เพื่อนสาวรายที่สองป้องปากหัวร่อคิก

“อีกหน่อยพวกสื่อคงจะมาสัมภาษณ์เธอ เป็นข่าวดังระเบิด แม่พระรายใหม่ผู้สวยพริ้ง”

“ฉันจะหลบอยู่หลังฉาก ปล่อยให้คุณแม่รับหน้าแทน อ้างว่าเป็นโครงการของท่านเอง”

“นุ้ยเปลี่ยนแปลงยังกะเป็นคนละคน ไม่เหมือนเมื่อตอนที่เธอกลับจากอเมริกาใหม่ๆ”

รายที่สามตั้งข้อกังขา

“มักจะหลบเลี่ยง ไม่ค่อยออกงานสังคม ยกเว้นเฉพาะรายที่ไม่อาจปฏิเสธ”

มณทินีคลี่ยิ้มหวานละมุน คำถามของเพื่อนที่ช่างสังเกต ตรงประเด็นเผง

ใช่แล้ว…เบื่อสังคมคุณหญิงคุณนาย ประหนึ่งว่าสวมหน้ากากเข้าหากัน ทุกคนต่างยิ้มแย้มโอ้อวด คุยกันถึงความสำเร็จในรูปต่างๆ พยายามจะเป็นดวงตะวันที่ไม่มีโอกาสตกดิน ผิดธรรมชาติมนุษย์ บางงานโปรโมทเครื่องเพชร ยี่ห้อดังติดอันดับโลก มางานโชว์นาฬิการาคาขั้นต่ำหนึ่งแสน  แสดงแฟชั่นชุดแต่งกายแบรนด์เนมจากต่างประเทศ ฯลฯ บรรยากาศเช่นนี้ คนละโลกกับผู้ที่ยากไร้อนาถา

“เคยผ่านมาแยะแล้วจ้ะ เปลี่ยนบทบาทเสียบ้าง ฉันอยากจะใช้ชีวิตทุกรูปแบบ ถ้ามันไม่ทำให้เสื่อมเสียถึงชาติสกุล”

อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมบางอย่างที่กระทำก่อนนอนแทบทุกคืน นอนไม่ยอมแพร่งพรายแก่เพื่อนฝูง

เก้าโมงเช้า มณทินีป้วนเปี้ยนในครัว เชิงคุมลูกจ้างปรุงอาหารราคาถูก ซึ่งตนเตรียมจะขายที่ฟู้ดเวิร์ล

“ออกมาคุยกับแม่ข้างนอกซิจ๊ะ นุ้ย”

สาวสวยเดินตามหลังคุณหญิงยุพาพร สถานที่พักนั้นอยู่คฤหาสน์ชานเมือง อาณาบริเวณถึงสิบไร่ ปลูกไม้ยืนต้นผสมผสานกับไม้ดอกร่มรื่น

สองแม่ลูกนั่งเก้าอี้ชุดสนาม ภายใต้เงาของคฤหาสน์ สีหน้าของมารดาราบเรียบเก็บซ่อนความรู้สึก เมื่อเอ่ยถาม

“นุ้ยไปขายก๋วยเตี๋ยวหลอดกลับบ้านค่ำทุกวัน จะขายไปอีกนานสักเท่าไหร่จ๊ะ”

“จนกว่าพ่อค้าหรือแม่ค้าจะมาติดต่อขอเช่าแผงที่นุ้ยขายประจำค่ะ”

“ลูกเคยว่าจะกลับบ้านบ่ายหรือเย็น แต่นี่ประมาณสามทุ่ม ฐานะอย่างเราไม่จำเป็นต้องไปลุยลำบากลำบน เสียภาพลักษณ์ด้วย”

“ถือว่าเป็นการเสี่ยงท้าทายแบบหนึ่งค่ะ เราหย่อนประชาสัมพันธ์ อาศัยการโฆษณาจากปากต่อปาก อาหารที่ศูนย์ขายดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ช้าหรอก พอยกไปตั้งพรึบเดียวเกลี้ยง”

คุณหญิงยุพาพรทบทวนอดีต มณทินีใจบุญสุนทานตั้งแต่เด็ก

สมัยเมื่ออายุสิบขวบ เคยถูกสุนัขจรจัดกัดน่องไม่ยักร้องไห้คร่ำครวญ เยี่ยงเด็กสติแตก เธอสั่งลูกจ้างจับสุนัขขังกรงเลี้ยงดู เพื่อพิสูจน์ว่ามันเป็นบ้าหรือไม่ ผลลัพธ์หมาเถื่อนไม่ตายกลับอ้วนท้วน

มันถูกปล่อยออกจากกรงกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของมณทินีจนกระทั่งแก่หง่อมตายเอง

จุดแห่งการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เกิดจากท่านพามณทินีไปวัด ฟังพระปฏิบัติสายพระอาจารย์มั่นเทศน์ การทำสมาธิอานาปานสติ ลูกสาวเกิดความเลื่อมใสแน่นแฟ้น

ดัดแปลงศาลาพักร้อนในสวนด้านหลังคฤหาสน์เป็นห้องฝึกสมาธิ ไม่ติดแอร์คอนดิชั่น  อาศัยลมเย็นตามธรรมชาติ

สมาชิกครอบครัวตลอดจนพวกลูกจ้าง รู้ว่าแทบทุกคืนทายาทคนโตแห่งสกุลจะฝึกสมาธิประมาณหนึ่งถึงสามชั่วโมงก่อนนอน

“แม่เชื่อตามที่หนูอธิบายจ้ะ ขายก๋วยเตี๋ยวหลอดช่วยสังคม ลดช่องว่างระหว่างคนจนคนรวย แต่ว่ามันไม่เป็นโล้เป็นพายนะจ๊ะ ลูกจะเสียเวลาอยู่ที่ตรงนี้แรมเดือนแรมปีไม่เหมาะ งานด้านบริหารทั้งบริษัทและโรงแรมรออยู่ ถ้านุ้ยเข้าไปคุม เช่นเดียวกับพวกลูกหลานสกุลดังอื่นๆ ที่สืบทอดงานบรรพบุรุษ พ่อแม่จะได้โล่งอก”

“เบื่อค่ะ ต้องเล่นละครตลอดเวลา ไม่เป็นตัวของตัวเอง”

อ่อนอกอ่อนใจนัก มารดาสิ้นความพยายามเกลี้ยกล่อม

“ตามใจเถอะ แม่หวังว่านุ้ยจะเบื่อขายก๋วยเตี๋ยวหลอดสักวันหนึ่ง”

วันนั้นสิบโมงเศษ สาวใช้ขนอาหารใส่รถแวน นั่งข้าง มณทินีขับยานพาหนะคันหรูออกจากคฤหาสน์

คุณหญิงยุพาพรเกิดความคิดบางอย่าง ท่านโทรศัพท์ถึงใครคนหนึ่งลับเฉพาะ

ครู่ใหญ่ รถแวนก็จอดริมทางใกล้ถนนเมน ลูกจ้างช่วยหล่อนยกสินค้าเข้าฟู้ดเวิร์ล เปิดเตาแก๊สไฟวงในนึ่งเส้นก๋วยเตี๋ยวให้อุ่นนิ่มเสมอ

ลูกค้าที่ติดใจรสชาติรออยู่แล้วกลุ่มย่อย น้ำปรุงที่ราดบนเส้นก๋วยเตี๋ยวกับถั่วงอกต้มนั้น แม่ค้ากิตติมศักดิ์จำมาจากรายการโทรทัศน์ มีส่วนผสมของเต้าหู้หั่นเหลี่ยมลูกเต๋าจิ๋ว ไก่ต้ม กุ้งสดสับละเอียด

ต้นทุนตกจานละสิบแปดบาท แต่หล่อนขายแค่สิบบาท ฉะนั้น จึงไม่ต้องสงสัยว่า จะไม่ขายดิบขายดี เหนือกว่าแผงอื่นๆทั้งหมด

มณทินีตักปรุงมือเป็นระวิง กลุ่มชาวบ้านผู้ยากจนมะรุมมะตุ้ม

“สองถุงจ้ะหนู”

หญิงแก่ผู้เสียงแหบเครือ

“อาหารที่ฟู้ดเวิร์ลไม่มีใส่ถุงค่ะ ยายต้องซื้อทานที่นี่ หรือไม่ก็หาหม้อหูหิ้วส่วนตัวมาใส่เอาไปบ้าน”

แม่เฒ่าบ่นอุบอิบว่าผิดหวัง ยอมซื้อหนึ่งจานขอเส้นกับถั่วงอกเยอะๆ

เด็กชายผอมโซเสื้อกางเกงดำสกปรก กะลิ้มกะเหลี่ย แลบลิ้นเลียริมฝีปากแผล็บ เอ่ยเสียงกระซิบ

“พี่ฮะ ห้าบาทจานเล็ก”

ผู้ฟังสังเวชจับขั้วหัวใจ คาดว่าเป็นเด็กจรจัดหนีมาจากครอบครัวบ้านแตก

ตักบริการมากกว่าจานอื่น เมื่อยื่นให้รับเงิน หล่อนก็กระซิบสั่ง

“ถ้ายังไม่อิ่มน้องยกนิ้วชี้ขึ้น ฉันจะตักไปเพิ่มฟรี”

“ขอบคุณฮะ”

สาวสวยชายหางตาจับเด็กจรจัด

นั่นปะไร!

เขากินก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่องมูมมามราวกับอดอาหารสักสองวัน เสร็จแล้วยกนิ้วชี้กระดกขึ้น แสดงว่าต้องการอีก

มณทินีตักจานที่สอง  มากเป็นพิเศษเช่นเคย ลงทุนบริการเอง โดยยกไปเสิร์ฟที่โต๊ะในสุด พร้อมด้วยธนบัตรจำนวนหนึ่ง

“นี่จ้ะ เงินทอนของน้อง”

เด็กอนาถาจ้องธนบัตรเก้าสิบบาทที่วางบนโต๊ะตาปริบๆ กลืนน้ำลายเอื๊อก ยิ้มกะเรี่ยกะราด

“ผม…เอ้อ…”

“ก็น้องให้แบงก์ร้อย ลืมแล้วหรือจ๊ะ?”

“เอ้อ…ใช่ก็ใช่ฮะ”

จอมแก่นวัยสิบเอ็ดขวบรีบเก็บเงินพับ ยัดใส่กระเป๋ากางเกง

“น้องนอนที่ไหนจ๊ะ?”

“ศาลาพักรถเมล์ตอนดึกบ้าง สวนสาธารณะบ้าง แต่ผมไม่ชอบนอนบนสะพานลอยปนกับพวกขอทาน มันประเจิดประเจ้อ”

“ทำไมน้องไม่อยู่บ้านเรียนหนังสือ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองในอนาคต”

คนที่กำลังจะตักอาหารเข้าปากชะงักกึก นัยน์ตาวาว ฉายความโกรธผสมความเครียดเคียดแค้นแสนสาหัส

“ผมเกลียดบ้าน ไอ้พ่อเลี้ยงขี้เหล้าคอยรังแก คอยเตะผม แม่ก็หลงผัวหนุ่ม”

เท่านั้นเอง มณทินีก็คิดว่าตนเข้าใจปัญหาชีวิตคู่สนทนาระดับทะลุปรุโปร่ง คลี่ยิ้มหวานละมุน

“พรุ่งนี้กลางวันน้องอย่าลืมมาทานก๋วยเตี๋ยวอีกนะ”

เด็กพเนจรนิ่งคิดชั่วเสี้ยวนาที

“ครับผม”

หล่อนกลับไปประจำแผง

บางช่วงลูกค้าว่างเว้น บางช่วงก็รายล้อมคนโน้นสั่ง คนนี้สั่ง แทบว่าจะตักไม่ทัน อากาศร้อนเหงื่อซึม แต่สนุกท้าทายไม่เบื่อ เสียงหนึ่งห้าวทุ้มชวนฟังสอดแทรก

“พิเศษครับ”

สาวสวยชำเลืองชม้ายไปทางผู้พูด เกือบสะดุ้ง

เริงธวัช ลูกชายเพื่อนคุณแม่นั่นเอง เขาค้อมศีรษะหรู อมยิ้ม สายตากรุ้มกริ่ม

วันนี้คุณหญิงยุพาพรโทร.ติดต่อเขา แจ้งข้อมูลว่าธิดาคนโตขายก๋วยเตี๋ยวหลอดที่ฟู้ดเวิร์ล ขอให้ช่วยอุดหนุน และหากจะทำให้กระดากอายก็จะดีไม่น้อย

ฝ่ายที่เพิ่งเงยหน้าขึ้น ไม่มีปฏิกิริยาจนนิดเดียว กล่าวเสียงนุ่มนวลไพเราะ

“ราคาสิบบาทตายตัว มาตรฐานเดียวค่ะ”

“งั้นผมจานนึง”

“โปรดรอตามคิว นั่งรอที่โต๊ะจะสะดวกกว่าค่ะ”

ชายหนุ่มไม่ทำตามคำแนะนำ ยืนเกะกะในกลุ่มคนยากไร้ เหมือนจะอวดชุดแต่งกายโก้ เสื้อเชิ้ตรีดเรียบกลีบโง้ง

“ใครจะเชื่อว่าคุณนุ้ยลูกสาวมหาเศรษฐีมีงานจ๊อบขายก๋วยเตี๋ยวหลอด เอาไหมผมจะช่วยเป็นลูกมือ”

ร้อนผิวแก้มวูบวาบ เชิดคางนิดหนึ่ง หล่อนพูดเต็มเสียง

“คุณเริงถือสิทธิ์อะไรวิพากษ์วิจารณ์นุ้ย กรุณานั่งรอ หรือไม่ก็สละสิทธิ์ไปทานร้านอื่น ฟู้ดเวิร์ลต้อนรับเฉพาะบุคคลที่ต่างระดับกับคุณ หรือพื้นฐานสังคม”

เอากับแม่ซิ คารมคมคายนัก แต่ถึงอย่างไรเขาก็ชื่นชอบ ไม่ถือว่าหล่อนอายุมากกว่ารุ่นพี่สาว ไม่ยอมถอยฉาก หากทำตามคำแนะนำ

ระหว่างที่รอคอย เริงธวัชฆ่าเวลาด้วยการโทร.มือถือคุยกับเพื่อนร่วมบริษัท

ในที่สุด มณทินีก็สั่งให้สาวใช้ยกจานอาหารมาตั้งโต๊ะ ปฏิบัติต่อเขาเทียบเท่าลูกค้ารายอื่น ต่อข้อถามเรื่องเครื่องดื่ม ลูกจ้างตอบแทนนายสาว

“ที่นี่ราคาประหยัด เรามีแต่น้ำดื่มจากตู้แช่เย็น ต้องช่วยตัวเองค่ะ” พร้อมกันก็แบมือ “ขอเงินค่าก๋วยเตี๋ยวหลอด”

“เดี๋ยวฉันจะจ่ายคุณนุ้ย”

“ธรรมเนียมของศูนย์ จ่ายก่อนกิน”

แม่สาวใช้รายนี้แสบพอๆ กับนายจ้างสาวไฮโซ เขาล้วงกระเป๋าหยิบแบงก์ยี่สิบยื่น

“ไม่ต้องทอน”

หล่อนหายไปชั่วอึดใจก็กลับมา วางเหรียญสิบแปะบนโต๊ะ

“ค่าอาหารที่ศูนย์ไม่แถมค่าทิปค่ะ”

เริงธวัชรับประทานอาหารอร่อย ท่ามกลางผู้คนที่แต่งกายมอมแมม สมมุติว่ามีน้ำครำโชยกลิ่น  ก็คงจะเหมือนดงสลัม ขณะนั้นมณทินีพักอิริยาบถ

“รสชาติยอดเยี่ยม คุณนุ้ยขายสามสิบก็ยังถูก ผมขอเสนอตัว ตอนเย็นหรือค่ำจะช่วยคุณขนย้ายภาชนะกลับ”

“ขอบคุณ อย่าเสียเวลาลำบากลำบนเลยค่ะ สิ่งของที่เป็นภาระยุ่งยาก เช่น ถังแก๊ส เราจะทิ้งไว้ที่นี่แหละ มีรปภ.คอยดูแล เฝ้าตลอดคืน”

ฝ่ายตรงข้ามกลับไป ขับรถเก๋งอิมพอร์ตรุ่นล่าสุด

มณทินีโทร.มือถือถึงประธานมูลนิธิสงเคราะห์เด็กด้อยโอกาส เจรจาความสอง-สามประโยค

O         O         O         O

คืนนั้น ลูกสาวคุณหญิงยุพาพรเคลื่อนร่างลงจากคฤหาสน์ พื้นที่ด้านหลังสวนร่มรื่น ลมพัดเย็นสบายคลายร้อน แตกต่างกับพื้นที่ส่วนอื่นของกรุงเทพฯ เรามักจะเรียกว่า… ป่าคอนกรีต

ศาลากะทัดรัดปลูกท้ายสวนใกล้กำแพงด้านหลังระยะห้าสิบเมตร  ปลูกพรรณไม้ดอก ไม้ประดับรายล้อม

หล่อนผ่านเข้าประตูลูกกรงที่กั้นศาลารูปหกเหลี่ยม ใส่กลอนเข้าห้องเล็ก เปิดไฟตัดแสงสลัว

ก่อนอื่นสวดมนต์ กราบสามครั้ง  นั่งสมาธิ หงายฝ่ามือวางบนตัก ขวาทับซ้าย ปลายนิ้วโป้งจดกัน

กำหนดอานาปานสติ หรือลมหายใจเข้าออก จุดโฟกัสอยู่ที่ปีกจมูกซ้าย สูดลมหายใจลึกถึงสะดือ สวดในความคิดว่า “พุท” เมื่อระบายลมหายใจออกยาวเหยียด นึกสวดว่า “โธ”

พยายามดับความนิวรณ์ต่างๆ มิให้จิตใจเฉไฉนอกเรื่อง แม้กระนั้นก็ไม่วายวอกแวก

ทางมโนทวารปรากฏภาพเด็กจรจัดกำลังกินก๋วยเตี๋ยวหลอดมูมมาม

“เรื่องของโลกผ่านไปแล้ว ฉันช่วยแก้ปัญหา ทุกอย่างจะลงตัว”

เมื่อดับนิวรณ์สำเร็จ ความสงบสบายเกิดขึ้น เนื้อตัวของมณทินีเบาโหวง ลมหายใจแผ่วระรวย

มโนภาพอันดับสองโผล่ เริงธวัชใช้วาจากระแนะกระแหนหล่อนที่ฟู้ดเซ็นเตอร์ ทำนองฉีกหน้าต่อธารกำนัล

“เขาหวังดีตะหาก ไม่ร้ายกาจรุนแรง ทำไมเราจะต้องโกรธ”

ใช้ความเพียรสูง อาศัยการฝึกที่ช่ำชอง ในไม่ช้าจิตก็สงบนิ่งเกิดความปีติหาที่เปรียบมิได้ เหนือกว่าความสุขที่เกิดจากความโลภและหลง

แว่วเสียงดนตรีเสนาะโสตไพเราะเพราะพริ้งอย่างที่ไม่เคยได้ยินเมื่อก่อน

มณทินีพยายามจะหยุด แต่หยุดไม่สำเร็จ

ใช่แต่เท่านั้น ภาพปรากฏรางเลือนราวๆ ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ขบวนนางระบำแต่งชุดแพรพลิ้วสีม่วงชมพู จินตลีลาอ่อนช้อยสวยงาม

“ไหนๆ ก็หนีไม่พ้น เราอยากจะเห็นชัดเจน

ภาพอุทยานถูกซูมเข้ามาใกล้ตัว”

ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง ปราศจากฝูงนางระบำและดนตรีทิพย์!

 



Don`t copy text!