พนมนาคา บทที่ 2 : คำทำนายทายทัก

พนมนาคา บทที่ 2 : คำทำนายทายทัก

โดย : พงศกร

Loading

พนมนาคา นวนิยายลึกลับเรื่องล่าสุดของ พงศกร เมื่อ ‘เอเชีย’ Medical illustrator รับงานวาดภาพประกอบตำราทางการแพทย์เกี่ยวกับโรคผิวหนังประหลาดที่มองคล้ายเกล็ดงู ทำให้เธอต้องไปพัวพันกับตำนานอันลึกลับของหมู่บ้านที่ผู้คนยังบูชาพญานาค เธอจะได้กลับออกมาไหม ตามไปลุ้นกันที่ anowl.co เว็บไซต์ที่มีนิยายสนุกๆ ให้คุณได้อ่านออนไลน์

****************************

–  2 –

“อ้าว กระเป๋าล่ะครับ ไม่ได้เอามาด้วยเหรอ” เดินมาจนถึงรถ พุ่มข้าวบิณฑ์จึงเพิ่งเห็นว่าเธอเดินมามือเปล่า

“โหลดมาค่ะ แต่ยังมาไม่ถึง มีปัญหานิดหน่อย” เอเชียตอบด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย “ฉันแจ้งสายการบินแล้วละ เดี๋ยวคงจะตามให้จนเจอ”

“คงเพราะต่อเครื่องนั่นละ เขาอาจคิดว่าปลายทางคุณอยู่ที่เมืองไทย กระเป๋าเลยค้างอยู่ที่กรุงเทพ” เขาสันนิษฐานก่อนจะเปิดประตูขึ้นนั่งหลังพวงมาลัย โดยไม่สนว่าเอเชียจะยังคงยืนอยู่ข้างรถตรงที่เดิม

เอ้า ขึ้นรถสิคุณ” เขาเลิกคิ้ว ขณะที่เอเชียทำท่าชี้ให้เขาดูว่าเธอขึ้นมานั่งไม่ได้ เพราะประตูข้างคนขับยังล็อเอาไว้

“อ้อๆ ผมลืมไป ขอโทษที” พุ่มข้าวบิณฑ์พยักหน้าหงึก ก่อนจะชะโงกกายไปปลดล็อประตูให้หญิงสาวจากแดนไกล

“ขอบใจนะหนูพุก” เอเชียพึมพำอย่างเสียมิได้ ออกจะไม่คุ้นชินกับนิสัยดิบๆ ของอีกฝ่าย นิสัยของพุ่มข้าวบิณฑ์แตกต่างกับเพกาลิบลับ

“อะไรนะ” พุ่มข้าวบิณฑ์กะพริบตาถี่ๆ “คุณเรียกผมว่าหนูพุกหรอ”

ให้ตายเถิด…ผู้หญิงคนนี้เรียกเขาว่า หนูพุก!

“อ้าว” เอเชียงง “ก็คุณชื่อหนูพุกไม่ใช่หรือ”

“ใช่” พุ่มข้าวบิณฑ์คำรามเสียงแผ่วต่ำในลำคอ “แต่ชื่อนี้เฉพาะสำหรับคนในครอบครัวเรียกเท่านั้น”

Who’s care? ใครสนใจกัน…ไม่เรียกก็ได้ เอาจริงๆ แล้ว ฉันก็ไม่ได้อยากเรียกคุณว่าหนูพุกสักหน่อย” เอเชียยักไหล่ ไม่เรียกก็ได้ คนอะไรตัวโตอย่างกับยักษ์แต่ดันชื่อหนูพุก ฟังดูน่ารักแตกต่างจากตัวจริงลิบลับ

“อยากแวะไปซื้อของใช้ที่จำเป็นก่อนไหม” พุ่มข้าวบิณฑ์เปลี่ยนเรื่อง เขาเอ่ยถามเอเชียขณะเลี้ยวรถออกจากสนามบิน “เผื่อว่าสองสามวันนี้ กระเป๋าของคุณยังไม่ส่งมา”

“ดีเหมือนกัน” เอเชียพยักหน้า…ค่อยยังชั่วหน่อย ยังมีแก่ใจจะถามไถ่ นึกว่าจะซื่อบื้อเป็นหุ่นยนต

ถ้างั้นผมพาคุณไปแวะซื้อของที่ตลาดก่อน แล้วค่อยไปโรงแรม” เขาว่า “คุณแลกเงินมาหรือยัง”

“แลกมานิดหน่อยค่ะ” เอเชียพึมพำตอบ

“ที่นี่ใช้เงินดอลลาร์ได้” เขาบอก “แต่ถ้าใช้เงินเรียลซึ่งเป็นสกุลเงินของกัมพูชา จะได้เรตดีกว่า”

“ที่แลกมา…น่าจะพอใช้ได้หลายวันเลย” เอเชียนึกคำนวณในใจ “จริงสิ เวลาไปตลาด ฉันต้องพูดภาษาอะไรคะ...ไทย อังกฤษ หรือฝรั่งเศส”

กัมพูชาเคยเป็นเมืองอาณานิคมของฝรั่งเศสอยู่นาน ได้รับการวางรากฐานการศึกษาและการสาธารณสุขเอาไว้เป็นอย่างดี

“คนที่นี่พูดได้หลายภาษา ส่วนใหญ่พูดไทยได้” พุ่มข้าวบิณฑ์บอกด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “ถ้าเป็นข้าราชการ หรือคนมีอายุหน่อย ก็พูดฝรั่งเศสได้อีกภาษา…คุณลพูดฝรั่งเศสได้ไหม”

“ได้สิ” เอเชียไม่อยากอวดว่าภาษาฝรั่งเศสสำเนียงราวกับนักการทูตของเธอ เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ได้รับเลือกเข้าทำงานที่ The MET

“แต่พูดไทยดีกว่า” พุ่มข้าวบิณฑ์แนะนำ “พูดฝรั่งเศสอาจจะโดนโก่งราคาได้”

“โอเค” เอเชียพยักหน้า “เรื่องเงิน ฉันคงไม่ได้ใช้สักเท่าไรหรอก ประเดี๋ยวพอเข้าหมู่บ้านไปทำงาน คงไม่ค่อยได้ซื้ออะไรแล้วละ”

จริงสิ ที่จะไป ชื่อหมู่บ้านอะไรนะคุณพิ้งค์บอกผมมาหนหนึ่งแล้ว แต่ผมจำไม่ได้” พุ่มข้าวบิณฑ์หมายถึงเพกาพี่สาวของเขา

“พนมนาคา” เอเชียเอ่ยชื่อหมู่บ้านซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของหล่อน

“พนมนาคา…” พุ่มข้าวบิณฑ์พึมพำก่อนจะนิ่งไปนาน

คุณเคยไปที่นั่นไหมคะ” เอเชียถาม สังเกตเหนท่าทางของชายหนุ่มผิดปกติไปนิดหนึ่ง หัวคิ้วหนาของเขาขมวดมุ่น รอยยิ้มบนดวงหน้าคมสันเลือนหายไป

“ไม่เคยครับ พนมนาคายังเป็นพื้นที่มีปัญหา” เขาเอ่ยอย่างระมัดระวัง “ถ้าไม่จำเป็น ก็ไม่มีใครอยากเดินทางไปแถวนั้นสักเท่าไร”

พื้นที่มีปัญหา” เอเชียขมวดคิ้ว เรื่องนี้ไม่เห็นใครในทีมจะบอกให้เธอรู้เลยหมายความว่ายังไงคะ”

“คือยังงี้…พนมนาคาเป็นหมู่บ้านตะเข็บชายแดนเล็กๆ อยู่ใต้แนวผาของทิวเขาพนมดงรัก ฝั่งไทยนี่ตรงกับจังหวัดสุรินทร์ ด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์ ทางเข้าหมู่บ้าน เข้าได้จากทางกัมพูชาทางเดียวเท่านั้น เข้ามาจากทางฝั่งไทยไม่ได้”

ชายหนุ่มเล่าละเอียดจนเอเชียนึกเห็นภาพ

“ทีนี้ ความที่เป็นพื้นที่บริเวณะเข็บชายแดน เลยมีปัญหาว่าที่จริงแล้วเป็นดินแดนของใครกันแน่…ไทยยึดเอาจากสันปันน้ำ ก็บอกว่าเป็นของไทย ส่วนกัมพูชายึดเอาจากแผนที่เก่าสมัยฝรั่งเศสทำเอาไว้ ก็บอกว่าพนมนาคาเป็นของกัมพูชา พิพาทกันมาหลายปีแต่ยังไม่ได้ข้อสรุป ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมกัน ตอนนี้ทั้งสองประเทศเลยตกลงว่า ให้พนมนาคาเป็นพื้นที่สีเทา ยังไม่ตัดสินชี้ชัดว่าเป็นของใครกันแน่ รอจนกว่าศาลโลกจะตัดสินชี้ขาดอีกที

“แต่คนที่นั่นพูดเขมร” เอชียพอมีข้อมูลจากอกเตอร์เบเนดิกต์อยู่บ้าง

“คนไทยแถวสุรินทร์ บุรีรัมย์ก็พูดเขมร…เราเอาภาษามาตัดสินอย่างเดียวไม่ได้หรอก พุ่มข้าวบิณฑ์แย้งจะว่าไปแล้วชาวบ้านอยู่ของเขากันมาแบบนี้นานนักหนา ตั้งแต่ก่อนจะมีรัฐชาติเสียอีก พอมีประเทศก็มาขีดเส้นแบ่ง ก็กลายมาเป็นประชาชนคนละประเทศ ทั้งที่จริงก็เป็นพี่น้อง เผ่าพันธุ์เดียวกันทั้งนั้น”

“แล้วไปที่นั่น…จะมีอันตรายไหมคะ” เอเชียเริ่มกังวล

“ผมก็บอกไม่ได้หรอก” พุ่มข้าวบิณฑ์ตอบตามตรง ครั้นพอเห็นอีกฝ่ายมีสีหนาเคร่งเครียด เขาเลยเสริมขึ้นว่า

คุณก็ทำตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำก็แล้วกัน” พุ่มข้าวบิณฑ์พูดง่ายๆ ตามประสาของเขา “ทีมงานของคุณน่าจะติดต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลมาล่วงหน้าแล้วไม่ใช่หรือ รัฐบาลกัมพูชาน่าจะมีข้อกำหนดและคำแนะนำหลายอย่าง

“ค่ะ หัวหน้าของฉันติดต่อมาล่วงหน้าแล้ว” เอเชียพยักหน้า เธอรู้เท่านั้นจริงๆ อกเตอร์เบเนดิกต์ไม่ได้บอกรายละเอียดอื่นๆ ให้คนในทีมรู้

“ในทีมยังมีแพทย์มาด้วยอีกสองคน หนึ่งในนั้นเคยทำงานแพทย์ไร้พรมแดนอยู่แถวนี้มาก่อน เขาคงจะช่วยอะไรเราได้มากทีเดียว

ตอนอยู่ในสนามบิน ระหว่างรอคิวที่จุดตรวจคนเข้าเมือง เอเชียลองเช็อีเมจากมือถือว่ามีอะไรสำคัญหรือไม่ ก็ปรากฏว่ามีอีเมจากอกเตอร์เบเนดิกต์ฉบับหนึ่ง ส่งรายละเอียดเรื่องการเดินทางต่างๆ มาให้ทุกคนในทีมอ่าน

นอกจากทีมที่รู้อยู่แล้วว่ามีใครบ้าง เอเชียเห็นมีรายชื่อใหม่เพิ่มขึ้นมาสองคน คืออกเตอร์เพียร์สันและอกเตอร์เอลเลน

รายแรกเคยเป็นหมอ ทำงานให้กับองค์กรแพทย์ไร้พรมแดนองค์กรหนึ่งอยู่ที่ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ส่วนรายหลังเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคผิวหนังจากมหาวิทยาลัยชื่อดังที่อกเตอร์เบเนดิกต์เชิญให้มาร่วมงานด้วย ทั้งสองจะเดินทางมาพร้อมกับทีมใหญ่สัปดาห์หน้า

“งั้นก็ไม่มีอะไรต้องกังวล” ชายหนุ่มสรุป “เจ้าหน้าที่ห้าม ไม่ให้เดินไปตรงไหนคุณก็อย่าเดินไปตรงนั้น เพราะที่พนมนาคายังมีกับระเบิดอยู่เยอะมาก ทำตามคำแนะนำ อย่าแตกแถว เป็นดีที่สุด

“อืม” เอเชียพยักหน้า หากในใจเริ่มเป็นกังวล

สงครามกลางเมืองเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ทำให้กัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีกับระเบิดซึ่งยังไม่ได้เก็บกู้อยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ซึ่งเคยเป็นสมรภูมิสู้รบรวมถึงเมืองชายแดน เอเชียรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว

เขาเพิ่งสังเกตว่าท่าทางของเอเชียดูกังวล พุ่มข้าวบิณฑ์จึงเลือกที่จะไม่พูดอะไรอีก

เขาไม่เคยเจอเอเชีย ตอนที่เอเชียเข้ามาทำงานที่ The MET เขาก็มาอยู่กัมพูชาแล้ว พี่สาวของเขาส่งรูปหญิงสาวคนนั้นมาให้ทางเฟซบุ๊ก และไม่ได้สั่งอะไรมากไปกว่าให้ช่วยดูแลเอเชีย จนกว่าเธอจะเดินทางไปพนมนาคาพร้อมกับทีมงานจาก The MET ที่จะตามมาในสัปดาห์ถัดไป ระหว่างนี้ก็ช่วยพาชมเมือง พากินอาหารอร่อยๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา

เพราะตั้งแต่ตัดสินใจมาทำงานอยู่ที่เสียมเรียบเมื่อสองปีก่อน นอกจากงานหลักในพิพิธภัณฑ์แล้ว พุ่มข้าวบิณฑ์มีหน้าที่รับรองแขกที่เดินทางมาท่องเที่ยวแทบจะทุกสัปดาห์

บรรดาผู้คนที่เขาต้องรับรองดูแล มีทั้งแขกของเจ้านาย เพื่อนฝูงของเขา ญาติพี่น้อง ไปจนถึงแขกที่เพื่อนของเพื่อนฝากมาให้ช่วยดูแล เขาพาคนเดินชมนครวัด นครธม รวมถึงปราสาทต่างๆ ในเมืองพระนคร จำได้แทบจะทุกตารางนิ้ว

เอเชียก็เป็นหนึ่งในแขกที่เพกาฝากให้ช่วยดูแล พอทีมใหญ่ของเอเชียเดินทางมาถึง…หลังจากนั้นเขาและเธอคงไม่ได้พบกันอีก

ก่อนจะแวะเข้าตลาด พุ่มข้าวบิณฑ์ตัดสินใจเลี้ยวรถ พาเอเชียลอดผ่านอุโมงค์ต้นไม้ขนาดใหญ่ มุ่งหน้าสู่ศาสนสถานเล็กๆที่ตั้งอยู่กลางเมือง เป็นวิหารที่มีลักษณะคล้ายกับศาลหลักเมือง

ตะเคียนทองสูงใหญ่ สานใบเข้าหากัน เกิดเป็นอุโมงค์ธรรมชาติอันน่าทึ่ง แต่ที่น่าทึ่งกว่านั้น คือสิ่งมีชีวิตสีเทาดำตัวใหญ่น้อย ที่ห้อยหัวลงมาจากกิ่งก้านใบของต้นไม้สูง

“ค้างคาว”

แทนที่เอเชียจะถามว่าเขาพาหล่อนมาที่ไหน ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้าง จ้องมองค้าวคาวแม่ไก่ตัวอ้วน ที่ห้อยหัวลงมาจากอุโมงค์ต้นไม้อันร่มครึ้มด้วยความตื่นเต้น

นักท่องเที่ยวที่ได้มาเห็น ตื่นตาตื่นใจกันทุกคนครับ พวกมันอยู่กันเป็นร้อยๆตัว…ไม่กลัวแสงสว่างด้วยนะ” พุ่มข้าวบิณฑ์กวาดสายตามองตามหญิงสาว “ว่ากันว่า พวกมันมาเฝ้าศาลแห่งนี้”

“ศาล” เอเชียเพิ่งนึกขึ้นได้ เธอหันมาทางศาสนสถานตรงหน้า ก่อนจะหันกลับมาทางชายหนุ่มด้วยสายตาสงสัย

“เปรี๊ยะอองเจ๊ะ เปรี๊ยะอองจอม”

พุ่มข้าวบิณฑ์ออกชื่อของศาลแห่งนั้นเป็นภาษาขแมร์คล่องแคล่ว

“ภาษาไทยเรียกว่าพระเจ้าเจ็ก กับพระเจ้าจอม…บางคนก็ออกเสียงว่าพระเจ้าเจตน์ พระเจ้าจอม…ไหนๆ คุณก็มาถึงที่นี่แล้ว ผมว่าควรจะมากราบขอพรท่านเสียหน่อย เปรี๊ยะอองเจ๊ะและเปรี๊ยะอองจอม เปนพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเสียมเรียบ มีตำนานเกี่ยวข้องหลายกระแสเหลือเกิน บ้างก็ว่าเดิมพระทั้งสององค์นี้ประดิษฐานอยู่ที่ระเบียงนครวัด สันนิษฐานว่าผู้สร้างคือพระธิดาของพระเจ้าสุริยวรมันที่2

“พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2” เอเชียพึมพำพระนามนั้น “ชื่อคุ้นมาก”

“พระองค์คือคนสร้างนครวัดไงคุณ” พุ่มข้าวบิณฑ์เล่า พร้อมกับเดินนำหน้าหญิงสาวเข้าไปในบริเวณศาสนสถานตรงหน้าอย่างรวดเร็ว  

เอเชียเดินตามหลังเขาไปติดๆ เธอรับดอกบัวที่ชายหนุ่มยื่นให้แล้วเดินเข้าไปทรุดกายลงนั่งตรงหน้าพระพุทธรูปยืน ศิลปะสมัยขอมสององค์ ก่อนจะก้มลงกราบด้วยความศรัทธา

พุ่มข้าวบิณฑ์แอบมองหญิงสาวร่างสูงโปร่งด้วยความประหลาดใจ ไม่นึกว่าคนที่เกิดและเติบโตอยู่ในอเมริกา จะกราบพระได้สวยแบบนี้

แต่จะว่าไป เพกากับเขาก็กราบพระ สวดมนต พูดภาษาไทยได้ชัดเจนเช่นกัน แสดงว่าพ่อแม่ของเอเชียก็ต้องเลี้ยงลูกสาวมาในแบบเดียวกับครอบครัวของเขา นั่นคือ ไม่ให้ลืมรากเหง้าของความเป็นไทย

กราบพระเสร็จเรียบร้อย เขากำลังจะชวนเธอถ่ายรูปเช็อิน ส่งกลับไปให้เพกาดู เพื่อรายงานว่ามาถึงเสียมเรียบเรียบร้อยแล้ว เจ้านายของเขาก็โทรศัพท์เข้ามาพอดี วันนี้เป็นวันหยุดของเขา การที่เจ้านายโทร.หา หมายความว่าต้องมีเรื่องด่วน

เขาหันมาหาเอเชีย เห็นหญิงสาวพยักหน้าให้อย่างเข้าใจ พุ่มข้าวบิณฑ์เลยเดินเลี่ยงไปสนทนาทางด้านนอกศาล เพื่อไม่ให้เสียงรบกวนนักท่องเที่ยวและชาวเมืองที่มาสักการะขอพรพระ

เอเชียมองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มไปอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก เธอเดินไปรอบๆศาลเพื่อชมลวดลายศิลปะเขมรอันแปลกตา จังหวะที่เดินอ้อมไปถึงด้านหลังนั่นเอง ที่ใครคนหนึ่งสะกิดแขนของหล่อนเบาๆ และเอเชียก็สะดุ้งด้วยความตกใจ

แม่หนู…”

เป็นแม่ชีคนหนึ่ง เอเชียไม่ทันสังเกตว่าแม่ชีสูงวัยผู้นี้โผล่มาจากไหน

เธอหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมา เตรียมหยิบเงินส่งให้ เพราะนึกว่าแม่ชีคงจะมาขอเงิน หากหญิงสูงวัยผู้นั้นกลับมีท่าทางไม่พอใจ และพูดกับเธอเป็นภาษาไทยชัดเจน

“ฉันไม่ใช่ขอทาน”

“แล้วแม่ชีสะกิดหนูทำไมคะ” เอเชียเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ

กลับไปซะ” แม่ชีพึมพำ ดวงตาสีดำสนิทของผู้สูงวัยจ้องมองมาแน่วนิ่ง

“อะไรนะคะ” เอเชียขมวดคิ้ว แม่ชีคนนี้พูดอะไรแปลกๆ

“กลับไปซะ” แม่ชียังยืนยันคำเดิม

“กลับไปไหน ยังไงคะ หนูไม่เข้าใจ” เอเชียส่ายหน้า

“กลับไปที่ที่เธอจากมา…ที่ที่แม่หนูกำลังจะไป มีอันตรายรออยู่ อันตรายร้ายแรงถึงชีวิต” เสียงของแม่ชีแผ่วต่ำในลำคอ “ถ้าขืนยังดื้อดึง แม่หนูอาจจะไม่ได้กลับไปจากที่นี่อีกเลย…”

ขุมขนบนเรือนกายของเอเชียลุกชัน เธอไม่เคยหวั่นไหวกับอะไรง่ายๆ หากทว่าคำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของแม่ชี กลับทำให้หญิงสาวประหวั่น…

“แม่ชีช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมคะ มันหมายความว่าอย่างไร…”

เอเชียกำลังเอ่ยถามแม่ชีผู้นั้น เป็นจังหวะเดียวกับที่พุ่มข้าวบิณพ์เดินตามหาเธอจนพบพอดี

“เอเชีย นั่นคุณคุยกับใคร”

เอเชียหันไปหาเขา และพบว่าหัวคิ้วเรียวยาวของชายหนุ่มกำลังขมวดมุ่นด้วยความประหลาดใจ

“พูดคนเดียวก็ได้ด้วยเหรอ”

“พูดคนเดียวที่ไหนกัน ฉันกำลังคุยกับแม่ชีต่างหาก จริงไหมคะแม่ชี…” เอเชียหันกลับไปทางที่เธอกำลังสนทนากับแม่ชีสูงวัยอยู่

“เอ๊ะ”

เอเชียอุทาน…หัวใจของหญิงสาวกระตุกแรง เมื่อพบว่าตรงจุดที่แม่ชีผู้นั้นยืนอยู่…บัดนี้มีแต่ความว่างเปล่า

ราวกับแม่ชีผู้นั้น สลายกลายเป็นอากาศธาตุไปแล้ว!



Don`t copy text!